วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 143 โดนแม่เฒ่าหยางหาเรื่อง 3

                      สายตาเหลียนฟางโจวจับจ้องหัวเสี่ยวฮวา แล้วเอ่ยขึ้น “หากจะเอ่ยถึงเรื่องเสื่อมเสียแต่เก่าก่อน  ใครจะเทียบเจ้าได้เล่า?  เมื่อสองสามวันก่อนเจ้ากับแม่ของเจ้ามาหาเรื่องข้าถึงบ้าน  เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น  เจ้าลืมไปแล้วหรือ  เป็นไปได้อย่างไรกัน!  ตอนนั้นเจ้าหาได้พูดแบบนี้เลยนี่   ปล่อยให้เจ้าพูดเองเออเองเพียงฝ่ายเดียว  ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด   เจ้าพูดไม่รู้จักคิดแบบนี้  เจตนาคิดกลบเกลื่อนความผิดหรือไร?
                        เหตุผลที่แม่เฒ่าหยางเอาเรื่องซุบซิบของบุตรชายตนเองมาพูดเป็นวรรคเป็นเวร   เพื่อจะให้ทุกคนในที่นั้นคล้อยตามตนเอง  และดูถูกเหลียนฟางโจวยิ่งขึ้น  ใครจะคิดว่าเหลียนฟางโจวจะหน้าหนาถึงเพียงนี้   ไม่เพียงไม่คิดปิดบัง  ดันกลับมาถามนางซึ่งๆหน้าได้  นางแค่ยั่วโมโหนิดหน่อยก็ทนไม่ได้แล้ว 

                   เจอเหลียนฟางโจวกัดไม่ปล่อยเช่นนี้   ถึงนางจะใส่ร้ายหญิงสาวสำเร็จ   ทว่าชื่อเสียงของบุตรชายตนเองก็ยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่   กับการที่ลากอดีตคู่หมั้นเข้ามาพัวพันเรื่องชู้สาวกับบุตรชายตน 
                        แถมยังมีชาวบ้านเป็นฝูงมาโต้เถียงออกความเห็นกันอย่างออกรสออกชาติถึงเพียงนี้  ส่งผลให้นางถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
                        นางรู้เพียงว่าเมื่อสองสามวันก่อน  ตอนที่ลูกสะใภ้นางกลับไปเยี่ยมบ้านฝ่ายหญิงเป็นคราแรกหลังแต่งงานนั้น  เกิดเรื่องไม่โสภาขึ้นระหว่างลูกสะใภ้และเหลียนฟางโจว  แต่ในรายละเอียดนั้นนางยังหาได้รู้ไม่
                        เรื่องเสียหน้าเช่นนั้น   เป็นไปได้หรือที่หัวเสี่ยวฮวาจะเอ่ยออกมา  ยิ่งหยางหวายชานแล้วยิ่งไม่เอ่ยถึงเข้าไปใหญ่
                   ด้วยเหตุนี้แม่เฒ่าหยางย่อมเชื่อว่าผู้ที่เป็นฝ่ายปราชัยคือเหลียนฟางโจว!  ทว่าพอได้ยินสิ่งที่ชาวบ้านถกเถียงกัน   แม่เฒ่าหยางจึงพอเดาได้รางๆแล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง
                        “เจ้ามันไร้ยางอายนัก!  แม่นางเหลียน  ได้ยินถ้อยคำเช่นนั้นก็ไม่รู้จักพูดหลบเลี่ยง  ซ้ำยังรีบมาซักไซร้เอาคำตอบอีก!”  แม่เฒ่าหยางแค่นเสียง  “ถึงอย่างไร  ที่ดินผืนนี้พวกเราก็ไม่ขายให้!  เจ้าอย่าได้พิรี้พิไร รีบคืนที่ดินมาเร็ว  จะได้เลิกแล้วต่อกัน!”
                   สุดท้ายก็พูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “แล้วข้าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีก!”
                   เหลียนฟางโจวจึงพูดขึ้น “ที่ดินที่อยากได้คืนก็เป็นเรื่องหนึ่ง  ทว่าที่ท่านสาดโคลนใส่ข้า  แล้วมาพูดกลับขาวเป็นดำว่าข้าไม่ละอาย!  ข้ามิได้ประพฤติตัวผิดทำนองคลองธรรม  ไฉนข้าจะถามไม่ได้เล่าหากข้าละเลยไม่ถาม  แล้วข้าจะกลายเป็นตัวอะไรเล่า!  สตรียังไม่ออกเรือนเช่นข้า  จากนี้ไปคงไม่อาจมีหน้าไปพบผู้คนได้อีกแล้ว!”
                        ชาวบ้านที่นั่นพอฟังจบลง แต่ละคนต่างอดทอดถอนใจออกมาพร้อมกันไม่ได้
         “ฟางโจว ไม่รู้จริงๆเลยว่าเจ้าไปทำบาปทำกรรมอะไว้ในชาติก่อน  ไฉนถึงได้มีคนชอบมาโจมตีเจ้ามิได้หยุดได้หย่อน!  พอเห็นผู้อื่นสิ้นบิดามารดา  ก็มาบีบบังคับให้ถอนหมั้น  ฝ่ายที่มาถอนหมั้นนั้น   ยังมาพูดท่านั้นท่านี้   ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ!”
                        “ใช่แล้ว!  เมื่อสองสามวันก่อนถ้อยคำที่ฟางโจวพูดต่อหน้าชาวบ้านนั้น  ข้าดูแล้วไม่คล้ายว่าโกหก!  คนบ้านแม่เฒ่าหยางไฉนแต่ละคนถึงได้ไร้ยางอายมากเพียงนี้   เจอคนรุ่นหนุ่มสาวก็แย่แล้ว   ยังมีคนแก่มาเพิ่มอีก!”
                        “ไม่ควรรังแกคนกำพร้าบิดามารดาเลยนะ!”
         “นี่!”
                        ใบหน้าหัวเสี่ยวฮวาขึ้นสีแดงก่ำ  อยากพูดอะไรแก้ตัวบ้าง  จึงขยับปากพลางก้มศีรษะลง
              แม่เฒ่าหยางรู้สึกผิดหวังและขุ่นเคืองนัก  จึงห้ามปากตนเองไม่ได้อีกต่อไป  พรั่งพรูคำพูดน่ารังเกียจออกมา  “พวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน  มันก็ตะเภาเดียวกัน  ล้วนย่อมพูดเข้าข้างนาง!  ข้าอีแก่คนนี้อายุมากจนปูนนี้แล้ว  ไม่อาจพูดปดได้หรอก!  นางนั่นแหละที่ไปออดอ้อนออเซาะลูกชายข้าให้ขายที่ดินให้!
                        “ยายป้าคุมซ่อง  เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน!”  ป้าสามฉุนจัด  ถลาออกมาร้องตวาดกลางวง “ดวงตาทั้งคู่ของเจ้ามัวไปมองอะไรอยู่?   บุตรชายเจ้าตัวดีนักล่ะ  ไอ้เรื่องไร้ยางอายนี่  เมื่อสองสามวันก่อนยังมีหน้าเข้ามาเพ่นพ่านที่หน้าประตูบ้านข้า  พอคนหนุ่มไปคนแก่ก็มา มันอะไรกันนักกันหนา?   ฟางโจวของเราไปติดเงินเจ้าหรือไร!  ถึงไปรบเร้าให้คนอย่างลูกชายเจ้าขายที่ให้?   ช่างน่าขันนัก!  ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ นอกจากบ้านเจ้าที่มีที่ดินเพียงไม่กี่หมู่  ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้วหรือไงหรือว่าทองหยองที่บ้านเจ้ามันหมดไปนานแล้ว!”
                        ชาวบ้านทุกคนต่างยิ้มกว้างเอาใจช่วย   สิ่งที่ป้าสามก่นด่าออกมาถึงเป็นถ้อยคำไม่น่าฟังนัก  แต่มันไม่จริงหรือไร?
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยอีกครา “คนหมู่บ้านเดียวกันแล้วอย่างไร  สองหมู่บ้านแล้วอย่างไร   คนหมู่บ้านต้าฟางอย่างพวกเราล้วนหาใช่คนจิตใจสับสนเช่นนั้น!  คนสกุลหยางของท่านนั่นแหละ  ที่ช่างชอบตามตอแยเหมือนกอเอี๊ยะติดหนึบจริงๆ!   ข้าอยู่ของข้าดีๆ   ไปวุ่นวายกับเรื่องของท่านเมื่อใด เป็นเพราะมิได้มากลั่นแกล้งผู้อื่นทุกๆสามวัน   ก็เลยรู้สึกตระครั่นตระคอขึ้นมาใช่หรือไม่!”
                        ยามนี้คนเกือบทั้งหมู่บ้านได้ยินวาจาเหน็บแนมของหญิงสาวแล้ว   ย่อมออกอาการไม่พอใจ    ซ้ำยังขุ่นเคืองเรื่องชู้สาวที่หญิงชราเอามาประนาม  จึงทนไม่ไหว  เข้ามาร่วมตีฝีปากบ้าง “ป้าแซ่หยาง  พูดอะไรออกมามากมายเช่นนี้!  หากเรื่องที่ท่านเอ่ยมาไม่มีหลักฐานยืนยัน  พวกท่านได้จอดไม่ต้องแจวแน่! 
                        แม่เฒ่าหยางเสียใจที่พลั้งปากออกไปนัก  จึงเอ่ยเสียงอ่อน “ยามนี้หญิงชราเช่นข้าเจอคนเอาเรื่องสับสนวุ่นวายมาให้จนใจคอไม่ดี    ที่พูดออกมาเช่นนั้น  เอ่อ..หวังเพื่อระบายอะไรออกมาบ้างเท่านั้น !   ทุกท่านอย่าได้ถือเป็นจริงเป็นจังเลยนะ!”
                        ชาวบ้านทุกคนได้ยินนางออกปากเช่นนี้  ก็แค่นเสียงเฮอะ ซ้ำยังบ่นกันระงมอย่างตะขิดตะขวงใจ
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง  “ท่านมิจำเป็นต้องแก้ตัวไป  ต่อให้พูดด้วยเหตุและผลกับท่าน  ท่านก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี  ต้องปล่อยให้ท่านสาดโคลนใส่อยู่ฝ่ายเดียวถึงจะเป็นการให้ความเคารพท่าน ใช่ไหมหากท่านพูดเรื่องนี้ออกมาชัดๆไม่ได้   ไฉนไม่บอกตั้งแต่ทีแรกว่าท่านเป็นคนแบบนี้   ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆหรอก!”
                        การที่เหลียนฟางโจวต้องมาติดแหง็กอยู่กับสกุลหยางจนแกะไม่หลุดเช่นนี้  เป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก   สกุลหยางนั้นชอบคิดว่าตนเองนั้นสูงส่งเหนือผู้อื่น ไหนเลยจะยอมจำนนได้เล่า!  เป็นไปได้หรือที่จะให้เธอ..เหลียนฟางโจวไม่ทำมาหากินอะไรเลย  เอาแต่คิดคำนึงแต่คนสกุลหยางเท่านั้น!
                        แม่เฒ่าหยางขึงตาใส่เหลียนฟางโจวอย่างขุ่นเคือง  หมดทางเลี่ยงจำต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอด  เทียบกับสะใภ้รองสกุลหัวของนางแล้ว   เหลียนฟางโจวนับว่าเป็นคนเก่งกล้าคนหนึ่ง!   พอได้ยินหญิงสาวเอ่ยเช่นนี้  พลันตระหนักได้ว่า  ไม่อาจเอาจุดนี้ขึ้นมาหาเรื่องโจมตีได้อีก  เพราะการพูดพล่อยๆให้ใครฟังส่งเดช  ย่อมต้องโดนตรวจสอบกลับ  ซ้ำเหลียนฟางโจวดันเป็นคนฉลาด เข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ทะลุปรุโปร่งเสียอีก!
                        แม่เฒ่าหยางเอ่ยเสียงอ่อน “ถ้อยคำที่ข้าเอ่ยออกมา  ให้คิดเสียว่าข้าอีแก่คนนี้พูดผิดไปก็แล้วกัน!  จงลืมๆไปเสียเถิด!  ที่ดินผืนนี้  ข้าไม่อยากได้แล้ว!”  
                        เหลียนฟางโจวหัวเราะหยัน “ให้แค่คิดหรือนี่มันหมายความว่าอะไร!  ให้ลืมๆไปหรือแล้วเรื่องนี้มันเริ่มต้นมาจากใครกันเล่า!”
                   แม่เฒ่าหยางเห็นเหลียนฟางโจวเหน็บแนมคำพูดของนาง  ก็ยิ่งเพิ่มโทสะที่มี  นางพยายามอดกลั้นเอาไว้  แค่นเสียงเอ่ยว่า “หญิงแก่เช่นข้ากำลังรีบ คงไม่อาจพูดอะไรมากความได้!  ซ้ำเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนี่!”
                        เหลียนฟางโจวไหนเลยจะคล้อยตามว่ามันไม่มีปัญหาเล่า? จึงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “มิใช่  มันไม่มีปัญหาอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว  เพราะมันมีแต่เรื่องปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้นไงเล่า!  ข้าขอพูดซ้ำอีกครั้ง  ข้ามิเคยมีจิตพิศวาสอะไรหรือใครในสกุลหยางของท่านเลย!  เพราะฉะนั้น  ภายหน้าอย่าได้เอาสามีดีๆ หรือบุตรชายดีๆของพวกท่านมาพัวพันกับข้าที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง! ”
              “ดีนัก!   ข้าหวังให้เจ้าพูดเช่นนี้แหละตั๋วเงินที่ข้านำมา  แม่นางเหลียนเอ๋ย  เจ้าจงรับไปเถิด!”   ระหว่างที่กล่าวแม่เฒ่าหยางก็ล้วงตั๋วเงินสองใบออกจากอกเสื้อสะบัดไปมา  เอ่ยเสียงเย็น  “ที่ดินผืนนั้น  ยังเป็นของสกุลหยางของเรา!”
                        เหลียนฟางโจวไม่รับเงินนาง  พลางเอ่ยขึ้น “ท่านให้ข้าจะได้ประโยชน์อันใด เรื่องซื้อที่นาที่ไร่นี้ควรไปหาตี้เป่าสิ!”
                        “ข้าไม่สนใจตี้เป่า   อีกอย่าง  ที่ดินผืนนี้เจ้าเป็นคนซื้อ  ข้าเพียงต้องมาหาเจ้า!”  แม่เฒ่าหยางโบกมือไปมา
     แท้จริงแล้วเรื่องนี้ถึงตายเหลียนฟางโจวก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนกัน
                        เดิมทีเธอเองก็ไม่รู้ว่าที่ดินแปลงย่อยไม่กี่สิบหมู่นั้นเป็นของคนสกุลหยาง  ยามนี้ได้ ซื้อที่ดิน30หมู่มาครอบครองแล้ว   ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะคืนให้ ไม่เช่นนั้น  ในภายหน้าเพื่อจะกลั่นแกล้งนาง  สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าแม่สามีและลูกสะใภ้สกุลหยางคู่นี้จะสรรหาเรื่องอะไรมาให้เธออีก!
                        ยามนี้เธอยืนกรานให้แม่เฒ่าหยางไปหาตี้เป่า  และได้วางแผนในใจไว้แล้วว่า  พรุ่งนี้เช้าตรู่จะเข้าไปหาหลิวเจี่ยโดยเร็วที่สุด  เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือ  เรื่องต้องเก็บที่ดิน30หมู่นี้ไว้  อย่าได้รับคำแม่สามีกับลูกสะใภ้สกุลหยางเด็ดขาด

    แม่เฒ่าหยางเห็นเหลียนฟางโจวถึงตายก็ไม่ยอมปริปากรับคำ  ก็ทนไม่ไหวประคองมือขึ้นคำนับ  ปากก็พูดพร่ำโอดครวญขอโทษบรรพบุรุษและอื่นๆอีกมากมาย

      -----------------------------------------------------
     ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ 
      ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะคะที่อัพช้า   เนื่องจากอากาศแปรปรวนที่ผ่านมา  ผู้แปลเลยล้มป่วยไปร่วมสัปดาห์   Sorry ka.  =_=

17 ความคิดเห็น:

  1. ดีใจมากค่ะที่เห็นนิยายเรื่องนี้ หายไปนานเลย
    ขอให้ผลบุญหนุนส่งให้ไรท์สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่จนนะคะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  4. ขอให้ไรท์หายปว่ยไวๆนะค่ะ///ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  5. หายไวๆนะคะ ไม่ต้องรีบค่ะรักษาตัวให้หายก่อน

    ตอบลบ
  6. เป็นกำลังใจให้ไรท์คร๊า

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณคะ รักษาสุขภาพด้วยคะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณมากๆๆๆ พักผ่อนเยอะๆๆนะ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง หายไว ๆ นะคะ

    ตอบลบ
  10. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  11. เหลียนฟางโจวนางต้องทำบุญ มากๆแล้วมารเยอะเหลือเกิน

    ตอบลบ
  12. หายไว ๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ นานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  13. กว่าจะเรื่องนี้จบเราว่าเส้นเลือดในสมองเราจะแตกก่อน หงุดหงิด รู้สึกโกรธเเทน อินจัด
    หายไวๆนะค่ะ

    ตอบลบ