“ไม่ว่าเรื่องอันใดพวกข้าล้วนมิอาจปิดบังนายหญิงได้เลย!” หลี่ฉิงและหวูเสี่ยวเหมาต่างสบตากัน แล้วหัวเราะด้วยความขัดเขิน
ชายทั้งสองคนนำความปรารถนาของเหล่าคนงานมาบอกกล่าวกับเหลียนฟางโจว
หลายวันที่เหลียนฟางโจวได้เฝ้าสังเกตุมาตลอด คนงานพวกนี้ ฝีมือและอุปนิสัยใจคอนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว กับเงื่อนไขที่เสนอมานี้ นางก็พอใจมิใช่น้อย เมื่อคิดใคร่ครวญดูแล้ว หญิงสาวจึงเห็นดีด้วยกับชายทั้งสองทันที “ตกลง! แม้แนวคิดจะดีเพียงใด แต่มิสู้ทำให้เห็นเป็นรูปธรรม ข้าคิดว่านี่คือวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่สุด! เรื่องที่พวกท่านนำเสนอมานี้ท่านจงนำไปบอกกล่าวกับน้าจ้าวลิ่วเถิด คุยกับน้าจ้าวลิ่วแล้ว
ก็มิจำเป็นต้องนำมาบอกข้าอีกทอดหรอก
ให้น้าจ้าวลิ่วมาเป็นผู้จัดแบ่งงานให้ก็เหมาะสมดีแล้ว!”
แม้หลี่ฉิงกับหวูเสี่ยวเหมาจะยังไม่กระจ่างว่าเหตุไดจึงต้องทำเช่นนี้ ทว่าก็ผงกศีรษะหัวเราะเป็นการตอบรับ ถึงแม้ว่าเดิมทีพวกเขาคาดเดาล่วงหน้าว่าเหลียนฟางโจวน่าจะเห็นดีด้วย ทว่ายามนี้ข้อเสนอดังกล่าวได้กลายเป็นจริงแล้ว ส่งผลให้คนทั้งสองปิติยินดียิ่งนัก
หลังอาเจี่ยนขับรถไปส่งถ่านในตัวเมืองได้สองเที่ยว ชายหนุ่มจึงไปส่งอาหารเที่ยงที่ลานหินด้วยกันกับเหลียนฟางโจว ตกบ่ายก็ยังไปส่งถ่านในเมืองอีกเป็นรอบที่สาม ในช่วงบ่าย
เหลียนฟางโจวมีเรื่องที่ดินที่จะต้องไปเจรจา ภายหลังจึงให้อาเจี่ยนพาเข้าเมืองไปด้วยกันกับเหลียนเซ่อ โดยเหลียนฟางโจวนำเงินค่าซื้อที่ดินติดตัวไปด้วย
พอถึงตัวเมืองแล้ว
อาเจี่ยนไปส่งถ่านให้ลูกค้า ส่วนเหลียนฟางโจวและน้องชายคนรอง
ทั้งสองคนแยกไปบ้านหลิวเจี่ย
เมื่อวานนี้หลิวเจี่ยช่วยเหลือครอบครัวนางไว้มาก วันนี้เมื่อพวกเธอมาเยี่ยม ย่อมมิอาจมามือเปล่าได้ จากนี้ไปอีกสองวันทั้งสองก็จะไปเยี่ยมจ้าวลิ่ว ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อจึงไปหาซื้อขนมหวานชั้นเลิศจากร้านขนมมาสองกล่อง ไปร้านผ้าไหมที่หมายตาไว้ เพื่อซื้อผ้าไหมแบบใหม่เอี่ยมสองผืน ทั้งยังแบ่งเนื้อหมูหนัก 4 ชั่งที่ซื้อมาจากแผงในตลาดก่อนหน้านั้น รวมทั้งซื้อลูกพลับแห้งหนักหลายชั่งมาฝากด้วย สิ้นเงินไปทั้งหมดราวสองถึงสามตำลึง ครั้นแล้วจึงมุ่งหน้าไปบ้านของหลิวเจี่ยเป็นลำดับถัดไป
หลิวเจี่ยพอเห็นของฝากเหล่านี้ก็บ่นออกมาว่าทำให้อีกฝ่ายสิ้นเปลืองเงินทอง เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อหัวเราะ พลางเอ่ยขอบคุณที่เขารีบเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวตนเมื่อวานนี้ ฝ่ายหลิวเจี่ยเอ่ยถึงเรื่องการซื้อที่ดินว่ามิพบปัญหาอันใดเลย หลังจากที่เขาได้วิ่งเต้นเดินเรื่องไปแล้ว เรื่องนี้คงสำเร็จเรียบร้อยตามที่คาดไว้
เหลียนฟางโจวโอภาปราศัยกับอีกฝ่ายอย่างจริงใจเปิดเผย ซ้ำเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ หลิวเจี่ยก็เป็นคนที่มากน้ำใจผู้หนึ่ง จึงยอมรับของฝากด้วยความตื้นตันใจ ครั้นแล้วจึงเรียกให้ภรรยามารับของฝากไป
ภรรยาของหลิวเจี่ยเองก็มีความรู้สึกดีต่อสองพี่น้องชายหญิงคู่นี้ จึงเข้าไปรับของฝากด้วยหน้าตายิ้มแย้ม พลางเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ แล้วนำชาที่ดีที่สุดในบ้านออกมาต้อนรับ ทั้งยังรีบจัดแจงนำขนมในกล่องมาจัดใส่จานด้วย
พอนั่งลงเรียบร้อย
ก็เอ่ยถึงธุระที่ยังคั่งค้างอยู่
หลิวเจี่ยนำบัญชีมามอบให้เหลียนฟางโจวตรวจดู ซึ่งมียอดรวมเงินทั้งหมดแสดงในท้ายรายการ รายการบัญชีนี้หลิวเจี่ยได้แยกค่านายหน้า ออกจากค่าใช้จ่ายในการเดินเรื่องออกโฉนดโดยทางการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,362 ตำลึง หลิวเจี่ยรับเงินเพียง 3,350 ตำลึง พร้อมนำใบรับเงินมอบให้เหลียนฟางโจว พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ที่ดินเหล่านี้เป็นของท่านแล้ว อีกราวสองวันคงจัดการเดินเรื่องได้เรียบร้อย คอยอีกสักสองสามวันทางการคงออกโฉนดมาให้ แล้วข้าจะแจ้งให้ท่านทราบอีกครา!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
แล้วเอ่ยว่าเธอยังมีงานที่ต้องไปสะสาง
จึงพาเหลียนเซ่อขอตัวกลับ
อาเจี่ยนเพิ่งเสร็จจากการขายถ่านซึ่งได้กำไรงามมาพอดี เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ รวมทั้งอาเจี่ยนจึงไปซื้อกระดูกและเนื้อหมูมาอีกพอสมควรเพื่อไว้ใช้สำหรับตุ๋นน้ำแกง เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน
จบวัน อาเจี่ยนไปส่งของถึง 5 เที่ยว ฝ่ายหลี่ซานเหอและภรรยาส่งของรวม 3 เที่ยว พรุ่งนี้แต่ละคนไปส่งของอีกหนึ่งเที่ยว ให้กับอีกหนึ่งสกุลที่เหลือ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นงานส่งของทั้งหมด
ต่อไปคราวหน้าหากเปิดหลุมเตาเผาถ่านเมื่อใด ก็สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทันที
เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่า พรุ่งนี้หลังจากไปดูแลงานที่ลานหินแล้ว วันมะรืนก็จะไปสำรวจที่ดินผืนแรกที่เคยไปดูมาซึ่งอยู่แถวทางแยกนั่น แรกสุดบริเวณที่เป็นผืนดินรกร้างก็คงต้องได้รับการแผ้วถางและเผาวัชพืชอย่างที่เคยทำมา เพื่อเป็นการเตรียมหน้าดิน
บริเวณที่เป็นผืนดินรกร้างที่อยู่แถบสามแยกด้านโน้นมีเนื้อที่เพียง
680 หมู่ เมื่อเทียบกับที่ดินที่ลานหิน โดยรวมแล้วไม่มีพุ่มไม้รกทึบขึ้นถี่นัก ซ้ำหญ้าก็มีไม่มาก การแผ้วถางผืนดินนี้ย่อมทำได้ง่ายกว่ามาก! หากแต่เพียงพื้นที่นั้นมีความสูงชัน และมีเนินเขาลูกหนึ่ง จึงค่อนข้างลำบากไม่น้อย
เหลียนฟางโจววางแผนว่าจะเผาพื้นที่นั้นสักเที่ยวหนึ่ง เพื่อกำจัดพุ่มวัชพืชรวมทั้งต้นไม้ต่างๆ แล้วค่อยลงไม้ผลแทน ส่วนบนยอดเนินเขา กะว่าจะปรับพื้นที่ให้เรียบ เพื่อเตรียมไว้ก่อสร้างอาคาร
โดยจะขนอิฐและหินขึ้นไปบนเนินเขาซึ่งคงลำบากไม่น้อยทีเดียว จากนั้นจึงก่อสร้างเรือนหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นเรือนแบบเตี้ยวเจี่ยวลู่(เรือนยกพื้นสูง
มีเสาเรือนต้นยาวๆ) อาจจะดูแตกต่างจากเรือนที่เห็นกันทั่วไปในหมู่บ้านอยู่สักหน่อย
เรือนแบบเตี้ยวเจี่ยวลู่ |
รอให้ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ เธอจะล้อมตาข่ายสูงๆไว้รอบตีนเขา เพื่อเลี้ยงไก่ไว้ด้านในก็คงไม่เลวนัก
แม้ที่ดินรกร้างจะได้รับการแผ้วถางดีแล้ว อย่างไรก็ตามเดิมทีผืนดินนอกพื้นที่รกร้างมีเจ้าของที่ดินหลายคนซึ่งมาจากคนละครอบครัว ต่อไปที่ดินแปลงย่อยๆทั้งหมดนั้นจะตกเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว
จึงจำต้องมีการถอนรั้วกั้นเขตของเดิมทั้งหมดออกก่อน เพื่อรวบรวมที่ดินผืนย่อยๆที่กระจัดกระจายอยู่ให้เป็นผืนเดียวกันอย่างสมบูรณ์
วันรุ่งขึ้น อาเจี่ยนและหลี่ซานเหอไปส่งถ่านคนละ 1 เที่ยว ไม่นานทั้งสองคนก็ส่งถ่านจนเสร็จสิ้น
หลี่ซานเหอพึงพอใจที่สามารถลดทอนความยุ่งยากลงได้ เขาถึงกับออกปาก “ช่างสะดวกง่ายดายเสียจริง” หากมิได้ความช่วยเหลือจากหลิวเจี่ย ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่คืนกี่วันถึงจะสามารถขายถ่านพวกนี้หมด!
“ฟางโจว บิดามารดาข้าบอกว่า เย็นนี้เจ้าไปบ้านพวกข้าสักคราหนึ่งก่อน พวกเราสองครอบครัวจะได้แบ่งเงินจากการขายถ่านก่อนหน้านั้น หลังจากขายถ่านเที่ยวนี้แล้ว ก็กลับมาแบ่งเงินกันอีกเป็นครั้งที่สอง!” หลี่ซานเหอเอ่ยแย้มยิ้ม
เรื่องนี้ดีแล้วที่บอกกล่าวกันก่อน เหลียนฟางโจวเองก็มิได้ปฏิเสธ จึงหัวเราะเป็นการตอบรับ ยามนี้รายได้จากการขายถ่านทั้งหมด ท้ายสุดแบ่งเงินกันได้ฝ่ายละ 46 ตำลึง 3
เฉียน ซึ่งเพียงพอเป็นค่ากินอยู่ในครอบครัวตลอดปีหน้าทั้งปี เหลียนฟางโจวรู้สึกเบิกบานใจนัก!
วันนี้ไม่มีอะไรทำแล้ว เหลียนฟางโจวจึงตั้งใจไปดูหลักเขตของผืนดินตรงสามแยกนั้นอีกครั้ง เพื่อจะได้คิดวางแผนการที่เหมาะสม ว่าควรวางแผนเตรียมกำลังคนอย่างไรให้สมเหตุสมผลยิ่งขึ้น เพื่อให้ดำเนินการได้ราบรื่นกว่าเดิม
เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่ออยากไปดูที่ดินผืนดังกล่าวด้วย
เพราะเป็น “ที่ดินของครอบครัว” ดังนั้นพี่ใหญ่
น้องๆ รวมทั้งอาเจี่ยน จึงเดินทางไปกันหมด
เมื่อถึงที่หมายเหลียนฟางโจวมองสำรวจคร่าวๆคราหนึ่ง แล้วหารือกับอาเจี่ยนไปพอสมควร ในใจก็คิดคำนวณหาวิธีการคร่าวๆจนเสร็จ จากนั้นทุกๆคนก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาที่ไม่ค่อยสูงมากลูกนั้น
“น้าหลิวบอกว่าเนินเขานี้มีเนื้อที่เกือบ
70 หมู่น่ะ ซึ่งเขาบอกว่าจะให้พวกเราเป็นของแถมด้วย ไว้รอให้ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ข้าว่าจะปลูกไม้ผล ภายหน้าครอบครัวเราจะมีสวนผลไม้กันแล้ว ทีนี้จะมีผลไม้มากมายมาให้พวกเรากินกันไม่อั้นล่ะ!” เหลียนฟางโจวหัวเราะ
“ดียิ่งนัก! พี่ใหญ่ ปีหน้าพวกเราจะมีผลไม้กินกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว!” เหลียนฟางฉิงฉีกยิ้มจนตาหยี
ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
คล้ายกับเห็นพุ่มวัชพืชทั้งหมดบนเนินเขากลายเป็นสวนผลไม้ไปในบัดดล
เหลียนเซ่อหัวเราะหึๆ เอ่ยขึ้น “ไหนเลยจะเร็วถึงปานนั้นเล่า? ปีหน้าเราต้องซื้อเมล็ดของผลไม้มาปลูกเสียก่อน เร็วที่สุดคงอีกสามปีถึงจะได้กินผลไม้มิใช่หรือ?”
“ยาวนานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ! “ เหลียนฟางฉิงอดผิดหวังไม่ได้
เหลียนฟางโจวครุ่นคิดสักครู่
พอคิดจบแล้ว จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นอาจไม่จำเป็น บางทีปีหน้า พวกเราสามารถมีผลไม้กินมากมายได้เลยนะ!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
เหลียนเช่อดวงตาเป็นประกาย เอ่ยขึ้น “พวกเราสามารถเอาไม้ผลที่โตแล้วมาปลูกได้นี่!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม “ถูกแล้ว
พวกเราสามารถปลูกไม้ผลที่โตจนเป็นต้นใหญ่แล้วได้!”
หญิงสาวคิดถึงการขุดต้นไม้ใหญ่พร้อมรากมาปลูกลงดิน
สำหรับพื้นที่อื่นเธอไม่รู้
แต่ถ้าพื้นที่บริเวณใกล้ๆเขาเซียนเถิงซาน
เธอเคยเห็นต้นผลไม้ป่าเป็นอันมาก
ทั้งหมดเท่าที่มีได้แก่ ต้นปี๋ปา ต้นพลับจีน
ต้นหยางเหมย(เบอร์รี่ชนิดหนึ่ง) ต้นพรุทรา
ต้นส้ม ต้นเกาลัดจีน ต้นยิงเต้า(เชอร์รี่) ต้นท้อ
ต้นหลี่ชู่ (แพร์)
ต้นหลี่ซื่อ(พลัม) เพียงถ้าสามารถขุดไม้ผลทั้งต้นแล้วบรรทุกกลับมาได้ รวมทั้งไปขอซื้อไม้ผลทั้งต้นจากสวนผลไม้ของผู้อื่นด้วย พอถึงตอนนั้นก็สามารถมีผลไม้สดใหม่กินแล้ว
ต้นพลับจีน |
ต้นปี๋ปา |
ลูกปี๋ปา |
ลูกหยางเหมย |
ต้นเกาลัด |
ลูกเกาลัด |
ต้นท้อ |
ลูกท้อ |
ต้นหลี่ชู่(ต้นแพร์) |
ต้นหลี่ซื่อ(ต้นพลัม) |
งานต่างๆเหล่านี้จะต้องวางแผนจัดลำดับที่จะทำบนที่ดินผืนนี้ให้ดี
การขุดต้นไม้ผลดังกล่าวก็ต้องขุดให้ถูกวิธี แล้วจึงมีความพร้อมจะเดินทางขึ้นเขาไปค้นหาไม้ผลได้
กล่าวกันว่าเมืองยู่เหอในยามหน้าหนาว เมื่อถึงช่วงที่หนาวที่สุดอุณหภูมิจะไม่ต่ำกว่าศูนย์องศา เมื่อขุดต้นผลไม้ป่าขึ้นมาได้แล้ว ก็สามารถนำลงมาปลูกได้ทันที โดยตอนขนมาต้องเอาฟางข้าวมาคลุมต้นไม้เหล่านั้นไว้ด้วย
แต่ละคนต่างพูดคุยหัวเราะมองนั่นมองนี่ไปสักพัก จึงเดินทางกลับบ้าน
เหลียนฟางโจวพอมีเวลาก็ออกไปบ้านจางลี่เจิ้งเสียหนึ่งเที่ยว
เพื่อไปตรวจดูว่าเมล็ดฝ้ายที่ได้รับมาท้ายที่สุดแล้วมีจำนวนกี่ชั่ง
จางลี่เจิ้งเห็นหญิงสาวมาก็อดเอ่ยแย้มยิ้มไม่ได้ “ข้าคิดว่าจะส่งคนไปตามเจ้า โชคดีที่เจ้ามาพอดี!”
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
นางเอกเริ่มมีพันธมิตรที่ดีมากขึ้น พระเอกก็ขยันอย่างหาตัวจับยาก แต่ศัตรูรายอื่นๆ นอกจากลุงป้ามหาภัย
ก็ยังดาหน้ามาให้นางเอกขัดเกลาความสามารถตนเองอยู่เป็นนิจ
คราวนี้มาเร็วกว่าเดิมหน่อย
เนื่องในโอกาสต้อนรับลมหนาวค่ะ ^-^
ขอบคุณค่ะ ^^
ตอบลบมาเร็วจนแปลกใจเลยต่ะ
ตอบลบนางเอกนี่เธอเหมือนมีสามเศียรหกกร ทำอะไรต่ออะไรมากมายไปหมด
ขอบคุณค่ะ ดูการจัดการของนางเอกแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนอะ
ตอบลบสนุกด้วย ได้ความรู้ด้วย แถมคนแปลก็ฝีมือเยี่ยม
ตอบลบขอบคุณมากมายค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกว่านางเอกจะขยันจัง ชอบและขอบคุณภาพผลไม้สวยๆที่หามาให้ชมครับ ขอบคุณสำนวนแปลหวานๆด้วยครับ
ตอบลบชอบการแปลมากค่ะ อ่านเพลินไม่สะดุดเลย ขอบคุณมากนะคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ สนุกก็ตอนนางเอกได้ลับฝีปากกับสมองนี่ละค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ///เห็นรูปภาพประกอบผลไม้ที่นางเอกจะหามาปลูกน่ากินทั้งนั้น
ตอบลบเริ่มเป็นรูปเป็นร่างทุกที
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ถัยอื่นไม่เท่าภัยญาติผู้ใหญ่ใกล้ตัวกำจัดยากจะเด็ดขาดก็ไม่ได้
ตอบลบชอบรูปประกอบที่ทำให้เห็นภาพว่าต้นไม้ทีีเอ่ยถึงเป็นแบบไหน..😍😍😍
ตอบลบขอบคุณค่ะที่แปลให้อ่านพร้อมภาพปลากรอบ ...เห็นแล้วอยากชิมโดยเฉพาะหยางเหมย รสชาติมันเป็นแบบไหน
ตอบลบขอบคุณที่แปลค่ะ
ตอบลบสนุกมากๆ
ชอบมากมีภาพปลากรอบให้ดูด้วย
ตอบลบขอบคุณค่ะ หนาวแล้วดูแลสุขภาพให้ดีนะคะ
ตอบลบอยากเห็นตอนทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างมากว่าจะเป็นยังไง
ตอบลบสนุกดีค่ะ ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะคะ
ตอบลบขอบคุณมากๆๆๆๆคะ
ตอบลบดี
ตอบลบ