วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 157 ไปขุดตอไม้ 2

                      วันต่อมา  คนทั้งบ้านต่างลุกขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่  อาเจี่ยนกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว   ส่วนเหลียนฟางโจวหยิบเล่าปิ่งกับไข่ต้มใส่ในถุงผ้าสะอาดๆ   แล้วจึงให้น้องๆทั้งสาม รวมทั้งอาเจี่ยนเตรียมตัวเดินทางขึ้นเขาเซียนเถิงซาน
                        เนื่องจากต้องไปขุดต้นไม้ หรือตอไม้   สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องมือจำพวกพลั่ว จอบ ขวานและเครื่องมืออื่นๆจิปาถะ
                        เป็นเพราะตอนขากลับต้องใช้ลาขนต้นไม้และตอไม้กลับมา   จึงแขวนตระกร้าสานไม้ไผ่หนา 2 ใบไว้บนหลังลา  ไว้ใส่เครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ

                        ขณะที่เหลียนฟางฉิงและคนอื่นๆอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น  ป้าสามกลับมีอารมณ์ขุ่นมัว  รู้สึกว่าพวกเด็กหนุ่มสาวตั้งใจจะไปหาเรื่องเล่นสนุกเสียมากกว่า  หญิงวัยกลางคนเห็นเหลียนฟางฉิงกระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่  เทียบกับเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อที่มีบุคลิกนิ่งๆ  ดวงตาทอของทั้งคู่ก็ยังเปล่งประกายเจิดจ้าเป็นพิเศษด้วยความตื่นเต้น  ป้าสามอดบ่นเหลียนฟางโจวไม่ได้ “เจ้าชักจะตามใจพวกเด็กๆจนเหลิงแล้วนะ!”
                        เหลียนฟางโจวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจนัก  “ข้าตามใจจนเหลิงตรงไหนกัน    ทั้งหมดนี่ก็ไปเพื่องานทั้งนั้น!  ป้าสามวางใจเถิด  ข้าเองก็เป็นคนมีวิจารณญาณ  รับประกันว่าจะคอยดูไม่ให้พวกเขาเหลวไหลแน่!”
                        ป้าสามแค่นเสียงเฮอะขึ้นมา “แบบนี้นะหรือที่เรียกว่างาน  ไม่เห็นมีวี่แววที่ตรงไหนเลย!  เอาเถอะ  พวกเจ้าอยากจะไปก็ไป!  แล้วรีบกลับมาให้ไว้ล่ะ  เขาเซียนเถิงซานนั่นน่ะ  มิใช่สถานที่ที่จะเข้าไปกันได้ง่ายๆ  มีแต่อันตรายทั้งนั้น!  ไม่เช่นนั้น ไยถึงไม่ค่อยมีใครไปกันนักเล่า!”
                        ถึงจะฟังดูน่ากลัวก็ตาม  ตรงกันข้าม เหลียนเซ่อกลับมีทีท่ารื่นเริงใจ  ตั้งตารออันตรายให้ดาหน้าเข้ามาหาอย่างใจจดใจจ่อ  นี่คือโอกาสที่เขาจะได้ทดสอบฝีมือเสียที  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ป้าสามสบายใจเถิด  มีพี่เจี่ยนทั้งคน  ปลอดภัยหายห่วงแน่!”
                        ป้าสามแค่นเสียงขึ้นอีกครา  “พี่เจี่ยนรึแล้วอย่างไรเล่า!  หากเจอเสือ เจอหมาป่าคาบไปรับประทานเข้า  คงไม่มีใครจำได้แล้วล่ะว่าชิ้นไหนเป็นพี่เจี่ยน  ชิ้นไหนไม่ใช่พี่เจี่ยน!  เพ้ย..เพ้ย..ข้านี่มันก็ปากพาซวยจริงๆ   พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้!  เอาเป็นว่า  พวกเจ้ารีบกลับมาแต่หัววันก็แล้วกัน!”
              เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มเป็นการตอบรับ
                        ยามออกจากบ้าน  ดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก  หมอกยามอรุณรุ่งลอยมาปกคลุมพาให้กายหนาวเหน็บ  ทว่าความหนาวเย็นเช่นนี้กล่าวได้ว่าไม่มีผลกับหลายชีวิตที่กำลังเร่งรีบเลย  เพราะยิ่งเดินทางร่างกายก็ยิ่งอุ่นขึ้น   บวกกับความตื่นเต้นในอารมณ์  จึงยิ่งไม่รู้สึกถึงความเหน็บหนาวแม้แต่น้อย
              พอเดินทางไปได้ราวครึ่งชั่วยาม  สองข้างทางที่ผ่านไปค่อยๆยกตัวสูงขึ้นจนกลายเป็นสันเขา  ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม  ก็มาถึงเขาเซียนเถิงซานในที่สุด
                        เหลียนฟางฉิง เหลียนเช่อ รวมทั้งอาเจี่ยนเพิ่งมาเยือนเป็นคราแรก  ตรงกันข้ามกับเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อที่มาเยือนไม่รู้กี่คราแล้ว  ทั้งสองคนคุ้นชินกับป่าบนภูเขาลูกนี้มาเนิ่นนาน  ต่างคนต่างมองหน้ากันยิ้มๆ  ในใจรู้สึกคิดถึงขึ้นมาไม่น้อย
                        อาเจี่ยนกวาดตาสำรวจไปทั่ว  กระนั้นก็เห็นเพียงแต่ป่าทึบ   จากตรงนี้เท่าที่ตาเห็น  พบแต่ต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาทึบ จนมองไม่เห็นด้านใน  ยามนี้ล่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว  ภูเขาทั้งลูกเต็มไปด้วยสีสัน   และยังมีส่วนที่ยังคงความเขียวชอุ่มไม่เปลี่ยนอยู่ด้วย  มีต้นไม้นานาพันธุ์ที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก  ป่าบางแถบเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดงทั้งต้นเพื่อรอผลัดใบ                            “เป็นภูเขาที่ดีจริงๆ!”  อาเจี่ยนอดชื่นชมไม่ได้
                        เหลียนฟางโจวจ้องมองตามด้วยดวงตาเข้มลึก  เอ่ยยิ้มๆ  “เป็นภูเขาที่ดีจริงๆด้วย  บนภูเขาลูกนี้ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งมีค่าเท่าใดกัน  น่าเสียดายที่อันตรายนัก   จะเข้าไปสำรวจมิใช่เรื่องง่าย!
              อาเจี่ยนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
              “พี่ใหญ่  พวกเราไปล่าสัตว์ก่อน  หรือไปขุดตอไม้กันก่อนดีล่ะ!”   เหลียนฟางฉิงอดถามด้วยรอยยิ้มไม่ได้   นางอยากลองไปเสียทุกอย่าง
                        เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าเริ่มออกนอกลูกนอกทางแล้วนะ!  พวกเรามาที่นี่เพื่อขุดตอไม้  มิได้มาล่าสัตว์!  เลิกซนได้แล้ว!”
                        ส่วนเรื่องล่าสัตว์น่ะหรือ? หากไปล่าสัตว์   ยามนี้ไหนเลยจะมีเวลาทำงานเหลียนฟางโจวอดนึกถึงซุนฉางซิงไม่ได้  ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง
                        เหลียนฟางฉิงแลบลิ้นออกมา  แล้วหัวเราะแหะๆอย่างเห็นด้วย
              กับเขาเซียนเถิงซานลูกนี้  เหลียนฟางโจวบอกได้เลยว่าคุ้นเคยกับที่นี่ดีเฉพาะบริเวณชายป่าเท่านั้น  ตอนฤดูใบไม้ร่วงเธอมาเพียงเพื่อเก็บเห็ด  แถบนี้ถูกเธอเดินสำรวจจนปรุไปหมดแล้ว
                        ยามนั้นผลไม้ป่าหลายชนิดกำลังสุกได้ที่  ทุกวันที่ไปเก็บเห็ด  ยังได้เด็ดผลไม้ป่ามากินประทังความหิวไปด้วย  ด้วยเหตุนี้   ไหนเลยจะไม่รู้ว่าบริเวณนี้มีผลไม้อะไรขึ้นบ้างเล่า  กล่าวได้ว่าให้ทั้งสองคนหลับตาเดินบอกก็ยังได้
    อย่างต้นพุทรานี่  ล้วนมีมากมายจนไม่ต้องเที่ยวมองหาเลย    ส่วนใหญ่พบขึ้นเต็มอยู่ตามหุบเขา  ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่  สามารถเลือกขุดเอาได้ตามใจชอบ
              “พี่ใหญ่  เช่นนั้นพวกเราไปขุดต้นไม้กันก่อนเถิด  ต้นพุทรานั่นก็โตได้ที่แล้ว!” เหลียนเซ่อเป็นฝ่ายเสนอ  ซึ่งตรงใจเหลียนฟางโจวพอดี  หญิงสาวจึงผงกศีรษะตอบรับ
              ด้วยเหตุนี้  คนทั้งกลุ่มจึงเดินไปยังฝั่งซ้ายของบริเวณหุบเขา
                   หุบเขานี้มีไหล่เขาขนาบอยู่ทั้งสองด้าน  มีผลไม้ป่านานาชนิด เช่น ต้นส้ม ต้นปี๋ปา ต้นหยางเหมย  ต้นหลี (แพร์)  ขึ้นกระจายเป็นหย่อมๆ  ส่วนต้นพลับ ต้นซิ่ง(อัลมอนด์) ต้นเต๋า (พีช)นั้นก็พบเห็นได้ง่าย  มีเพียงชนิดเดียวที่ไม่พบคือต้นทับทิม
                        สามารถเลือกขุดต้นไม้หลักที่เอาไว้ใช้ทาบกิ่งได้ตามใจชอบ  โดยต้องเลือกขุดต้นไม้ที่มีลำต้นหนาเท่าปากชามข้าว   ตัดบรรดากิ่งเล็กกิ่งน้อยออก   เหลือเฉพาะกิ่งหลักเอาไว้  ส่วนความยาวลำต้นต้องมีขนาด 1 มี่ครึ่ง (1.5 เมตร)  ตอนขุดขึ้นมาต้องมีดินติดรากมาด้วย  แล้วนำกลับบ้านไปลงดินใหม่  เมื่อถึงปีหน้า  ต้นไม้ที่ขุดมาจากป่าก็พร้อมพรักให้ทาบกิ่งแล้ว
    การทาบกิ่งผลไม้เช่นนี้  ไม่เพียงเจริญเติบโตเร็ว  ซ้ำเมื่อถึงคราวออกผล  ผลก็ติดทนนาน  และได้ผลโตเต็มที่
              ต้นผลไม้บนเขาเซียนเถิงซานนี้มีมากมายนัก   เพียงผ่านไป 1 ชั่วยาม  พวกเหลียนฟางโจวสามารถขุดขึ้นมาได้ 40 ต้นโดยง่ายดาย
                   พรุ่งนี้มีเวลามาอีก  เช่นนั้น...คงไม่ต้องเร่งมือกับงานนี้มากนัก   คนทั้งหมดจึงพากันหยุดมือ  แล้วเดินเที่ยวอยู่ในป่าบนภูเขา  เพื่อมองหาว่ามีผลไม้ชนิดอื่นอยู่แถวใดอีกบ้าง  พรุ่งนี้มาอีก  จะได้มาขุดต่อโดยสะดวก
                        ในป่ามีแต่บรรดาต้นไม้เก่าแก่สูงเทียมฟ้า  ต้องออกไปอยู่นอกป่าถึงจะเห็นแสงอาทิตย์สาดส่อง  หากเดินเข้าไปในป่า  จะเห็นเพียงแสงสลัวเท่านั้น  กระทั่งในฤดูร้อน  หากเดินเข้าไปในป่าจะรู้สึกหนาวยะเยือก  ยิ่งเวลานี้ก็ยิ่งทวีความหนาวเย็นขึ้นไปอีก
         “หนาวไหม?”  เหลียนฟางโจวอดถามเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อไม่ได้
                        เด็กทั้งคู่สั่นหัวพร้อมกัน  เพียงกวาดตามองไปรอบๆ  ทั้งตื่นกลัว ตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจ  ไหนเลยจะบอกว่าหนาวเล่าเพียงถามอย่างระแวดระวังว่า “ไยไม่มีเหยื่อมาให้เห็นเลยอย่างไก่ฟ้าหรืออะไรก็ได้  ไม่ใช่ว่ามีอยู่มากมายบนภูเขา...”
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม “บางทีมันเห็นคนมา   มันก็เลยซ่อนตัวอยู่!  หรือบางที วันนี้อากาศเย็นนัก  มันก็เลยหลบหนาวอยู่กระมัง?
              เหลียนฟางฉิงผิดหวังขึ้นมาทันใด  อันที่จริงก็น่าจะบอกกันก่อน  ทันใดนั้นเด็กน้อยได้ยินเหลียนเช่อร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น  “ดู!  ดูนั่นสิ!  มีไก่ฟ้าสีทองอยู่ตรงนั้นด้วย  หางยาวสวยอะไรเช่นนี้!”

                        ทุกๆคนมองตามนิ้วมือเขา  จริงๆด้วย   ไก่ฟ้าสีทองที่มีขนสีสันสดสวย  สองเท้ากำลังคุ้ยเขี่ยกองใบไม้บนพื้นมากิน  มันจดจ่อกับกิจกรรม  โดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว
                        “โห!  สวยจังเลย!” เหลียนฟางฉิงอุทานด้วยความประหลาดใจ  แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ  ซ้ำไก่ฟ้าสีทองตัวนั้นยังไม่สังเกตุเห็นพวกเขาอีกด้วย  ยังคงก้มหน้าก้มตาคุ้ยเขี่ยจิกกินเศษใบไม้ไม่หยุด
                        ในที่สุดก็พบเหยื่อแล้ว  แต่ละคนล้วนตื่นเต้น  เหลียนเซ่อยิ่งทวีความกระหายใคร่ทดสอบฝีมือนัก
                   อาเจี่ยนยิ้มแล้วเอ่ยเบาๆกับเหลียนเซ่อ “เจ้ามาลองเลย  เล็งให้ดี!  อย่าให้พลาดเป้าล่ะ”
                        “อื้ม!”  เหลียนเซ่อตั้งใจไว้อยู่แล้ว  เพียงกลัวว่าจะยิงพลาดเลยยังสองจิตสองใจอยู่
                        พอได้ยินอาเจี่ยนพูดเช่นนี้  พี่สาวกับน้องๆก็ไม่ว่าอะไร  เพียงมองเขาอย่างเอาใจช่วย  ความมั่นใจของเด็กหนุ่มก็พลันพุ่งสูงขึ้นทันใด   ครั้นแล้วเด็กหนุ่มจึงดึงลูกธนูในกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาอย่างนุ่มนวล  วางแนบกับคันธนูไม้ไผ่ในมือเบาๆ  ปิดตาข้างหนึ่ง  แล้วเล็งไปที่ไก่ฟ้าสีทองตัวนั้น
                        เหลียนฟางโจวกลั้นใจรอคอย  สองตาจับจ้องไก่ฟ้าสีทองตัวนั้นไม่กระพริบ

                        “เฟี้ยว!”  เหลียนเซ่อค่อยๆง้างสายธนูจนสุด  แล้วปล่อย  ลูกธนูไม้ไผ่นั้นพุ่งแผลวออกจากคันธนู  แหวกอากาศเสียงดังเฟี้ยว  พุ่งตรงไปยังไก่ฟ้าสีทองตัวนั้น
       ------------------------------------------------------------------------------
     ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ ^-^





17 ความคิดเห็น:

  1. อ่านตอนล่าสัตว์แล้วสงสารไก่ค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ ^^ รอตอนต่อไปน้าา

    ตอบลบ
  3. สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆที่แปลมาให้อ่าน แถมยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยคอยเสริมให้ตลอด

    ตอบลบ
  4. เสียดายไก่สวยๆจะต้องตาย

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ...เห็นภาพเลยนึกสงสารไก่ค่ะตามประสาคนใจอ่อน

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ21 มกราคม 2561 เวลา 13:04

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ แปลดีมาก อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยค่ะ

    ตอบลบ
  8. รูปไก่ที่นำมาปรากอบสวยมาก อ่านแล้วสงสารเลย

    ตอบลบ
  9. เห็นแล้วนึกว่าจะเปลี่ยนใจเอามาเลี้ยงแทนน่าสงสารไก่ฟ้าจัง

    ตอบลบ
  10. เสียดายเลยค่ะ ถ้าจะสวยขนาดนี้ อยาดจะขอมาเลี้ยงจริงๆ ฟางโจวน่าจะเอาไปเลี้ยงสักคู่เนอะ รอมันออกลูกหลาน ค่อยกินก็ยังทัน 55555

    ตอบลบ
  11. ยิงได้รอบนี้ไม่ต้องไปแบ่งบ้านป้าจางอีกนะคะ นึกถึงตอนได้ไก่รอบที่แล้วเลย สะใภ้บ้านป้าจางน่ารังเกียจมาก

    ตอบลบ