วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 136 รู้สึกผิด

                       “น้าชูคำกล่าวนี้ท่านเอ่ยออกมาแล้ว  ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆข้าไหนเลยจะเทียบเทียมเปี่ยวเจี่ยได้เปี่ยวเจี่ยวนับเป็นยอดคนผู้หนึ่งแท้เทียว”  เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม
                        จ้าวลิ่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเหลียนอย่าได้ถ่อมตัวไป  ตัวข้า..เจ้าลิ่วมองคนไม่เคยพลาด  ในภายภาคหน้า  ท่านจะไม่มีทางต่ำต้อยกว่ามนุษย์หน้าไหนแล้ว!”

                        เหลียนฟางโจวหัวเราะอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
              ทุกคนคุยกันเรื่อยเปื่อยเพียงไม่นาน  หลิวเจี่ยก็ถอนหายใจเสียงดัง  ล้วงโฉนดของทางการสองฉบับออกมาจากอกเสื้อส่งให้เหลียนฟางโจว  แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “นี่สำหรับที่ดินที่ลานหินที่นี่และนาข้าวเนื้อที่ 60 หมู่  ทางการได้ออกโฉนดมาแล้ว   ข้าจึงเอามามอบให้ท่านที่นี่เสียเลย!   ส่วนที่ดินตรงปากทางเข้าหมู่บ้านเนื้อที่ 26 หมู่  ข้ายังมิได้ดำเนินเรื่องให้   ส่วนที่ดินตรงสามแยกโน่น  รอให้ข้าบรรลุข้อตกลงหลังจากหารือกับเจ้าของที่ไปแล้วก่อน  ก็จะเดินเรื่องออกโฉนดไปพร้อมกันเลยอย่างไรเสีย  ที่ดินตรงสามแยกโน่นพรุ่งนี้คงตกลงซื้อขายกันได้  ท่านลองดูสิว่าเมื่อใดมีพอเวลา  จะได้เข้าเมืองเอาเงินไปชำระ  และดำเนินการเรื่องโฉนดเสียแต่เนิ่นๆ!”
                        เหลียนฟางโจวปลื้มใจยิ่งนัก  รีบเอ่ยแย้มยิ้ม  “เช่นนั้นแล้ว..ข้าเองก็อยากเร่งเรื่องให้ไว้ขึ้นอีกนิด  พรุ่งนี้ช่วงบ่ายข้าจะเข้าเมืองไปหาท่าน  ท่านเห็นเป็นอย่างไร?
                        “เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย!”  หลิวเจี่ยพยักหน้าหัวเราะ
                        เหลียนฟางโจวหันไปมองจ้าวลิ่ว  เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้าจ้าว  ถึงตอนนั้นข้าก็ยังต้องการจ้างคนอยู่นะ  ข้าอาจจะไปพบท่านด้วย!”
                   จ้าวลิ่วโบกมือ เอ่ยแย้มยิ้ม  “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้นคนงาน 30 คนที่นี่  เจ้าก็เดินไปคุยกับพวกเขาได้เลย   พอถึงเวลาก็ให้พวกเขาไปทำงานได้ทันทีข้าไม่อาจรับเงินสองครั้งได้หรอก  ยังไม่อยากโกงท่าน!”
                        พอกล่าวจบทุกคนต่างหัวเราะออกมา       
                        จ้าวลิ่วโดยนิสัยมิใช่คนละโมบกระหายเงินทอง   อย่างไรก็ตามเขามองเห็นว่านางเป็นคนที่มีความเคารพตัวเองสูงมาก  ในใจเขาจึงรู้สึกดีต่อนางยิ่ง 
                   เหลียนฟางโจวมิได้ดึงดันอีกต่อไป   หญิงสาวพยักหน้ายอมรับตามนั้น  เอ่ยแย้มยิ้ม  “ก็ได้  ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไร  ข้าก็ยังคงไปพบท่านเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่ดี!”
                        พอกล่าวจบ   หญิงสาวจึงเอางานที่อยากสร้างเรือนพักและโกดังบนที่ดิน 26 หมู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านมาหารือ  เรื่องจึงกลายเป็นว่าอยากหากลุ่มคนที่ทำหน้าที่สร้างอาคารเหล่านี้
              จ้าวลิ่วผงกศีรษะ  แล้วถามขึ้น  “ท่านมีอะไรที่ต้องการที่ยังมิได้บอกมาอีกหรือไม่?  ข้าจะได้ไปดำเนินการเรื่องหาคนมาให้  แล้วท่านจะให้เรียกคนไปทำงานที่ตรงนั้นเมื่อใด”
              เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “ข้าอยากได้คนที่มีฝีมือเหนือกว่าแรงงานธรรมดาสักหน่อย   ทั้งยังมีหัวคิดพลิกแพลงบ้าง   แน่นอน  ยังต้องขยันหนักเอาเบาสู้   หากเคยมีประวัติขโมยขโจรฉ้อฉล  ต่อให้ฝีมือดีสักเพียงไหน  ข้าก็ไม่ต้องการ!   ส่วนเรื่องค่าจ้าง  น้าจ้าว...ท่านดูแล้วหากเจอคนดีๆ  ท่านก็รับสมัครเข้ามาได้เลย!   รอให้ได้โฉนดที่ทางการออกให้  ก็สามารถเริ่มงานได้ทันที  ข้าอยากรีบเร่งการก่อสร้างนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!”
                        จ้าวลิ่วนิ่งคิดดูสักพัก  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง  “ไม่รู้ว่าท่านอยากใช้วัสดุอะไรก่อสร้าง  เช่นไม้  หิน กระเบื้อง  อิฐ เป็นต้น  ข้าจะได้หาดูคนที่เหมาะสมให้?   หากคิดในกรณีราบรื่นไม่มีสะดุด   ยามนี้ไม่นับเรื่องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้  ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือน   เมื่องานเสร็จก็จะไม่พบปัญหาใดๆด้วย!”
                        เหลียนฟางโจวส่ายศีรษะ  เอ่ยแย้มยิ้ม  “ข้าวางแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว  ว่าจะใช้อิฐธรรมชาติที่แข็งแรงทนทานในการก่อสร้าง    ส่วนวัสดุพวกไม้และกระเบื้องมุงหลังคาก็ไม่เลว  ข้าก็คิดดูอยู่   ท่านอยู่ที่โน่นรบกวนช่วยข้าหาคนที่หน่วยก้านดีให้ข้า   และเป็นไปได้หรือไม่  หากให้หัวหน้าคนงานไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ด้วยกันกับข้าส่วนแบบแปลนอาคารนั้น  ข้าเองกำลังร่างอยู่  เมื่อถึงเวลาข้าจะมาขอความเห็นจากท่าน   ว่าควรใช้วัสดุแบบใดกับส่วนไหนของอาคารดี....”
         จ้าวลิ่วรู้สึกทึ่งจนคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย  เขาเผลอจับจ้องนางโดยไม่รู้ตัว  เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเหลียนสามารถวาดแบบแปลนได้ด้วยความคิดนี้ของท่านช่างไม่เลวเลย  ข้ามองว่ามีประสิทธิภาพนัก   มีเจ้านายแบบท่านนี่ นับว่าน่ายินดีแท้  งานก่อสร้างอาคารจะไม่สะดุดเพราะปัญหาวัสดุขาดแคลนและเหตุไม่คาดฝันอื่นๆเป็นแน่  !”
                        จ้าวลิ่วถามคำถามไม่ซับซ้อนนักกับหญิงสาวสองสามคำถาม   ทั้งสองต่างตกลงกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว
              เมื่อสนทนากันเรื่อยเปื่อยพอหอมปากหอมคอแล้ว   หลิวเจี่ยจึงหันไปทางจ้าวลิ่วแต่ละฝ่ายต่างสบตากัน   แล้วจึงหัวเราะเอ่ยขึ้น “ยามนี้ก็ล่วงเลยเวลามามากแล้ว  พวกเราคงต้องขอตัวก่อนแม่นางเหลียนท่านก็ไปจัดการธุระปะปังก่อนเถิด!”
                        เหลียนฟางโจวผงกศีรษะเห็นด้วย  พลางคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “ตรงกันข้ามข้ากลับทำให้  น้าชูและน้าจ้าวเสียเวลามาครึ่งวันเลย!”  จากนั้นจึงเดินไปส่งแขกพร้อมเหลียนเซ่อและอาเจี่ยน
                        ก่อนจะแยกกัน  หลิวเจี่ยพลันนึกถึงเรื่องขายถ่านขึ้นมาได้  เขาเกือบจะลืมบอกเหลียนฟางโจวเสียแล้ว  จึงเอ่ยคุยทันที  พลางส่งกระดาษรายการให้หญิงสาว  บนกระดาษเขียนชื่อคนที่อยากสั่งซื้อ 6-7 สกุล    มีทั้งคนสกุลใหญ่ในเมืองและเหลาอาหาร  ร้านผ้าไหม   ร้านค้าทั่วไป  และกิจการอื่นๆ   แต่ละรายการก็คือรายชื่อแต่ละสกุล  และจำนวนชั่งที่ต้องการ   ทั้งแจงว่าให้สกุลไหนเร่งด่วนก่อน  สกุลไหนไม่เร่งมากนัก   หากพวกเขามีเวลาพรุ่งนี้ก็สามารถเอาไปส่งให้ก่อนได้เลย
                   เหลียนฟางโจวดีอกดีใจยิ่งนัก    หญิงสาวขอบคุณแล้วขอบคุณอีก   ต่อหน้าหลิวเจี่ยเธอหยิบกระดาษรายการสั่งซื้อมาอ่านดูอีกรอบ  มีตัวอักษรส่วนน้อยที่นางอ่านไม่ออก   หลิวเจี่ยจึงอธิบายให้ฟัง   เพื่อนางจะได้รู้และจำเอาไว้ใช้ในภายหน้า  
                        เมื่อส่งหลิวเจี่ยและจ้าวลิ่วแล้ว   เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยแย้มยิ้ม  “อาเจี่ยน  พรุ่งนี้ท่านเข้าไปในเมือง  ไปขายถ่านกับน้าชูด้วยกัน  ข้ากับอาเซ่อจะดูแลความเรียบร้อยที่นี่เอง!”
                        “ตกลง!” อาเจี่ยนผงกศีรษะ  แย้มยิ้มเป็นการรับปาก
                        “อาเซ่อ...เจ้าไปดูหน่อยสิว่างานเสร็จไปถึงไหนแล้ว  ไปเถิด!”  อาเจี่ยนพลันหันไปบอกเหลียนเซ่อ
                   เหลียนเซ่อชะงักไปเล็กน้อย   เบนสายตาไปทางเหลียนฟางโจวทันที  เห็นนางไม่คัดค้านอันใด  จึงร้อง “อ้อ”  ทีหนึ่งแล้วเดินจากไป
              เหลียนฟางโจวอดตวัดสายตาไปทางอาเจี่ยนไม่ได้   เธอรู้ดีว่า  อาเจี่ยนต้องมีเรื่องที่อยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวเป็นแน่
                        อาเจี่ยนหัวเราะ   ดูราวมีความอึดอัดใจอยู่บ้าง  ผ่านไปชั่วขณะ  จึงเอ่ยเสียงค่อย  “เรื่องราวในวันนี้.....เดิมทีข้าไม่ควรไปเรียกท่านมา   ทว่าพอคิดดูแล้ว  นอกจากท่านแล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมอีก   ฟางโจว...ท่านจะคิดตำหนิข้าไหม?”
              เหลียนฟางโจวกระพริบตาปริบๆ   ครุ่นคิดลึกๆ  แล้วก็เริ่มเข้าใจความนัยของอาเจี่ยนในเวลาอันสั้น
                   เดิมทีเขาไม่ควรเรียกเธอมา   ย่อมเป็นเพราะสาเหตุมาจากอันธพาลกลุ่มนั้น  ไม่มีสตรีที่ยังไม่ออกเรือนดีๆคนไหนอยากไปทะเลาะกับคนประเภทนั้นหรอก
                        ทว่าเหลียนฟางโจวคือหัวหน้าครอบครัว  อาเจี่ยนเป็นเพียงคนนอก  จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะไปโต้แย้งกับเหลียนลี่ได้  เหลียนลี่เองก็มิได้เห็นชายหนุ่มอยู่ในสายตาด้วย!
                        ด้วยเหตุนี้  เขาจึงไม่มีทางเลือก  ต้องขอให้เหลียนฟางโจวมา!
                        ทว่าเรื่องราวก็มิได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ  ปากของเอ้อร์โก่วเจือนั่นมิได้กล่าวคำดีๆออกมาเลย หากเหลียนฟางโจวไม่แข็งแกร่งและฉลาดเฉลียวพอ  มิได้เยือกเย็นพอ  หรือน่าเกรงขามพอ  อาเจี่ยนเชื่อว่า  ไม่เฉพาะเอ้อร์โก่วจือ  ปากของพวกสมุนที่เหลือก็คงไม่มีคำดีๆหลุดออกมา!
                        ต่อหน้าผู้คนมากมาย  ชื่อเสียงของเหลียนฟางโจวแท้จริงได้ถูกทำลายลงไปหมดสิ้นแล้วสีหน้าของเอ้อร์โก่วจือและคนอื่นๆ  และคำพูดทั้งหลายแหล่ของเอ้อร์โก่วจือในยามนั้นทำให้อาเจี่ยนท่วมท้นด้วยความรู้สึกผิดพอๆกับความเสียใจ   ด้วยเหตุนี้ภายหลังเขาจึงลงไม้ลงมือกับพวกมันอย่างไร้ความปราณีและไม่มีการผ่อนปรนใดๆทั้งสิ้น!
                   มิใช่จะมีเพียงแต่โทสะ  ทว่าชายหนุ่มยังชิงชังท่าทางเกะกะระรานของนักเลงหัวไม้พวกนั้นด้วย  เขายิ่งกระจ่างแจ้งแก่ใจว่า  หากไม่กล้าลงมือเล่นงานพวกมันอย่างรุนแรงแบบสายฟ้าแลบปานนั้น   พวกมันคงไม่หลาบจำ  และคอยคิดแก้แค้นเอาคืน   เช่นนั้น....จะต้องมีปัญหาตามมาภายหลังเป็นแน่
                        ทว่าเขายังคงรู้สึกอยากขอโทษเหลียนฟางโจว  ชื่อเสียงของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนแท้จริงแล้ว  เป็นสิ่งสำคัญยิ่งจริงๆหรือไม่นะด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามผลักดันให้เหลียนเซ่อไป  เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ขอโทษเหลียนฟางโจวตรงๆ
                        เหลียนฟางโจวรู้ซึ้งถึงความคิดของชายหนุ่มจากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา  แทนที่จะรู้สึกเสียใจ   หญิงสาวกลับรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “อาเจี่ยน  ท่านอย่าได้คิดและพูดเช่นนี้ ตามที่ท่านเอ่ยมา  เอาจริงๆท่านมิได้เรียกข้ามาหรอก  เรื่องนี้โดยพื้นฐานแล้ว  มันไม่มีทางคลี่คลายลงได้ตัวข้านั้นมีความสามารถ  ในการเผชิญกับปัญหาด้วยเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว  จะมีอะไรน่ากลัวนักรึ?
                        ตั้งแต่ข้าตัดสินใจจะประคับประคองครอบครัวนี้ให้ตั้งตัวเป็นปึกแผ่นให้ได้   ข้าจึงต้องจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ฮะฮะ  ไม่เป็นไรหรอก   ข้าหน้าหนาเสียอย่าง  ไม่มีอะไรสามารถล้มข้าได้ง่ายๆหรอก!”
                        อาเจี่ยนอดหัวเราะไม่ได้  พรูลมหายใจพลางเอ่ยว่า “เป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นท่าน  ไม่ง่ายดายเลยจริงๆ!”
              เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “ท่านมิต้องพูดอะไรให้มากความไป ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่รักชอบในสิ่งที่ลงมือทำเล่า?”
                   อาเจี่ยนชะงักไปคราหนึ่ง  พอคิดถึงพฤติกรรมทั้งหลายทั้งแหล่ของเหลียนฟางโจวที่ผ่านในอดีตจนถึงปัจจุบัน  ไม่ว่าจะทำสิ่งใด  นางก็ล้วนทำด้วยความกระตือรือร้น อย่างทุ่มเทหมดทั้งหัวใจ   นั่นมิใช่เพราะนางรักชอบในสิ่งที่ทำหรอกหรือ?

                        คนทั้งคู่มองหน้ากันแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
              -----------------------------------------------------------
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
     มาลงตอนใหม่ชดเชยให้ตามสัญญาแล้วนะคะ  แม้จะมา late ไปหน่อย...  ขออภัยด้วยค่ะ ^-^





12 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 ตุลาคม 2560 เวลา 22:29

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ///คู่นี้เค้าคอยๆสนิทสนมกันขึ้นเรื่อยๆ

    ตอบลบ
  4. เมื่อไหร่จะรักกันซะที่นะ รอๆ ขอบคุณมากๆนะคะ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ เข้าใจกันมากขึ้นนะเนี่ย มาแบบซึมทีละนิด

    ตอบลบ
  6. สนุกแบบไปเรือยๆทุกตอน ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  7. อาเจี่ยนแต่งเข้าเลยสิ จะได้ไม่เป็นคนนอกอีก XD

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ22 ตุลาคม 2560 เวลา 16:51

    เมื่อไหร่ท่านแม่ทัพจะจำความได้คะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อีกนานค่ะ หลังแต่งงานไปแล้วสักพัก ราวๆตอนที่ 598 ตอนพบกับนางรองเพื่อนสมัยเด็กมาตามหา ความทรงจำเลยกลับคืนมา

      ลบ