วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 156 ไปขุดตอไม้ 1

                       “พี่เจี่ยน  ข้าไหนเลยจะเทียบเคียงท่านได้”  เหลียนเซ่อเอ่ยอย่างทดท้อใจ  “ท่านแค่ดีดหินก้อนเดียวก็โดนไก่ป่าที่กำลังกระพือปีกทะยานขึ้นฟ้าแล้ว  ข้าคงทำเช่นนั้นมิได้หรอก!”
                        เด็กหนุ่มนิ่งไปด้วยอารมณ์อิจฉาบุคคลผู้ไร้เทียมทาน  แล้วเอ่ยต่อไป “แล้วเมื่อไรข้าจะมีฝีมือขนาดนี้บ้าง!”
                        อาเจี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเรียนรู้ได้เร็ว  ซ้ำยังตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก   ฝึกปรือไม่นานฝีมือก็บรรลุถึงขั้นนี้แล้ว  นับว่าหาได้ยากนัก!  หากเจ้ายังเพียรลับฝีมือต่อไปไม่หยุดยั้ง  ข้าเชื่อว่าภายใน 2-3 ปีนี้  จะต้องบรรลุผลสำเร็จเป็นแน่  ที่ข้าบอกว่ามิจำเป็นต้องใช้ธนูและลูกศรโลหะ  หาใช่ให้เจ้าขว้างหินแทนไม่  เอาไม้ไผ่มาทำธนูและลูกศรก็ดีไม่ต่างกัน”

            เหลียนเซ่อได้ฟังแล้วดวงตาพลันทอประกายเจิดจ้า รีบเอ่ยละล่ำละลัก  “จริงรึ!  ท่าน...ท่านสามารถใช้ไม้ไผ่ทำคันธนูกับลูกศรได้จริงรึ?
            เหลียนฟางโจวหัวเราะขำ “ฮ่าฮ่าฮ่า...เรื่องแค่นี้ก็ต้องถามด้วย!  อาเจี่ยนน่ะ…หากทำไม่ได้  เขาจะพูดเป็นวรรคเป็นเวรกับเจ้าขนาดนี้ไปทำไมกัน!”
            อาเจี่ยนเลยหัวเราะขำออกมาอีกคน
            “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก!  ต้นไผ่มีขึ้นอยู่ทุกที่  อย่างนี้ก็ง่ายเลยสิ!”  เหลียนเซ่อเอ่ยด้วยความดีใจ
            อาเจี่ยนแย้มยิ้มเอ่ยว่า  “มิใช่ไม้ไผ่อะไรก็สามารถใช้ได้นะ  จะให้ดีที่สุด ต้องใช้ไม้ไผ่ที่ปลูก 4 ปีขึ้นไป  ส่วนลูกศรก็ต้องเหลาหัวให้แหลมคม!”
            ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหลียนฟางโจวตาฝาดหรือไม่อย่างไร   พอกล่าวถึงธนูกับลูกศร  ลูกตาดำสุกใสดั่งหินเนื้อแก้วทั้งคู่ของอาเจี่ยนพลันเข้มขึ้นสองส่วน  ความตื่นเต้นในดวงตาก็ฉายชัดขึ้นอีกสองส่วน
            เธอจ้องหน้าอาเจี่ยนอย่างตื่นตะลึง   จนลืมตัวไปชั่วขณะ
            ทว่าหญิงสาวไม่รู้หรอกว่า   ตัวอาเจี่ยนเองก็รู้สึกผิดปกติแบบเดียวกับเธอเช่นกัน  คล้ายว่ามีอะไรบางอย่างซึ่งนอนก้นอยู่ในใจกำลังหมุนวนเป็นเกลียวพร้อมพุ่งขึ้นมา  ทำให้ทะเลใจของชายหนุ่มที่เคยราบเรียบนิ่งสนิทมานาน  พลันคล้ายต้องลมพัด  จนกระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่นน้อยๆไม่หยุดยั้ง
            ดูคล้ายว่า  สิ่งนี้พร้อมจะแสดงตัวออกมาอยู่รอมร่อแล้ว  ในสมองของชายหนุ่มพลันปรากฏภาพต่างๆเลื่อนผ่านไปอย่างเร็วจี๋ปานฟ้าแลบ  เขาไม่มีเวลาพอจะเพ่งมองภาพเหล่านั้นให้กระจ่าง และประมวลผลว่าภาพที่เห็นเหล่านั้นคืออะไร  ซ้ำเขายังทึมทื่ออยู่กับที่  ยามเมื่อภาพเหล่านั้นเลือนหายไป
            อาเจี่ยนอดขุดภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูอีกครั้งไม่ได้   ท่าทางของชายหนุ่มจึงดูค่อนข้างเหม่อลอย
            เหลียนเซ่อเลื่อนสายตาไปสำรวจเหลียนฟางโจว  แล้วกลับมามองอาเจี่ยนอีกคน  เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งสอง ก็พลันตะลึงไป  พอคืนสติกลับมา  เขาก็อดใจเต้นแรงไม่ได้  รีบร้องเรียกเสียงดัง “พี่ใหญ่...พี่เจี่ยน  พวกท่าน...พวกท่านเป็นอะไรไป!”
            เสียงเรียกคนทั้งสองดังขึ้นไม่หยุด   เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนรู้สึกคล้ายสะดุ้งตื่นจากความฝัน 
            พอคืนสติกลับมาแล้ว  คนทั้งสองจึงพบว่าต่างคนต่างเหม่อลอยทั้งคู่  เลยยิ้มออกมาด้วยความขัดเขิน
  “ไม่มีอันใด   ข้าเพิ่งนึกได้ว่ายังมีธุระอื่นอีกน่ะ”  เหลียนฟางโจวหัวเราะกลบเกลื่อน
       “ข้า...ข้าก็เช่นกัน”  อาเจี่ยนเอ่ยอีกคน
            เหลียนเซ่อร้อง “อ้อ”  มาคำหนึ่ง  ชัดเจนเลยว่าเด็กหนุ่มไม่คล้อยตามเลยสักนิด  เพียงดูแล้วก็ไม่พบสิ่งใดผิดสังเกตุ  แม้เขาอยากจะถาม แต่ใจกลับไม่กล้า  จึงหยุดซักไซ้ไร่เรียงต่อ
         เพียงไม่นาน  เหลียนเซ่อก็ถูกเรื่องธนูและลูกศรไม้ไผ่ดึงดูดความสนใจไปหมดสิ้น  เด็กหนุ่มเอาแต่ถามคำถามร้อยแปดกับอาเจี่ยนอย่างตื่นเต้น
            อาเจี่ยนหัวเราะ  ตอบคำถามอย่างตั้งใจ  พูดอธิบายเหลียนเซ่อทีละคำถาม
  ยามผ่านเข้าเมืองจึงจ่ายเงินซื้อของมาสองสามอย่าง   ได้แก่เชือกเอ็นสัตว์  กระดาษทราย  หนังวัว  เพื่อเอาไว้ทำธนูและลูกศรตามต้องการ
            ครั้นแล้ว คนทั้งหมดจึงเดินทางกลับ  ในที่สุดเหลียนเซ่อก็เจอไม้ไผ่เหมาที่มีคุณสมบัติตามที่อาเจี่ยนต้องการ  จึงตัดต้นไผ่ไป 2 ต้น  พอตัดไม้ไผ่ลำยาวมาได้ 2 ลำแล้วก็ขนขึ้นรถเกวียนเทียมลา เอากลับไปบ้าน
            พอถึงบ้านแล้ว  เหลียนฟางโจวจึงขนจอบ พลั่ว ขวาน  เคียวและเครื่องมืออื่นๆไปเก็บเรียงไว้บนชั้นวางของในเพิงคอกสัตว์
    เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อพินิจดูไม้ไผ่ลำยาวสีเขียว 2 ลำ ตรงกลางปล้องบุ๋มลงมีสีเหลือง  จึงอดถามว่าเอามาทำอะไรไม่ได้?
              พอได้ยินเหลียนเซ่อเฉลย  ทั้งสองคนก็ตื่นเต้นนัก  ดวงตาจับจ้องอาเจี่ยนด้วยความหมายมาดอยากได้แบบเหลียนเซ่อบ้าง 
            เหลียนฟางโจวส่ายหน้าเล็กน้อย   มิอยากเข้มงวดกับพวกเขานัก  ได้แต่เพียงเอ่ยเตือน “คอยให้เขาผ่าไม้ไผ่เป็นซีกๆก่อน  อย่าได้เอามือเข้าไปจับเล่า  อยู่ให้ห่างจากพี่เจี่ยนเลย   ตอนเขากำลังผ่า  อาจบังเอิญไปบาดมือพวกเจ้าจนเลือดออกเอาได้   แล้วอย่ามาร้องไห้นะ!”
            เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อรับคำ
            อันที่จริง  อาเจี่ยนแก่กว่าเหลียนฟางโจวมาก คือราวๆ 7-8 ปี  เธอควรเรียกขานเขาว่า ‘พี่เจี่ยน’  ถึงจะถูกต้อง  ทว่าเหลียนฟางโจวในชาติภพที่จากมาหาใช่เด็กสาวอายุน้อยไม่  แม้วิญญาณจะอยู่ในร่างเด็กสาว   แต่กว่าเธอจะทำตัวให้กลมกลืนไปกับครอบครัวสกุลเหลียนในยุคโบราณนี้ได้  ก็เล่นเอาหืดขึ้นคอไปเหมือนกัน   ครั้นจะให้เธอมาเรียกขานอาเจี่ยนว่า ‘พี่’  ก็ยังยากเย็นสำหรับเธออยู่ดีนั่นเอง
            หนำซ้ำ  ตัวอาเจี่ยนเองก็ดูไม่ถือสา ที่เธอไม่เรียกเขาว่า ‘พี่’  ส่วนเหลียนฟางโจวเองก็สะดวกใจที่จะเรียกขานชายหนุ่มรุ่นพี่ว่า ‘อาเจี่ยน’
            อาเจี่ยนเห็นเด็กๆตาวาวมองตนเอง  คอยเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อว่าเขาจะทำออกมายังไง  จึงหัวเราะหึหึ   แล้วย้ายมานั่งทำงานบนเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ในลานบ้าน  ในมือจับมีดเหลาไม้ไผ่จนบาง  ทำทุกสิ่งอย่างมีแบบแผนละเอียดละออ
            ชายหนุ่มขยับมือไม้ได้แคล่วคล่องชำนิชำนาญ   ดูลื่นไหลง่ายดายประหนึ่งเมฆเคลื่อนน้ำไหล  ทำไปโดยไม่ต้องหยุดคิด   คล้ายสัญชาติญาณอย่างหนึ่งทำนองเดียวกับ การกินอาหาร หรือเข้านอนอย่างไรอย่างนั้น
            และแล้วชายหนุ่มพลันหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหวลง   อดรำพึงในใจตนเองมิได้    ไยเขาถึงคุ้นเคยกับงานทำคันธนูและลูกศรนักนะ?   อย่าบอกนะว่าแต่ก่อนเขามักทำอาวุธพวกนี้เป็นอาจิณ อย่าบอกนะว่า  เขาเคยอยู่ในครอบครัวนายพรานทว่าดูคล้ายไม่เชิงนัก....เพราะว่านอกจากเรื่องธนูและลูกศรแล้ว   กับพวกเหยื่อ เช่นนกหรือสัตว์ป่าเทือกนั้น  กลับมิเคยดึงดูดความสนใจเขาเลย
            กล่าวโดยสรุป  เรื่องคันธนูกับลูกศร  เขารู้สึกกับมันในทางที่แตกต่างออกไป
            “พี่เจี่ยนช่างเก่งกาจจริงๆ!”  เหลียนฟางฉิงร้องออกมาด้วยความชื่นชม
            อาเจี่ยนพลันกลับคืนจากภวังค์ แล้วหันไปคลี่ยิ้มให้เด็กน้อย  พลอยเลิกครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ไปในที่สุด
            ต่อให้คิด   เขาก็รู้ดีว่าตนเองคงนึกเรื่องราวหนหลังไม่ออกอยู่ดี 
            ในที่สุดก็ถึงเวลามื้อเย็น  อาเจี่ยนทำคันธนู 2 อันเสร็จเรียบร้อย  เหลาไม้ไผ่เป็นลูกศรได้ 10 ดอก
            เมื่อมองคันธนูที่โค้งงอ และลูกศรยาวพวกนั้น  ผิวของมันสะท้อนความวาวของไม้ไผ่  เส้นเอ็นวัวผูกไว้กับคันธนู ทำเป็นสายธนู  เมื่อดึงเบาๆแล้วปล่อย  ก็สั่นไหว ส่งเสียงดังหึ่งๆ  เมื่อเอามือจับคันธนูยกขึ้นมา  พลันรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม
            ลูกศรไม้ไผ่ที่แหลมคมพวกนั้นเล่า  แต่ละดอกหนาประมาณนิ้วมือ  จากส่วนหัวลูกศรถึงปลายหางจะมีลักษณะกลมแล้วค่อยๆแบนลงในส่วนปลาย  ส่วนปลายบั้งเป็นแฉก  เอาแผ่นโลหะบางๆเสียบไว้  เมื่อถือไว้ในมือ  จะรู้สึกเย็นและหนัก
              เด็กทั้งสามคนต่างตื่นเต้นยินดี   เหลียนเซ่อเอาแต่ชื่นชมสิ่งประดิษฐ์ใหม่จนวางไม่ลง  เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อได้แต่อิจฉาพี่ชายไม่หยุด  จึงรบเร้ากันเซ็งแซ่  อยากให้อาเจี่ยนทำให้ตนบ้าง
                        อาเจี่ยนเจอเด็กสองคนเอาแต่เซ้าซี้ไม่เลิก  จึงหัวเราะ “ที่จริงแล้วเรื่องนี้  พวกเจ้าต้องไปขออนุญาตพี่สาวก่อน   หากพี่สาวพวกเจ้าเห็นด้วย   ข้าถึงจะทำให้ได้!”
                        เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อพลันห่อเหี่ยวทันใด  เพราะเหลียนฟางโจวย่อมไม่ยอมให้ทั้งสองคนเล่นของอันตรายแบบนั้นเป็นแน่
                        เหลียนเซ่อเองรู้สึกทุกข์ใจไปกับน้องๆ  ทว่าคงให้เด็กทั้งสองเล่นของแบบนี้ไม่ได้  จึงเอ่ยปลอบใจ  “พวกเจ้ายังเล็กนัก  อย่าเล่นของแบบนี้จะดีกว่า เอาอย่างนี้  ไปขอพี่เจี่ยนให้ทำเตี้ยงกง (หนังสติ๊ก) ให้พวกเจ้าเล่นดีหรือไม่?   หากให้พี่เจี่ยนทำเตี้ยงกงให้   มันต้องดีกว่าที่พวกเราทำเองแหงๆ!”
                        ดวงตาของเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อเป็นประกายวิบวับ  บังเกิดความยินดีปรีดาขึ้นทันใด   พากันพยักหน้าหงึกหงัก
              “เตี้ยงกง(หนังสะติ๊ก) หรือ?”  อาเจี่ยนเริ่มเหงื่อตก  “ของแบบนี้....ข้าทำไม่เป็น....”
                        เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อไหนเลยจะยอมเชื่อเล่าเหลียนเซ่อเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!
                   พี่เจี่ยนจะไม่รู้จักได้อย่างไรเล่า?   พวกเขาเชื่อฝังหัวว่า ไม่มีอะไรที่พี่เจี่ยนและพี่สาวพวกเขาทำไม่ได้   แล้วยังจะมีสิ่งใดอีกหรือที่เขาไม่สามารถทำเล่า!
                        อาเจี่ยนจึงหมดทางเลือก  จำต้องยอมทำแต่โดยดี  มิต้องสงสัยเลย  ชายหนุ่มลงมือทำเตี้ยงกงภายใต้การกำกับของพี่น้องสามคน
                        ดังภาษิตกล่าวไว้ว่า   เมื่อรู้ดีเรื่องหนึ่ง  ก็ต้องรู้ดีทุกๆเรื่อง  ส่วนอาเจี่ยนเอง  ก็ดูคล้ายว่าเกิดมาฉลาดล้ำ   พวกเหลียนเซ่อจึงอธิบายให้ชายหนุ่มฟังเพียงคร่าวๆ   เพราะคิดว่าเขาย่อมเข้าใจหมดเปลือกอยู่แล้ว   
                        ทำเตี้ยงกง มันก็แค่งานเด็กๆ   จะเสียเวลาเท่าไรกันเชียว?   เพียงไม่นาน  เตี้ยงกงอันเล็กงดงาม 2 อัน ก็ถูกทำออกมาเสร็จเรียบร้อย
    เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อหยิบขึ้นมาหมุนเล่นในมืออย่างชื่นชมยินดี  เหลียนเซ่อเองก็ลองทดสอบดูบ้าง   พลางเอ่ยยกย่องอาเจี่ยนผู้ไร้เทียมทานว่า  “พี่เจี่ยน...นี่นะหรือที่ท่านบอกว่าทำไม่เป็น เทียบกับที่พวกเราทำมาแต่ก่อนแล้ว  ถือว่าดีเยี่ยมไร้ที่ติเสียจริงๆ!”
                        “….”  อาเจี่ยนขยับริมฝีปากคล้ายจะพูด  จากนั้นก็พ่นเสียงหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่ไหว

              --------------------------------------------------------------------------
      ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^-^
     สปอยล์เล็กน้อย..
     พระเอกความจำเริ่มมาลางๆแล้ว  แต่จะฟื้นความจำได้ ก็ปาจะไปหกร้อยตอนค่ะ
     ส่วนบ้านตากอากาศบนเขาสวนผลไม้  ตอนนางเอกหึงพระเอกเพราะเข้าใจผิด ก็เคยมาหลบให้พระเอกง้ออยู่ที่นี่
     ส่วนเหลียนเซ่อ ต่อไปจะได้แสดงฝืมือช่วย พระเอก กำจัดฝูงหมาป่าที่มารุกรานหมู่บ้านในอนาคตได้ค่ะ



 

เมนซที่เฟซบุค

20 ความคิดเห็น:

  1. รอค่ะยิ่งสปอยยิ่งอยากอ่านอีก ขอบคุณมากค่ะไรท์

    ตอบลบ
  2. สปอยให้ยิ่งอยากติดตามอ่านอย่างจดจ่อค่ะ
    ขอบคุณค่ะ...รอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  3. เปลี่ยนสายงานมาเป็นชาวไร่เต็มตัวซะแล้วท่านแม่ทัพ

    ขอบคุณค่ะ :)

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. รอติดตามการเติบโตของพี่น้องบ้านนี้ค่ะ

    ตอบลบ
  6. ยังคงสนุกสนานมากเช่นเดิม ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  7. ยิ่งสปอยก็ยิ่งอยากอ่าน คนแต่งเรื่องนี้แต่ได้เนิบนาบแต่สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
    ส่วนไรท์ก็เลือกเรื่องมาแปลได้เยี่ยม
    บวกฝีมือการแปลอีกขอบคุณมากๆค่ะ

    ตอบลบ
  8. ขอถามหน่อยค่ะความจำอาเจี่ยนกลับมาชัดๆตอนไหนคะ จะได้ไปดำน้ ารอ
    แล้วชื่ออาเจียน ใช่ หลี่ฟุ ไหมคะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความจำกลับมา บทที่ 597 ค่ะ ชื่ออาเจี่ยน คือหลี่ฟุ ใช่ค่ะ

      ลบ
    2. ขอลคุณผู้แปลมากๆๆค่ะ

      ลบ
  9. ขอลิงค์ไปมุดหน่อยได้ใหมครับ อยากอ่านต่อรัวๆใจจะขาด กูเกิลทรานเสลทเอา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2561 เวลา 14:38

      Link อยู่ที่หน้ารายละเอียดนิยายค่ะ ดำแล้วมาสปอยเผื่อด้วยนะคะ เราลองดำมาแล้ว จมตั้งแต่น้ำตื้นเลยล่ะ 55555

      ลบ
    2. เกือบตายครับ ดำหาเวปทรานเสลท สุดท้ายมาลงตัวที่ bing แปลจากจีนเป็นอังกฤษพอกล้อมแกล้มไปได้

      ลบ
    3. เราก็เคยไปดำมาแล้วค่ะ ตายเหมือนกัน

      ลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2561 เวลา 22:25

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  11. โอ้ยยยย อ่านสปอยแล้วเขินรอเลยยยยย ที่บ้านอาเจี่ยนนี่ไม่มีคนตามเลย สงสาร ปล่อยให้ล่อนเล่ตั้งนาน ดีนะที่เจอฟางโจว😍

    ตอบลบ
  12. อ่านสปอยล์แล้ว รีบเลื่อนขึ้นไปดูอย่างไวว่าอ่านถึงตอนที่เท่าไหร่แล้ว....เฮ่อ..อีกยาวไกล😣

    ตอบลบ
  13. อาเจี่ยนกะพี่สาวจะรุ้ไหมนิ ว่าพวกเด็กๆคิดว่าสองคนนี้เก่ง ทำได้ทุกอย่าง..อมยิ้มกับความน่ารักของน้องๆ

    ตอบลบ