วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 218 หิมะตก


เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว  หญิงสาวอดยื่นมือออกไปรับไม่ได้ เกล็ดหิมะบอบบางลอยลงสู่ใจกลางฝ่ามือหญิงสาว ทันทีที่สัมผัสความอุ่นร้อนที่อุ้งมือเธอ มันก็ละลายกลายเป็นน้ำหยดเล็กๆในบัดดล
“หิมะตก !  หิมะตกแล้ว !” เหลียนฟางโจวหันไปทางเรือน  พลางตะโกนพร้อมรอยยิ้ม
“หิมะตกจริงๆเหรอ?”
เหล่าน้องๆในเรือน ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ต่างคนต่างผลักเก้าอี้ แล้วแย่งกันออกมาจากในเรือนเป็นคนแรก
“ว้าว !  หิมะตกจริงๆด้วย !  ชอบที่สุดเลย ดีอะไรอย่างนี้ !”  น้องสาวและน้องชายต่างตบมืออุทาน พร้อมรอยยิ้มกว้างประดับเต็มใบหน้า

แต่ละปีมีหิมะตกอย่างมากไม่เกิน 2 ครั้ง  แถมบางปียังน้อยกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ  การที่มีหิมะตกนั้น กล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยาก จึงควรค่าแก่การรอคอยด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้หยา แถมยังตกไม่น้อยเลยด้วยสิ !” อาสามเขม้นมองไปบนท้องฟ้า พลางชี้ไม้ชี้มือด้วยความตื่นเต้น  แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเบิกบาน “ดูท่าหิมะคงตกทั้งคืนแน่เลย !”
เหลียนฟางฉิงและคนอื่นๆ พอได้ยินเข้าเท่านั้น  ต่างพากันโห่ร้อง ยินดีปรีดายกใหญ่
หิมะตกจะหนักรึ  แน่นอน ยิ่งตกมากเท่าไร ก็ยิ่งสร้างความสนุกขึ้นเท่านั้น !
ไม่ต้องเอ่ยถึง การเล่นปาหิมะใส่กัน การปั้นตุ๊กตาหิมะและอื่นๆ  แค่ได้ย่ำเท้าไปบนหิมะสีขาวบริสุทธิ์ ทิ้งรอยเท้าให้เห็นเป็นที่ปรากฏ  เสียงซวบซาบที่ได้ยิน ยามย่ำเท้าแต่ละก้าว  คิดแล้วสนุกจะตาย
เหลียนฟางโจวให้รู้เบิกบานใจนัก  หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ข้าอยากให้หิมะตกหนักอีกสักสองรอบ น้ำที่ละลายจากหิมะจะซึมลงดิน  ปีนี้ผืนดินที่ถูกไถพรวนแล้วของเราย่อมได้รับพรเป็นแน่ !  เพราะบรรดาแมลง และเมล็ดวัชพืชที่อยู่ใต้พื้นดินจำนวนมหาศาล จะพากันแข็งตาย !  การไถพรวนพื้นดินในปีหน้าจะทุ่นแรงไปมากโขเชียวล่ะ !
อาเจี่ยนชำเลืองมองหญิงสาว  พลางส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้านี่แหละน๊า  หายใจเข้าหายใจออกแต่ละที มีแต่เรื่องที่ดินพวกนั้นเท่านั้น !”
“แล้วไม่ถูกรึ    เหลียนฟางโจวหันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ก็ข้าทุ่มเงินกับผืนดินพวกนั้นไปมากมายมหาศาลนี่นา !”
“พี่เจี่ยน พี่เจี่ยน !”  พลันเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ ก็รีบเข้ามาดึงตัวอาเจี่ยน  ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโต แล้วเอ่ยละล่ำละลัก “พี่เจี่ยนเคยพูดไว้นี่นาว่า ยังไปล่าสัตว์ไม่ได้  ต้องรอให้หิมะตกก่อน !”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ! พี่เจี่ยน  เช่นนั้น พรุ่งนี้พวกเราไปกันเลยดีหรือไม่?”  เหลียนเซ่อดวงตาทอประกายด้วยความตื่นเต้น  ใจนึกอยากให้ถึงรุ่งเช้าเสียเดี๋ยวนั้น
ธนูและลูกธนูใหม่ที่สั่งหลอมไว้ เอากลับมาแล้ว ทว่ายังไม่เคยลองหยิบมาใช้เลยสักครา !
ซ้ำยังเป็นโอกาสดี ที่จะได้ฝึกปรือฝีมือ  เขาจึงกระหายใคร่อยากลองใช้ดูสักครั้ง
อาเจี่ยนคลี่ยิ้มอย่างจนใจ  แล้วหันไปหาเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวยังไม่ทันเปิดปาก  อาสามก็เอ็ดเสียงดัง “ไม่ดี ไม่ดี เวลานี้หิมะกำลังตก ถนนหนทางลื่นมาก ย่ำไปย่ำมา รองเท้าก็เปียกกันพอดี ซ้ำยังหนาวเย็นอีกแน่ะ มีอะไรให้ล่ากันนักเหรอ!  อีกไม่นานก็จะฉลองปีใหม่กันแล้ว ทำตัวว่านอนสอนง่ายอยู่ที่บ้านกันดีกว่า !”
เหลียนฟางฉิงยู่ปากด้วยความไม่พอใจ  ท่าทางคล้ายเด็กที่เอาแต่ใจ “พี่ใหญ่ พวกเราเคยพูดกันไว้แล้วนี่นา แล้วจะกลับคำได้ยังไงกัน !”
เหลียนเช่อรีบโพล่งขึ้นอีกคน “จริงด้วย จริงด้วย  พวกเราไม่ได้สั่งตัดรองเท้าหนังกันไว้หรือไร? สวมรองเท้าหุ้มข้อหนังพวกนั้น เท้าก็จะไม่เปียกแล้ว !?
“ถูกต้อง ถูกต้อง  พี่สามกล่าวถูกแล้ว !”  เหลียนฟางฉิงจิตใจฮึกเหิมขึ้นมาทันที
เหลียนฟางโจวโดนพวกน้องๆรบเร้าไม่เลิก  จึงหันไปมองอาเจี่ยนเป็นเชิงขอคำปรึกษา “ท่านมองดูแล้ว...”
“ลองดูสักครั้งก็ได้  ถ้าหากไม่กลัวหนาว....”
อาเจี่ยนยังพูดไม่ทันจบ  เหลียนฟางฉิงและคนอื่นๆ รีบประกาศจุดยืนว่า พวกตนไม่กลัวความหนาวเหน็บ หรืออะไรสักอย่างเลย
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้  เช่นนั้นก็ไปสักครั้งเถิด !”
พวกคนอายุน้อยกว่าพากันตบมือไชโยโห่ร้อง อาสามค้อนตาใส่เหลียนฟางโจวให้ควั่ก พลางแค่นเสียง “เจ้าชักจะตามใจพวกเขากันใหญ่แล้วนะ!”
โอกาสอันหาได้ยากนี้  อันที่จริงตัวเหลียนฟางโจวเอง ก็ตั้งตารอคอยกับเขาอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เธอเป็นพี่สาวคนโต จึงรู้สึกกระดากที่จะแสดงออก ก็แค่นั้น  พอเห็นพวกน้องๆต่างตื่นเต้นดีใจ หญิงสาวจึงแอบยินดีไปด้วย
สำหรับอาสาม  นางขอให้ได้พูดอะไรกับเขาบ้าง ก็แค่นั้น
“ข้างนอกเย็นนัก ทุกคนรีบเข้าไปผิงไฟในเรือนกันเร็วเถิด!” ทุกคนพูดคุยเฮฮา เฝ้ามองดูหิมะอยู่ครู่หนึ่ง  เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แล้วจึงเร่งให้คนทั้งหมดกลับเข้าไปในเรือน
หิมะตกหนักตลอดทั้งคืน  เมื่อผลักประตูเปิดออก ยามรุ่งสางวันต่อมา พบว่าบนพื้นดิน  บนหลังคา  บนต้นไม้...ทุกหนทุกแห่ง ทั้งใกลและใกล้  ล้วนเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปทั้งหมด
หิมะตกครั้งใหญ่นี้ ปกปิดทุกเฉดสีและทุกเหลี่ยมมุม ทุกสรรพสิ่งปรากฏเป็นสีเดียวกันหมดคล้ายสีของผงแป้งผัดหน้า ทุกหนแห่งล้วนอ่อนนุ่มละมุน ราวกับเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
ทั่วทั้งท้องฟ้า ยังคงมีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เทียบกับเมื่อคืนวาน ถือว่ามากมายมหาศาลนัก บนท้องฟ้ามีสิ่งที่ลอยละล่อง หมุนคว้างคล้ายปุยหลิว ซึ่งรบกวนการทัศนะการมองเห็น จึงต้องเดินฝ่ากันหลายก้าว  ทั้งหัวทั้งตัวเปียกชื้นบางๆ  ส่วนที่เป็นช่องโหว่ตรงบริเวณคอเสื้อ  ล้วนมีปุยสีขาวปลิวเล็ดรอดเข้าไป
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดบ่น  ทุกคนยังคงทำกิจกรรมอยู่ในลานบ้าน ขณะที่หูได้ยินเสียงหัวเราะเริงร่าของเด็กๆ จากข้างนอกบ้าน แว่วเข้าสู่โสตประสาทเป็นครั้งคราว
เหลียนเซ่อ รวมทั้งน้องๆ และอาสาม ต่างสวมเสื้อคลุมตัวหนาหนัก  รีบเร่งดินไปที่ประตูรั้ว เพื่อออกไปร่วมเล่นกับพวกเด็กๆข้างนอก
“มีแต่หิมะขาวโพลนเต็มไปหมดเลย !  ดูท่าสวรรค์คงเอาใจใส่เราจริงๆนะ ! “ ยามมองไปบนท้องฟ้า พบว่าหิมะตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ  เหลียนฟางโจวให้นึกยินดีเป็นล้นพ้น
อาเจี่ยนเงยหน้าเขม้นมอง แล้วจึงเอ่ยขึ้น “หิมะคลุมหนาแบบนี้  เกรงว่าพรุ่งนี้ถึงจะหยุดตก!!”
“อาเจี่ยนดูดินฟ้าอากาศเป็นกับเขาด้วย !” เหลียนฟางโจวหัวเราะ
“ข้าฟันธงไม่ได้หรอกว่า ใช่หรือไม่ เพียงแค่รู้สึกเท่านั้น “ อาเจี่ยนยิ้มตอบโต้
พวกเหลียนฟางฉิง กับอาสามออกไปเล่นข้างนอกกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน จนลืมไปว่าต้องกลับมากินมื้อเช้า พอใกล้เที่ยงถึงได้กลับมา  เมื่อกลับมาถึงบ้าน รองเท้าก็เปียกชุ่มไปหมด กระโปรงก็เปียกด้วย ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยเปียกชื้นเป็นด่างเป็นดวงจากเกล็ดหิมะ บนใบหน้าและสองมือของแต่ละคน เย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง
อาสามเปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้าและถุงเท้าไปพลาง ขณะที่ปากก็บ่นเสียงขรม เหลียนฟางโจว
กลับโจวหัวเราะ  ไม่อยากสนใจเด็กโข่ง ที่นานๆทีถึงจะได้มีโอกาสเล่นสนุกสนานเช่นนี้
“พี่ใหญ่ วันนี้พวกเราเข้าเมืองไปเอารองเท้าหุ้มข้อหนังกันดีหรือไม่?” เหลียนเซ่อถามขึ้น
“ตกลงกันไว้ ว่าเป็นพรุ่งนี้นี่นา !  วันนี้ออกไปไม่ได้หรอก !”  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่เจี่ยนของพวกเจ้าบอกแล้วว่า หิมะนี่จะตกอยู่พักหนึ่งเป็นเวลาสั้นๆ แล้วจะหยุด ไม่ตกอีก  พอหยุดแล้วก็จะละลาย  ยิ่งสร้างความไม่สะดวกนานาประการให้ด้วยซ้ำ พวกเจ้าใจเย็นๆเถิดนะ !”
อาเจี่ยนแย้มยิ้มเอ่ยความ “หลังหิมะหยุดตกสักสองวัน เราค่อยไปดีกว่า ถึงตอนนั้น บรรดานกและสัตว์ป่าทั้งหลายบนภูเขานั่น พอไม่มีอาหารกิน ก็จะทนหนาวทนหิวไม่ไหว ย่อมต้องออกมาหาอาหารกินเป็นแน่!”
เหลียนเซ่อและน้องๆ พอได้ยินชายหนุ่มกล่าวออกมาเป็นนี้ ล้วนวางใจที่ร้อนรนลงได้ ต่างพากันปรึกษาหารือ เรื่องการไปล่าสัตว์ด้วยความตื่นเต้นยินดี
หิมะตกครั้งนี้ เป็นอย่างที่อาเจี่ยนเคยกล่าวไว้จริงๆ  มันตกหนักมาพักใหญ่  จากนั้นก็ลดระดับลงเป็นตกบางลง  พอตกเย็นก็โปรยลงมาช้าลงๆ  แล้วหยุดในที่สุด
เพลานี้ บนพื้นดินมีหิมะคลุมหนา ท่วมสูงจนถึงใต้ท้องของลูกวัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เที่ยงวันพรุ่งนี้  อาเจี่ยน เหลียนฟางโจว  รวมทั้งเหลียนเซ่อจะเข้าเมือง เพื่อไปรับชุดและรองเท้า ถุงเท้าที่สั่งตัดไว้  เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อต่างเซ้าซี้จะขอตามไปด้วย เหลียนฟางโจวทนทั้งคู่รบเร้าไม่ไหว จึงตกลง
ตลอดการเดินทาง ทุกที่ๆมองไป ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ทัศนียภาพอันจำเจ ที่เคยเห็นผ่านตามาตลอดหลายสัปดาห์นั้น ยามนี้กลับน่าดูน่ามองเป็นพิเศษ พวกเขาสวมหมวกหนา พันผ้าพันคอผืนใหญ่ พูดคุยกันจ้อกแจกเจือเสียงหัวเราะ
ความสูงของชั้นหิมะ  แม้ไม่ถึงขึ้นขัดขวางการจราจร  แต่ก็ไม่สะดวกเทียบเท่าในยามปกติ การลุยฝ่าหิมะทั้งขาไปและขากลับ กินเวลาเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา
ตอนขากลับ เมื่อผ่านหมู่ตึก เหลียนฟางโจวเอาเสื้อผ้าที่สั่งตัด มอบให้บรรดาคนใต้ปกครอง โดยเรียกฉินเฟิงและซูจื่อจี้มาเป็นผู้นำไปแจกจ่ายให้กับทุกๆคน จากนั้นจึงพากันกลับบ้าน
อาสามก็ตั้งตารอเสื้อผ้าชุดใหม่กับเขาอีกคน  ทันทีที่มาถึง บรรดาคนที่รออยู่ที่บ้าน ต่างลองชุดกันนอย่างร่าเริง  คุยจ้อกันอย่างตื่นเต้นดีใจ
เพราะหิมะตกครั้งใหญ่นี้  ทุกคนจึงดูชอบใจกับรองเท้าหุ้มข้อหนังเหล่านี้เป็นพิเศษ  ขณะเอามือลูบไล้สัมผัส ใจก็นึกอยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเสียเดี๋ยวนั้น ทุกคนต่างพูดคุยหารือถึงเรื่องการเดินทางวันพรุ่งนี้กันอย่างออกรสออกชาติ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

8 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ ตื่นเต้นด้วยตั้งตารอไปป่าล่าสัตว์ด้วยนะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2562 เวลา 17:08

    อยากให้ถึงตอนเริ่มปลูกฝ้ายไวๆ จัง

    ตอบลบ
  3. ยังคงสนุกสนานมากขึ้นเรื่อย ๆ
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. บรรยากาศชื่นมื่นดีนะคะอิจฉาเด็กๆมีหิมะตกแต่คนอ่านร้อนจะแย่แล้ว555

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณคะ สนุกน่าติดตามทุกตอนเลย

    ตอบลบ
  6. ในเรื่องตื่นเต้น ทางนี้ยิ่งอ่านก็ยิ่งตื่นเต้น จะมีอะไรใหม่ๆมาให้อ่านละ
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ