วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 160 นำกลับบ้าน


                      เหลียนฟางโจวให้เหลียนเซ่อคอยอยู่ตรงนี้   ส่วนตนเองค่อยๆย่องไปเพื่อจะกอบเอาฝูงผึ้งที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน  อาเจี่ยนร้องเรียกเสียงต่ำ “ระวัง!”  พลางเดินตามหลังหญิงสาวไปด้วย
            เหลียนฟางโจวเลื่อนสายตาไปยังบริเวณใต้ต้นเฟิง  พรูลมหายใจเบาๆขึ้นคราหนึ่ง
            ผิดจากที่เธอคาดไว้เสียแล้ว  บนพื้นมีผึ้งที่ยื้อชีวิตไม่ไหวตกลงมาตายเป็นอันมาก  หากปล่อยไปอีกหลายวัน  พวกผึ้งที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อนบนต้นไม้  คงมีชะตากรรมไม่ต่างกันกับเพื่อนๆของมันบนพื้นดินแน่

            “เลี้ยงผึ้ง  ต้องมีรังผึ้งใช่หรือไม่? ยามนี้เราไม่มีเลยนะ!”  อาเจี่ยนพึมพำออกมา
            “อื้ม”  เหลียนฟางโจวเอียงศีรษะครุ่นคิด  อดเอ่ยขึ้นไม่ได้  “เราลองสร้างรังขึ้นมาแก้ขัดยามนี้ได้หรือไม่  อืม เช่นนั้นใช้ไม้ไผ่ก็ได้  แล้วไปเก็บใบไม้ใบใหญ่เอามารองก้นอีกครั้งดีหรือไม่?
            เอาไม้ไผ่มาผ่าปล้องเปิดออก  แล้วลอกเนื้อไม้ให้เป็นแผ่นบางเรียบ  ไม่ต้องใช้ตะปูยึด  ใช้เถาวัลย์เส้นบางขวั้นเป็นเกลียวมัดไว้ก็พอ!
            ไม่จำเป็นต้องทำให้สวยงามปราณีต  ไม่จำเป็นต้องทนทานมากนักด้วย  ตราบใดที่สามารถเอาฝูงผึ้งใส่งลงไปได้ทั้งหมด  และป้องกันพวกมันไม่ให้ตื่นตกใจได้ก็พอแล้ว  พอกลับไปบ้านจึงค่อยเตรียมการอีกครั้ง!  ยามนี้คือฤดูหนาว  บรรดาผึ้งจะเคลื่อนไหวเชื่องช้า  เทียบกันแล้วสามารถจัดการได้ง่ายนัก
            อาเจี่ยนได้ฟังเหลียนฟางโจวกล่าวเช่นนั้น  จึงพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ดี!  ทำแบบนี้ง่ายดีด้วย!”
            เหลียนฟางโจวดีใจนัก  รีบค้อมศีรษะขอบคุณอาเจี่ยนหลายครา 
  อาเจี่ยนกับเหลียนเซ่อไปตัดไม้ไผ่  ส่วนเหลียนฟางโจวพาน้องน้อยทั้งสองไปหาเถาวัลย์เส้นบางๆเหนียวๆที่เหมาะใช้มัดของในบริเวณใกล้เคียง
            บนภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ   มีทุกสิ่งพร้อมสรรพ  ทั้งสามหาวัสดุได้ครบถ้วนในเวลาอันรวดเร็ว 
            คนทั้งหมดเริ่มงานทันที  เหลียนฟางโจวทำมือประกอบเพื่อบอกขนาดของรังผึ้ง  -ต่อมาก็เอามีดมาลอกไม้ไผ่เป็นแผ่นบางๆ 7-8 แผ่น  อาเจี่ยนเริ่มเอาแผ่นไม้มาประกบเป็นรูปร่าง  ส่วนเหลียนฟางโจวยังคงลอกไม้ไผ่เป็นชิ้นบางๆต่อไป
                   ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม  รังผึ้งหยาบๆแสนเรียบง่ายก็ถูกทำขึ้นเสร็จเรียบร้อย!
            ภายในรังไม้ไผ่บุเด้วยใบไม้ใบใหญ่ๆที่ก้นและด้านข้างภาชนะ  เหลียนฟางโจวกับอาเจี่ยนเดินเข้าไปที่ต้นเฟิงด้วยความระมัดระวัง  กอบเอาฝูงผึ้งทั้งหมดใส่ลงไปในรังไม้ไผ่ได้สำเร็จ  ครั้นแล้วคนทั้งหมดต่างพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
            “เรียบร้อยแล้ว!  กลับไปแล้วพวกเราค่อยเอาแผ่นไม้กระดานและตะปูสร้างรังให้ถาวรอีกครา  แล้วเอาน้ำตาลมาเลี้ยงมันอีกที  เพียงให้พวกมันมีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้  ก็ไม่มีอันใดต้องห่วงแล้ว! “  เหลียนฟางโจวรู้สึกยินดีปรีดานัก
            “เรื่องนี้ปล่อยป็นหน้าที่ข้าแล้วกัน!”  อาเจี่ยนอาสาหอบรังผึ้งที่ทำขึ้นหยาบๆให้เหลียนฟางโจว
                        พอออกไปด้านนอก  ก็บรรจงวางรังผึ้งลงในก้นตระกร้าไม้ไผ่สานอย่างทะนุถนอม  ปิดทับด้วยใบไม้อีกหลายชั้น  เพียงคอยระวังยามใส่ตอไม้ลงในตระกร้าใบเดียวกัน
            ทว่าก้นตระกร้าไม้ไผ่สานอีกใบ  บรรจุเหยื่อที่ล่ามาได้แล้วปิดทับด้วยใบไม้ทับอีกชั้น
            เมื่อกลับไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน  เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่ออิดออดไม่อยากกลับก่อน   ด้วยอยากตามไปปลูกตอไม้ด้วย
            เหลียนฟางโจวครุ่นคิดแม้ว่าเด็กทั้งสองยังเล็ก  ก็สามารถเป็นลูกมือช่วยงานปลูกตอไม้ได้  งานพวกนี้จะได้เสร็จเร็วขึ้นอีกนิด  หญิงสาวจึงไม่ยืนกรานให้พวกเขากลับบ้าน
            แต่ละคนต่างเดินขึ้นยอดเนินเขาเขาฮวากั่วซานน้อย  ปลูกตอไม้ต่อจากตำแหน่งเมื่อ
วาน
            เด็กสองคนช่วยงานได้มากจริงๆ   ทำให้งานเสร็จไวกว่าเมื่อวานเกือบเท่าตัว!
            ระหว่างเดินทางกลับบ้าน   แต่ละคนต่างพูดคุยหัวเราะหารือเรื่องที่ว่าพอกลับลงไปแล้วจะสร้างรังผึ้งอย่างไร  เมื่อสองสามวันก่อนที่บ้านพวกเขามิได้สร้างคอกสัตว์หรอกหรือ?  ยังมีแผ่นไม้กระดานและตะปูเหลืออยู่  มีวัสดุพร้อมใช้เสร็จสรรพรออยู่แล้ว
            จากที่เห็นอยู่ไกลๆ  มีรถจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านคันหนึ่ง   รถกลางเก่ากลางใหม่แขวนม่านสีน้ำเงินลายดอกไม้เล็กๆ
            “เอ๋  เรามีแขกมาเยี่ยมบ้านด้วยหรือ?  เหลียนฟางฉิงทำตาโตเอ่ยด้วยความแปลกใจ   เด็กหญิงตัวน้อยพยายามนึกทุกทางที่เป็นไปได้  เพราะนางไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน  ไปมีแขกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
            สัตว์ที่ใช้ลากรถคือม้า   มิใช่ลา!
            เมื่อเดินมาใกล้ขึ้น  เหลียนฟางโจวกับอาเจี่ยนต่างเห็นตัวอักษรคำว่าจ้าว ปรากฏบนตัวรถ  ทั้งสองคนอดสบตากันไม่ได้  เหลียนฟางโจวเองนั้นนึกฉงนพร้อมทั้งไม่พอใจ  ส่วนอาเจี่ยนนั้นค่อนข้างรำคาญรวมทั้งรู้สึกแหยงๆขึ้นมาตะหงิดๆ
            ดูเหมือน  เป็นคนของนายหญิงจ้าวหรูที่อยู่ในเมืองเป็นแน่ 
            ทายว่า 7-8 ใน 10 ส่วน  คนที่ร้องเรียก “พี่เจี่ยน” ไม่พ้นสาวใช้ซี่เชวี่ยแน่!
            เหลียนฟางโจวที่อยู่ตรงนี้รำพึงในใจเสร็จ  ซีเชวี่ยซึ่งอยู่ตรงโน้นก็เห็นพวกเขาแล้ว  ร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนดีใจ “พี่เจี่ยน”  พลางเดินยักย้ายส่ายสะโพกตรงเข้ามาหาบิดไปบิดมาราวกับงู
            เหลียนฟางโจวรู้สึกถึงอาการขนลุกขนชันที่คืบคลานมายังร่างกายส่วนบนอย่างช้าๆ  แล้วค่อยๆแผ่ลามไปทั่วตัว  เหลียนเซ่อเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน  เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อก็รู้สึกกระอักกระอ่วนนัก  เห็นหูตาแพรวพราวของซีเชวี่ยแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจมาก
            “พี่เจี่ยน!  ไยท่านถึงเพิ่งกลับมาเล่า!”  ซีเชวี่ยส่งสายตายั่วยวนให้อาเจี่ยน  เอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดออดอ้อนใส่
            อาเจี่ยนแค่นเสียงเบาๆคราหนึ่ง  สีหน้าดิ่งลงพลางหลุบตาลงต่ำ
    ซีเชวี่ยไม่คิดเลยว่าอาเจี่ยนผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านางจะแสดงสีหน้าแบบไม่ให้เกียรตินางบ้างเลย ทั้งๆที่นางเป็นถึงคนของสกุลจ้าว!
            ความอับอายปรากฏบนใบหน้า  จึงหันไปเรียกเหลียนฟางโจวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเหลียน.....”
            “อืม”  เหลียนฟางโจวส่งยิ้มบาง  โพล่งถามขึ้น “แม่นางซีเชวี่ยมาเยือนบ้านข้ามีเรื่องอันใดหรือ?”
            ดูจากที่ซีเชวี่ยผู้ที่เอาแต่เรียก พี่เจี่ยน อยู่ฝ่ายเดียว  เธอพลันเอ่ยขึ้น “ข้างนอกนี่หนาวนัก  ไปคุยกันที่ลานบ้านดีไหม!”
            ลานบ้านด้านนอก  จริงๆแล้วก็หนาวเย็นเหมือนที่นอกประตูรั้ว  เหลียนฟางโจวไม่
อยากให้การมาของซีเชวี่ยดึงดูดสายตาคนภายนอกมากเกินไป
            ยามนี้ในใจซีเชวี่ยจดจ่ออยู่แต่อาเจี่ยน  ไหนเลยจะสนใจกับผู้อื่นที่เดินผ่านไปมาเล่า?  ซ้ำไม่สนใจฟังว่าเหลียนฟางโจวจะกล่าวอะไรบ้าง  เพียงได้ยินว่านางขอให้เข้าไป  จึงหัวเราะเสียงหวานรับคำ   แล้วจงใจเดินยักย้ายส่ายสะโพกเคียงข้างกายอาเจี่ยน
            อาเจี่ยนนึกรังเกียจเหลือจะกล่าว  คิ้วขมวดมุ่น  รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย   ในใจคิดว่ายังดีที่ไม่ต้องเดินเคียงกันหลายก้าว  ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าขี้นเล็กน้อย
            “พี่เจี่ยนไปทำอะไรมาหรือ?  ไฉนถึงกลับมาเย็นย่ำป่านนี้เล่า?  เหนื่อยไหมจ๊ะ?”  ซีเชวี่ยถามเสียงหวานอย่างกล้าๆกลัว
            อาเจี่ยนนิ่งไม่ตอบคำถาม
            นางไม่หมดกำลังใจแม้สักกะผีกริ้น  ซ้ำไม่สะดุ้งสะเทือนอีกด้วย  ใบหน้าเปื้อนยิ้มยังคงเอ่ยเสียงนุ่ม “พี่เจี่ยนต้องดูแลตัวเองสักหน่อยนะ  ร่างกายเหนื่อยล้าปานนี้ไปทำอะไรมาจ๊ะ!”
                        ระหว่างที่พูดไปก็เข้ามาในบริเวณลานบ้านแล้ว  อาเจี่ยนพรูลมหายใจยาวเหยียด เอ่ยขึ้น “เจ้าจะพูดอะไรกัน?”
            ซีเชวี่ยยิ้มแป้นจ้องมองเขา  ยังไม่เอ่ยอะไรออกมา  มีเพียงใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อนิดๆ  มือคู่ที่นุ่มนวลบอบบางขาวผ่องบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา  คอที่พอกแป้งประทินผิวโน้มต่ำลงมา  แล้วหยุดนิ่ง   พลางช้อนตาขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าด้วยความวาดหวังใส่อาเจี่ยน  เอ่ยเสียงนุ่ม “พี่เจี่ยน  วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดข้า  ด้วยความเอื้อเฟื้อของนายหญิงน้อยของบ้านข้า  จะจัดงานที่ภัตรคารตงไหลฝู  มีการจองโต๊ะในห้องส่วนตัวไว้สองโต๊ะ  ซ้ำอนุญาตให้เชิญเพื่อนข้างนอกไปร่วมงานได้  ไม่รู้ว่าพี่เจี่ยน ท่านพอจะมีเวลาไปได้หรือไม่?”
            แรกเริ่มเดิมที  เพื่อทำงานที่นายหญิงจ้าวหรูมอบหมายให้สำเร็จ  ในช่วงที่นางจนตรอกนั้น  นางพยายามใช้เสน่ห์ผูกมัดโดยโพล่งออกไปว่าจะยอมแต่งให้อาเจี่ยน  ทว่าภายหลังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด  ยิ่งมองอาเจี่ยนก็ยิ่งต้องตามากขึ้น  แล้วก็เริ่มชอบเขาเข้าจริงๆโดยไม่รู้ตัว!
            เพียงนึกถึงอาเจี่ยนคราใด   ในใจให้รู้สึกหวามหวานขึ้นมา   ความคลั่งไคล้ไหลหลงฉายชัดในดวงตา  ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างอดใจไม่ไหว!
            นางรู้สึกว่า  อาเจี่ยนยังไม่พบส่วนดีของนาง  ดังนั้นจึงแสดงออกกับนางเช่นนี้!
            นางเชื่อเสมอว่าสักวันหนึ่ง  เขาจะค้นพบส่วนดีของนาง!
            และนางได้ตัดสินใจแล้ว  นางจะขอยืนอยู่ข้างหลังเขา  มองดูแผ่นหลังเขาอยู่เงียบๆจนกว่าเขาจะหันมามอง
            ด้วยเหตุดังนี้  ไม่ว่าอาเจี่ยนจะปฏิบัติกับนางเช่นไร   ไฟรักในใจนางยังคงลุกโพลงอยู่ไม่คลาย
            ก็ดังเช่นตอนนี้ไง  ภายหลังอาเจี่ยนได้ฟังวาจานาง  จึงเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องหยุดคิด “ข้าไม่มีเวลา!”  นางไม่ยักโกรธและไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วย
            “ไม่มีเวลาหรือ?  ไม่ทราบว่าพี่เจี่ยนมีธุระด่วนอันใด? “  ซีเชวี่ยพยายามสะกดกลั้นความผิดหวังที่ตีรวนขึ้นมา  รีบเอ่ยแย้มยิ้ม “หากไม่มีธุระด่วนมากอันใด  ข้าจะไปคุยกับแม่นางเหลียนให้เอาไหม?  หรือจะหาคนมาทำงานแทนท่านดี?  พี่เจี่ยน  บ้านสกุลเหลียนนี้ช่างเกินไปจริงๆนะ!  กดขี่ยิ่งนัก  ใช้งานท่านหนักเกินกำลังปานนี้! เทียบไม่ได้กับ....”
-------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ^_^
อัพไวขึ้น  ชดเชยกับที่หายไปนานค่ะ








14 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ ติดตามนะคะ

    ตอบลบ
  2. ผีหลอกวิญญานหลอนมาก

    ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ วิบากกรรมของอาเจี่ยนสินะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ.... อาเจี่ยนจัดการให้เด็ดขาดหน่อยสิ รำคาญนางจริงๆ

    ตอบลบ
  5. ตื้อจริงๆยัยนี่ ขอบคุณไรท์ค่ะ

    ตอบลบ
  6. เฮ้อมีแต่ลาดื้อนะ ตัวละครเรื่องนี้ แต่ก็ช่วยเป็นสีสันให้ดี

    ตอบลบ
  7. โหสาวสมัยโบราณก็ไวเหมือนกันนะคะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณค่ะ///มีความมานะพยายามมากแม่นางแต่อาเจี่ยนเค้าไม่สนยังจะมาตื้ออีก

    ตอบลบ
  9. ทำขนาดนี้ ผู้ยังไม่เล่นด้วย นางยังคิดไม่ได้อีก อาเจียนเด็ดขาดหน่อย

    ขอบคุณที่แปลให้อ่านด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  10. เขาปฏิเสธเว้ยยยยย แม่นางชะนี้น้อยนี้น่าเอาผึ้งยัดปากจริงๆเลย

    ตอบลบ
  11. มาจีบหนุ่มของแม่นางชะนีน้อย

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ