วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 152 สวนผลไม้สกุลหลิน 1

                       พอสิ้นเสียงอาเจี่ยน  ทุกคนจึงหันไปยังทางโค้งเล็กๆพร้อมๆกันราวกับนัดกันไว้  พลันภาพกว้างตรงหน้าก็ปรากฏต่อสายตา  ไกลออกไปราว 100 มี่(เมตร)  ณ พื้นที่ราบผืนใหญ่เบื้องหน้า  มีบ้านผนังสีขาวหลังคามุงกระบื้อง  ปลูกขึ้นอย่างปราณีต  บ้านผนังสีขาวสะท้อนแสงแดด  แวดล้อมด้วยพุ่มไม้หนาเขียวชอุ่ม  เป็นประกายงดงามตาจริงๆ
                        สุนัขสีเหลืองสองตัว ตัวหนึ่งเล็ก ตัวหนึ่งใหญ่  วิ่งปุเลงตรงรี่เข้ามายังรถเกวียนเทียมลา   พลางแกว่งหางไปมาพลางส่งเสียงเห่าทักทาย  แล้ววิ่งกระโดดไปรอบๆรถ
                        “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่  พวกเราเลี้ยงสุนัขตัวโตบ้างดีไหม!”  ดวงตาของเหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงวาววับ  เอ่ยถามเพราะอยากมีบ้าง

    “เลี้ยงสุนัขอย่างไรย่อมดีอยู่แล้ว  พวกมันช่วยเฝ้าบ้านได้  ภายหน้าหากมีใครกล้าบุกรุกเข้ามาในบ้านเรา  ก็ให้สุนัขเราไล่ขับไปเลย!”   เหลียนเซ่อเอ่ยสำทับ  เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มกำลังนึกถึงเรื่องไม่สบอารมณ์อยู่
                   “ใช่แล้ว!  พี่รองพูดถูกเผงเลย!”  เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อเห็นพ้องกันโดยไม่มีข้อแม้
              เหลียนฟางโจวมองว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว  จึงพยักหน้าเอ่ยแย้มยิ้ม “คอยถึงเวลาเหมาะๆ  เราค่อยไปซื้อหามาเลี้ยงสักตัวนะ!”
                        “ท่านย่า  มีแขกมาหา!”  เด็กหญิงคนหนึ่งตัวโตพอๆกับเหลียนฟางฉิง  แต่งกายในชุดกระโปรงสีม่วงแดง  ลายดอกไม้เล็กๆสีชมพู  ยืนอยู่ตรงประตูรั้ว  ในมือถือหวีอันหนึ่ง อีกมือดึงผมเปียบนศีรษะทารกไร้เดียงสาอายุเพียง 4-5 ขวบปี   มองดูเหลียนฟางโจวและคนอื่นๆบนรถเกวียน   ครั้นแล้วจึงหันหลังส่งเสียงร้องเรียกไปที่ลานบ้าน
                        “ใครมากันรึ?”  เสียงยายเฒ่าผู้หนึ่งตอบกลับมา  ขณะปรากฏตัวให้เห็นทันที
                   ยามนี้  เหลียนฟางโจวและน้องๆทั้งสามมาถึงหน้าประตูรั้ว   หลังลงจากรถเกวียนแล้ว
                   ส่วนอาเจี่ยนรีบขับรถเกวียนไปจอดแอบไว้ข้างๆ
                        เหลียนฟางโจวสาวเท้าเข้ามาอย่างมีมรรยาท ส่งยิ้มให้  “ท่านยาย  ข้ามาจากหมู่บ้านต้าฟาง   จะมาขอดูต้นกล้าผลไม้ของบ้านท่าน  และอยากจะสั่งซื้อสักเล็กน้อย!
                        แม่เฒ่าหลินร้อง “โอ้” ขึ้นมา พลางแย้มยิ้ม “จะมาสั่งซื้อต้นกล้าผลไม้รึ!  เข้ามานั่งรอในบ้านก่อน   ตาแก่กับลูกชาย ลูกสะใภ้บ้านเรากำลังวุ่นเพาะต้นกล้าอยู่ตรงโน้นแน่ะ!” 
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แหม...บังเอิญจัง  ไม่รู้ว่าไร่ต้นกล้าอยู่แถวไหน?  พวกเราสะดวกเดินไปดูเอง   ขอไม่เข้าไปนั่งในบ้านล่ะนะ!”
                        แม่เฒ่าหลินเหลือบมองผู้มาเยือน  จึงแย้มยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็เดินไปดูเถิด  เอาตามที่ลูกค้าสะดวกแล้วกัน!  เซ่าเอ๋อร์  พาพวกพี่ชาย พี่สาวไปหาท่านปู่กับท่านพ่อเจ้าที่ไร่ต้นกล้าก่อนสิ!”
                        เด็กหญิงที่เจอเป็นคนแรกร้องขึ้นทันใด “เจ้าค่ะ”  พลางหันมายิ้มแป้นให้เหลียนฟางโจว “พี่ชาย พี่สาว  พวกท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ!”
                        พอพูดจบ ก็ปล่อยมือจากน้องชายตัวน้อย  แล้วเตรียมเดินนำทางไป
                        เห็นได้ชัดว่าการมาหาซื้อต้นกล้า  มิใช่เธอที่มาเป็นคนแรก
    ความจริงแล้วน้องชายตัวน้อยติดพี่สาวมาก  เห็นนางปล่อยมือตนเองแล้วเดินจากไป  จึงเบะปากร้อง “อ๊า”  เงยหน้าขึ้นแล้วแผดเสียงร้องไห้จ้าออกมาทันที  หลินเซ่าเอ๋อร์มองดูกิริยาอาการแบบนี้ของน้องชาย  ซึ่งก็คงมิใช่เพิ่งเคยเกิดเป็นครั้งแรก   เด็กหญิงจึงเพียงหันไปเอ่ยกับน้องชายตัวน้อย  “โอ๋ อย่าร้องนะ  คอยพี่กลับมาก่อน เดี๋ยวจะหาลูกพลับแห้งให้เจ้ากินนะ”
                        น้องชายตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้โยเยไม่ยอมท่าเดียว  ทางฝ่ายแม่เฒ่าหยางต้องอุ้มหลานชายขึ้นปลอบโยนร้องว่า “เด็กดี  เด็กดี”  เด็กชายอ้วนจ้ำม่ำบิดตัวร้องกรี๊ดไม่ยินยอม  เอามือขยี้ตา พลางแผดเสียงร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม
                        เด็กๆในครอบครัวไหนบ้างเล่าที่ไม่อยากเล่นสนุก  พอเห็นพี่สาวเดินออกไป   ซ้ำยังมีพี่สาวพี่ชายหลายคนตามไป  เด็กน้อยย่อมนึกอยากตามไปด้วย
                        เหลียนฟางโจวมองดูแล้วชักทนไม่ไหว  จึงเอ่ยกับหลินเซ่าเอ๋อร์  “เซ่าเอ๋อร์จ๊ะ  มา  พาน้องชายตัวน้อยเจ้ามาด้วยเถิด!”
                        ขณะที่ปากพูดไป มือก็ล้วงห่อกระดาษสีเหลือง 2 ห่อที่บรรจุ เมล็ดสนเคลือบน้ำตาลไว้  ออกมาจากห่อผ้า

                        หลินเซ่าเอ๋อร์เห็นเท่านั้น ดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้า  แลบลิ้นเลียริมฝีปากทันที  พลางจับจ้องใบหน้าเหลียนฟางโจวที่ยิ้มให้  พี่สาวผู้นี้ช่างใจดียิ่งนัก  จึงกล่าวขอบคุณยิ้มแย้มเมื่อรับของ  แล้วหันหลังวิ่งไปหาน้องชายนาง  อีกมือก็โบกห่อเมล็ดสนเคลือบน้ำตาลไปมา  “อย่าร้องนะ  อย่าร้อง  เอาขนมน้ำตาลไปกินเสีย!”
         ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวสกุลหลินเมื่อเทียบกับครอบครัวชาวสวนชาวนาทั่วไป ถือว่าดีกว่าเล็กน้อย  หากพูดถึงในระดับหมู่บ้าน ไม่นับพวก คหบดี เจ้าที่ดิน ขุนนางท้องถิ่นแล้ว  เทียบดูแล้วก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีอันจะกิน  แต่บ้านนี้ก็แทบไม่ค่อยซื้อขนมน้ำตาล  สิ่งนี้จึงนับว่าเป็นของหายากอย่างหนึ่ง
                   ทารกน้อยได้ขนมน้ำตาล  จึงหยุดร้องไห้  แม่เฒ่าหลินถามหลินเซ่าเอ๋อร์อีกสองสามคำ  หลินเซ่อเอ๋อร์ก็ตอบไปตามจริง  แม่เฒ่าหลินจึงหันไปยิ้มและพยักหน้าให้เหลียนฟางโจว  โบกไม้โบกมือเอ่ยขอบคุณเสียงดัง
                        หลินเซ่อเอ๋อร์จึงเด้งตัวและวิ่งออกไป   เงยหน้าคลี่ยิ้มแป้น “พี่สาว พวกเราไปกันเถิด!”
                        “อื้ม”  เหลียนฟางโจวหัวเราะรับคำทันที  พอเห็นนางทิ้งขนมน้ำตาลสองห่อไว้กับน้องชายตัวน้อย  หญิงสาวจึงเดินขึ้นเคียงข้างแล้วหัวเราะหยุดคุยกับเด็กหญิง “เซ่าเอ๋อร์ไยเจ้าไม่เก็บขนมไว้กินเองเสียห่อหนึ่งเล่าเจ้าไม่ชอบกินขนมน้ำตาลหรอกรึ?
                        หลินเซ่าเอ๋อร์เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว  ดวงตากลมโตดังพระจันทร์วันเพ็ญตวัดมองเหลียนฟางโจว พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ชอบกินขนมน้ำตาล  แต่กัวเอ๋อร์ร้องไห้  ข้าเลยเอาไว้ให้กัวเอ๋อร์ดีกว่า!”
                        กัวเอ๋อร์รึช่างเป็นชื่อที่น่าสนใจยิ่ง (กัวแปลว่าแตงโม เซ่าแปลว่าพุทรา)
              เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยแย้มยิ้ม “เซ่าเอ๋อร์ช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นนัก  ช่างรักน้องชายเสียจริง!”
                        พอมีคนชม  เด็กหญิงตัวน้อยพลันรู้สึกเบิกบานยินดี  ดวงตากลมโตส่องประกายเรืองรองยิ่งขึ้น  ถึงอายุยังน้อย ทว่าก็รู้จักเขินอายแล้ว  เด็กหญิงเม้มริมฝีปากบางๆ  หลุบตาลงต่ำยิ้มบาง พลางเอ่ยว่า  “กัวเอ๋อร์เขายังเล็กอยู่!  ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกว่าข้าเป็นพี่สาวคนโต  จะต้องรักและเอ็นดูน้องให้มาก!”
                        “เซ่าเอ๋อร์  ข้ายังมีอยู่อีก  ข้าให้เจ้านะ!”  เหลียนฟางฉิงคล้ายว่าชอบใจเซ่าเอ๋อร์มาก  จึงเดินเคียงไปกับเด็กหญิง  แบ่งขนมน้ำตาลของตัวเองให้นางห่อหนึ่ง
                        “อ๊ะ”  หลินเซ่าเอ๋อร์ดีใจนักร้องออกมา  พลางสบตาเหลียนฟางโจว
    เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “นางให้เจ้า  เจ้าก็เก็บไว้เถอะ!”
              หลินเซ่าเอ๋อร์ร้องอุทาน “อา”  แล้วจึงเอื้อมไปรับขนมอย่างดีใจ
              เหลียนฟางโจวหัวเราะและถามว่านางอายุเท่าใด?   หลินเซ่าเอ๋อร์จึงบอกเล่าหญิงสาว
                        ที่แท้หลินเซ่าเอ๋อร์ก็เกิดปีเดียวกับเหลียนฟางฉิง  จึงถามเพิ่มเติมทำให้รู้ว่า  หลินเซ่าเอ๋อร์แก่กว่าเหลียนฟางฉิง 2 เดือน   เหลียนฟางโจวจึงแย้มยิ้มเอ่ยขึ้น “เมื่อเป็นเช่นนี้  ฉิงเอ๋อร์ก็อ่อนกว่าเจ้าหน่อยเดียว  เจ้าเรียกนางว่าฉิงเอ๋อร์ก็ไม่น่าเกลียด!  ให้ฉิงเอ๋อร์เรียกเจ้าว่าพี่เซ่าเอ๋อร์นะ!”
              หลินเซ่าเอ๋อร์ตกลง  เด็กหญิงทั้งสองจึงเดินคุยจ้อไปด้วยกัน  ต่างสนิทสนมกันในเวลาอันรวดเร็ว  ไร่เพาะพันธุ์ต้นกล้าของสวนผลไม้สกุลหลินอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก  ระยะทางราวๆครึ่งลี้ (250 เมตร)  จึงมิได้ใช้เวลามาก  ไกลออกไปเบื้องหน้า  เหลียนฟางโจวกับพวกเห็นคนสามคนกำลังขมีขมันเพาะต้นกล้ากันอยู่  ย่อมต้องเป็นบิดามารดา และท่านปู่ของหลินเซ่าเอ๋อร์เป็นแน่
                        พื้นที่เพาะต้นกล้ามีเนื้อที่ราวๆ 10 หมู่   ต้นกล้าผลไม้แต่ละต้นที่เพาะไว้มีขนาดลดหลั่นกันไป  ถึงกระนั้นก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
                        “ท่านพ่อท่านแม่  ท่านปู่!  มีแขกมาขอซื้อต้นกล้าเจ้าค่ะ!” หลินเซ่าเอ๋อร์โบกมือพลางตะโกนเรียก
                        เหลียนฟางโจว  เหลียนเซ่อ และอาเจี่ยนเดินตามมาเบื้องหลัง  หลินเซ่าเอ๋อร์ไม่รู้ว่าต้องพาเหลียนฟางฉิงไปดูต้นอะไรบ้าง  จึงขออนุญาตเหลียนฟางโจว  แล้วจูงมือพาเหลียนฟางฉิงเดินไปทางอื่น  เหลียนฟางโจวกลัวว่าเหลียนฟางฉิงจะเข้าไปซุกซน  จึงให้เหลียนเช่อตามไปดู
                        เห็นได้ชัดว่าเหลียนเช่อไม่สบอารมณ์นักที่ต้องเดิมตามเด็กหญิงทั้งสอง  เด็กชายทำปากยู่โดยพลัน  ท่าทางอิดออด  หากเพราะเชื่อฟังเหลียนฟางโจว จึงจำต้องเดินตามไปเบื้องหลัง
                        พ่อเฒ่าหลิน  บุตรชายคนโตชื่อ  หลินเฟิงโจว และภรรยาชื่อหวางซื่อ ได้ยินเสียงของหลินเซ่าเอ๋อร์ จึงลุกขึ้นยืนจากงานที่ทำอยู่  เพื่อมองดูฝั่งตรงข้าม   เหลียนฟางโจวและคนอื่นๆรีบสาวเท้าไปข้างหน้า  พลางยิ้มและส่งเสียงทักทายออกไป
                        งานนี้ให้หลินเฟิงโจวเป็นคนรับหน้าที่   หลังจากพบหน้าค่าตาและต่างแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ท่านพ่อเฒ่าหลินกับลูกสะใภ้หวางซื่อกลับไปทำงานที่ยังค้างคาอยู่  หลินเฟิงโจวเอามือเช็ดเสื้อเพื่อปัดเศษดินเศษฝุ่นออก   พลางสาวเท้าไปหยิบผ้าที่แขวนไว้ข้างต้นกล้ามาเช็ดเศษฝุ่นที่ยังติดค้างอยู่ที่หน้าและมือ   ครั้นแล้วจึงสืบเท้าไปหาเหลียนฟางโจวที่ยืนรออยู่

   --------------------------------------------------------------
  ขอบขอบคุณทุกคอมเมนต์ และทุกการติดตาม รวมทั้งคำอวยพรอันประเสริฐจากผู้อ่านทุกท่านนะคะ ^-^
 


12 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2 มกราคม 2561 เวลา 21:06

    ขอบคุณมากต่ะ

    ตอบลบ
  2. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ไรท์มีสุขภาพแข็งแรง การงานและการเงินรุ่งโรจน์คล่องแคล่ว คลาดแคล้วจากอุปสรรคทั้งปวงนะค่ะ

    ตอบลบ
  3. ดีใจที่ไรท์มาอัพบ่อยขึ้นช่วงนี้ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณนะคะ มาสองตอนเลย

    ตอบลบ
  5. สวัสดีปีใหม่ค่ะ

    ตอบลบ
  6. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
  7. สวัสดีปีใหม่ค่ะไรท์ ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณสำหรับตอนนี้และหลายๆตอนที่ผ่านมานะคะ และสวัสดีปีใหม่ค่ะคุณผู้แปล ปีนี้ขอให้เจริญๆยิ่งขึ้นไปนะคะ ^ ^

    ตอบลบ
  9. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอบคุณในปีที่ผ่านมาแปลนิยายดีๆให้ได้ฝอ่านค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ

    ตอบลบ
  10. สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้เป็นปีที่ดีอีกปีนะคะ
    มาตามติดชีวิตฟางโจวต่อค่ะ ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  11. ทั้งชื่อทั้งแซ่คล้ายกับนางเอกเลย

    ตอบลบ