จ้าวลิ่วรู้ว่าพวกเหลียนฟางโจวจะมาหาวันนี้ จึงรั้งรออยู่ที่บ้าน พอเห็นพวกเขามาถึงก็แย้มยิ้มรีบเชื้อเชิญ
เข้ามาในเรือน ด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อคืนเหลียนฟางโจวได้ตรึกตรอง
เรื่องกำลังคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ทั้งยังได้หารือกับเหลียนเซ่อ และอาเจี่ยน ระหว่างขามาด้วย ทำให้เธอได้ข้อมูลครบถ้วน จนไม่มีรายละเอียดอื่นใดหลุดรอดได้อีก จ้าวลิ่วก็ให้คำแนะนำเรื่องหาคนตามข้อมูลที่คนทั้งสามให้มา ได้อย่างคล่องแคล่ว สมกับที่เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการ
เหลียนฟางโจววางแผนจ้างแรงงานที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว
และหน่วยก้านดี จำนวน 30 คน พร้อมกับเช่าวัวจำนวน
12 ตัว เอาไว้ให้พวกเขาใช้ไปคุมคนทำงานด้วยตนเอง รวมทั้งส่งอาหารกลางวันด้วย สำหรับค่าจ้างนั้น จะเป็นไปตามที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้าแล้ว ส่วนการเช่าวัว 12 ตัวนั้น จะรวมไปถึงการไถพรวนหน้าดินจนเสร็จสิ้นด้วย โดยการนี้มีการจ้างเจ้าของวัวมาบังคับวัว โดยค่าแรงหนึ่งคน
ต่อหนึ่งวันเป็นเงิน 2 เฉียน ซึ่งเท่ากับค่าจ้างคนงานกะดึกที่ทำงานเป็นเวลา
2 วัน จ้าวลิ่วได้เงินค่าแนะนำคนเป็นจำนวน 4 ตำลึง และหากคนงานเหล่านั้นตกลงทำงาน เขาจะได้ค่านายหน้าเพิ่มอีก คิดเป็นรายหัวด้วย
เธอเน้นกับจ้าวลิ่วว่าให้หาคนประเภทหนักเอาเบาสู้เท่านั้น
การเป็นนายหน้าหาคนงานรอบนี้ โดยทั่วไปจ้าวลิ่วจะได้ค่าตอบแทนในฐานะคนกลางติดต่อประสานงานให้เหลียนฟางโจว 2
ตำลึง ทว่าเหลียนฟางโจวใจปล้ำให้เงินเขาเป็น 2 เท่า ทำให้เขาดีใจมาก ปากก็พร่ำสัญญาไม่หยุดว่า
เขาจะหาคนดีๆมีคุณสมบัติครบถ้วนตามจำนวนที่เธอต้องการอย่างแน่นอน ให้เธอสบายใจได้เลย!
ทั้งสองฝ่ายคุยกันว่าวันมะรืนนี้ จ้าวลิ่วจะเป็นผู้พาคนงานและวัวไปตามที่นัดหมาย
เมื่อตกลงกันเสร็จสิ้นฟางโจวกับพวกจึงลากลับ
หลังจากแยกจากจ้าวลิ่วแล้ว เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ไปดูลากันดีไหม! หากวันนี้เจอตัวเหมาะๆ พวกเราก็ซื้อเลย เวลาไปซื้อแป้งสาลี กับเสียนไช่ (ผักดองเค็ม)
จะได้สะดวกด้วย และข้าว่าจะซื้อเนื้อหมูและ ต้าเจี้ย(ถั่วเหลืองหมัก)เพิ่มอีกด้วย
เพราะวันมะรืนนี้จะต้องทำอาหารกลางวันเลี้ยงคนงานแล้ว!
อืม...ต้องหาซื้อกาต้มน้ำโลหะใบใหญ่สัก 2 ใบ สำหรับใส่น้ำร้อนให้พวกเขากินที่นั่นด้วย”
เสียนไช่ |
ต้าเจี้ย |
กาต้มน้ำ |
อาหารกลางวันที่จะทำเลี้ยงคนงาน
โดยทั่วไปควรเป็นหมั่นโถวนึ่ง หรือไม่ก็ขนมเปี๊ยะ ซึ่งเป็นอาหารที่เตรียมได้โดยสะดวก ส่วนการหุงข้าวและทำกับข้าวนั้น เป็นวิธีที่ยุ่งยากเกินไป
หมั่นโถว |
ขนมเปี๋ยะ |
อาเจี่ยนและเหลียนเซ่อไม่มีข้อคิดเห็นอะไรกับเรื่องอาหารอยู่แล้ว ครั้นแล้วคนทั้งสามจึงสอบถามทางไปยังตลาดค้าสัตว์ ที่อยู่ในเส้นทางผ่านตอนขากลับ
สำหรับการเลือกซื้อสัตว์เหลียนฟางโจวไม่มีความรู้แม้แต่น้อย มิคาดว่าอาเจี่ยน กลับมีความชำนาญในเรื่องนี้อย่างดี
พ่อค้าสัตว์เห็นคนทั้งสามมาถึง ก็รีบเข้ามานำเสนอสินค้า พอคนทั้งสามบอกว่าอยากหาซื้อลาตัวผู้ตัวใหญ่สักตัวหนึ่ง พ่อค้าลาก็สืบเท้าเข้ามาแนะนำทันที
พ่อค้าลามีวาทศิลป์เป็นเลิศนัก
ลีลาการพูดแพรวพราว อวดสรรพคุณลาของเขาเสียเลิศลอย จนไม่หน้าเชื่อว่าจะมีอยู่ในโลกมนุษย์นี้
อาเจี่ยนไม่นำพากับเสียงคุยโม้โอ้อวดของคนขายเท่าไดนัก เขาพิจารณาดูที่ตัวลาเป็นหลัก
พ่อค้าลาชำเลืองมองอาเจี่ยน ที่กำลังดูรูปร่างลักษณะของลาอย่างละเอียดละออ ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี รู้ทันทีว่าไม่สามารถหลอกลวงชายหนุ่มผู้นี้ได้!
คนทั้งสามวนเวียนอยู่ในตลาดค้าสัตว์เป็นนาน ในที่สุดก็จ่ายเงิน 12 ตำลึงซื้อลาที่แข็งแรงบึกบึนที่สุดมาตัวหนึ่ง
“พี่ใหญ่
ในที่สุดพวกเราก็มีลาเป็นของตัวเองแล้ว!” เหลียนเซ่อรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง เด็กหนุ่มลูบคลำลาที่มีขนสีดำส่องประกาย ดึงหูยาวๆของมันเล่น พลางหัวเราะชอบใจ
เหลียนฟางโจวพลอยหัวเราะตามไปด้วย
“จากนี้ไป ก็ขอมอบให้เจ้าและเช่อเอ๋อร์เป็นคนดูแลนะ ฤดูหนาวมีฟางแห้งมาก อย่าปล่อยให้ลาของเราหิวเล่า อืม...หลังจากนี้อีกไม่นาน เราจะซื้อวัวตัวใหญ่สัก 2 ตัวเพิ่มอีกด้วย!”
เหลียนเซ่อดีใจมาก พยักหน้าแรงๆ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลาหิวโหยอย่างแน่นอน
คนทั้งสามเดินพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น
จนบรรลุถึงร้านขายรถ เพื่อมองหารถดีๆ
ที่ร้านจำหน่ายตัวรถ มีรถให้เลือกหลากหลายรูปแบบ สามารถซื้อตัวรถสำเร็จรูป หรือสั่งทำตามแบบที่ต้องการก็ได้
เหลียนฟางโจวเป็นคนไม่เรื่องมาก ทั้งยังคิดว่าไม่จำเป็นต้องสั่งทำรถคันใหม่ ลงท้ายเธอจ่ายเงิน 8 ตำลึง ซื้อตัวรถที่ทำจากไม้สนคันหนึ่งซึ่งวางขายอยู่ในร้าน นับว่าเป็นแบบรถที่ตอบโจทย์การใช้งานตามที่ต้องการมากที่สุด
รถคันนี้ไม่เหมือนของหลิวเจี่ย ตัวรถของหลิวเจี่ยนั้น เป็นรูปทรงแบบห้องโดยสาร
ส่วนเหลียนฟางโจวและพวกซื้อรถด้วยจุดประสงค์หลักคือ เพื่อใช้ช่วยงานเพาะปลูกในภายภาคหน้า ดังนั้นจึงเป็นรถไม้ที่มีพื้นเรียบแบบเปิดโล่ง ลักษณะคล้ายรถลากที่ใช้คนแข็งแรงลากตามที่เห็นทั่วไปในแถบชนบท
แต่แข็งแรงทนทานกว่ามากนัก
ลาพร้อมรถ |
จากนั้นทั้งสามคนไปร้านช่างตีเหล็ก
ซื้อจอบ พลั่ว ขวาน มีด เคียวที่สั่งทำตามแบบอย่างละ 2-3 ชิ้น โดยเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีที่สุด
จอบ |
พลั่ว |
ขวาน |
มีด |
เคียว |
อย่างที่เขาว่ากัน หากอยากให้เนื้องานออกมาดี ก่อนอื่นก็ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีก่อน สำหรับเรื่องนี้ไม่ควรขี้เหนียวไม่เข้าเรื่อง
หลังจากเสร็จธุระเหล่านี้แล้ว
คนทั้งสามจึงเข้าเมืองไปกินมื้อกลางวัน รวมทั้งกลับไปซื้อต้าเจี้ยง และข้าวของอื่นๆตามที่คิดไว้ ก่อนกลับบ้าน
อาเจี่ยนบังคับรถเกวียนได้สบายๆ มือข้างหนึ่งยกแซ่ขึ้นสูง และตวัดลงบนตัวลาไม่แรงนัก
อีกมือหนึ่งดึงบังเหียนบังคับให้ลาเดินไปตามทิศที่ต้องการ
เหลียนเซ่อนั่งข้างชายหนุ่ม มองมาด้วยความอิจฉา
อาเจี่ยนคลี่ยิ้ม
พลางพูดกับเด็กหนุ่ม “วันนี้ ไม่มีเวลา พอถึงบ้านข้าจะสอนวิธีบังคับลาให้เจ้าภายหลัง?”
“จริงๆหรือ? ขอบคุณมากพี่เจี่ยน!” เหลียนเซ่อเอ่ยละล่ำละลัก ค้อมหัวขอบคุณด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เมื่อกลับถึงบ้าน
เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิง พอรู้ว่านี้คือลาและรถของครอบครัว น้องเล็กทั้งสองตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าเหลียนเซ่อเสียอีก เด็กทั้งสองต่างปีนป่ายขึ้นไปนั่งบนตัวรถอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นจึงกระโดดลงมา ไปยืนสำรวจเพ่งพิศลาตัวใหม่ ดวงตาสาดประกายแห่งความยินดี
หลังจากขนของลงจากรถหมดแล้ว เหลียนฟางโจวร้องเรียก เหลียนเซ่อให้จูงลาไปผูกไว้หลังบ้าน เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ ต่างเดินตามหลังพี่ชายไป คุยจ้อกันอย่างสนุกสนาน
หลายปีมาแล้วที่บ้านหลังนี้ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งาน จึงไม่มีคอกสัตว์ให้มันอยู่ เหลียนเซ่อ รู้สึกเป็นห่วงลาตัวนี้นัก กลัวว่ามันจะทนหนาวตอนกลางคืนไม่ไหว จึงไปผูกมันไว้ ณ มุมหนึ่งข้างกำแพงใต้ร่มไม้ พลางปรารถกับเหลียนฟางโจวว่า น่าจะสร้างคอกให้ลาอยู่
“มิเช่นนั้น มันจะผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
เหลียนฟางโจวย่อมไม่บอกว่าไม่ดีอยู่แล้ว
หญิงสาวหัวเราะบอกว่า รออีกสักสองสามวัน
ยามว่าง จะให้คนมาสร้างคอกสัตว์อย่างดี เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงอยู่อาศัยแล้ว ยังต้องมีพื้นที่วางกองฟาง และเก็บตัวรถด้วย
รถเกวียนนั้นไม่ควรจอดในที่โล่งแจ้งอยู่แล้ว เพราะจะตากแดดตากฝน ทำให้ทรุดโทรมเร็วได้
หากเป็นไปได้ เธอก็อยากสร้างโรงเก็บของจิปาถะ
เพื่อเก็บฟืน เมล็ดพืช เครื่องมือเกษตร และเครื่องใช้ไม้สอยเบ็ดตเล็ดอื่นๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหลียนเซ่อและน้องทั้งสองพากันจูงลาเข้าไปหากินหญ้าริมแม่น้ำในหมู่บ้าน
เหลียนฟางโจวเห็นพวกเขาไฟแรงอย่างนี้ก็ยิ้มชอบใจ
ไม่ขัดขวางใดๆ เพียงกำชับพวกเขาให้สวมเสื้อผ้าให้หนาเพิ่มสักหน่อย
เมื่อเสร็จสิ้นจากมื้อเช้า เหลียนฟางโจวเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพียงลำพัง
ด้านหนึ่งของหมู่บ้าน มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่าน ส่วนที่แคบที่สุดมีความกว้างกว่า 1 หมี่ (1หมี่
=1
เมตร) เป็นแม่น้ำสายตื้นๆ
ตรงกลางมีแผ่นหินเล็กๆพอให้เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ ส่วนที่กว้างที่สุดของแม่น้ำมีความกว้างกว่า 3
หมี่ จากปากทางหมู่บ้าน แม่น้ำสายนี้ไหลเป็นแนวโค้งโอบไปทางทิศตะวันออก
อีกฟากหนึ่งของคุ้งน้ำ ห่างจากฝั่งไป 10 หมี่ คือเนินทุ่งหญ้ารกร้างที่ยกตัวสูงราวๆ 3-4 หมี่
เนินทุ่งหญ้า |
เหลียนฟางโจวเดินไปที่เนินนั่น แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ทุ่งหญ้าผืนนี้มีเนื้อที่ราวๆ 20 หมู่ (8.3ไร่)
ด้านหลังติดภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นการบูรและนกกางเขนป่า
หากเดินทางจากข้างนอกเข้ามาในหมู่บ้านต้าฟาง โดยผ่านเนินทุ่งหญ้านี้ จะสามารถเห็นทิวทัศน์หมู่บ้านต้าฟางได้ทั้งหมด แน่นอนสามารถพูดได้ว่า เนินเขานี้คือเขตกั้นหมู่บ้านต้าฟางนั่นเอง
เหลียนฟางโจวเคยสอบถามมาจนรู้ว่า ผืนดินแห่งนี้เป็นที่ดินรกร้าง ยังไม่มีเจ้าของ
เธอมีความคิดจะซื้อที่ดินผืนนี้เก็บไว้
เนื่องจากฝ้ายจะเก็บเกี่ยวได้ในปีหน้า แน่นอนต้องหาสถานที่เก็บผลผลิต ไหนเลยบ้านหลังเล็กจะมีพื้นที่มากมายพอเล่า? ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างโรงเก็บวัตถุดิบขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น โรงเก็บวัตถุดิบ
นอกจากจะเอาไว้เก็บดอกฝ้ายแล้ว จะต้องมีพื้นที่สำหรับ
ปั่นใยฝ้ายให้เป็นเส้นด้ายด้วย รวมทั้งเป็นที่เก็บม้วนเส้นด้ายที่ได้จากการผลิต ไปจนถึงเป็นที่พักอาศัยของบรรดาคนงานด้วย
ในภายภาคหน้า
หากเป็นไปได้ เธออยากสร้างโรงทอผ้าเพิ่ม
กิจการฝ้าย |
ผ้าที่ทอจากฝ้ายนี้จะนำออกขายภายหลังที่ขั้นตอนก่อนหน้าสำเร็จลงแล้ว
ซึ่งการขายผ้าฝ้ายย่อมมีมูลค่าสูงกว่ากว่าการขายเส้นด้ายเดี่ยวๆมากนัก อย่างไรก็ตาม หลายสิ่งที่คิดไว้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะเธอคนเดียวคงไม่มีปัญญาทำหลายๆสิ่งได้ในคราวเดียวกันเป็นแน่ ในหัวของเด็กสาวบังเกิดความคิดบรรเจิดมากมาย ซึ่งต้องใช้เวลาวางแผนกันอีกหลายยก
เหลียนฟางโจวตื่นจากภังค์ เมื่อได้ยินเสียงเรียกทางด้านหลัง
“ฟางโจว!” หญิงสาวคลี่ยิ้ม ไม่ต้องหันกลับไป
ก็รู้ว่าจะเป็นใครไม่ได้นอกจากอาเจี่ยน
-----------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
- บทนี้ลงรูปมากหน่อย เพราะอยากให้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ
-สำหรับกิจการฝ้ายของนางเอก ลงท้ายประสบความสำเร็จนะคะ แต่มีอุปสรรคขวากหนามเป็นระยะๆ เพื่อเสริมให้นางเอกและพระเอกเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
-ตอนที่ตั้งชื่อนิยายเป็นภาษาไทย ว่า 'จับแม่ทัพไปไถนา' ตอนนั้นผู้แปลยังอ่านไปได้ไม่กี่บท จินตนาการนึกว่า พระเอกคงมาช่วยนางเอกทำนาแน่นอน แต่ที่ไหนได้ จริงๆแล้ว พระเอกมาช่วยนางเอกทำธุรกิจมากกว่า และเป็นธุรกิจแนว start up ซะด้วย ^-^
ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ
ตอบลบปักธงรออ่านค่ะ เรื่องนี้คงต้องก้าวไปช้าๆตามเรื่อง
ตอบลบขอบคุณคะ...ลุ้นต่อไปคะว่าจะเป็นยังไง
ตอบลบขอบคุณมาครับสนุกมาก ตอนนี้ เนื้อเรื่อง ไปได้ดีมากๆเลย
ตอบลบชอบเรื่องนี้จังดูมีสตอรี่ของทุกๆอย่าง พระเอกนางเอกไม่ใช่ปุ๊บปั๊บได้กันเราชอบมาก
ตอบลบสนุกรอกิจการเข้ารูปเข้ารอย
ตอบลบและรุ่งเรือง
ขอบคุณมาก
ตอบลบขอบคุณค่ะ ต่อไปคงได้สนุกกับงานของฟางโจวแล้วเริ่มก่อร่างสร้างตัวกันละ
ตอบลบดูละมุนดี ชอบการดำเนินเรื่องและชอบนิสัยพระนางแนวนี้ ^^
ตอบลบชอบรูปที่ไรท์เอามาลงค่ะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
ตอบลบขอบคุณค่ะ สนุกมากก^^
ตอบลบขอบคุณค่ะ มีความสุขมากกกกกที่ได้อ่านเรื่องนี้
ตอบลบอาเจี่ยนใกล้จะได้มีบทพูดแล้ว 555555
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ^^
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ^^
ตอบลบ
ตอบลบขอบคุณค่ะ มีความสุขมากที่ได้อ่าน
ขอบคุณครับ
ตอบลบสนุกมากขอบคุณค่ะ
ตอบลบ