วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 106 ซักถาม(3)

           ป้าสามสั่นสะท้านไปทั้งร่าง  รีบพุ่งตัวเข้ามาตะคอกด่าเสียงลั่น “ท่าน..มันหญิงชั้นต่ำ ใจบาปหยาบช้า อำมหิตยิ่งนัก  คิดลอบกัดญาติพี่น้อง  แม้แต่หลานในไส้ยังเอาไปขายได้  พอเห็นคนเขามีเงินมีทองขึ้นมา  ก็รีบเข้ามาคลุกคลีตีโมง  หวังอยากได้ส่วนแบ่งด้วย  ซ้ำก่อนหน้าก่อเรื่องเน่าเหม็น  เสร็จแล้วก็ล้มไม่เป็นท่า  จนไม่กล้าเอ่ยถึง!  ช่างเก่งกาจทำแต่เรื่องไร้คุณธรรมนักคนอย่างท่าน  ยามตายไป คงไม่พ้น  ต้องโดนลงโทษดึงลิ้นอยู่ในขุมนรกชั่วกัลป์ชั่วกัลป์  ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกต่อไป   ไอ้ความพยายามผลักดันให้บุตรชายเป็นขุนนาง  เพื่อที่ตัวเองจะได้เลื่อนขั้นเป็นเหล่าไท่ไท่ (สุภาพสตรีอาวุโสที่สูงศักดิ์) คงต้องเป็นหมันแล้ว  เพราะว่าสวรรค์ย่อมมีตา  ชาตินี้..อย่าได้คิดเลยว่า  จะสมหวัง!”

                  คนทั้งสองต่างยืนตะโกนด่าทอกันอย่างสาดเสียเทเสีย  เหลียนฟางโจวกับเหลียนฟางฉิง  ร้องห้ามด้วยความตระหนก  รีบเข้าไปดึงตัวป้าสามออกมา  ส่วนเหลียนลี่ ตัวเขาเองได้แต่ยืนเด่นเป็นสง่า  คล้ายว่าตนเองเป็นคนอื่น  ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใด  ไม่คิดจะเข้าไปแยกภรรยาตัวเองออกมา 
                  เหลียนฟางโจวแอบขยิบตาเป็นสัญญาณให้เหลียนฟางฉิง   ด้านหนึ่งคอยพร่ำปลอบให้ป้าสามใจเย็นๆ   ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ถ่วงเวลาโดยยืนเอาตัวล้อมฮูหยินเฉียวไว้
                  ป้าสามยามนี้บ้าเลือดไปแล้ว ฉวยโอกาสลงมืออย่างรวดเร็ว  ตรงเข้าไปจิกข่วนใบหน้าฮูหยินเฉียวจนได้เลือด  ซ้ำยังกระชากผมนางจนยุ่งเหยิง  ป้าสามยามนี้คุ้มคลั่งไปแล้ว  ย่อมไม่เลือกวิธีจู่โจม  ทั้งจิกทั้งข่วน ทั้งตบตี 
                  “พอๆ!  เห็นแก่ข้าได้โปรดหยุดเถิดหยุดเดี๋ยวนี้! ”  เหลียนลี่เมื่อเห็นภรรยาเป็นฝ่าย  เพี่ยงพล้ำโดนทำร้าย  ก็กระทืบเท้าร้องตวาดเสียงดัง
                  ฮูหยินเฉียวครั้นได้ยินเหลียนลี่ตะโกนห้ามเสียงดัง  ไม่เพียงไม่หยุดมือ  แต่ยังโถมแรงเข้าไป  หวังจะผลักป้าสามให้ถอยห่างจากตนไปสักสองสามก้าว
                  เมื่อฮูหยินเฉียวยังสู้ต่อไป  ป้าสามไหนเลยจะหยุด  ป้าทั้งสองคนยังคงตบตีกันนัวเนียไปพลาง  ร้องตะโกนด่าทอกันไปพลาง  ส่วนเหลียนฟางโจวและน้องๆ ต่างพยายามห้ามปรามผู้อาวุโสทั้งสองต่อไป 
                  “นังเด็กสมควรตาย  ไม่ต้องมาทำเป็นหวังดี!”  ฮูหยินเฉียวร้องด่ามาประโยคหนึ่ง  ทั้งหันไปร้องตวาดใส่เหลียนลี่  “ไยท่านยังไม่เข้ามาช่วยข้าอีกเอาแต่ยืนเป็นเบื้ออยู่ได้  จะให้พวกมันรุมข้าจนตายเลยใช่ไหม !” 
                  เหลียนลี่ทั้งฉุนทั้งกดดัน  ไหนเลยเขาจะกล้าก้าวขาเข้าไปช่วยได้เล่าเพราะยามนี้  อาเจี่ยน เหลียนเซ่อและเหลียนเช่อ ทั้งหมดล้วนยืนจับตาดูเขาอยู่อีกฟากหนึ่ง  จับจ้องเขาประหนึ่งพยัคฆ์กำลังมองดูเหยื่อ  หากเขากล้าเข้าไปช่วยแล้วละก็  พวกมันต้องรีบกระโจนเข้ามาเล่นงานเขาเป็นแน่ 
                  เหลียนลี่ไม่มีทางเลือก  ทำได้เพียงร้องตวาดเสียงดัง “ฟางโจว...เจ้าก็อยู่ตรงนั้น  ยังอยากให้ข้าลุงใหญ่ผู้นี้รีบไปช่วยหยุดอีกรึเจ้า...ช่วยพูดอะไรสักหน่อยสิ ได้โปรดเถิด!
                  “ลุงใหญ่  ข้าไม่กล้าเข้าไปแยกหรอก  นั่นก็ป้าใหญ่ อีกคนก็ป้าสาม  นี่..ทุกๆคนมีความคิดดีๆอะไรจะเสนอไหม ได้โปรดเถิด!” เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ  นึกดูแคลนในใจ  เขามา บอกเธอให้เป็นฝ่ายแยก  จะมีประโยชน์อะไรไฉนไม่ไปบอกให้ภรรยาตัวเองหยุดเล่า?
                   เหลียนลี่ขุ่นเคืองนัก  ทว่าไม่มีทางเลือก  ที่เหลียนฟางโจวหลุดปากออกมา เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่ได้ยินเห็นภรรยาตัวเองก่อนออกจากบ้าน  หวีผมเกล้ามวยมาดิบดี  ยามนี้ผมเผ้าหลุดลุ่ย  กระเซอะกระเซิงไปทั้งหัว  ปิ่นเงินทรงเหลี่ยมที่ยึดผมไว้  ร่วงหล่นอยู่บนพื้น  เขาขบกรามแน่น  สาวเท้าไปก้าวหนึ่ง พลางร้องตะโกนเสียงก้อง “ยายแก่ เจ้าหยุดมือได้แล้ว!”
ปิ่นเงินทรงเหลี่่ยม




         ฮูหยินเฉียวเห็นเหลียนลี่ไม่เพียงไม่เข้ามาช่วยนาง  ซ้ำยังเรียกให้นางเป็นฝ่ายหยุดมือด้วย
 พาลให้โทสะพุ่งทะยานอย่างหยุดไม่อยู่   จึงยิ่งเป็นฝ่ายกระโจนเข้าหาอย่างเกรี้ยวกราด  ไม่นำพากับเสียงร้องห้ามของเหลียนลี่   พลางร้องด่าทอสามีตนเองว่า  เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย  ได้แต่ยืนดูภรรยาตนเองถูกผู้อื่นรังแก  โดยหาทุกข์ร้อนไม่!
        “นังแก่สมควรตาย  เรื่องดีๆไม่เคยคิดจะทำ  วันๆเอาแต่ก่อเรื่องงามหน้า!”  เหลียนลี่ตะโกนร้องห้ามอยู่หลายต่อหลายครั้ง  ล้วนไม่อาจสั่งให้ฮูหยินเฉียวหยุดมือได้  ต้องตัดสินใจเข้าไปกระชากฮูหยินเฉียวให้ถอยฉากออกมา  ขณะที่เหลียนฟางโจวและเหล่าน้องๆ ก็พยายามยื้อยุดให้ป้าสามหยุด
        ป้าสามดวงตาขึ้นเส้นเลือดแดงก่ำ  ฮึดฮัดจับจ้องฮูหยินเฉียวด้วยความคลั่งแค้น
                  ฮูหยินเฉียวที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ไม่น้อยหน้า  กรีดร้องดิ้นรนจะให้หลุดจากมือเหลียนลี่อยู่พักใหญ่  ขณะที่เหลียนลี่คอยจับตัวภรรยาไว้  ซ้ำยังพร่ำตวาดให้นางหยุดดิ้น
                   "ดีดีจริงๆ!"  เหลียนลี่แค่นเสียง  “เจ้ากล้าให้ป้าใหญ่ถูกทุบตีช่างหาโอกาสจริงๆ! 
                  “ลุงใหญ่ ท่านอย่าได้กล่าวหาคนอื่นพล่อยๆนะ” เหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้นอย่างปลดปลง  “ข้ากับฉิงเอ๋อร์พยายามห้ามแล้ว  ไฉนถึงได้กลายเป็นตีกันไปได้น๊า!   ทว่าตอนนี้ป้าทั้งสองก็หยุดทะเลาะกันแล้ว มิใช่รึ?”
    ทั้งใบหน้า  ลำคอ  มือไม้ของฮูหยินเฉียว  เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนเลือดซิบ  ซ้ำยังปวดแสบปวดร้อนนัก ผมเผ้านางยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง  เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่าง  ยิ่งได้ยินคำพูดก็ยิ่งนึกชิงชัง  เอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น  “เรื่องวันนี้  ถือว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้  ในภายภาคหน้า ข้าจะคอยดูสิว่า  หากข้าเอาไปโพทนาให้คนในหมู่บ้านรู้  เจ้าจะรอดไปได้สักกี่น้ำ!”
                  “ท่านอยากจะพูดอะไร ก็พูดไป!” ป้าสามร้องตวาด “เรื่องที่ข้าทุบตีท่าน  ท่านอยากจะโพทนาก็ทำได้เลย  ข้าไม่กลัวหรอก  ข้าไม่ได้ขอใครกินท่านคิดว่าท่านมีปากจะพูดอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?  ท่านจะเที่ยวไปฟ้องใครต่อใครว่าข้าตบตีท่านท่านก็พูดอย่างที่พอใจเลย  หากพูดแล้วกลัวเห็นภาพไม่ชัด  เช่นนั้นพวกเราก็จูงมือกันไปพูดตรงๆต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านได้นะ!”
                    ฮูหยินเฉียวเป็นแค่คนอื่น ที่แต่งงานเข้ามาเป็นพี่สะใภ้  ส่วนนางเป็นน้องสาวสายเลือดเดียวกันแท้ๆ  พอประสบคราวเคราะห์  ตกพุ่มหม้าย ไม่มีงานมีการทำ  พี่ชายนางไม่เคยดูดำดูดีเลยสักนิด   คำดีๆไม่เคยเปิดปากออกมาแม้เพียงครึ่งคำ ตรงข้ามกลับเอาแต่จ้องจะแทงข้างหลังผู้อื่นให้เจ็บปวด  ด่าว่านินทาลับหลัง   เป็นต้นเหตุให้คนในหมู่บ้านดูหมิ่นดูแคลนตน!
                  เหลียนฟางโจวพอเห็นเหตุการณ์ลงเอยเช่นนี้  จึงเหยียดยิ้มบาง เอ่ยว่า “ลุงใหญ่  ทางที่ดีท่านควรกลับไปดีกว่านี่ก็ดึกมากแล้วพวกเราไม่กล้ารั้งท่านไว้แล้ว!”
                  เหลียนลี่ไม่เพียงหน้าตาบูดบึ้ง  ซ้ำยังหาข้อแก้ตัวอะไรไม่ได้  เขาได้แต่จับจ้องใบหน้าเหลียนฟางโจว ราวกับกำลังค้นหาความจริงที่แอบซ่อนอยู่  ผ่านไปเป็นนาน จึงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ดี  ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!  เมื่อเป็นเช่นนี้  ก็ทางใครทางมัน  อย่าได้เที่ยวเอาไปพูดว่า ลุงคนนี้ไม่เตือนเจ้า!”
                  เมื่อวานนี้เรื่องที่เหลียนฟางโจวซื้อเมล็ดฝ้าย เลื่องลือกันไปทั้งหมู่บ้าน  เดิมทีเขาไม่เชื่อ  ทว่าในที่สุดวันนี้  คนเกือบทั้งหมู่บ้านจะขายเมล็ดฝ้ายให้นางคนเดียว  เขาจะฝืนไม่เชื่อก็ไม่ได้
                  แน่นอนเขาอยากถามนางนักว่า  ซื้อเมล็ดฝ้ายมากมายเช่นนี้  จะเอาไปทำอะไร  สิ่งที่สำคัญกว่านั้น  ก็คือ นางไปเอาเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นมาจากไหน?
                  นางไปทำอะไรมานะ  ถึงมีเงินทองมากมายขนาดนั้น  ไยเขาถึงไม่ระแคะระคายแม้สักนิด!
                  ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่า  เหลียนฟางโจวจะหุบปากเสียสนิท  ไม่ว่าเขาจะหลอกล่ออย่างไร  นางก็ไม่เปิดปากเลยสักคำ  ตรงกันข้ามกลับเป็นฝ่ายภรรยาเขาที่ไปก่อความผิดเพิ่มขึ้นอีก!
                  พอเหลือบไปเห็นผมเผ้าที่กระเซอกระเซิงของคนข้างๆ   ดวงตาของเหลียนลี่พลันเบิกกว้าง  ขมวดคิ้วมุ่น   ใจพลันบังเกิดความชิงชังถาโถมขึ้นมาระลอกหนึ่ง  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนังหญิงน่าตายผู้นี้  ดันมาก่อเรื่องวุ่นวาย!
                  เหลียนฟางโจวควบคุมตัวเองได้ดีมาก  ไม่ว่าเหลียนลี่จะเพียรจ้องดูอากัปกิริยาอย่างละเอียดละออเท่าใด   เพียรลอบสังเกตุเท่าใด  สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้สักนิด  หญิงสาวคลี่ยิ้มบางๆ  เอ่ยด้วยเสียงนอบน้อมอย่างที่สุด “ลุงใหญ่  ข้าจะจดจำเอาไว้!  ถึงแม้ว่าข้าจะลืมเลือน  หนังสือรับรองที่อยู่ในมือนี้  จะเป็นข้อเตือนใจข้าเอง  ลุงใหญ่โปรดวางใจเถิด
                  เหลียนลี่ใบหน้าเปลี่ยนสี  ขบกรามแน่น  พลันสาวเท้าจากไป
                  ฮูหยินเฉียวรีบรุดไปที่ประตูทันใด  จ้องหน้าเหลียนฟางโจวเอ่ยว่า “ฝ้ายของบ้านข้าไม่ขายให้เจ้าแน่นอน  ต่อให้เน่าอยู่ในบ้าน  ข้าก็จะไม่ขายให้เจ้าเด็ดขาด!” 
                  เหลียนฟางโจวแย้มยิ้ม หาได้สนใจคำขู่ไม่   ได้ฝ้ายน้อยไปเสียสักสองสามชั่ง  หาได้มีผลกระทบอะไรกับเธอเลยสักนิด      
                  “นังปีศาจ แกไม่ตายดีแน่!”  ป้าสามย่นจมูก  อดสบถด่าตามหลังไม่ได้
              ดวงตาของเหลียนฟางโจวยามนี้มืดครึ้ม  เธอให้อาเจี่ยนและพวกน้องๆเข้านอนไปก่อน  จากนั้นจึงปลอบโยนป้าสามสองสามคำ  แล้วกลับมาครุ่นคิด  ถึงสัญญาที่ให้ไว้กับป้าสามเรื่องเงิน  พูดได้ว่าเธอให้เงินป้าสามเป็นรายเดือน  รอให้นางเก็บเงินสักพัก  แล้วจะช่วยนางหาซื้อที่นาสักสองสามหมู่
             ใบหน้าของป้าสามสียามนี้ไม่มีโทสะหลงเหลืออยู่แล้ว  นางเดินหัวเราะเข้าครัวอย่างสบายใจเพื่อจัดการเก็บล้างให้แล้วเสร็จ
                  ยามนี้ใจของเหลียนฟางโจวค่อนข้างหนักอึ้ง   อึดอัดแทบหายใจไม่ออก  เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียด  ไม่อาจตำหนิป้าสามได้ที่นางจะเป็นเช่นนี้  ชะตาชีวิตของป้าสามช่างอาภัพคล้ายกับเธอ  ป้าสามไม่มีลูก เป็นม่ายสามีตาย  บ้านทางสามีก็ไม่อนุญาติให้นางอาศัยอยู่  สกุลของฝั่งสามีรังเกียจนาง  หากในมือไม่มีเงินไว้เป็นหลักประกัน  วันคืนของนานจะดำเนินไปเยี่ยงไร? 
                  ที่ป้าสามตอบโต้ป้าใหญ่เช่นนี้  หากให้คนอื่นมาเจอชะตากรรมเดียวกันบ้าง  คาดว่า  ก็คงไม่ดีไปกว่ากันนัก
             ดังนั้น เหลียนฟางโจวจึงสาบานในใจว่า  จะต้องมุมานะหาเงินให้ได้!  เพียงมีเงิน  ก็เท่ากับมีอำนาจบันดาลทุกสิ่ง
             วันรุ่งขึ้นหลังกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว  เหลียนฟางโจว อาเจี่ยน และเหลียนเซ่อสามคน ได้ฤกษ์ตรงดิ่งเข้าเมืองเพื่อไปพบจ้าวลิ่ว
    ------------------------------------------------
   ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และทุกการติดตามนะคะ
  หลังจากยืดเยื้อเพราะป้าและลุงใหญ่ มาเสียสามตอน  นางเอกก็ได้ฤกษ์เดินหน้าธุรกิจต่อแล้วในตอนหน้าค่ะ ^-^ 




18 ความคิดเห็น:

  1. เกลียดยัยป้าใหญ่สุดๆ....ขอบคุณมากๆเลยคร้า

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่า ทำไมเรารู้สึกว่าป้าสามแกล้งโมโหหาเรื่องตบตีนางป้าใหญ่ 555

    ตอบลบ
  3. เข้ามากดดูทุกวัน เฮ้อ! ติดเรื่องนี้ซะแล้ววว

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณนะคะที่แปลให้อ่าน ขอบคุณคร้า

    ตอบลบ
  5. ตื่นเต้นทุกตอนเลยค่ะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ. เมื่อไรลุงป้ามหาภัยจะตายเสียทีนะ เกลียดมากกก

    ตอบลบ
  7. ช่วงนี้เรื่องกำลังเข้มข้น สนุกมากคะ...ขอบคุณคนแปลคะ

    ตอบลบ
  8. ป้าสามสุดยอดมากเลยตอนนี้///ลุงกับป้ามหาภัยถ้ารู้ว่านางเอกมีเงินซื้อที่นาเป็นพันไร่จะเต้นขนาดไหน

    ตอบลบ
  9. ลุงป้าสารพัดพิษ คิดแต่จะเอาเปรียบหลาน สักวันดถอะ!! ได้หมดเนื้อหมดคัวเพีาะผลกรรมแน่ๆ

    ตอบลบ
  10. แรกๆ ยอมรับไม่ชอบป้าสาม แต่หลังๆ เริ่มเห็นประโยชน์ แล้ว เอาไว้ตบ อิป้า มหาภัยเนียเอง

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณมากจ้า^^ รอตอนต่อไป

    ตอบลบ
  12. ตอนนี้Fcป้าสามมากเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  13. ลุงกับป้านี่ถ้ามาทำปุ๋ยจะมีประโยชน์รึเปล่านะ

    ตอบลบ
  14. ลุงป้สต้องตามรังควานนางเอกอีกนานแน่ๆ

    ตอบลบ