วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 138 จับตัวฮูหยินเฉียว

                       แม้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนเหลียนฟางโจวจะซื้อตู้เก็บของใบใหญ่มาใบหนึ่ง  นอกจากเอาไว้เก็บเสื้อผ้าแล้ว   ส่วนบนของตู้ยังมีลิ้นชักขนาดใหญ่ที่สามารถลั่นกุญแจได้หนึ่งคู่  ส่งผลให้ป้าสามหวาดหวั่นถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นทั่วร่าง!
                        หากฮูหยินเฉียวงัดกุญแจลิ้นชักขึ้นมา?   หากฮูหยินเฉียวผลักเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อจนเด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บแล้วนางจะแก้ตัวกับเหลียนฟางโจวอย่างไรดี!

                        โทสะในใจของป้าสามพุ่งพล่าน  ร้องตะโกนเสียงลั่น “นังแก่แพศยาใจร้าย  เจ้ามันไม่ใช่คน!   กล้าประพฤติตัวเยี่ยงโจรที่บุกปล้นบ้านผู้อื่น!” ว่าแล้วก็โถมตัวเข้าฟัดกับเฉียวซื่อ หรือฮูหยินเฉียวนั่นเอง
                        เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อพลันใจเต้นตึกตัก   เดิมทีเหลียนฟางฉิงเจอเฉียวซื่อผลักเข้าเต็มเปาจนร้องไห้ออกมา  ยามนี้ไม่ร่ำไห้แล้ว  พลันจับขาของเฉียวซื่อไว้แน่น  ส่วนเหลียนเช่อโหมแรงทั้งหมดดึงแขนของนางเอาไว้   ผสมโรงกับป้าสามที่โถมตัวเข้าใส่ด้วยแรงโทสะ
    และแล้วสถานการณ์พลันพลิกกลับ
              เฉียวซื่อไม่คิดว่าป้าสามจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้   ถึงกับตกใจ   มือไม้พลันอ่อนแรงลงไปทันที   หมดโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับคืนมา
                   กว่านางจะโต้กลับได้ยามนั้น  ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือป้าสามไปเสียแล้ว  
                        เฉียวซื่อทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งหวาดหวั่น   พยายามดิ้นรนสุดแรงร้องตะโกนลั่น  ป้าสาม เหลียนฟางฉิง กับเหลียนเช่อไหนเลยจะสนใจเล่า?   ป้าสามเองฉุดรั้ง  ตระครุบตัวนางแน่นจนดิ้นไม่หลุด   
                        ไม่รู้ว่าใครที่เผลอสะดุดเท้าตัวเองขึ้นมา    จึงพาทุกคนให้ล้มหัวทิ่มไปด้วยกัน   ลงบนหลังเฉียวซื่อที่นอนคว่ำอยู่ไม่ต่างจากพรม   จนนางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
    ป้าสามโพล่งขึ้น  “ฉิงเอ๋อร์  ข้ากับพี่สามเจ้าจะกดตัวนางเอาไว้  เจ้าไปหยิบเชือกมาให้หน่อย!”
                   “ได้เจ้าค่ะ!”  เหลียนฟางฉิงรีบลุกขึ้นวิ่งเร็วปรื๋อไปค้นหาเชือก
              เฉียวซื่อทั้งหวาดกลัวระคนคลั่งแค้น  ร้องเสียงลั่นบอกให้ปล่อยข้า  พยายามดิ้นรนบิดตัวสุดแรง   ป้าสามปั่นป่วนอลหม่านเหลือจะกล่าว    พยายามขึ้นคร่อมเอวเฉียวซื่อแล้วเอาขารัดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น   ขณะที่ใช้สองมือกดตัวเฉียวซื่อให้นิ่งอยู่กับที่จนกระดิกตัวไม่ได้  
              เหลียนเช่อเห็นแล้วจึงเลียนแบบป้าสามบ้าง   เอาขาตนเองคร่อมเอวเฉียนซื่อด้วย  แล้วรัดอีกฝ่ายแน่นจนดิ้นไม่หลุด
                   เฉียวซื่อดวงตามืดครึ้ม  สะกดกลั้นโทสะที่พุ่งพล่านจนเกือบจะเป็นลมนี่มันอะไรกัน!
                        นางพ่นคำด่าสาดเสียเทเสียออกมา
    ป้าสามได้ฟังแล้วให้บันดาลโทสะ   เงื้อมือขึ้นทั้งสองข้าง  แล้วตบลงไปบนหน้าเฉียวซื่อทั้งซ้ายและขวาเสียงดังสนั่นด้วยแรงอารมณ์  มิวายก่นด่าไปด้วย “เจ้าลองด่าขึ้นมาอีกครั้งสิ   นังเฒ่า...แกได้เจอถุงเท้าเหม็นเน่ายัดปากแน่ !”
                        ยามนี้เหลียนเช่อเอ่ยวาจาที่ชอบด้วยเหตุผลนัก  “ป้าสาม  ต่อให้เป็นถุงเท้าเหม็นเน่าก็มิอาจทำให้ปากนางเน่าเหม็นได้หรอก!”
              ป้าสามระเบิดหัวเราะดังลั่น  “เช่อเอ๋อร์  เจ้าพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก!  ไม่สงสัยเลยว่าป้าใหญ่ของเจ้าคงสรรเสริญว่าเจ้าเป็นเด็กฉลาดปราดเปรื่องเป็นแน่ !” 
                        เฉียวซื่อทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้น  อกแทบระเบิดด้วยโทสะขุมใหญ่  ทว่าไม่กล้าหลุดปากด่าทอออกมาอีกครา  ได้แต่กัดปากไว้แน่น
                        “ป้าสาม  เชือกมาแล้วเจ้าค่ะ!”  ยามนี้เหลียนฟางฉิงรีบผลุบจากข้างนอกเข้ามาในห้อง  ในมือถือเชือกใยมะพร้าวเส้นหนาเท่านิ้วหัวแม่มือมาขดหนึ่ง 
              “ดีมาก  ฉิงเอ๋อร์  เจ้าเอาเชือกมามัดขานางทั้งสองข้างให้แน่นๆ!”  ป้าสามโพล่งขึ้น
              เฉียวซื่อทั้งโมโหทั้งเจ็บใจ  ไหนเลยจะยอมจำนนเล่า?   พลันดิ้นรนฮึดฮัดขัดขืนไม่หยุด
              ป้าสามจึงสบถด่า  “เจ้าก็หัดทำตัวว่าง่ายเสียบ้าง จะดิ้นให้เชือกหลุดหรือ หากทำให้เชือกหลุดเมื่อใด   ข้าจะให้ฉิงเอ๋อร์ไปหาถุงเท้าเน่ามา!”
                        เฉียนซื่อตัวสั่นระริก  ไม่กล้าดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป
              ป้าสามแค่นเสียงเย็นชาอย่างชอบใจ  “แค่ทำตัวว่าง่ายได้ก็นับว่าดีแล้วนังเฒ่าเอ๋ย  หากทำตัวดีๆว่าง่ายๆ  ข้ารับประกันเลยว่าจะไม่เอาถุงเท้าเหม็นเน่ามายัดปากเจ้าแน่!”
                        เฉียนซื่อจึงโล่งใจขึ้นมาหน่อย   ทว่ายิ่งฮึดฮัดชิงชังไม่หยุด   ยิ่งพอเห็นผ้าขิ้ริ้วในมือป้าสาม  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อก็ก่นด่าแต่ละคนยาวเหยียดในใจ   ฮึ่ม..พวกเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ แม้แต่อาเจี่ยนที่อยู่ฝั่งโน้นคงไม่อาจหนีรอดกลับมาบ้านได้เป็นแน่
                        เพียงไม่นานป้าสามก็พบวิธีจัดการกับเฉียวซื่ออย่างเหมาะสม   โดยเอาเชือกมัดตัวอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างแน่นหนาประหนึ่งกำลังห่อบ๊ะจ่าง
                        ป้าสามปรบมือแล้วลุกขึ้นยืน  พลางเอ่ยเย้ยหยัน  “พี่สะใภ้  มิคาดว่าเจ้าจะออกมาทำเรื่องที่น่าละอายถึงเพียงนี้ได้เจ้าก็รออยู่อย่างสงบเสงี่ยมในนี้เถิดนะคอยฟางโจวกลับมาจัดการเถอะ!”
                        พอได้ยินคำว่าจัดการสองคำนี้  เฉียวซื่อก็บันดาลโทสะ  เงยหน้าขึ้นอย่างยากเย็นจ้องป้าสามเขม็งเอ่ยขึ้นทีละคำ “ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้านะ เจ้า...เจ้ารีบปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้   หาไม่แล้ว คอยพี่ใหญ่เจ้ากลับมา  เจ้าโดนดีแน่!”
                        ป้าสามถ่มน้ำลายร้องตวาดลั่น  “เพ้ย  หากเจ้ามิใช่พี่สะใภ้ข้า  เจ้าคิดดูสิว่า  ข้าจะปล่อยให้เจ้าก่อเรื่องก่อราวมาจนถึงป่านนี้หรือ?   เจ้าข่มเหงรังแกหลานๆ   รื้อค้นห้องนอนหลานหวังจะฉกของๆเขา  เคราะห์ดีนะที่ข้ายังอยู่ เจ้ายังกล้ามีหน้ามาพูดว่าเจ้าคือพี่สะใภ้ข้าอีกรึ!”
                        “แน่นอน..ข้า.....” เฉียวซื่อไม่อาจหาคำแก้ตัวใดๆได้  ได้แต่แค่นเสียงออกมา “ข้า..ก็แค่มาสำรวจเท่านั้น   แล้วจะได้มาหารือกันต่อ   ข้าเองก็มิได้อยากจะฉกฉวยอันใดเลยนะมีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีๆ ได้หรือไม่?”
         หากวาจาที่เจ้าพ่นออกมา มาจากน้ำใสใจจริง  เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายได้ฟังแล้วคงอกสั่นขวัญแขวน   จนหลังเหงื่อเย็นเป็นแน่!”   ป้าสามแค่นเสียงเฮอะ  พลางร้องเรียกเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อ  “พวกเจ้าไปกันเถิด!   อย่างไรเสีย...นางก็คงคลานหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
              เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อขานรับพร้อมกัน   แล้วเดินตามป้าสามออกไปทันที
              เฉียวซื่อพลันเคร่งเครียดทันที   รีบตะโกนเรียก  “ช้าก่อน  ช้าก่อนได้  คอยฟางโจวกลับมาค่อยหารือกันอีกที!   ทว่าพื้นมันเย็น  หากข้าเป็นหวัดขึ้นมาภายหลัง  จะทำอย่างไร?  เจ้าไปเอาผ้าห่มและอะไรที่เป็นฟูกนอนมาให้ข้าด้วยได้หรือไม่?”
                        “ไม่ได้!”  เหลียนฟางฉิงร้องออกมาอย่างฉุนเฉียว “ไม่เอาน้ำมาสาดท่านก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
                        ป้าสามปรบมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “ฉิงเอ๋อร์พูดจามีเหตุผลนักเจ้ามีอะไรอื่นอยากได้อีกหรือไม่?”
                        ส่วนประโยคต่อมานั้นย่อมเจาะจงเอ่ยกับเฉียวซื่อ
              “ไอ้พวกสุนัขขี้เรื้อน!”  เฉียวซื่อขยับปากก่นด่าเสียงต่ำมาอีกประโยค   พอหันหน้าไปก็ไม่เห็นป้าสามแล้ว
                        ป้าสามแค่นเสียงเฮอะ   แล้วจึงพาเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อออกไป   ปล่อยเฉียวซื่อทิ้งไว้ในห้องเสียอย่างนั้น
          **
                   “ภายหลังลุงใหญ่มาเคาะประตูรั้ว  บางทีอาจมาเพื่อตามหาคน   ข้าไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี  เพียงพยายามไม่ให้เขาเปิดประตูรั้วเข้ามาได้ เคราะห์ดีที่เขาตะโกนเรียกเพียงไม่กี่ครั้ง   คงเป็นเพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมากระมัง   จึงจากไป  ไม่เช่นนั้น....”  ป้าสามเอ่ยออกมาในที่สุด
                   เหลียนฟางโจวแค่นเสียงเอ่ยว่า  “เขาเป็นพวกรักหน้ารักตาขนาดนั้น  ย่อมสามารถเดินจากไปอย่างหน้าตาเฉยได้   ท่านคิดหรือว่าเขาจะกล้าบุกเข้ามาน่ะ!”
                        พอผลักประตูห้องนอนเข้ามา   แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว   ทว่าเหลียนฟางโจวก็ยังหวั่นๆอยู่บ้าง   สำหรับเหลียนเซ่อตรงกันข้ามกลับหัวเราะขำพรืดออกมาอย่างอดไม่อยู่
              เมื่อเห็นสิ่งที่คล้ายบ๊ะจ่างก้อนมหึมาอยู่ตรงหน้า!
              อาเจี่ยนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ด้วย   ได้แต่โคลงศีรษะเบาๆ   พลางเบือนหน้าหนี
                        เรื่องราวปัญหาภายในของบ้านสกุลเหลียน  เขามิอาจสอดมือเข้าไปยุ่งได้  ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่คณามือเหลียนฟางโจวอยู่แล้ว
                        “ฟางโจวเจ้า..เจ้า....เจ้ากลับมาจนได้นะ!”   เฉียวซื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน  จึงอดเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้   แล้วจับจ้องเหลียนฟางโจวด้วยดวงตาเป็นประกาย   ถึงกระนั้นสีหน้าก็ยังมืดครึ้ม  อยากจะก่นด่าออกมาชุดใหญ่นัก  แล้วคิดเออเองว่า  ยามนี้สถานการณ์อยู่ในความควบคุมของฝ่ายตน   จึงคิดกลับมาเป็นฝ่ายข่มขู่แทน
              “ป้าใหญ่ไฉนจึงแจ้นมาถึงห้องข้าได้เล่า!   ข้าก็นึกว่ามีขโมยบุกเข้ามาเสียอีก!”  เหลียนฟางโจวแค่นเสียงเย้ยหยัน
                        เฉียวซื่อถูกมัดทั้งตัวเช่นนี้   หลังทาบอยู่บนพื้นอันเย็นเยียบมาครึ่งวัน   ทั่วทั้งร่างรู้สึกชาหนึบระคนปวดร้าว   นางทนทรมานเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมานาน  พอได้ยินเหลียนฟางโจวพูดเช่นนี้  กำลังจะเปิดปากโต้ตอบบ้าง   ทว่าเหลียนฟางโจวกลับเอ่ยต่อด้วยเสียงกร้าวกระด้าง  “ยังเช้าอยู่เลย  ป้าใหญ่จะพักต่อก็ได้นะ   ให้ข้าไปล้างหน้าล้างตาดื่มชาร้อนๆก่อน  แล้วพวกเราค่อยๆเจรจากันอีกครา! “  พอกล่าวจบ  หญิงสาวจึงพาป้าสามและคนอื่นๆที่รออยู่ปิดประตูเดินออกไป
                   ความหวังจะได้เป็นอิสระที่รอมาอย่างลำบากยากเย็น  จู่ๆก็มลายหายไปในพริบตา  ทำให้เฉียวซื่อโมโหมาก  ทว่าก็ไม่กล้าร้องตะโกนด่าทอออกไป  ได้แต่เพียงสบถด่าเสียงเบา  ดวงตาลุกวาบ
              ผ่านไปสักครู่ใหญ่  เหลียนฟางโจวจึงเดินเข้ามาในห้อง  ยามนี้หญิงสาวเข้ามาเพียงลำพัง   พลางงับประตูปิดตามหลัง

                   เฉียวซื่อเห็นหลานสาว  พลันใจชื้นขึ้น   ดวงตาปรากฏแววขอร้องอ้อนวอนขึ้นหลายส่วน
    --------------------------------------------------------------------------------
   ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ  ^-^





13 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ
    อ่านแล้วหมั่นไส้อยากอัดผัวเมียคุ่นี้จริงๆ

    ตอบลบ
  2. เมื่อไหร่ลุงป้ามหาประลัยจะเข็ดซักที

    ตอบลบ
  3. หน้าหนาหน้าทนจริงๆ

    ตอบลบ
  4. แปลสละสลวยมาก เนื้อเรื่องสนุก ได้ความรู้

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ รอเมื่อไรอาโจวจะหั่นบะจ่าง

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่ะ เบื่อลุงป้าคู่นี้จัง ร้ายจนน่าเกลียด

    ตอบลบ
  7. ครอบครัวลุงป้า นี่แย่จริงๆ

    ตอบลบ
  8. ฝังไปเลย แม่ นาง คน แบบนี้ สังคมแบบนี้ อย่าอยู่เลย ทำเป็นปุ๋ยต้นไม้น่าจะมีประโยชน์ต่อโลกมากกว่าเชื่อ สิ

    ตอบลบ
  9. ใจร้อนถึงกลับไปดำน้ำที่เว็บต้นฉบับมา ไปต่อไม่เป็น ก็แพ้ทางกลับมาที่เดิม ขอบคุณที่แปลค่ะ

    ตอบลบ
  10. ฉากบู๊ดุเดือดมากค่า

    ตอบลบ