วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 196 เหลียนฟางโจวแกล้งโง่


“เอ๋?  เป็นเช่นนี้จริงๆรึ?” นายหญิงจ้าวหรูฟังมาได้สักพัก ก็คลี่ยิ้มบาง ถ้อยคำที่เหลียนฟางโจวกล่าวมานี้ นางรู้สึกว่าไม่ถูกต้องอย่างที่สุด ทว่าผ่านมาสักพักแล้ว นางยังหาจุดที่ผิดปกติไม่พบ
“อืม ถูกต้อง เป็นดังนี้!” เหลียนฟางโจวพยักหน้าแย้มยิ้มอีกครา ซีเชวี่ยกลอกตาใส่เหลียนฟางโจวอย่างอดไม่ได้  สาวใช้นึกเอ่ยในใจว่า ทีต่อหน้าแม่นางคนหนึ่งอย่างข้า เจ้าไม่เห็นพูดออกมาตรงๆเลย  เฮอะ...พอทีต่อหน้านายหญิงของข้าละก็  ทำเป็นวางท่าโอ้อวดสร้างความประทับใจ !

นายหญิงจ้าวหรูครุ่นคิดถึงความไม่สมเหตุสมผล  ครั้นแล้วจึงคลี่ยิ้มเอ่ยถามอีกครา “ดีจัง ไฉนฮูหยินน้อยสกุลซูถึงสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?  นางได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหนหรือ?”
คุณหนูจ้าวผู้นี้เป็นคนจู้จี้โดยแท้!  ข้าพูดมาเสียขนาดนี้แล้ว นางยังถามไม่เลิก เอาแต่ถามจิกเรื่องนี้อยู่ได้! ลองเปลี่ยนเป็นผู้อื่นดูสิ เกรงว่าจะมีคนรับมือนางไหวสักกี่คนกัน?
 “เอ๋?” เหลียนฟางโจวเบิกตากว้างอย่างแปลกใจเล็กน้อย คล้ายว่าคิดไม่ถึงและไม่เข้าใจว่าไฉนนางถึงได้ถามมากมายเช่นนี้  หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็แย้มยิ้มเอ่ยออกมา ท่าทางกระอักกระอ่วน “เรื่องนี้ เรื่องนี้นั้น...ข้า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! เปี่ยวเจี๋ยไม่เคยเอ่ยถึงว่านางได้ยินอะไรจากที่ไหนมา”
นายหญิงจ้าวหรูแอบถอนหายใจเงียบๆ  พลันหมดความสนใจจะซักถามต่ออีก ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง! เอ่อ...พอดีข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ดูน่าสนใจดี เลยถามออกมาโดยไม่ทันคิด แม่นางเหลียนคงไม่ตำหนิที่ข้าละลาบละล้วงใช่หรือไม่?”
 “เป็นไปได้อย่างไรกัน! เรื่องนี้  เรื่องนี้มิได้มีอันใดละลาบละล้วงนักหนาเลย!” เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงละล่ำละลัก
นายหญิงจ้าวหรูคลลี่ยิ้มบาง  เอ่ยอย่างนึกเสียใจนิดๆ “ตัวข้าเองเป็นคนอยากรู้อยากเห็นคนหนึ่ง  เลยทำให้แม่นางเหลียนและคุณชายเจี่ยนรับประทานอาหารมื้อกลางวันล่าช้าไปเสียแล้ว มิสู้ พวกท่านกินมื้อกลางวันที่นี่กันเถิด!”
 “มิจำเป็น!”  อาเจี่ยนเอื้อนเอ่ย ขณะที่ยืนขึ้นเรียบร้อยแล้ว “พวกข้ายังมีเรื่อง ที่ต้องกลับไปเร่งมือจัดการต่ออีก  ไปกินบะหมี่สักชามหนึ่งที่ร้านบะหมี่จะสะดวกกว่า!”  น้ำเสียงชายหนุ่มเรียบเฉย ดูใกล้จะหมดความอดทนอยู่รอมร่อ
หากเหลียนฟางโจวเป็นผู้ปฏิเสธด้วยความหยิ่งยะโส  ไม่แน่นายหญิงจ้าวหรูอาจยังเซ้าซี้ขอคุยต่อไม่เลิก อาเจี่ยนนั้นเป็นบุรุษผู้หนึ่ง พอพูดว่าจะไป  มันคงไม่ดีนักหากนางที่เป็นสตรีจะพูดทัดทานออกมา
เหลียนฟางโจวยืนขึ้นอีกคน  หญิงสาวส่งยิ้มขออภัยต่อนายหญิงจ้าวหรู
 “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่รั้งพวกท่านไว้แล้ว!”  นายหญิงจ้าวหรูยิ้มให้อย่างสุภาพ แล้วสั่งการให้ซีเชวี่ยไปส่งพวกเขาทั้งสอง
อาเจี่ยนโบกมือพลางเปล่งเสียง “ไม่ต้อง” สีหน้าชายหนุ่มดำทะมึนโดยไม่รู้ตัว และแล้วจึงเดินออกไปกับเหลียนฟางโจวโดยไม่พูดไม่จา
นายหญิงจ้าวหรูนึกค่อนขอดในใจว่า ไม่น่าบอกให้ซีเชวี่ยไปส่งเลย  คุณหนูผู้สูงศักดิ์แค่นหัวเราะหึๆอย่างอดไม่ได้
ดูเหมือนนางจะลืมไปเล้วว่า ครั้งหนึ่งอาเจี่ยนเคยช่วยชีวิตนาง
 “คุณหนู....”  ได้ยินนายหญิงจ้าวหรูหัวเราะ แถมยังมองตนเองด้วดวงตาเปี่ยมรอยยิ้มขำ  เชวี่ยพลันรู้สึกค่อนข้างตะขิดตะขวงใจ
 “ยาโถวหน้าโง่” นายหญิงจ้าวหรูหยุดไปนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เรื่องนี้ ดังสุภาษิตที่ว่า บุรุษไล่ตามสตรี ช่างยากเย็นดั่งฝ่าข้ามเขาไท่ซาน  สตรีไล่ตามบุรุษนั้นง่ายดังฝ่าข้ามแค่ผ้าโปร่งกั้น ในเมื่อเจ้าชอบคุณชายเจี่ยนผู้นี้  ต่อให้เจ้าเป็นฝ่ายตามตื๊อ !  ตราบใดที่แสดงความจริงจากใจ  สักวันหนึ่งเขาก็จะเห็นใจเจ้าอย่างหนีไม่พ้น! เพียงแต่ เจ้าจงเลิกบีบบังคับเร่งเร้าเขาจนเกินงาม บีบผู้อื่นจนเขารู้สึกอึดอัดใจ สุดท้ายเขาคงไม่อยากตกลงปลงใจกับเจ้า!”
ความหมายโดยอ้อมก็คือ ไม่เพียงไม่ขัดขวางซีเชวี่ยตามตื๊ออาเจี่ยน ทั้งยังสนับสนุนให้นางไปหมู่บ้านต้าฝางได้ตามใจชอบอีกด้วย
 “เจ้าค่ะ คุณหนู ขอบคุณคุณหนูที่ช่วยส่งเสริมเจ้าค่ะ!” ดวงตาของซีเชวี่ยเปล่งประกายเจิดจ้า  เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ
นายหญิงจ้าวหรูคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยโดยไม่คิดอะไรว่าอยากกินขนมจากร้านขนมสักหน่อย จึงใช้ให้ซีเชวี่ยออกไปซื้อ
พอซีเชวี่ยออกไปแล้ว  สีหน้านายหญิงจ้าวหรูพลันขรึมลง เอ่ยกับซุนมามาว่า “มามา..ท่านว่า  ที่เหลียนฟางโจวนั่นพูดมามีส่วนจริงมีส่วนเท็จประการใด?
นางหาใช่คนที่เชื่อผู้อื่นง่ายๆ ดังนั้นจึงมิได้เอ่ยปากถามทำนองว่าจริงหรือเท็จ จะถามว่ามีส่วนจริงมีส่วนเท็จประการใด?”
ซุนมามาใคร่ครวญสักครู่ แล้วจึงยิ้มเอื้อนเอ่ย “ที่คุณหนูกล่าวมา  เหล่านู๋ (บ่าวอาวุโส) ยังมิอาจตัดสินได้ เรื่องนี้..เรื่องนี้ยากจะพูดออกมาได้จริงๆเจ้าค่ะ!”
นายหญิงจ้าวหรูพยักหน้าน้อยๆ เอ่ยเสียงเรืยบเรื่อย “หากนางพูดความจริง ก็นับว่าดีไป หากหลอกลวง สามารถพูดโป้ปดได้ขนาดนี้ ก็มิใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ...”
ใจของซุนมามาสะท้านเยือก บ่าวอาวุโสช้อนตาขึ้นมองอย่างอดไม่ได้
นายหญิงจ้าวหรูโบกมือขึ้นคราหนึ่ง พลางแค่นยิ้มเบาๆ  แล้วเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ ไม่รู้ทำไม ข้ามิชอบแม่นางเหลียนผู้นี้มากๆ  ไม่ชอบเอาเสียจริงๆเลย”
ซุนมามาไม่เข้าใจยิ่งนัก นางรู้สึกค่อนข้างงุนงงจนเหลือบมองนายหญิงจ้าวหรูแวบหนึ่ง อย่างไรก็ดี  จิตใจของคุณหนูของนาง  เกรงว่าบางครั้งก็ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าถึง การที่นางไม่เข้าใจ ก็นับว่าไม่แปลกสักนิด
ซุนมามาลอบยิ้มในใจ  ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยาโถวบ้านนอกแบบนี้  มิต้องคาดหวังเลยว่าจะเข้าใจธรรมเนียมต่างๆ ออกจะโง่งมไปหน่อย ซ้ำยังปัญญาทึบและดูไร้ความรู้สึก มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดคุณหนูจึงไม่ชอบนาง!  ต่อไปคงไม่ชอบและไม่อยากพบยาโถวบ้านนอกผู้นี้อีก!”
นายหญิงจ้าวหรูคลี่ยิ้ม  ส่ายหน้าเล็กน้อย มิได้เอ่ยอธิบายอะไรต่ออีก
สักประเดี๋ยว นายหญิงจ้าวหรูก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอีกครา “มามา  เจ้าว่า ไม่เช่นนั้นพวกเราควรหาเมล็ดพันธุ์ฝ้ายเพิ่มอีกดีไหม?”
 “คุณหนูเรื่องนี้.....”  ซุนมามาอึ้งงันไป  แล้วจึงเอ่ยอย่างลังเล “ตามที่เหล่านู๋เห็น  ยังมิจำเป็นเจ้าค่ะ  สกุลเราได้รับส่วนแบ่งเมล็ดฝ้ายมาหลายร้อยชั่ง ซึ่งนับว่าพอแล้ว! จะทำสิ่งสิ้นเปลืองโดยการปลูกฝ้ายที่ยังไม่รู้อนาคตหรือ?”
 “จะว่าไปแล้วก็ใช่!”  นายหญิงจ้าวหรูยิ้มแย้มเอ่ยขึ้น “คราแรกจับตาดูก่อนว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร! หากผลออกมาไม่เลว....พวกเราเริ่มลงมือปีหน้าก็ยังไม่สาย!”
สีหน้านายหญิงจ้าวแช่มชื่นขึ้นมาในที่สุด หญิงสาวหันไปเอ่ยกับซุนมามาด้วยรอยยิ้ม “หากซีเชวี่ยอยากไปหมู่บ้านต้าฝาง ก็ให้นางไป  อย่าไปขัดขวางนางเลย”
ซุนมามาขานรับ “เจ้าค่ะ”  เอ่ยอย่างรู้ทัน “เหล่านู๋จะสอนนางว่า ควรไปสอบถามเรื่องใดบ้าง และจะให้นางเฝ้าจับตามองให้มากๆ  โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฝ้ายนี่เจ้าค่ะ!
 “อืม!” นายหญิงจ้าวหรูผงกศีรษะด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนเดินออกห่างจากหอฝูฉู  คนทั้งสองต่างสบตากันโดยบังเอิญ ต่างฝ่ายต่างจ้องกันและกันด้วยสีหน้าประดับรอยยิ้ม
รอยยิ้มบนดวงตาและใบหน้าของอาเจี่ยนค่อยๆเบ่งบานขึ้นทีละน้อย จนหลุดออกมาเป็นเสียงหัวเราะ
ก่อนหน้านั้นเหลียนฟางโจวแสร้งทำท่าทางโง่งมไปโดยไม่รู้ตัว  พอนึกถึงท่าทางโง่งมของตนเองในยามนี้ขึ้นมาได้ ใบหน้าหญิงสาวจึงขึ้นสีแดงเรื่อ แอบเอ่ยในใจว่า ช่างโชคร้ายจริงๆ!  ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะต้องมาให้เขาเห็นท่าทางโง่งมนั่นจนได้!
 “ข้าหิวจนแสบท้องแล้ว พวกเรารีบไปกินบะหมี่กันเถอะ!”  เหลียนฟางโจวสะกดความขวยเขิน  พลางเอ่ยหน้าตาย
 “ดี!” อาเจี่ยนเปล่งเสียง พลางระบายยิ้มเต็มใบหน้า
เหลียนฟางโจวตั้งใจจะถลึงตาใส่เขา  แต่พอจะหันไปคอดันแข็งขึ้นมา หญิงสาวจึงหยุดกึก  พลางแสร้งทำเสียงขรึม “ไปกันเถิด!”  หญิงสาวรีบสาวเท้าจ้ำอ้าวไปข้างหน้า ใจนึกอยากจะเดินหนีไปให้เร็วที่สุด
 “เจ้าคอยข้าด้วย!”  อาเจี่ยนร้องเรียกด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม  เหลียนฟางโจวยิ่งจ้ำอ้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม
คนผู้นี้กลายเป็นคนช่างเย้าแหย่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกันนะ!
 “พี่ใหญ่! พี่เจี่ยน! พวกท่านกลับมาแล้ว!” พวกเหลียนเซ่อสามคนกินบะหมี่กันอิ่มแล้ว เหลียนเซ่อวิตกกังวล คอยผุดลุกผุดนั่งตลอด คอยชะเง้อมองไม่หยุดหย่อน พอเห็นพวกเขามาในที่สุด จึงมีท่าทางโล่งอก
เหลียนฟางโจวก็มีท่าทางโล่งอกด้วย  ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ากินกันอิ่มแล้วหรือ?”
 “พวกท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหลียนเซ่อถามขึ้น
 “ไม่มีอะไร” อาเจี่ยนเดิมตามเข้ามา พลางเอ่ยขึ้น “ไม่มีอันใดหรอก!  เพียงแค่พูดจากันไม่กี่ประโยค! พวกเจ้านั่งรอสักเดี๋ยว พวกเรากินบะหมี่เสร็จแล้วค่อยไปทำธุระกันต่อ!”
เหลียนเซ่อขานรับ ซ้ำยังเอ่ยแย้มยิ้มว่า “แน่อยู่แล้ว มีพี่เจี่ยนอยู่ด้วย ย่อมสบายหายห่วง!
เสี่ยวเอ้อร์ในร้านหัวไวนัก เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนเพิ่งจะเข้ามาในร้านเพียงเดี๋ยวเดียว ยามนี้พอเห็นพวกเขากลับมา ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งอีก เผลอแผลบเดียวเสี่ยวเอ้อร์ก็ประคองบะหมี่น้ำสองชามร้อนๆมาวางบนโต๊ะแล้ว
เหลียนฟางโจวยิ้มขอบคุณ  กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารเพิ่มความหิวขึ้นไปอีก  เธอกับอาเจี่ยนก้มหน้าลงมือกินบะหมี่ทันที
พอทั้งสองคนจัดการบะหมี่ตรงหน้าเรียบร้อย  พอจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จ คนทั้งห้าก็พากันไปหานายหน้ายังฟากตะวันตกของเมือง
---------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
ต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านอย่างสูง พอดีช่วงนี้งานเยอะ เลยไม่ได้อัพไปพักใหญ่ค่ะ ^_^


11 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ ดีใจในที่สุดก็มา เข้ามาส่องทุกวัน

    ตอบลบ
  2. ไม่คิดเลยว่านางเอกมีรางวัลตุ๊กตาทองติดมาด้วย คุณหนูจ้าวก็เซนต์ดีเว่อ ไม่ชอบแล้วจะไปยุ่งด้วยทำไม โอ้ยๆ ต่อไปก็มีตัวน่ารำคาญมาตามอาเจี่ยนอีกแล้วสินะ แล้วถ้าตัวน่ารำคาญไปเจอกับลุงป้ามหาภัย โอ้ยๆๆ ลำไยจังเลยค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่ะ/// นังคุณหนูจ้าวแผนสูงจริงๆที่หล่อนรู้สึกไม่ชอบฟางโจวก็เพราะต่อไปฟางโจวจะมีชื่อเสียงมากกว่าหล่อนแน่นอน

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ15 ตุลาคม 2561 เวลา 07:15

    คุณหนูจ้าวนี่น่าจะเริ่มนับเป็นศัตรูหมายเลข 2 ได้แล้วไหมนี่

    ตอบลบ
  5. ไชโย มาอัพแล้ว ขอบคุณมากค่ะ ว่างจากงานค่อยเจอกันค่ะ รอได้เสมอ สำหรับความสุขสนุกสนานแบบนี้

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่ะ นายหญิงจ้าวแอบมีส่งสปายมาคอยป่วนอีกน่ารำคาญมาก จะไม่ให้โอกาสผู้อื่นทำมาหากินบ้างเลยหรือไง

    ตอบลบ
  7. นายหญิงจ้าวนี่ต้องมีอีกหลายบทที่ปะทะกับนางเอกแน่ๆเลย ฮึ่มๆ อาเจี่ยนจ๋าคอยดูแลด้วยนะ

    ตอบลบ
  8. ชอบเรื่องนี้มากกกกขอบคุณไรท์ค่ะเรารอได้ค่ะ

    ตอบลบ
  9. เจออีกหนึ่งอุปสรรค แต่ก็ทำให้เรื่องตื่นเต้นขึ้น ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ