วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 217 ฝึกคัดตัวอักษร


            เหลียนฟางโจวพลันอึกอักลนลานเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าอาเจี่ยนจะสงสัยขึ้นมา หญิงสาวจึงรีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เอาเป็นว่าข้าไม่พูดแล้ว ท่านสอนพวกเราเถิดนะ !”
อาเจี่ยนระบายยิ้ม แล้วลงมือสอนทีละคน  โดยเริ่มจากเหลียนเซ่อเป็นคนแรก
การสอนเริ่มต้นโดยเรียนรู้การจับพู่กันเขียนตัวอักษรดังเช่นเด็กเล็ก  ขณะที่เขียนพู่กัน มือที่จับพู่กันของเหลียนเซ่อสั่นเล็กน้อย หนำซ้ำยังรู้สึกว่ามือที่จับพู่กันอยู่นั้นไยถึงได้ดูเงอะงะนัก ร่างกายเด็กหนุ่มเอนไปมาอย่างควบคุมไม่ได้

 “พี่ใหญ่ พี่เจี่ยน....”   ยิ่งเห็นน้องสาวคนเล็กเอาแต่เบิ่งตากลมโตจ้องมองตนเอง เหลียนเซ่อยิ่งรู้สึกประหม่าเข้าไปใหญ่
 “เจ้าเพิ่งเริ่มเรียนเอง ไม่เป็นไรหรอก  อย่าเกร็งนักสิ  หมั่นฝึกฝนไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็คุ้นชินไปเองแหละ !”  เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มรีบเอ่ยปลอบโยนเสียงนุ่ม
อาเจี่ยนคลี่ยิ้มเอ่ยขึ้นมาอีกคน “พี่สาวเจ้าพูดถูกแล้ว คนที่เพิ่งเริ่มหัดเขียน ก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น!”
ใจที่เครียดเขม็งของเหลียนเซ่อ พลันคลายลงเล็กน้อย เด็กหนุ่มถอนหายใจช้าๆสองครา ด้วยความโล่งใจ  ขณะที่อาเจี่ยนตวัดพู่กันฉวัดเฉวียนเขียนตัวอักษรลงมาเป็นแถวทีละตัว ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสอนอักษรสามคำ
 “แค่เขียนตัวอักษรตามแบบนี้ช้าๆ มือต้องนิ่ง  จรดปลายพู่กันแน่วแน่  แล้วออกแรงตวัดพู่กัน ตัวอย่าเอียง นั่งหลังตรงด้วย “  อาเจี่ยนคอยประกบมองเด็กหนุ่มคัดอักษรสามตัวอยู่ข้างๆ
เหลียนเซ่อกวาดมองตัวอักษรที่ตนเองเขียน แล้วหันมาดูตัวอักษรที่อาเจี่ยนเขียน  ก็ให้รู้สึกท้อแท้หนัก
อาเจี่ยนตบไหล่เขา พลางให้กำลังใจ “ครั้งแรก ย่อมเขียนได้ไม่ดีอยู่แล้ว พอผ่านไปสัก 4-5 วัน ย่อมไม่เหมือนเดิมแน่  และเมื่อผ่านไปอีกสักหนึ่งหรือสองปี  ลายมือจึงจะปราณีตงดงามดีเลิศ  อยากจะเรียนเขียนให้ดีเหมือนต้นแบบ ไม่อาจทำได้ในชั่วข้ามคืนหรอก  เจ้าปล่อยตัวตามสบายเถิด !”
เหลียนเซ่อเกาท้ายทอย  สุดท้ายกำลังใจก็มา  เด็กหนุ่มหัวเราะพลางบอกว่าจริงด้วย ครั้นแล้วจึงเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการฝึกเขียนเท่านั้น
เหลียนฟางโจวกวาดมอง บรรดาตัวอักษรที่อาเจี่ยนเขียนให้ดูเป็นตัวอย่าง เพียงเห็นลายเส้นอันทรงพลัง  งามสง่าน่าเกรงขามนั่น   ให้นึกชื่นชมในใจไม่ได้  หญิงสาวลอบถอนหายใจหลายครา  ดูท่าตัวตนของอาเจี่ยนคงไม่สามัญเอาจริงๆ !
อาเจี่ยนหันไปสอนเหลียนเช่อ และเหลียนฟางฉิงเป็นลำดับต่อไป และแล้วก็มาถึงตาเหลียนฟางโจวจนได้
พอเห็นว่าถึงตาตนเองแล้ว เหลียนฟางโจวก็รีบยืดเอว นั่งหลังตรง ปรับท่าทางให้ถูกต้อง และหันไปส่งยิ้มประจบให้อาจารย์ของเธอ
อาเจี่ยนพลันรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มเกาแก้มตนเอง ดูท่าทางคล้ายกำลังเผชิญปัญหาหนัก
เหลียนฟางโจวรู้สึกประหลาดใจใหญ่หลวง  หญิงสาวจับจ้องเขาด้วยความพิศวง  ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป
“เรื่องนั้น...อะแฮ่ม..เอ่อ..อ่า... “ อาเจี่ยนกระแอมหนึ่งที พร้อมใบหน้าระบายยิ้ม  ทำท่าอึกอัก  กระนั้นก็ยังไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
พอมาเห็นเหลียนฟางโจวจ้องตนเองตาโตด้วยความแปลกใจ อาเจี่ยนก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น
ชายหนุ่มถูมือไปมา พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ..หรือว่า..ฟางโจว..เจ้า.. เจ้าลองดูเองเขียนเองดีหรือไม่...”
เหลียนฟางโจวทอดมองเขา อย่างคนใกล้หมดความอดทนอยู่รอมร่อ  หญิงสาวแอบกรีดร้องในใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้  ครั้นแล้วจึงผลักกระดาษมาตรงหน้าเขา  พร้อมส่งพู่กันให้ ครั้นแล้วจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ท่านเขียนให้ข้าดูเป็นตัวอย่างแล้วกัน !”
 “อ๋า ?” อาเจี่ยนอึ้งไป  แล้วพรูลมหายใจออกมา คล้ายกำลังโล่งอก  ชายหนุ่มพลันพยักหน้าแย้มยิ้ม “ได้..ได้สิ ! ข้า..จะเขียนให้ดู  เจ้าปราดเปรื่องปานนี้   อย่างที่บอก..เพียงแค่..ดู  เจ้าต้องเขียนได้แน่ !”
ไฉนเขาต้องพูดตะกุกตะกักท่าทางเงอะงะปานนี้ด้วยเล่า ?
เหลียนฟางโจวอดฉงนสงสัยไม่ได้
พออาเจี่ยนลงมือเขียน  ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอเดี๋ยวนั้น  ที่แท้หากสอนด้วยวิธีนี้แล้ว  อาเจี่ยนจะได้ไม่ต้องมานั่งประกบใกล้ชิด และจับมือเธอหัดเขียนนี่เอง !
นี่มันช่าง......
เหลียนฟางโจวกลั้นขำไม่ไหว พลางยกชายแขนเสื้อป้องปากหลุดหัวเราะกิ๊กออกมา จนเป็นเหตุให้เหลียนเซ่อและคนอื่นๆเงยหน้ามองทันที  หญิงสาวรีบเอ่ยเสียงเข้มกลบเกลื่อน  “ไม่มีอันใด ฝึกต่อสิ  ทุกคนฝึกเขียนต่อไป !”
ผ่านไปพักหนึ่ง แต่ละคนเขียนตัวอักษรได้สิบตัว  และใช้เวลาสองเค่อถึงจะเขียนเสร็จ คนทั้งหมดต่างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ !” เหลียนฟางฉิงถอนหายใจเสียงดัง และวางพู่กันลง  เด็กน้อยสะบัดมือไล่ความปวดเมื่อย แล้วบ่นเป็นหมีกินผึ้ง “โอย..เหนื่อยสุดๆไปเลย  เขียนตัวอักษรนี่ยากจริงๆ !”
เหลียนฟางโจวขึงตาใส่น้องสาว แล้วเอ่ยขึงขัง “เขียนลำบากแค่ไหน ก็ต้องเขียน ! ใครกล้าขี้เกียจ  จะต้องถูกทำโทษ !”
 “ชะอุ๋ย “เหลียนฟางฉิงแลบลิ้นออกมา
อาสามผู้ซึ่งกำลังนั่งแทะเมล็ดสนด้วยความเพลิดเพลิน ก็ทำปากยื่น  นางเคี้ยวเมล็ดสนไปพลาง ก็อดพูดแย้งไปพลางไม่ได้  “ฟางโจวเอ้ย เจ้ากับฉิงเอ๋อร์ ไม่ได้ไปสอบซิ่วไฉ เพื่อกินตำแหน่งขุนน้ำขุนนางกับเขาเสียหน่อย  ไยจะต้องคร่ำเคร่ง จดจำตัวหนังสือให้มันมากมายปานนี้ เพื่อการอันใดเล่า ดูสิ...เจ้าทำให้ฉิงเอ๋อร์ตกใจหมดแล้ว !”
เหลียนฟางโจวหันไปส่งยิ้มหวานจ๋อยให้ห้อาสาม “ข้าคิดว่า ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เรียนรู้จดจำตัวหนังสือให้ได้มากๆ  ก็จะอ่านตำราได้มากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นข้อดีทั้งนั้น  ร้อยทั้งร้อย  ไม่มีทางเป็นภัยอันตรายใดๆเลย ! อาสาม..หรือว่า ท่านก็มาเรียนกับพวกเราด้วย ดีหรือไม่?”
อาสามเห็นเหลียนฟางโจวคิดเล่นงานตน สุดท้ายก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ  หญิงสูงวัยรีบจับแขนหลานสาวแกว่งไปมา  พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องเลยจริงๆ !  ข้าคิดว่าตัวข้าเก่งมากแล้วล่ะ  !  พวกเจ้าเรียนเถิด เรียนกันตามสบายเถิดนะ ฮ่าๆๆ!
อาสามนั่งแทะเมล็ดแตงโม เมล็ดสนอยู่ข้างๆอย่างผู้อาวุโสมรรยาทดีงามต่อ  และไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ ชั้นเรียนหนังสือของพวกหลานๆอีกเลย
เหลียนฟางโจวอมยิ้ม  เห็นคนแก่ตกใจกลัวจนล่าถอยไปแล้ว จึงไม่เสวนากับนางต่อ
ไม่เช่นนั้น  หากอาสามมาขัดจังหวะอยู่ข้างๆเรื่อยๆแล้วละก็ จะเป็นการรบกวนสมาธิคนเรียน  นับว่าไม่ใช่การกระทำที่ดีนัก
ทุกคนล้วนคัดอักษรเสร็จกันหมดแล้ว  จึงมีการเอากระดาษคัดลายมือของพี่น้องทั้งสี่คนมาเปรียบเทียบ  ลายมือของเหลียนฟางฉิงออกมาย่ำแย่ที่สุด  ส่วนลายมือของเหลียนฟางโจวย่อมถูกต้องที่สุด  ใช่แล้ว เพียงแค่ถูกต้องในแง่มีเส้นมีขีดต่างๆครบถ้วน อย่างไร้ข้อกังขา  
เหลียนฟางโจวจดจ้องตัวอักษรที่เหลียนเช่อเขียนด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษ  หญิงสาวรู้สึกค่อนข้างพอใจอยู่บ้าง
 “พี่ใหญ่ช่างเก่งกาจแท้ ! เขียนถูกต้องหมดเลย !” เหลียนฟางฉิงอดร้องออกมาไม่ได้
 “พูดเป็นเล่นแล้ว !” เหลียนฟางโจวเหลือบมองน้องสาวคนสุดท้องอย่างเคืองๆ แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ แล้วอย่างตัวอักษรของพี่เจี่ยนพวกเจ้า ที่แตกต่างกับของข้าดั่งฟ้ากับเหวเล่า เรียกว่าอย่างไรหรือ?
อาเจี่ยนระบายยิ้ม “เจ้าเพิ่งเริ่มเรียน ก็สามารถเขียนได้ถูกต้องครบถ้วนแล้วเช่นนี้ นับว่าหายากนัก ฟางโจวช่างฉลาดปราดเปรื่องเสียจริง !”
 “จริงด้วย จริงด้วย พี่ใหญ่ข้าช่างเก่งกล้าน่าทึ่งนัก !” เหลียนเซ่อและเหลียนเช่อเห็นแล้ว  ต่างพูดเป็นเสียงดียวกัน
เหลียนฟางโจวแอบเอ่ยในใจ ด้วยความละอาย  ตัวอักษรดั้งเดิมแบบนี้ ชั้นก็เขียนไม่เป็นเหมือนกัน   หากไม่นับอักษรแบบง่ายที่ชั้นเขียนมามากมายนับไม่ถ้วนในชาติก่อนหน้านั่นนะ  ลองเป็นแบบนี้  มันก็ต้องเก่งกว่าพวกเธอที่เพิ่งเริ่มหัดเรียนอยู่แล้ว  โอย..ไม่กล้าสู้หน้าผู้คนเลยจริงๆ !
 “เจ้าสามคนก็เขียนได้ไม่เลวมากเหมือนกัน  พวกเจ้าต้องฝึกฝนให้มากๆ  ผ่านไปสักพัก ก็จะสามารถเขียนได้ดีเอง !” อาเจี่ยนแย้มยิ้ม ภายใต้การชี้แนะของเหลียนฟางโจว  จึงมีการลงคะแนนลายมือบนกระดาษของแต่ละคน  โดยจะวงกลมรอบตัวอักษรที่เขียนได้ดีเข้าตากรรมการ  หลังจากตรวจงานเขียนดูแล้ว หากไม่นับส่วนของเหลียนฟางโจวแล้ว เหลียนเช่อเป็นผู้ได้รับจำนวนวงกลมมากที่สุด  ส่วนเหลียนเซ่อและเหลียนฟางฉิงก็ได้วงกลมบ้างเล็กน้อย
เดิมทีเหลียนเช่อจะต้องไปเรียนในสำนักศึกษาอยู่แล้ว เขาเขียนได้เก่งกว่าคนอื่นๆ เหลียนเซ่อและคนอื่นๆต่างคิดว่า เป็นสิ่งถูกต้องสมควรแล้ว
เพียงแต่ พอเห็นลายมือของตนเองได้รับการยอมรับ  ความมั่นใจของเหลียนเช่อพลันเพิ่มขึ้นมาทันทีทันใด  เด็กชายบังเกิดความฝักไฝ่ใคร่เรียนรู้ต่อ
ในช่วงเริ่มต้น ไม่ควรเรียนหนักเกินไปนัก  คืนนี้เรียนเขียนอักษรเพียงสามคำนี้ก็พอ
เหลียนฟางโจวเห็นน้องๆทั้งสามมีความสนใจยิ่งยวด  เลยให้พวกเขาได้ฝึกฝนต่ออีกชั่วครู่  ครั้นแล้วหญิงสาวจึงลุกขึ้นเดินเข้าครัว เพื่อต้มน้ำร้อนให้เสร็จ  สำหรับไว้ใช้อาบน้ำชำระร่างกาย
พอผลักประตูเรือนเปิดออกมา ลมเหนืออันหนาวเหน็บก็พุ่งปะทะใส่ใบหน้าตน  เหลียนฟางโจวอดกระชับอาภรณ์บนร่างกายไม่ได้  หญิงสาวนึกวางแผนอยู่ในใจ  รอเก็บเกี่ยวฝ้ายไปขายเป็นเงินได้เมื่อไร  เธอจะต้องสร้างบ้านใหม่หลังใหญ่ๆให้จงได้  และตั้งใจมั่นว่าครัวจะต้องไม่อยู่นอกตัวบ้านอีก
แสงสลัวที่ลอดผ่านหน้าต่างออกมานอกตัวเรือน  ทำให้เห็นสิ่งที่คล้ายเม็ดโฟมเล็กๆจำนวนมหาศาลลอยละล่องลงมาจากฟากฟ้า อย่างเงียบเชียบ นำพาท่วงทำนองนุ่มนวลไพเราะมาด้วย ดวงใจหญิงสาวเต้นแรงด้วยความเบิกบาน
------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

10 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้อบอุ่นจังเลย ชอบ
    มีเขินด้วย อิอิ

    ตอบลบ
  2. อาเจี่ยนแอบชอบนางเอกหน่อยๆแล้วไหมเนี่ย ตอนนี้อ่านไปอมยึ้มไป เค้าน่ารักกันเนอะ

    ตอบลบ
  3. คุณพระช่วย อาเจี่ยนเขินแล้ว 5555

    ตอบลบ
  4. ตอนนี้มุ้งมิ้ง ฟุ้งฟิ้ง น่ารักมากค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  5. เป๋นตอนที่น่ารัก อ่านแล้วเขินเลยค่ะ

    ตอบลบ
  6. บรรยากาศเป็นครอบครัวอบอุ่น

    ตอบลบ
  7. บรรยากาศดีมากเลย
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  8. อ่านไปยิ้มไป อุ่นใจที่สุด ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ