วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 107 บุกเบิกที่ดิน(1)

                 จ้าวลิ่วรู้ว่าพวกเหลียนฟางโจวจะมาหาวันนี้  จึงรั้งรออยู่ที่บ้าน  พอเห็นพวกเขามาถึงก็แย้มยิ้มรีบเชื้อเชิญ เข้ามาในเรือน ด้วยความกระตือรือร้น 
             เมื่อคืนเหลียนฟางโจวได้ตรึกตรอง เรื่องกำลังคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน  ทั้งยังได้หารือกับเหลียนเซ่อ และอาเจี่ยน ระหว่างขามาด้วย  ทำให้เธอได้ข้อมูลครบถ้วน  จนไม่มีรายละเอียดอื่นใดหลุดรอดได้อีก    จ้าวลิ่วก็ให้คำแนะนำเรื่องหาคนตามข้อมูลที่คนทั้งสามให้มา ได้อย่างคล่องแคล่ว   สมกับที่เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการ    

                  เหลียนฟางโจววางแผนจ้างแรงงานที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว และหน่วยก้านดี จำนวน 30 คน  พร้อมกับเช่าวัวจำนวน 12 ตัว   เอาไว้ให้พวกเขาใช้ไปคุมคนทำงานด้วยตนเอง  รวมทั้งส่งอาหารกลางวันด้วย   สำหรับค่าจ้างนั้น  จะเป็นไปตามที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้าแล้ว  ส่วนการเช่าวัว 12 ตัวนั้น   จะรวมไปถึงการไถพรวนหน้าดินจนเสร็จสิ้นด้วย   โดยการนี้มีการจ้างเจ้าของวัวมาบังคับวัว   โดยค่าแรงหนึ่งคน ต่อหนึ่งวันเป็นเงิน 2 เฉียน  ซึ่งเท่ากับค่าจ้างคนงานกะดึกที่ทำงานเป็นเวลา 2 วัน   จ้าวลิ่วได้เงินค่าแนะนำคนเป็นจำนวน 4 ตำลึง  และหากคนงานเหล่านั้นตกลงทำงาน  เขาจะได้ค่านายหน้าเพิ่มอีก คิดเป็นรายหัวด้วย
        เธอเน้นกับจ้าวลิ่วว่าให้หาคนประเภทหนักเอาเบาสู้เท่านั้น
                  การเป็นนายหน้าหาคนงานรอบนี้    โดยทั่วไปจ้าวลิ่วจะได้ค่าตอบแทนในฐานะคนกลางติดต่อประสานงานให้เหลียนฟางโจว  2  ตำลึง  ทว่าเหลียนฟางโจวใจปล้ำให้เงินเขาเป็น 2 เท่า  ทำให้เขาดีใจมาก ปากก็พร่ำสัญญาไม่หยุดว่า  เขาจะหาคนดีๆมีคุณสมบัติครบถ้วนตามจำนวนที่เธอต้องการอย่างแน่นอน  ให้เธอสบายใจได้เลย!
             ทั้งสองฝ่ายคุยกันว่าวันมะรืนนี้   จ้าวลิ่วจะเป็นผู้พาคนงานและวัวไปตามที่นัดหมาย   เมื่อตกลงกันเสร็จสิ้นฟางโจวกับพวกจึงลากลับ
             หลังจากแยกจากจ้าวลิ่วแล้ว  เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปดูลากันดีไหม! หากวันนี้เจอตัวเหมาะๆ  พวกเราก็ซื้อเลย  เวลาไปซื้อแป้งสาลี กับเสียนไช่ (ผักดองเค็ม) จะได้สะดวกด้วย   และข้าว่าจะซื้อเนื้อหมูและ ต้าเจี้ย(ถั่วเหลืองหมัก)เพิ่มอีกด้วย   เพราะวันมะรืนนี้จะต้องทำอาหารกลางวันเลี้ยงคนงานแล้ว!   อืม...ต้องหาซื้อกาต้มน้ำโลหะใบใหญ่สัก 2 ใบ  สำหรับใส่น้ำร้อนให้พวกเขากินที่นั่นด้วย”
เสียนไช่

ต้าเจี้ย



กาต้มน้ำ
        อาหารกลางวันที่จะทำเลี้ยงคนงาน  โดยทั่วไปควรเป็นหมั่นโถวนึ่ง  หรือไม่ก็ขนมเปี๊ยะ ซึ่งเป็นอาหารที่เตรียมได้โดยสะดวก  ส่วนการหุงข้าวและทำกับข้าวนั้น  เป็นวิธีที่ยุ่งยากเกินไป
หมั่นโถว

ขนมเปี๋ยะ
                  อาเจี่ยนและเหลียนเซ่อไม่มีข้อคิดเห็นอะไรกับเรื่องอาหารอยู่แล้ว   ครั้นแล้วคนทั้งสามจึงสอบถามทางไปยังตลาดค้าสัตว์  ที่อยู่ในเส้นทางผ่านตอนขากลับ
       สำหรับการเลือกซื้อสัตว์เหลียนฟางโจวไม่มีความรู้แม้แต่น้อย    มิคาดว่าอาเจี่ยน กลับมีความชำนาญในเรื่องนี้อย่างดี
                  พ่อค้าสัตว์เห็นคนทั้งสามมาถึง  ก็รีบเข้ามานำเสนอสินค้า   พอคนทั้งสามบอกว่าอยากหาซื้อลาตัวผู้ตัวใหญ่สักตัวหนึ่ง   พ่อค้าลาก็สืบเท้าเข้ามาแนะนำทันที
        พ่อค้าลามีวาทศิลป์เป็นเลิศนัก   ลีลาการพูดแพรวพราว   อวดสรรพคุณลาของเขาเสียเลิศลอย    จนไม่หน้าเชื่อว่าจะมีอยู่ในโลกมนุษย์นี้
                  อาเจี่ยนไม่นำพากับเสียงคุยโม้โอ้อวดของคนขายเท่าไดนัก   เขาพิจารณาดูที่ตัวลาเป็นหลัก
                  พ่อค้าลาชำเลืองมองอาเจี่ยน   ที่กำลังดูรูปร่างลักษณะของลาอย่างละเอียดละออ  ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี   รู้ทันทีว่าไม่สามารถหลอกลวงชายหนุ่มผู้นี้ได้!
             คนทั้งสามวนเวียนอยู่ในตลาดค้าสัตว์เป็นนาน  ในที่สุดก็จ่ายเงิน 12 ตำลึงซื้อลาที่แข็งแรงบึกบึนที่สุดมาตัวหนึ่ง
             “พี่ใหญ่   ในที่สุดพวกเราก็มีลาเป็นของตัวเองแล้ว!”  เหลียนเซ่อรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง  เด็กหนุ่มลูบคลำลาที่มีขนสีดำส่องประกาย  ดึงหูยาวๆของมันเล่น  พลางหัวเราะชอบใจ
             เหลียนฟางโจวพลอยหัวเราะตามไปด้วย “จากนี้ไป ก็ขอมอบให้เจ้าและเช่อเอ๋อร์เป็นคนดูแลนะ  ฤดูหนาวมีฟางแห้งมาก  อย่าปล่อยให้ลาของเราหิวเล่า  อืม...หลังจากนี้อีกไม่นาน เราจะซื้อวัวตัวใหญ่สัก 2 ตัวเพิ่มอีกด้วย!”
             เหลียนเซ่อดีใจมาก พยักหน้าแรงๆ  ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลาหิวโหยอย่างแน่นอน
             คนทั้งสามเดินพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น  จนบรรลุถึงร้านขายรถ  เพื่อมองหารถดีๆ
                  ที่ร้านจำหน่ายตัวรถ   มีรถให้เลือกหลากหลายรูปแบบ  สามารถซื้อตัวรถสำเร็จรูป  หรือสั่งทำตามแบบที่ต้องการก็ได้  
                  เหลียนฟางโจวเป็นคนไม่เรื่องมาก   ทั้งยังคิดว่าไม่จำเป็นต้องสั่งทำรถคันใหม่  ลงท้ายเธอจ่ายเงิน 8 ตำลึง  ซื้อตัวรถที่ทำจากไม้สนคันหนึ่งซึ่งวางขายอยู่ในร้าน  นับว่าเป็นแบบรถที่ตอบโจทย์การใช้งานตามที่ต้องการมากที่สุด    
        รถคันนี้ไม่เหมือนของหลิวเจี่ย  ตัวรถของหลิวเจี่ยนั้น เป็นรูปทรงแบบห้องโดยสาร     ส่วนเหลียนฟางโจวและพวกซื้อรถด้วยจุดประสงค์หลักคือ  เพื่อใช้ช่วยงานเพาะปลูกในภายภาคหน้า  ดังนั้นจึงเป็นรถไม้ที่มีพื้นเรียบแบบเปิดโล่ง  ลักษณะคล้ายรถลากที่ใช้คนแข็งแรงลากตามที่เห็นทั่วไปในแถบชนบท  แต่แข็งแรงทนทานกว่ามากนัก
ลาพร้อมรถ
        จากนั้นทั้งสามคนไปร้านช่างตีเหล็ก ซื้อจอบ  พลั่ว ขวาน มีด  เคียวที่สั่งทำตามแบบอย่างละ 2-3 ชิ้น โดยเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีที่สุด
จอบ

พลั่ว

ขวาน

มีด

เคียว
                  อย่างที่เขาว่ากัน  หากอยากให้เนื้องานออกมาดี  ก่อนอื่นก็ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีก่อน   สำหรับเรื่องนี้ไม่ควรขี้เหนียวไม่เข้าเรื่อง 
             หลังจากเสร็จธุระเหล่านี้แล้ว  คนทั้งสามจึงเข้าเมืองไปกินมื้อกลางวัน   รวมทั้งกลับไปซื้อต้าเจี้ยง  และข้าวของอื่นๆตามที่คิดไว้  ก่อนกลับบ้าน
             อาเจี่ยนบังคับรถเกวียนได้สบายๆ  มือข้างหนึ่งยกแซ่ขึ้นสูง และตวัดลงบนตัวลาไม่แรงนัก   อีกมือหนึ่งดึงบังเหียนบังคับให้ลาเดินไปตามทิศที่ต้องการ
             เหลียนเซ่อนั่งข้างชายหนุ่ม  มองมาด้วยความอิจฉา
             อาเจี่ยนคลี่ยิ้ม  พลางพูดกับเด็กหนุ่ม  “วันนี้ ไม่มีเวลา  พอถึงบ้านข้าจะสอนวิธีบังคับลาให้เจ้าภายหลัง?”
                  “จริงๆหรือขอบคุณมากพี่เจี่ยน!”  เหลียนเซ่อเอ่ยละล่ำละลัก  ค้อมหัวขอบคุณด้วยความตื่นเต้นดีใจ 
             เมื่อกลับถึงบ้าน เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิง  พอรู้ว่านี้คือลาและรถของครอบครัว น้องเล็กทั้งสองตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าเหลียนเซ่อเสียอีก  เด็กทั้งสองต่างปีนป่ายขึ้นไปนั่งบนตัวรถอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงกระโดดลงมา   ไปยืนสำรวจเพ่งพิศลาตัวใหม่  ดวงตาสาดประกายแห่งความยินดี
                  หลังจากขนของลงจากรถหมดแล้ว  เหลียนฟางโจวร้องเรียก เหลียนเซ่อให้จูงลาไปผูกไว้หลังบ้าน  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ ต่างเดินตามหลังพี่ชายไป  คุยจ้อกันอย่างสนุกสนาน 
                  หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งาน  จึงไม่มีคอกสัตว์ให้มันอยู่  เหลียนเซ่อ รู้สึกเป็นห่วงลาตัวนี้นัก  กลัวว่ามันจะทนหนาวตอนกลางคืนไม่ไหว  จึงไปผูกมันไว้ ณ มุมหนึ่งข้างกำแพงใต้ร่มไม้  พลางปรารถกับเหลียนฟางโจวว่า น่าจะสร้างคอกให้ลาอยู่  “มิเช่นนั้น  มันจะผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
             เหลียนฟางโจวย่อมไม่บอกว่าไม่ดีอยู่แล้ว  หญิงสาวหัวเราะบอกว่า รออีกสักสองสามวัน  ยามว่าง  จะให้คนมาสร้างคอกสัตว์อย่างดี   เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงอยู่อาศัยแล้ว   ยังต้องมีพื้นที่วางกองฟาง  และเก็บตัวรถด้วย   
                  รถเกวียนนั้นไม่ควรจอดในที่โล่งแจ้งอยู่แล้ว  เพราะจะตากแดดตากฝน   ทำให้ทรุดโทรมเร็วได้
        หากเป็นไปได้ เธอก็อยากสร้างโรงเก็บของจิปาถะ  เพื่อเก็บฟืน เมล็ดพืช  เครื่องมือเกษตร และเครื่องใช้ไม้สอยเบ็ดตเล็ดอื่นๆ
                  เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น  เหลียนเซ่อและน้องทั้งสองพากันจูงลาเข้าไปหากินหญ้าริมแม่น้ำในหมู่บ้าน  เหลียนฟางโจวเห็นพวกเขาไฟแรงอย่างนี้ก็ยิ้มชอบใจ ไม่ขัดขวางใดๆ  เพียงกำชับพวกเขาให้สวมเสื้อผ้าให้หนาเพิ่มสักหน่อย
             เมื่อเสร็จสิ้นจากมื้อเช้า  เหลียนฟางโจวเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพียงลำพัง
                  ด้านหนึ่งของหมู่บ้าน  มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่าน  ส่วนที่แคบที่สุดมีความกว้างกว่า 1 หมี่ (1หมี่ =1 เมตร)  เป็นแม่น้ำสายตื้นๆ ตรงกลางมีแผ่นหินเล็กๆพอให้เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้  ส่วนที่กว้างที่สุดของแม่น้ำมีความกว้างกว่า 3 หมี่  จากปากทางหมู่บ้าน แม่น้ำสายนี้ไหลเป็นแนวโค้งโอบไปทางทิศตะวันออก
             อีกฟากหนึ่งของคุ้งน้ำ  ห่างจากฝั่งไป 10 หมี่  คือเนินทุ่งหญ้ารกร้างที่ยกตัวสูงราวๆ 3-4 หมี่  
เนินทุ่งหญ้า
             เหลียนฟางโจวเดินไปที่เนินนั่น  แล้วกวาดตามองไปรอบๆ  ทุ่งหญ้าผืนนี้มีเนื้อที่ราวๆ 20 หมู่ (8.3ไร่)  ด้านหลังติดภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นการบูรและนกกางเขนป่า
             หากเดินทางจากข้างนอกเข้ามาในหมู่บ้านต้าฟาง  โดยผ่านเนินทุ่งหญ้านี้  จะสามารถเห็นทิวทัศน์หมู่บ้านต้าฟางได้ทั้งหมด  แน่นอนสามารถพูดได้ว่า  เนินเขานี้คือเขตกั้นหมู่บ้านต้าฟางนั่นเอง
             เหลียนฟางโจวเคยสอบถามมาจนรู้ว่า  ผืนดินแห่งนี้เป็นที่ดินรกร้าง  ยังไม่มีเจ้าของ
             เธอมีความคิดจะซื้อที่ดินผืนนี้เก็บไว้
              เนื่องจากฝ้ายจะเก็บเกี่ยวได้ในปีหน้า  แน่นอนต้องหาสถานที่เก็บผลผลิต  ไหนเลยบ้านหลังเล็กจะมีพื้นที่มากมายพอเล่าดังนั้นจำเป็นต้องสร้างโรงเก็บวัตถุดิบขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่
        ยิ่งไปกว่านั้น โรงเก็บวัตถุดิบ นอกจากจะเอาไว้เก็บดอกฝ้ายแล้ว  จะต้องมีพื้นที่สำหรับ ปั่นใยฝ้ายให้เป็นเส้นด้ายด้วย   รวมทั้งเป็นที่เก็บม้วนเส้นด้ายที่ได้จากการผลิต  ไปจนถึงเป็นที่พักอาศัยของบรรดาคนงานด้วย
                  ในภายภาคหน้า หากเป็นไปได้  เธออยากสร้างโรงทอผ้าเพิ่ม

กิจการฝ้าย
       ผ้าที่ทอจากฝ้ายนี้จะนำออกขายภายหลังที่ขั้นตอนก่อนหน้าสำเร็จลงแล้ว  ซึ่งการขายผ้าฝ้ายย่อมมีมูลค่าสูงกว่ากว่าการขายเส้นด้ายเดี่ยวๆมากนัก  อย่างไรก็ตาม หลายสิ่งที่คิดไว้ต้องค่อยเป็นค่อยไป  เพราะเธอคนเดียวคงไม่มีปัญญาทำหลายๆสิ่งได้ในคราวเดียวกันเป็นแน่  ในหัวของเด็กสาวบังเกิดความคิดบรรเจิดมากมาย   ซึ่งต้องใช้เวลาวางแผนกันอีกหลายยก

             เหลียนฟางโจวตื่นจากภังค์   เมื่อได้ยินเสียงเรียกทางด้านหลัง  “ฟางโจว!” หญิงสาวคลี่ยิ้ม  ไม่ต้องหันกลับไป ก็รู้ว่าจะเป็นใครไม่ได้นอกจากอาเจี่ยน
    -----------------------------------------------------------------------------------
  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ

 - บทนี้ลงรูปมากหน่อย  เพราะอยากให้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ
 -สำหรับกิจการฝ้ายของนางเอก ลงท้ายประสบความสำเร็จนะคะ  แต่มีอุปสรรคขวากหนามเป็นระยะๆ  เพื่อเสริมให้นางเอกและพระเอกเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
  -ตอนที่ตั้งชื่อนิยายเป็นภาษาไทย ว่า 'จับแม่ทัพไปไถนา'  ตอนนั้นผู้แปลยังอ่านไปได้ไม่กี่บท จินตนาการนึกว่า พระเอกคงมาช่วยนางเอกทำนาแน่นอน   แต่ที่ไหนได้ จริงๆแล้ว พระเอกมาช่วยนางเอกทำธุรกิจมากกว่า  และเป็นธุรกิจแนว start up ซะด้วย ^-^




18 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
  2. ปักธงรออ่านค่ะ เรื่องนี้คงต้องก้าวไปช้าๆตามเรื่อง

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณคะ...ลุ้นต่อไปคะว่าจะเป็นยังไง

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมาครับสนุกมาก ตอนนี้ เนื้อเรื่อง ไปได้ดีมากๆเลย

    ตอบลบ
  5. ชอบเรื่องนี้จังดูมีสตอรี่ของทุกๆอย่าง พระเอกนางเอกไม่ใช่ปุ๊บปั๊บได้กันเราชอบมาก

    ตอบลบ
  6. สนุกรอกิจการเข้ารูปเข้ารอย
    และรุ่งเรือง

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ ต่อไปคงได้สนุกกับงานของฟางโจวแล้วเริ่มก่อร่างสร้างตัวกันละ

    ตอบลบ
  8. ดูละมุนดี ชอบการดำเนินเรื่องและชอบนิสัยพระนางแนวนี้ ^^

    ตอบลบ
  9. ชอบรูปที่ไรท์เอามาลงค่ะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณค่ะ สนุกมากก^^

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณค่ะ มีความสุขมากกกกกที่ได้อ่านเรื่องนี้

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ14 กรกฎาคม 2560 เวลา 17:37

    อาเจี่ยนใกล้จะได้มีบทพูดแล้ว 555555

    ตอบลบ

  13. ขอบคุณค่ะ มีความสุขมากที่ได้อ่าน

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2563 เวลา 12:00

    สนุกมากขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ