วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 203 กำราบบ่าวเจ้าเล่ห์ (2)


เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งเค่อ  ทว่าความกดดันกำลังบีบรัดหัวใจเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ!
หากเขาแพ้พ่ายต่อคำพูดไม่กี่คำที่สั่งการลงมาโดยคนที่เรียกว่าเจ้านาย  ภายภาคหน้าเขาจะไม่ถูกบรรดาทาสด้วยกันหัวเราะเยาะไปจนดินกลบหน้าหรือ?’
เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด !
 “คุณหนูดูหมิ่นบ่าวโดยไม่ชอบด้วยเหตุผล บ่าวทำใจให้เชื่อฟังไม่ได้!  คุณหนูโปรดอภัยให้ด้วย บ่าวไม่อาจคุกเข่าได้ขอรับ” หวางซานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงดังก้องกังวานขึ้นอีก
เหลียนฟางโจวบรรจงชี้นิ้วไปยังบ่าวคนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่ม  พลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เนื่องจากเขาไม่ยอมคุกเข่า  เจ้าสองคนเดินออกมาช่วยเขาหน่อยสิ”

บ่าวสองคนที่ถูกชี้นิ้วเลือกนั้น ต่างหันมามองหน้ากันด้วยความหวาดผวา  ทั้งสองรับคำอย่างอึกอัก “ขะ..ขอรับ..”   ทาสผู้มีนามว่าหลี่เอ้อร์ เดินออกมาข้างหน้าและดึงตัวหวางซานเบาๆเป็นสัญญาณให้เขาคุกเข่าลง  ส่วนทาสอีกคนที่ชื่อหวางซื่อขยับตัวก็จริงแต่ไม่ได้ก้าวออกมาด้านหน้า          
“ปล่อยข้านะ!” หวางซานสะบัดตัวอย่างแรงผลักหลี่เอ้อร์จนแทบล้มหัวทิ่ม  พลางร้องตวาดเสียงดัง “ข้าไม่ผิด ไยข้าต้องคุกเข่าด้วย ! คุณหนู ถึงแม้ท่านเป็นเจ้านาย ท่านไม่ก็ควรไร้เหตุผลเยี่ยงนี้ !  ท่านไม่เห็นหรือ ว่าทุกคนในที่นี่ต่างก็เห็นใจข้าทั้งนั้น !”
เพียงท่าทีของหวางซื่อที่ไม่ยอมเคลื่อนไหวตามคำสั่ง และความลังเลต่อคำสั่งอย่างชัดแจ้งของหลี่เอ้อร์  ทำให้ความมั่นใจของหวางซานเพิ่มขึ้นทบเท่าทวี
ตราบใดที่พวกบ่าวไพร่ต่างผนึกกำลังร่วมกัน  ยาโถวตัวเล็กๆอย่างนาง ต่อให้มีฐานะเป็นเจ้านายแล้วจะทำไม ?  ตราบใดที่วันนี้เขามีใจเด็ดเดี่ยวสู้ไม่ถอย  ชีวิตในภายหน้าจะไม่ถูกพิพากษาโดยตัวนางแล้ว !
อันที่จริง พื้นที่แถบชนบทแม้พูดได้ว่าไม่มีอะไรดี  ทว่าชีวิตความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว...
พูดได้ว่า เหลียนฟางโจวใจดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ
เมื่อวานนี้ที่มีการซื้อทาสเหล่านี้กลับมา แม้ว่าเธอได้กล่าววาจาอบรมสั่งสอน  ทั้งปลอบ ทั้งขู่พวกเขาสารพัด  แต่ทว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ  ซ้ำยังมาจากครอบครัวชนบท   ทาสเหล่านี้จะมีสักกี่คนที่เชื่อฟังเธอจริงๆ?  ต่อมา เธอมอบเสื้อผ้าใหม่ เครื่องนอนใหม่  บ้านใหม่  ซ้ำยังต้อนรับพวกเขาด้วยหมั่นโถวนึ่งทำด้วยแป้งขาวๆ  รวมทั้งน้ำแกงกระดูกหมูตุ๋นอีก โดยมิมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง แต่เล่ห์กลในใจที่แสดงออกโดยอ้อมของคนเหล่านั้น ยิ่งทำให้เธอสำเหนียกได้ว่า ตนเองเป็นฝ่ายถูกกลั่นแกล้งเข้าแล้ว
ไม่เช่นนั้น หวางซานผู้นี้คงไม่เหิมเกริมถึงเพียงนี้  เขาแสดงออกชัดแจ้งว่า จงใจตีฝีปากกับเธอ
ดวงตาอันเยียบเย็นของเหลียนฟางโจวกวาดมองเหล่าทาสทุกคน  ซ้ำยังชี้ไปยังทาสสองคนนั่น แล้วชี้ไปที่หลี่เอ้อร์ ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าสองคน รวมทั้งเขาด้วย  จัดการสั่งสอนเจ้าทาสซึ่งไม่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตาให้รู้จักคุกเข่าสิ !  หากยังมีใครกล้าลังเลอีกละก็  งานที่มีในมือ พวกเจ้าก็ไม่ต้องทำกันแล้ว  เราจะพาพวกเจ้าเข้าเมืองไปส่งคืน  มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย ! ต่อให้เงินข้าพร่องไปสัก 8 ตำลึง หรือ 10 ตำลึง ข้าก็ไม่มีทางเลี้ยงพวกเจ้าไว้ให้เปลืองข้าวสุกหรอก ! ข้าไม่เชื่อว่า  คุณหนูมีเงินเช่นข้า จะซื้อทาสที่เชื่อฟังคำสั่งกลับมามิได้ !”
พอกล่าวจบ หญิงสาวก็หันไปสั่งฉินเฟิง “ไปเอารถมา  หากมีใครกล้ากระด้างกระเดื่อง  เราก็จับพวกเขาส่งกลับเข้าเมืองไปเสียเดี๋ยวนี้ !”
            “คุณหนู..ที่ท่านขู่พวกเราหรือ?” หวางซานแค่นเสียงเย็น “ พื้นที่แถบชนบทแบบนี้  หาคนมาทำงานยากนะ  หากท่านอยากให้ข้าไป ข้าก็จะไป !”
เท่าที่หวางซานเห็นมา  การอาศัยอยู่ที่นี่ เขายอมรับว่าไม่เลวเลยจริงๆ  ทว่ายาโถวผู้นี้น่ารังเกียจและเหลี่ยมจัดนัก   ต่อให้อยู่ต่อ เกรงว่าจะขอร้องกันดีๆไม่ได้  สู้เป็นฝ่ายจากไปเสียดีกว่า
ถึงอย่างไร  แถบชนบทกันดารแบบนี้  ซ้ำยังต้องมาทำงานกลางดินกลางทรายอีก  ยังจะมีอนาคตดีๆอันใดได้?  แม้ผลประโยชน์ที่มีน้อยนิด ก็ยังแทบควานหาไม่เห็น !  ไปหานายใหม่เอาดาบหน้าท่าจะดีกว่า!
 หวางซานเงยหน้าขึ้น แล้วทำท่าจะเดินจากไป  เหลียนฟางโจวแค่นเสียงโพล่งขึ้น  “หยุดนะ ! สัญญาขายตัวเป็นทาสของเจ้ายังอยู่ในมือข้า  ยามนี้เจ้ายังคงเป็นทาสของข้า เจ้าคิดอยากจะไปก็ไปได้หรือ?  เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสั่งให้เจ้าไปตายได้!”
ใจของหวางซานสะท้านเยือก ไฉนเขาถึงลืมเรื่องหนังสือสัญญาขายตัวเป็นทาสไปได้เล่า ?
            หลังจากฟังถ้อยวาจานี้แล้ว เขาจำต้องหยุดเท้าไปโดยปริยาย  ถึงกระนั้น  บ่าวหนุ่มรีบกระโจนเข้ามาหาเหลียนฟางโจว พลางแค่นเสียงเย็น  “คุณหนูให้พวกเราไปมิใช่หรือ? ไยเราต้องหยุดด้วยเล่า? ฮ่าๆๆ  แม้ตัวข้าเป็นทาส  แต่ก็เป็นอีกหนึ่งชีวิต คุณหนูสั่งให้ข้าไปตาย ข้าไม่เห็นความจำเป็นต้องมีความกล้าเยี่ยงนั้น !  คุณหนูคิดว่า หากเกิดเรื่องขึ้นมา เจ้าหน้าที่ทางการ จะไม่สนใจในชีวิตมนุษย์ตาดำๆหรือ ? ฮ่าๆๆ  โอ ข้าลืมไป ท่านเป็นแค่ยาโถวบ้านนอกนี่นะ  ไหนเลยจะเข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมละเนอะ !”
            เหลียนฟางโจวพลันตระหนักขึ้นมาอย่างแท้จริงในใจว่า  นี่กระมัง ที่เขาเรียกกันว่า  ทาสเหิมเกริม  รังแกเจ้านาย !
หญิงสาวไม่ยอมให้หวานซางหัวเราะเยาะยั่วให้โกรธอยู่ฝ่ายเดียว  เธอแค่นเสียงขึ้น “ข้าจะไม่ให้เจ้าอยู่ที่นี่อีก  ทว่าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าเดินจากไปเช่นนี้ด้วย !  เจ้าว่าข้าไม่มีทางทำให้เจ้าตายได้รึ? หากอาหารวันละสามมื้อที่ให้เจ้ากิน เย็นชืดเป็นน้ำแข็งล่ะ  กลางคืนเร่งให้เข้าไปนอนกลิ้งในผ้าห่มเก่าๆขาดๆในห้องเก็บฟืนทั้งคืนล่ะ  ข้าให้เวลาไม่เกิน 3-5 วัน  ดูสิว่าเจ้าจะยังมีแรงมาแข็งขืนปากดีกับข้าหรือไม่ ?  หืม ? แล้วถ้าหากเผอิญเจ้าดันหัวทิ่มตกน้ำจนเปียกโชกไปทั้งตัวอีกเล่า ยิ่งอากาศแบบนี้ด้วยแล้ว  จะเป็นหวัดเพราะต้องลมหนาวย่อมเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหม?   ข้าผู้เป็นนาย มิได้ตามหมอมารักษาทาสอย่างเจ้า ก็หาได้ผิดธรรมเนียมปฏิบัติแต่อย่างใดใช่ไหม?  หากจะตำหนิ ก็ต้องตำหนิที่เจ้ามีร่างกายไม่แข็งแรงเอง !  พอเจ้าป่วยหนักจนใกล้ตาย  แม้แต่คุณหนูเช่นข้า คงให้ความกรุณาได้เพียง  ปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ  โดยยกร่างเจ้าไปไว้ในศาลเจ้าเก่าๆโทรมๆ  ให้เจ้าได้ดับลมหายใจสุดท้ายของตัวเองที่นั่น หึๆ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถประคองชีวิตตนเอง ให้ผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้หรือ?
ไม่เฉพาะหวางซานเท่านั้น  ทุกคนที่ได้ฟังวาจาของเหลียนฟางโจว ทั้งหมดล้วนอึ้งงัน  ก่อนหน้ายังไม่รู้สึกอะไรนัก  มาบัดนี้ รู้สึกว่า ยิ่งเวลาผ่านไป เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลซึมออกมาเรื่อยๆ
ช่วงฤดูหนาวขนาดตอนกลางวัน  ผู้คนก็ใช้ชีวิตยากลำบากกันอยู่แล้ว  ถึงแม้ว่าฤดูหนาวในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้นับว่ายังทารุณน้อยกว่าที่อื่น  อุณหภูมิไม่ต่ำจนเกินไปนัก  ทว่าทั้งๆที่เป็นเช่นนี้  ปีไหนบ้างที่ไม่มีคนยากจน หรือขอทาน ต้องแข็งตายเพราะความหนาวกันเล่า?
หากเป็นอย่างที่นางว่ามาจริงๆ  ไม่ต้องพูดถึงหวางซานหรอก  จะมีใครหน้าไหนเล่าที่ทนได้?  ต่อให้ไม่อยากตายก็คงจะยากเสียแล้ว !
ต่อให้เขาเกิดตายขึ้นมา  ก็เป็นการตายที่ไร้ข้อกังขาเสียด้วยซ้ำ  กรณีแบบนี้  เจ้าหน้าที่ทางการคงไม่เข้าไปก้าวก่ายแน่
หวางซานหน้าซีดเป็นไก่ต้ม  แย้งกลับมาโดยไม่ทันคิด “ข้าจะลื่นตกน้ำตกท่าได้อย่างไ ?  ซ้ำข้ายังไม่...”
พอกล่าวถึงประโยคนี้  ร่างเขาพลันสะดุ้งเฮือก  ดวงตาเบิกกว้างจับจ้องเหลียนฟางโจว  จึงสบเข้ากับสายตาหญิงสาวที่มีแต่แววเยียบเย็น  ทำให้เขาพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ใช่แล้ว  จะว่าไปแล้วเขามันก็แค่ทาสคนหนึ่ง  หากเหลียนฟางโจวผู้ซึ่งเป็นนาย ต้องการให้เขาลื่นตกน้ำ เขาก็ย่อมลื่นตกน้ำแน่!
ชั่วขณะนั้น  ทุกอย่างเงียบกริบ  ไร้สิ้นแม้เสียงนกกา
เทียบกับถ้อยคำที่เหลียนฟางโจวพูด  สิ่งที่ทุกคนต่างรู้สึกกลัวมากกว่า ก็คือตัวนางนั่นเอง
ถ้อยคำที่นางใช้บรรยายเรื่องราว  ซ่อนความนัยไว้ภายใน มันไม่ใข่การรังแกอันแสนแยบยลหรอกหรือ หวางซานคาดการณ์ทุกอย่างผิดไปเสียแล้ว  พวกเขาล้วนคาดการณ์ผิดไปทั้งสิ้น !
พวกเขานึกอยากได้แบบนี้เสียที่ไหนกันเล่า ?  ยาโถวบ้านนอกวัยสิบกว่าขวบปี ต่อให้ที่บ้านพอมีเงินมีทองอยู่บ้าง  ความรู้และประสบการณ์ย่อมอัตคัตด้วย  อย่างไรก็ตาม นางกลับสามารถเอ่ยถ้อยคำเยี่ยงนั้นออกมาได้ !
 “พวกเจ้ายังอึ้งตะลึงอะไรกันอยู่?  ยังไม่ไปจับตัวเขาไว้อีก !” เหลียนฟางโจวยิ้มเย็น กวาดตามองหลี่เอ้อร์กับพวกทั้งสามคน พูดเสียงเย็นเยียบว่า  “พวกเจ้าทั้งหมดไม่ยอมลงมือ เพราะอยากเลียนแบบเขาใช่หรือไม่?  ไม่เป็นไร  พวกเจ้าคิดอยากเลียนแบบ ก็ทำได้เลย ไม่ต้องลังเล แรกสุดวันนี้ก็ทนหิวข้าวไปทั้งวัน ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว !”
หลี่เอ้อร์และทาสอีกสองคน  ไหนเลยจะยังกล้าลังเลอีก?   ทั้งสามขานรับทันที   ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้ามาดึงลากหวางซาน  พลางกดตัวเขาให้คุกเข่าลง
ครั้งนี้ การลงมือทุกอย่างล้วนเป็นของจริง ไม่เหมือนกับครั้งก่อนหน้า
 หวางซานตะโกนโหวกเหวก ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด  และนี่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใคร
เชื่อฟังเขาอีกต่อไป
“คุณหนู !  ท่าน..ท่านช่างจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตนัก !  ข้าไม่ตั้งใจจะไม่ทำงานในไร่หรือ? ท่านสั่งคนให้มาสั่งสอนข้า  แล้วมาทำอะไรเยี่ยงนี้  ก็เพื่อสร้างความอัปยศให้ข้า  เท่านั้นยังมิพอ ยังสาดคำพูดชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาอีก !  ท่านไม่กลัวเวรกรรมจะตามสนองหรือไร ! “  ขณะหวางซานถูกกดตัวให้คุกเข่าบนพื้น   เขาถลึงตาจ้องเหลียนฟางโจวด้วยความไม่ยินยอม  แล้วโพล่งขึ้นด้วยความชิงชัง
อาเจี่ยน ฉินเฟิง  และซูจื่อจี้ต่างมองหน้ากันและกัน   ทั้งสามพากันวางใจนิ่งลงราวกับนัดกันไว้ก่อน  คอยยืนมองฉากตรงหน้าอยู่ข้างๆ ด้วยความสบายใจ  ซ้ำตระหนักดีว่า  เหลียนฟางโจวสามารถฝ่าด่านอุปสรรคทั้งหลายสำเร็จลงแล้ว   ไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากพวกเขาเพิ่มอีก
“ตบปาก!” เหลียนฟางโจวตวาดเสียงลั่น
หลี่เอ้อร์ไม่มีความลังเลอีกต่อไป  เงื้อมมือขึ้นแล้วตบลงบนใบหน้าหวางซานเสียงดังฉาด
--------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์และทุกการติดตามค่ะ ^_^

12 ความคิดเห็น:

  1. 5555สะใจมากเห็นฟางโจวเป็นเด็กแถมเป็นคนบ้านนอกจึงไม่คิดที่จะเคารพเป็นไงละเจอแบบนี้คงไม่มีใครกล้าหือกับนางแน่ๆขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. ปกครองคนต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ หาเรื่องแท้ๆเลย

    ตอบลบ
  3. ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาของแท้

    ตอบลบ
  4. ลองของก็ต้องเจอดี ^ ^

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ ผลของการลองดีก็เป็นเช่นนี้สินะ

    ตอบลบ
  6. เจอฝ่ามือพิฆาต ของจริงนะนี่

    ตอบลบ
  7. รอฉากนางเอกเชือดไก่ตัวแรกมานาน

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  8. สะใจข้ายิ่งนัก เคยคิดสงสารทาสที่ทำตัวดีนะ แต่ถ้าเจอทาสแบบนี้ แล้วเราไปอยู่ในสถานะการแบบนั้น คงสั่งกระทืบให้จมดินละมัง

    ตอบลบ
  9. พอเจ้านายดีด้วยเลยเอาใหญ่สมควรโดนสั่งสอนจริงๆ
    ขอบคุณไรท์ค่ะยังติดตามตลอดนะคะ

    ตอบลบ
  10. มีความค้าง เอาให้หนัก

    ตอบลบ