เหลียนฟางฉิงมองดูคอกสัตว์ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยม เด็กน้อยได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง
เอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “พี่ใหญ่ บ้านเราจะซื้อวัวด้วยใช่หรือไม่?
“เอ่อ...อีกสองวัน ข้าว่าจะไปซื้อ!” เหลียนฟางโจวพยักหน้าหัวเราะ
“พี่ใหญ่ เมื่อถึงตอนนั้น พี่ต้องมอบให้ข้าและฉิงเอ๋อร์ดูแลนะ พวกเราสองคนจะพาวัวไปกินหญ้าทุกวันเลย!” เหลียนเช่อรีบเอ่ย
เหลียนฟางโจวหัวเราะเอ่ยว่า
“พี่ใหญ่เจ้ากะจะซื้อวัวมาสักคู่หนึ่ง
เจ้าสองคนสามารถดูแลได้หรือไม่? ยังมีลาอีกด้วยนะ! เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องฝากให้เป็นธุระพวกเจ้าแล้วล่ะ!”
เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงรีบผงกศีรษะแข็งขัน “ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเถิดพวกเราจะพาพวกมันขึ้นเนินเขาไปกินหญ้า
พอตกบ่ายก็จูงพวกมันกลับเข้าคอก!”
“อื้ม เมื่อถึงเวลา พวกเราค่อยหารือกันอีกทีนะ” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แล้วดึงน้องสองคนกลับเข้าเรือน
ตอนเที่ยงหญิงสาวเอาอาหารไปส่งตามปกติ พอมีเวลาก็สำรวจความเรียบร้อยทุกๆบริเวณไปด้วย
ด้วยใจที่เต็มอิ่มไปด้วยความสุขและความเบิกบาน
อาหารกลางวันที่เตรียมมานั้น ดูคล้ายว่าจะหรูเลิศเกินไป แต่ก็ส่งผลให้
บรรดาคนงานตัวใหญ่ทำงานด้วยความกระตือรือร้น อีกทั้งยังทุ่มเทแรงกายและใจอย่างเต็มเปี่ยม ดูเหมือนว่าวันนี้คงสามารถลงจอบสับดินได้ทั่วทุกบริเวณแล้ว
เช่นนั้น...วันพรุ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างวัวมาไถพรวนแล้ว
คงต้องแจ้งเจ้าของวัวไว้ก่อน ว่าคอยอีกสองสามวัน พอซื้อที่ดินตรงสามแยกได้แล้ว คงให้วัวไถพรวนที่นั่นหนึ่งวัน
ในส่วนคนงาน ก็ยังจ้างมาสามสิบคนเหมือนเดิม เพราะที่ดินผืนนั้นก็ต้องลงจอบช่วยด้วย ดินแถบนั้นก้อนใหญ่มาก จำเป็นต้องสับให้เล็กลง แล้วทำการคลุกเคล้ากลับไปกลับมาให้ทั่วถึง ซึ่งต้องลงแรงทั้งหมดสองวัน
เหลียนฟางโจวใคร่ครวญดูสักครู่ เมื่อได้แผนการดีๆแล้ว จึงหันไปบอกอาเจี่ยน .ว่าตอนบ่ายพอเลิกงาน ให้อาเจี่ยนจ่ายค่าแรงพร้อมแจ้งข่าวแก่บรรดาคนงานทั้งหลายด้วย
อาเจี่ยนหัวเราะน้อมรับ
เมื่อทุกๆคนกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เหลียนฟางโจวจึงจัดการเก็บข้าวของกลับบ้าน
มิคาดว่า
หญิงสาวกลับถึงบ้านยังไม่พอครึ่งชั่วยามดี ก็เห็นเหลียนเซ่อผลุนผลันจากข้างนอกเข้ามาในเรือน ร้องตะโกนอย่างลนลาน “พี่ใหญ่!
พี่ใหญ่! แย่แล้ว! ลุงใหญ่พาคนบุกไปที่ไร่ของบ้านเราแล้ว ลุงไปบอกให้คนที่เราจ้างมาทำงานทั้งหมดหยุดงาน และไล่พวกเขาให้กลับไปเลย! และบอกว่างานนี้ทำกันเองโดยพลการ โดยเขาไม่ได้สั่ง! ซ้ำยังพูดเสริมว่าเรื่องนี้ในภายภาคหน้าเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
อีกทั้งที่ดินผืนนี้เขาจะเป็นผู้เขามาจัดการเองด้วย!
“อะไรนะ!” สีหน้าเหลียนฟางโจวอดบันดาลโทสะไม่ได้
เอ่ยเสียงกดต่ำ “เขาพูดเช่นนั้นจริงๆหรือ? เขาพาคนไปด้วยหรือ? เขาพาใครมากัน?”
เหลียนเซ่อพยักหน้ารัวๆ ซ้ำยังเหยียดมุมปากขึ้น
เอ่ยว่า “อันธพาล 3-4
คนในหมู่บ้านเรา ยังไม่นับคนที่ชื่อเอ้อโก่วจือ ก็มีพวกไล่จือด้วย! พี่ใหญ่
จะทำยังไงดี! เรื่องของเรื่อง ก็คือพี่เจี่ยนหาใช่คนในครอบครัวเราไม่ แถมยังต่อปากต่อคำไม่เก่งเสียด้วย! คนงานทั้งหลายล้วนอยากทำงาน แต่พวกของเอ้อโก่วจือมันเข้ามาขวาง
ซ้ำยังตะโกนด่าขับไล่อีก.....”
ป้าสามได้ยินเข้าถึงกับอึ้งงัน หน้าซีดด้วยความตระหนกตกใจ ย่ำเท้าพลางร้องขึ้น “สวรรค์!
ไหงเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ ฟางโจว
แล้วนี่ เราจะทำอย่างไรกันดี!”
บ้านนี้ไม่มีชายวัยฉกรรจ์ให้ออกหน้าได้เลย
ชายวัยฉกรรจ์เพียงหนึ่งเดียวก็ไม่ใช่คนในครอบครัวเสียอีก
ป้าสามเริ่มมีสีหน้าหวาดผวาขึ้นมาจริงๆแล้ว
นางอดขึงตาใส่เหลียนเซ่อไม่ได้ เอ่ยตำหนิไม่ยั้ง “เจ้านี่มันเด็กนัก เอาเรื่องเช่นนี้มาบอกพี่ใหญ่เจ้า จะมีประโยชน์อันใดเล่า? พี่ใหญ่เจ้าจะสามารถจัดการได้รึ? ไอ้พวกนักเลงหัวไม้พวกนั้น ใช่คนที่เด็กสาวยังไม่ออกเรือนจะเข้าไปตอแยได้หรือ!”
เหลียนเซ่อกำมือแน่น เอ่ยด้วยความละอาย “ข้ารู้ว่าทำไม่ถูก ทว่า
ข้าไม่รู้จะพูดให้ใครฟังดี....”
เอาเข้าจริง
หรือว่าเขายังเด็กเกินไป
เขายังเป็นเด็กโตที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
แล้วใครเล่าจะเชื่อถือเขา?
เหลียนเซ่อไม่เคยมีความรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่ยังไม่โตเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ไม่เช่นนั้น” เหลียนเซ่อเงยหน้าขึ้น เอ่ยว่า “หรือให้ข้าเป็นคนออกหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้เองดีหรือไม่?”
“ใช่! ใช่! เจ้าจงออกหน้าเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้เลย เช่นนั้นย่อมดีที่สุด!” ป้าสามชอบอกชอบใจ พลางปรบมือเอ่ยขึ้น
“ไม่ดีแน่” เหลียนฟางโจวบอกปัดอย่างไม่ใยดี เอ่ยว่า “พวกเราไม่อาจหาใครในหมู่พวกเราเป็นผู้รับผิดชอบออกหน้าได้หรอก หาไม่แล้วในภายภาคหน้าอาจมีคนหมั่นใส้พวกเราได้? อาเซ่อ เจ้าขี่ลาเดินทางเข้าเมืองเดี๋ยวนี้ ไปหาหลิวเจี่ย...เอ่อน้าหลิว ขอร้องให้เขาเร่งรีบเดินทางเข้าหมู่บ้านทันที รีบไปเสีย! ข้าจะคอยอยู่ถ่วงเวลากับอาเจี่ยนที่นั่น เจ้าวางใจเถิด ข้าอยู่กับพี่เจี่ยนของเจ้า ไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเราหรอก ฝ่ายที่จะต้องพ่ายแพ้ไม่ใช่พวกเราแน่!”
เหลียนเซ่อเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นของเหลียนฟางโจว พลอยทำให้ใจเขาเย็นลงตามไปด้วย เขาผงกศีรษะเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น...ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” กล่าวจบก็ตรงดิ่งไปยังหลังบ้าน
จูงลาออกไป
ช่างน่าเสียดาย ที่ในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครเลี้ยงม้าเลย เด็กหนุ่มจึงทำได้แต่เพียงแต่ขี่ลาไปเท่านั้น
“ป้าสาม” เหลียนฟางโจวมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วหันไปหาน้องเล็กทั้งสองที่กำลังคอยฟังคำสั่งอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยเสียงเข้ม “ฉิงเอ๋อร์กับเช่อเอ๋อร์ข้ามีเรื่องกำชับพวกเจ้า
วันนี้พวกเจ้าห้ามออกนอกบ้านไปไหน คอยอยู่ในบ้านนี่ล่ะ เข้าใจหรือไม่?”
“ได้!” ป้าสามเข้าไปดึงตัวเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ เอ่ยขึ้น
“ระว่างที่คอยอยู่บ้าน ข้าจะปิดประตูรั้วบ้านเอาไว้”
“พี่ใหญ่ จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับท่านใช่ไหม?
ส่วนพวกเราจะอยู่เฝ้าบ้านให้ดี” เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อต่างค่อนข้างกังวลใจ
เหลียนฟางโจวหัวเราะเอ่ยขึ้น “วางใจเถิด จะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นกับข้าหรอก”
หญิงสาวนั่งลง ค่อยๆดำดิ่งครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอคาดการณ์ว่าเหลียนเซ่อถึงตัวเมืองแล้ว ก็จะตรงกลับมายังไร่ที่ลานหินอีกครา สำหรับตัวเธอเองนั้นไม่หวั่นกลัวเรื่องนี้เลยสักนิด
มีแต่ความโมโหเสียละมากกว่า
เหลียนลี่.....
ไม่นึกเลยว่าเขาจะก่อเรื่องขึ้นมา
เมื่อวานเย็นหลังจากถกเถียงกัน ทางฝ่ายเหลียนลี่กับฮูหยินเฉียว มิอาจเบียดเบียนผลประโยชน์ไปจากบ้านเหลียนฟางโจวได้แม้แต่นิด จึงได้แต่โมโหโทโสกลับไป พอก้าวเท้าเข้าไปในบ้านตนเองแล้ว ก็อดก่นด่าสาบแช่งไม่ได้ เหลียนลี่ก็หน้าบึ้งไม่พูดไม่จาด้วย จนกระทั่งภายหลังรู้สึกรำคาญเสียงด่าของภรรยา จนคิ้วขมวด
จึงตะคอกฮูหยินเฉียวให้หุบปาก “จะมานั่งบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา..หา? หากด่านางจนได้ผล
คงไม่ต้องมานั่งทู่ซี้อยู่อย่างนี้หรอก เจ้าหุบปากซะ
เงียบได้แล้ว!”
ฮูหยินเฉียวแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ เอ่ยว่า “นางไม่ควรถูกด่าหรือ? หากไม่ให้ข้าด่า แล้วใจข้ามันจะลดความอัดอั้นตันใจได้อย่างไร เจ้าอยากให้ข้าจุกอกตายหรือไร! นังเด็กน่าตายนั่นมันช่างไร้ยางอายนัก!”
ฮูหยินเฉียวฉุกคิดขึ้นมา โพล่งขึ้น “ตาแก่ คุณชายซูนั่น
เขาเคยพูดชัดๆนี่ว่าเรื่องฝ้ายนี้ให้ท่านเข้ามาจัดการดูแล เรามีคำพูดของคุณชายซูอยู่นี่
เจ้าอยากทำสิ่งใด ไยต้องเกรงกลัวนางเล่า? เราก็ใช้กำลังเลยสิ!”
“ที่เจ้าว่ามา ใช่ว่าข้าจะไม่เคยคิดเสียที่ไหน?”
เหลียนลี่พรั่งพรูลมหายใจ “จะเป็นไปได้หรือ ที่จะใช้กำลังต่อสู้แย่งชิงมา? เราจะสู้ชนะได้อย่างไร? จะสู้ได้อย่างไรโดยที่มีเราแค่สองคน หากจะสู้ให้ชนะก็ต้องหาคนมาช่วยสิ!”
ฮูหยินเฉียวแค่นเสียง “แม้ว่าไม่อาจแย่งชิงเงินมาได้ แต่ที่ดินผืนนั้น..นางไม่อาจซ่อนเก็บไว้ในกระเป๋าได้หรอก! เริ่มจากแย่งชิงที่ดินมาไว้ในกำมือให้ได้เสียก่อน จะไม่กว่าดีหรือ?”
เหลียนลี่ฉุกคิดขึ้นมา อดใคร่ครวญตามวาจาของฮูหยินเฉียวอย่างจริงจังไม่ได้
ใช่...อย่างไร
คุณชาย ก็เอ่ยคำพูดทิ้งไว้ชัดแจ้งอย่างนี้แล้ว แล้วเขาจะต้องเกรงกลัวสิ่งใดกัน? ที่ดินพวกนั้น เดิมทีต้องเป็นเขาสิ
ที่เป็นผู้รับผิดชอบเอาไปดูแลเอง!
“ตาแก่ ที่ท่านพูดมานี่ ข้าเองก็คิดวางแผนอยู่เหมือนกัน ว่าจะทำอย่างไรดี?” ฮูหยินเฉียวเห็นเขาไม่เอ่ยอะไร ก็อดใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆไม่ได้
“ก็ไม่มีอะไรมาก” เหลียนลี่ไม่อยากให้ฮูหยินเฉียวลำพองใจนัก เขาได้กำหนดแผนการไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่แสดงออกให้เห็นทางสีหน้า พลางแค่นเสียงเบาๆสองที “หึ หึ รอดู วันพรุ่งนี้เถิด!”
สองคนผัวเมียต่างสุมหัววางแผนกันทันที ด้วยเหตุผลประการฉะนี้ เพียงไม่นาน
ก็ส่งผลให้เหลียนเซ่อต้องวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่สาวฟัง
เหลียนฟางโจวรั้งรออยู่ที่บ้านราวครึ่งชั่วยาม จากนั้นจึงเตรียมตัวออกจากบ้านอย่างไม่รีบร้อนนัก
“พี่ใหญ่!”
“พี่ใหญ่!”
เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงอดดึงชายเสื้อพี่สาวไม่ได้ ทั้งสองคนค่อนข้างกังวลใจ
เหลียนฟางโจวหัวเราะ พลางลูบหลังลูบไหล่น้องเล็กทั้งสอง
“เรื่องนี้ เจ้าสามารถรับมือได้ใช่ไหม? ระวังตัวให้ดีล่ะ!” ป้าสามค่อนข้างกระวนกระวายใจไม่น้อย
เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“วางใจเถิด! ข้าไม่เป็นอันใดหรอก ข้ามีเหตุมีผลพอ! พวกท่านอยู่บ้านระวังตัวด้วย”
พอเหลียนฟางโจวกล่าวจบ ก็ออกจากบ้านไป
พอกลับมาในตอนเย็น เธอถึงได้รู้ว่า หลังจากเธอออกไปแล้ว ที่บ้านก็เกิดเรื่องวุ่นวายตื่นเต้นไม่ต่างกัน
----------------------------------
-ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และทุกการติดตามค่ะ ^-^
ลุง กับป้านี่ยังเลวได้ไม่เลิก
ตอนหน้าพระเอกเราจะมีบทมากขึ้น
ออกแนวบู๊ตามที่เฮียถนัด
เมื่อไรจะมีคนเอาอิลุงป้า 2 คนนี่ไปเก็บให้พ้นๆซะทีคะ
ตอบลบเกลียดจริงๆ อีพระรองเมื่อไหร่จะมาเฉลยซะที
ตอบลบเกลียดอิลุงอิป้าจริงๆ ขอบคุณนะคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะสนุกมาก รอตอนต่อไปนางจะจัดการปัญหาที่ลุงป้าพยายามสร้างเรื่องให้นางวุ่นวายอยู่อย่างไร
ตอบลบเกลียดสองผัวเมียคู่นี้มากกกกกกอ่านไปก็โกรธแทนนางเอกหาเรื่องมาให้ไม่รู้จักจบโลภมากสุดๆ
ตอบลบต้องโดนทางการเรียกไปปรับทัศนคติซักที
ตอบลบฝังทำปุ๋ยหมักไปเลยเผื่อจะมีประโยชน์ขึ้นมาบ้าง
ตอบลบพลีส อยากอ่านตอนหน้าไวๆแล้วค่ะ
ตอบลบแปลสนุกมากเลยค่ะ เราขอมาเม้นที่นี่นะคะ
ตอบลบแค่เห็นชื่นตอนก้อใจเต้นฟางโจวละ
ตอบลบอยากเอาตำแยโยนใส่จริง ขยันทำคนอื่นเดือดร้อน
อีพระรองมาสร้างเรื่องแล้วไง
ตอบลบลุงกับป้านรกนี่จะก่อ้รื่องถึงตอนที่เท่าไหร่คะ
ตอบลบอ่านแล้ว อยาก ให้ แม่นางจ้างนัก ฆ่า ไม่ก็ พรรค มาร มาเก็บ 2 ลุงป้า มหาภัย ให้มันพ้นๆ ไป
ตอบลบวุ่นวายกันไปหมดเลยอ่ะ
ตอบลบBad
ตอบลบ