วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 144 โดนแม่เฒ่าหยางหาเรื่อง 4

                        พอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นชาวบ้านต่างพากันเข้ามาปลอบโยนแม่เฒ่าหยาง   รวมทั้งเหลียนฟางโจวด้วย
                        ในหมู่ชาวบ้าน  พวกที่เข้ามาปลอบโยนเหลียนฟางโจวมีมากกว่า
         “มิใช่เพียงที่ดิน 30หมู่!  ฟางโจว...ก่อนหน้าเจ้ายังซื้อที่ดินกว่าพันหมู่อีก  เจ้ามิได้ขาดแคลนในเรื่องนี้แม้แต่น้อย   ในเมื่อผู้อื่นไม่เต็มใจขายสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างมา   ก็จงคืนกลับให้ผู้อื่นเถิด!”
                        “ถูกล่ะ!  ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทรมานคนแก่  ให้ต้องลำบากลำบนมาหาเช่นนี้  ทั้งๆที่ไม่ควรมาเจอกัน!”

                        “อย่างไรก็เป็นผู้อาวุโส  ยอมถอยสักก้าวจะเป็นไรไปเล่า.....”
              แม่เฒ่าหยางเห็นชาวบ้านเป็นอันมากเข้าข้างตนเอง  พาให้ใจฮึกเหิมขึ้นอีกโข   จึงร่ำไห้คร่ำครวญเสียงดังกว่าเดิม  ส่วนหัวเสี่ยวฮวาก็คอยช่วยประคองแม่สามีมิให้ซวนเซ
                   เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ  เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ป้าหยาง  ข้ามิได้พูดหรือไร?  เรื่องนี้ท่านมิจำเป็นต้องมาเจรจากับข้า  ท่านไปคุยกับตี้เป่าเถิด!  มิใช่ว่าข้าไม่เต็มใจจะถอยให้  เพียงขอให้ท่านแวะไปหาตี้เป่า!  การซื้อขายที่นาที่ไร่ล้วนผ่านตี้เป่าทั้งสิ้น  เรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่มีใครรู้บ้างหรือไรจะดีจะชั่วก็ควรเห็นแก่หน้าผู้อื่นบ้าง!”
                        “จริงด้วย!”
         ชาวบ้านแต่ละคนต่างพยักหน้าเห็นพ้อง
              แม่เฒ่าหยางแค่นเสียงเย็น “เจ้าไม่ต้องพูดให้มากความ!   ขอแค่รับปากว่าจะยอมถอดใจ  ต่อหน้าทุกคนที่นี่ได้ไหม?
              แม่เฒ่าหยางมิยอมหลงกลง่ายๆ   จึงพลันคาดคั้นกลับ
                   “ได้!  หากเพียงท่านยอมไปเจรจากับตี้เป่า  ผลออกมาเป็นอย่างไรก็ทำไปตามนั้น!”  เหลียงฟางโจวพยักหน้าโดยไร้ความลังเล  ทว่ากลับหัวเราะหยันในใจ   เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ  ท่านคงไม่รู้ตัวหรอกว่าสายเกินไปเสียแล้ว!
                        “ก็ได้!”  แม่เฒ่าหยางเหยียดยิ้ม “พรุ่งนี้ข้าจะไปหาตี้เป่า!  และจะปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ไปก่อน!”
         “ข้าจะคอยดู!   ท่านโปรดกลับไปได้แล้ว!”  เหลียนฟางโจวค้อมศีรษะนิ่งๆ โดยไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆ
                        แม่เฒ่าหยางขัดหูขัดตากับท่าทางที่นิ่งสงบไม่รู้สึกรู้สาของเหลียนฟาโจวเป็นที่สุด  อย่าให้พูดเลย  แต่ก่อนเหลียนฟางโจวพอเจอหน้านางแต่ละที  มีแต่กลัวหัวหดคอยหลบหน้าหลบตา  ช่างน่าดูถูกนัก  ทว่าพอเทียบกิริยาท่าทางในอดีตและปัจจุบันแล้ว  นางรู้สึกว่าเหลียนฟางโจวคนเก่าดูจะขัดหูขัดตาน้อยกว่าหนึ่งส่วน!
              เหลียนฟางโจวในยามนี้  แค่ให้เห็นตัวใกลๆ  โทสะนางก็พลุ่งพล่านแล้ว!
              “เพ้ย !”  แม่เฒ่าหยางผู้คลั่งแค้น  ถ่มน้ำลายรดพื้น  แค่นหัวเราะเสียงเย็นและสาวเท้าจากไป
                        เหลียนฟางโจวให้เอือมระอานัก  พลางกวาดตามองบรรดาเพื่อนบ้าน  แล้วถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงเนือย
                        “คนสกุลหยางก็เป็นแบบนี้แหละนะ”
                   “เฮ้อ  เหลือเกินจริงๆ!”
              ชาวบ้านทุกคนบังเกิดความเห็นใจเหลียนฟางโจวอย่างใหญ่หลวง  อดส่ายหน้าพร้อมทอดถอนใจไปด้วยไม่ได้
                        แม่เฒ่าหยางได้ยินเข้า   รู้สึกจี๊ดขึ้นสมองทันที  แทบสะดุดธรณีประตู
         นางต้องกล้ำกลืนฝืนทน   สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้หันหลังกลับมาถลึงตาใส่เหลียนฟางโจวอีกครา
              สีหน้าแม่เฒ่าหยางบึ้งตึง  เดินลิ่วๆออกจากลานบ้านสกุลเหลียน  และหมู่บ้านต้าฟางไปไม่เหลียวหลัง
                   เดิมทีหัวเสี่ยวฮวาคิดจะบอกให้แม่สามีไปนั่งพักดื่มน้ำชาที่บ้านพ่อแม่นางก่อน  พอเห็นท่าทางเช่นนี้  ก็ไม่กล้าปริปาก  ได้แต่เดินตามต้อยๆ
              “บิดามารดาเจ้าจริงๆแล้วทำอะไรกันอยู่!”  พอพ้นหมู่บ้านตาฟาง  แม่เฒ่าหยางที่อารมณ์บูดก็หยุดเท้า   หันมาถลึงตาใส่หัวเสี่ยวฮวา เอ่ยขึ้น “น่าแปลกนักที่ไม่มีใครสักคนมาปรากฏตัวเลย!   แล้วมารดาเจ้า  กับพี่สะใภ้เจ้าล่ะ  น่าจะรวมตัวมาช่วยกันเถียงได้นี่   จนบัดนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา!”
                        หัวเสี่ยวฮวารีบเอ่ยกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม  “มารดาและพี่สะใภ้ข้า บางทีพวกนางคงไม่ทราบข่าว....”
                        “ไม่ทราบข่าวรึ!”  แม่เฒ่าหยางแค่นเสียง  “คนตั้งครึ่งค่อนหมู่บ้านล้วนวิ่งแห่มาดูกันให้ควั่ก  พวกเขาก็ยังไม่ทราบข่าวอีกรึ!  เจ้าเห็นว่าข้าโง่รึไง!   จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรกันแน่!”
         ดวงตาทั้งคู่ของหัวเสี่ยวฮวาแดงก่ำ  หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่ง
              “เฮ่ย  ข้าพูดถึงญาติเจ้ามิได้หรือไรแค่ว่าพวกเขาไม่กี่คำแค่นี้  เจ้าก็ตีสีหน้ากับข้าเช่นนี้หรือ ทำไมเห็นข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรือไร?”  แม่เฒ่าหยางเห็นหัวเสี่ยวฮวาไม่ปริปากอะไร  ซ้ำยังมีสีหน้าตื่นๆ
                        “ลูกสะใภ้ไม่กล้า  ท่านแม่  ข้า...ข้ามิได้หมายความเช่นนี้”  หัวเสี่ยวฮวากลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ  รีบเงยหน้ามองแม่เฒ่าหยางพร้อม เอ่ยด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
              ทว่าแม่เฒ่าหยางไม่เชื่อ  กลอกตามองเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าจ้องหน้าข้าทำอะไรมองหน้าข้าไม่พอ  ซ้ำกล้าจ้อง  กล้าเถียงรึ?
              หัวเสี่ยวฮวาปากสั่น  กล้ำกลืนฝืนทน น้ำตาคลอหน่วย   ไม่กล้าหลุดปากแม้แต่คำเดียว
                   หญิงสาวก้มหน้าซ่อนความรู้สึกในใจ   แล้วจึงเงยหน้าพูดกับแม่สามี  สิ่งที่แม่สามีรอคอยอยู่ในวันนี้มิใช่ว่านางไม่รู้   ทว่าการจงใจก่อเรื่องยุ่งยากนานาประการ  มันช่างทำร้ายจิตใจหญิงสาวนัก
                        “เฮอะ!” แม่เฒ่าหยางแค่นเสียง “มากวนโมโหข้า  แล้วดันมาทำเป็นเงียบ!  ตัวเจ้ารู้วิธียืมมีดฆ่าคนดีเชียวล่ะ!  ตอนที่อยู่ด้วยกันในลานบ้านสกุลเหลียนนั่นน่ะ  ให้ข้าอีแก่ผู้นี้เป็นคนออกหน้า   ส่วนตัวเองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยข้าโดนรุม!”
    แม่เฒ่าหยางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อน  ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห  เอ่ยอย่างฉุนจัด “มิใช่ว่าแอบหัวเราะเยาะข้าในใจรึ!  ข้ารู้ว่าเจ้ามันก็ไม่ธรรมดา!  หากอยากให้สามีรักสามีหลง  ก็จงรู้จักแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่สามีด้วย  แล้วก็เลิกทำหน้าตาเยี่ยงนี้เสียที!  ทำหน้าประหนึ่งบุปผาบอบบางแบบนี้ให้คนนอกเห็น  มันไม่มีประโยชน์หรอก  สู้ทำต่อหน้าสามีเจ้ายังดีเสียกว่า!  เจ้านี่มันตัวซวยจริงๆ  ตั้งแต่รับเจ้ามาเป็นสะใภ้  ทุกๆสิ่งของสกุลหยางเราพลอยวิบัติไปหมด!”
                        หัวเสี่ยวฮวายามอยู่ที่บ้านตนเอง  นางเป็นที่รักของบิดามารดา  แม้แต่พี่ชายและพี่สะใภ้ยังต้องเกรงใจนาง  ไหนเลยจะทนรับการจิกด่าเช่นนี้ได้เล่า?  ลงท้ายก็ทนไม่ไหว ยกมือปิดหน้าร้องไห้โฮเสียงดัง   หมุนกายวิ่งหนีไปยังทิศบ้านพ่อแม่ตนเอง
                        “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”  แม่เฒ่าหยางตวาดแว๊ด  เอ่ยเสียงเฉียบขาด “หากเจ้าไปแล้วละก็  ไม่ต้องกลับมาเลยนะ!  จากนี้ไปห้ามมาเหยียบประตูบ้านสกุลหยางของพวกข้าอีกเด็ดขาด!”
                        หัวเสี่ยวฮวาพลันหยุดกึก  ไม่กล้าขยับตัวอีกต่อไป
         หญิงสาวรู้ฤทธิ์เดชของแม่สามีดี    ในเรื่องเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น!
                        แม่สามีนางเชื่อฝังหัวว่าพวกตนคนสกุลหยางนั้นร่ำรวย  คิดว่าลูกชายนางมีอนาคตไกล   สตรีเป็นอันมากล้วนปรารถนาอยากแต่งเข้าตระกูลนาง   จึงชอบทำอะไรตามใจตัวเองนัก!
                        หากเพิ่งแต่งงานยังไม่ถึงเดือนดีแล้วเจอครอบครัวสามีทอดทิ้ง  ต่อไปภายหน้าตัวนางคงไม่อาจมองหน้าใครได้แล้วล่ะ
                        “แล้วก็ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป   แล้วห้ามมาขอร้องอ้อนวอนข้าด้วย!”  แม่เฒ่าหยางเห็นลูกสะใภ้ยืนนิ่งไม่ขยับก็แค่นเสียงใส่  แม่เฒ่าหยางไม่เคยกลัวใคร นอกจากสามีเฒ่าของตนเองเท่านั้น 
         ที่ผ่านมาบรรดาเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง  สามีนางล้วนให้นางจัดการ  จะไม่เข้ามาก้าวก่ายเด็ดขาด  ทว่าหากเป็นเรื่องใหญ่  สามีนางจะจัดการเอง  อย่างเช่นเรื่องตัดสัมพันธ์ลูกสะใภ้  อย่างนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่
                        หัวเสี่ยวฮวาสูดหายใจเข้าลึกๆ   หันกายกลับมาช้าๆ
    แม่เฒ่าหยางแค่นเสียงเฮอะ  ถลึงตาใส่ลูกสะใภ้  แล้วก้าวเท้าฉับๆเดินจากไป                         ฝ่ายหัวเสี่ยวฮวาผู้มีสีหน้าไร้อารมณ์   รีบเร่งฝีเท้าเดินตามแม่สามีไปอย่างไว
                   วันรุ่งขึ้น แม่เฒ่าหยางบังคับพ่อเฒ่าหยางเข้าเมืองไปหาตี้เป่าหลิวเจี่ย กับตนเอง  ยืนกรานให้จัดการเอาที่ดิน 30 หมู่ผืนนั้นกลับคืนมา
              เดิมทีแม่เฒ่าหยางไม่เต็มใจ  ตั้งแต่ที่ดิน30หมู่นั้นถูกขายในราคา 80 ตำลึง  ขณะที่ฝ่ายสามีเห็นว่าได้ราคาดีมากสำหรับที่ดินในหมู่บ้านที่ไม่ใช่ทำเลห้องแถวร้านค้า  ทว่าแม่เฒ่าหยางที่ใจแข็งในเรื่องนี้  ก็ทำเป็นหูทวนลมกับคำเกลี้ยกล่อม  เขาจึงอับจนหนทาง  จำต้องยอมตามอย่างหมดทางเลี่ยง
              เดิมทีพ่อเฒ่าหยางจะเข้าไปหาหลิวเจี่ยในเมืองเพียงลำพัง   ทว่าแม่เฒ่าหยางกลัวว่าสามีนางจะใจอ่อนแล้วมาหลอกตน  จึงยืนกรานขอตามไปด้วย  พ่อเฒ่าหยางจำต้องตามใจนาง
                        สองสามีภรรยาเอาแต่โต้เถียงกันตั้งแต่ในบ้านจนกระทั่งเดินทางก็ยังไม่ยุติ   ซ้ำยังพยายามเร่งให้รถเกวียนเทียมวัวที่อืดอาดเคลื่อนไปเร็วขึ้น  กว่าพวกเขาจะถึงเมือง  เหลียนฟางโจว เหลียนเซ่อ และอาเจี่ยนก็กลับถึงบ้านแล้ว
                        ผู้เฒ่าหยางตั้งใจจะแวะซื้อขนมสัก 2 ชั่งติดไม้ติดมือไปด้วย  แม่เฒ่าหยางไม่เห็นด้วย  บอกว่าหลิวเจี่ยคือตี้เป่า   ต้องจัดการเรื่องนี้ตามหน้าที่อยู่แล้ว  ไฉนจะต้องถือของฝากไปให้เขาเล่า?
                        ผู้เฒ่าหยางก็เปลี่ยนใจนางไม่ได้  จำต้องยกเลิกความคิดไป
    แล้วถามทางไปบ้านของหลิวเจี่ยที่สองสามีภรรยาจะไปเยือน  ฝ่ายหลิวเจี่ยได้รับรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องจากเหลียนฟางโจวแล้ว  จึงเข้าใจสถานการณ์ดี   เขาจึงรอสองสามีภรรยาทั้งสองที่บ้าน  พอเจอหน้ากันหลิวเจี่ยก็เก็บอาการไม่กระโตกกระตาก  พอทักทายกันพอหอมปากหอมคอ   แขกผู้มาเยือนก็วกเข้าเรื่องที่ดินตรงสามแยกนั่น

                        หลิวเจี่ยยิ้มแย้มเชื้อเชิญคนทั้งสองเข้าบ้าน  ขณะที่ผู้เฒ่าหยางก็เอ่ยขานรับอย่างสุภาพ
         -------------------------------------------------------------------------------
      ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ 
       ขออภัยที่มาล่าช้าอีกแล้ว  ^-^
      -โดนจิกด่ากันถ้วนหน้า สำหรับสามีภรรยาหมาดๆคู่นี้  ไม่ว่าระหว่างแม่ยาย-ลูกเขย  กับ แม่ผัว-ลูกสะใภ้

9 ความคิดเห็น:

  1. อยากรู้จังว่าตี้เป่าจะเจรจายังไง

    ตอบลบ
  2. น่ารำคาญนางเฒ่าหยางจริงๆนิสัยเสียมาก

    ตอบลบ
  3. สงสารนางเอก เจอแต่ปัญหา

    ตอบลบ
  4. นางเอกเราอยู่เป็นค่ะ รู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ มารอดูครอบครัวนี้โดนตอกกลับกันค่ะ อิอิ

    ตอบลบ
  5. จะสงสารเสี่ยวฮวาก้อสงสารไม่ลงกระสันอยากมีปั๋ว...เจอแม่ผัวแบบนี้ไม่สุ้ก้อถอย แต่ในสมัยโบราณมันถอยไม่ได้นี่สิ
    เหอๆ

    ตอบลบ
  6. เหมาะสมกันจริงๆครอบครัวนี้

    ตอบลบ
  7. คาดเดาไปว่าขายคืนมากกว่า 80 ตำลึง 555+

    ตอบลบ
  8. คาดว่าที่ดินโอนเป็นชื่อนางเอกเราเเล้วแน่ๆเลย

    ตอบลบ