วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 240 ประจัญหน้าหมาป่าตัวที่หนีรอด


            “มิจำเป็น”  อาเจี่ยนส่ายหน้า “หมาป่ากับเสือนั้นแตกต่างกัน หมาป่าฉลาดยิ่งนัก! ต่อให้วางกับดักล่อ  ข้าเชื่อว่าคงไม่ก่อประโยชน์อันใด! จิตอาฆาตพยาบาทของหมาป่านั้นแรงกล้านัก ข้าคิดว่า มันจะต้องย้อนกลับมาอีกคราแน่!
            “แล้วใครจะคาดการณ์ได้เล่าว่ามันจะมาเมื่อใด! หากมันเกิดทำร้ายผู้คนเข้าเล่า?  อาเจี่ยน เจ้าลองคิดหาวิธีการอีกทีได้หรือไม่?” จางลี่เจิ้งยังตื๊อไม่เลิก
            ทุกคนในที่นั้นต่างพยักหน้าถกเถียงกัน พลางขอร้องอาเจี่ยนไปด้วย
            “ข้าเองก็ยังคิดหาวิธีดีๆไม่ออกเหมือนกัน!” อาเจี่ยนยิ้มจืดเจื่อนขณะอธิบาย “เราคงทำได้เพียงจัดเวรยามประจำวัน เข้าไปตระเวณสอดส่องทุกๆเส้นทางและทุกพื้นที่ของหมู่บ้านอย่างลับๆ! ณ ตอนนี้ก็คงทำได้เพียงเท่านี้  ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ ข้าเชื่อว่า มันคงทนได้ไม่กี่วันหรอก ก่อนจะย้อนกลับมาอีก!

            แต่ถึงอย่างไร ก็ยากจะกล่าวว่า  หมาป่ามีจิตพยาบาทของหมาป่ารุนแรงแต่เพียงอย่างเดียว ความอดทนของมันนั้นเล่า ก็สูงล้ำจนน่าตกใจ  การที่มันจะรอให้เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้วค่อยย้อนกลับมาแก้แค้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้
  ทุกคนรู้จักพฤติกรรมหมาป่าเพียงน้อยนิด และรู้ว่าที่อาเจี่ยนกล่าวมาล้วนเป็นความจริง  ทีแรกทุกคนหวังกันว่าเขาอาจมีแผนการแยบยลที่ล้ำลึกกว่าธรรมดา แต่ในเมื่อไม่มี แม้ในใจจะผิดหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับมากมายนัก
        “เช่นนั้นก็เอาตามนี้ไปพลางๆก่อน!..เฮ่อ  จางลี่เจิ้งถอนหายใจ  ทุกคนจึงหารือถึงแผนการจัดเวรยามเฝ้าระวังแทน
            ในเมื่อจะต้องจับตาเฝ้าระวัง ก็ย่อมต้องสอดส่องทั้งกลางวันและกลางคืนด้วย
  
            กลางวันยังพอทำเนา  แต่กลางคืนนี่สิ  ต่างคนต่างต้องระวังกันเองแล้ว
            ผ่านคืนนี้ไป ทุกคนล้วนตระหนักดีถึงความน่ากลัวของเรื่องที่เพิ่งประสบมา ต่อให้คนที่เห็นแก่ตัวไม่เอาใคร ก็ยังไม่กล้าเอาชีวิตของตนเองและครอบครัวมาล้อเล่น และในยามที่ไฟในตัวคนหนุ่มเหล่านั้นยังลุกโชนอยู่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกตระหนักในหน้าที่ แต่ละคนต่างขันอาสาด้วยความสมัครใจ กลายเป็นว่าภารกิจนี้บรรลุข้อตกลงเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว
        ตั้งแต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน กลุ่มคนที่รู้สึกตื่นเต้น  มาบัดนี้ อารมณ์ตื่นเต้นพลันลดน้อยหายไปกว่าครึ่ง เมื่อถึงคราแบ่งเนื้อหมาป่า พวกเขาก็ไม่ค่อยร่าเริงเท่าใดนัก
            ส่วนกลุ่มคนซึ่งมีจิตใจตึงเครียดมาตลอดทั้งคืน และมีจำนวนมากกว่า  ยามนี้ให้รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างหาใดเปรียบ  นอกจากเหล่าเด็กหนุ่มพวกนั้นและกลุ่มคนส่วนน้อยที่ชอบเรื่องตื่นเต้นแล้ว ก็มีเพียงตัวแทนหนึ่งคนต่อหนึ่งครอบครัว ที่อยู่ที่นี่เพื่อรอรับส่วนแบ่งเนื้อหมาป่า ส่วนคนที่เหลือ ล้วนตรงแน่วกลับบ้านเพื่อนอนหลับพักผ่อนกันหมดสิ้น
            สมาชิกบ้านเหลียนฟางโจว ไม่มีใครอยู่รอที่นี่เลยสักคน จางลี่เจิ้งแจ้งว่าจะรวบรวมหนังหมาป่าส่งไปให้พวกเขาในภายหลัง  เหลียนฟางโจวผู้อิดโรยก็ไม่หือไม่อืออันใด  เธอเพียงระบายยิ้มและกล่าวคำขอบคุณ  ครั้นแล้วสมาชิกทุกคนในบ้านจึงพากันกลับไป
            “พี่เจี่ยน  ท่านบอกหน่อยสิว่าหมาป่าตัวนั้นจะหวนกลับมาอีกเมื่อใด?”เหลียนเซ่อถามขึ้นด้วยความกังวลระคนตื่นเต้น
  “เรื่องนี้บอกยาก” อาเจี่ยนอธิบาย “ โดยเฉพาะสองสามคืนนี้ อย่าออกไปข้างนอกเป็นดีที่สุด ตอนกลางวันก็ต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
            ทุกคนขานรับโดยดุษณี
            เมื่อกลับถึงบ้าน ก็มีการต้มน้ำร้อนเพื่อล้างหน้า แม้แต่มื้อเช้าทุกคนก็ไม่กิน ยอมกินเพียงขนมเข่งที่ทำเตรียมไว้ฉลองปีใหม่เท่านั้น แต่ละคนพากันกลับเข้าห้องเพื่อพักผ่อนนอนหลับ
            ยกเว้นเพียงอาเจี่ยน
        จิตใจชายหนุ่มรู้สึกดีเป็นพิเศษ  คล้ายกับ มีบางอย่างกำลังถูกกวนกระเพื่อมขึ้นจากก้นบึ้งในใจ ทั่วทั้งร่างดูจะสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ได้  ตรงกลางใจเอิบอาบด้วยอะไรบางอย่างที่กระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่น
แม้เขาพยายามตรึกตรองอย่างละเอียด แต่ก็ไม่สามารถคว้าเบาะแสอะไรได้
  อาเจี่ยนแอบถอนหายใจกับความคิดตนเองไม่ได้ คงเป็นอย่างที่ฟางโจวว่าไว้  นี่คงเป็นภาพเหตุการณ์หนึ่งที่ฝังอยู่ในความทรงจำกระมัง ด้วยเหตุนี้คลับคล้ายว่าข้าเกือบจะนึกถึงอะไรที่คล้ายคลึงกันออก? เพียงแต่การกระตุ้นครั้งนี้ยังไม่เข้มข้นมากพอ เพราะเหตุนี้ข้าจึงมีความรู้สึกเพียงรางๆเท่านั้น  ยังไม่อาจระบุเจาะจงลงไปได้?
  ที่สุดแล้วข้าเป็นใครกัน?  แต่ก่อนมีบทบาทอันใด? ดูแล้วข้าไม่คล้ายไม่คุ้นชินกับหมาป่า  ตรงกันข้ามเมื่อเทียบกันแล้ว ข้าดูคุ้นเคยเป็นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ หรือว่าข้าเคยเป็นนายพรานมาก่อน? แต่เหตุใดเมื่อคิดว่าตัวเองเคยเป็นนายพราน ข้ากลับไม่รู้สึกคุ้นเคยเลยสักนิดเล่า?
จิตใจอาเจี่ยนไม่อาจสงบระงับได้  ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาสองเฮือก ด้วยความวิตกกังวล
       เหลียนฟางโจวตื่นขึ้นมายามตะวันใกล้ส่องตรงศีรษะ หญิงสาวเดินออกมานอกเรือน สายตาเหลือบเห็นอาเจี่ยนยืนกอดอกนิ่งอยู่ในลานบ้าน  ชายหนุ่มเงยหน้าเล็กน้อยขณะทอดมองท้องฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า พาให้หญิงสาวอดชะงักงันไม่ได้  เธอจึงรีบร้องเรียกชื่อชายหนุ่มและสาวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “อาเจี่ยน”
  “ท่านมายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว? รีบเข้าไปในเรือนเถิด!”  ดวงตาเหลียนฟางโจวสว่างวาบเมื่อเหลือบมองชายหนุ่มผู้ซึ่งตอนนี้ชุดเสื้อคลุมเขาโดนลมพัดแนบลู่ไปด้านหนึ่ง จนนิ่งแข็งไม่กระดิก ถึงได้รู้ว่าเขามิได้อยู่นอกเรือนมาชั่วประเดี๋ยวประด๋าวแน่
            เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ในใจ แต่คงเพราะหมาป่าตัวนั้นหนีรอดไปได้ เขาจึงมีท่าทีเป็นกังวล  ครั้นแล้วจึงปลอบโยนเสียงอ่อน “แม้หมาป่าจะหนีไปได้ ทว่านั่นหาใช่ความผิดของท่านเสียหน่อย ท่านอย่าได้คิดมากไปเลย! ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาเถอะ  ช่วงหลายวันนี้  ท่านก็ใส่ใจตามสมควรก็พอ  เพราะยังมีเรื่องรอพึ่งพาความสามารถท่านให้ช่วยเหลืออีกนะ! ท่านเองก็เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ถึงมิอยากนอน ก็มิควรมายืนอยู่นอกเรือนเช่นนี้  ท่านเข้าไปนั่งพักในเรือนเถิดนะ!”
            อาเจี่ยนฟังหญิงสาวพูดเจื้อยแจ้วยาวเหยียด   พลันบังเกิดความอบอุ่นท่วมท้นในใจโดยไม่รู้ตัว  รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อครู่!
            คิดไปก็มิได้อะไรขึ้นมา  “อืม” ชายหนุ่มจึงรับคำพร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงสาวเท้าเข้าเรือนไปแต่โดยดี
            เหลียนฟางโจวเดินตามเข้าไปในเรือน  เธอเขี่ยขี้เถ้าที่คลุมอยู่ไปข้างๆ แล้วเติมถ่านลงไปจำนวนหนึ่ง ขณะกำลังโบกพัด  หญิงสาวก็หันไปถามอาเจี่ยนพร้อมรอยยิ้ม “ท่านหิวหรือไม่? หรือว่าอยากให้ข้าทำอะไรให้กินไหม?”
            “ไม่ต้องวุ่นวายถึงเพียงนั้น  ขอขนมเข่งให้ข้ากินสักสองก้อนก็พอ”  อาเจี่ยนเอ่ยยิ้มๆ
            เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มแล้วตัดแบ่งขนมเข่งออกมา ซ้ำยังเอาตะแกรงปิ้งมาวางบนเตาให้ร้อน วางชิ้นขนมเข่งที่ตัดออกมาวางบนตะแกรง แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “รอขนมนิ่มก่อน แล้วท่านค่อยกินนะ  ข้าจะไปตรวจตราที่หมู่ตึกทางโน้นดูสักหน่อย! เมื่อคืนวานเห็นพวกเขาเหน็ดเหนื่อยกันทุกคน!”
            “อื้ม” อาเจี่ยนพยักหน้า เหลียนฟางโจวส่งยิ้มคราหนึ่ง แล้วจึงเดินออกไป
        เหลียนฟางโจวย่างเท้าออกจากประตูรั้วบ้าน เดินมุ่งหน้าไปยังหมู่ตึกที่อยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน
        ทว่าเธอเองก็ไม่เคยนึกฝันว่า เพียงพ้นปากทางเข้าหมู่บ้าน  พลันได้ยินเสียงกรอบแกรบผิดปกติดังลอดมาจากพุ่มไม้ข้างทาง หญิงสาวหยุดชะงักหันกลับไปมอง ทันทีที่เห็น  ทั่วทั้งร่างเธอราวจุ่มลงอ่างน้ำแข็ง ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
            เสียงกรอบแกรบยิ่งดังชัดขื้นเรื่อยๆ  ภาพที่เห็นตรงหน้า  หมาป่าสีเทาร่างเพรียวบางสูงกว่าครึ่งศรีษะคน โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ขาหน้าข้างหนึ่งงอ  มันแลบลิ้นสีแดงสดออกมา ลูกตาสีน้ำตาลทองแดงแฝงแววเย็นชาจ้องหญิงสาวเขม็ง
            คิดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้หมาป่าตัวที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้นจะอยู่ตรงนี้นี่เอง!
  ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ มิคิดเลยว่ามันจะถูกเธอพบเป็นคนแรก!
       ณ เพลานี้  เหลียนฟางโจวพลันยกมือขึ้นกุมหน้าอกให้นิ่ง เพื่อระงับใจที่เต้นกระหน่ำรัวเร็วเสียจนธอแทบหายใจไม่ออก!
    หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิด!
       เธอรู้ดีว่า หากหมาป่านั่นคิดจะโจนเข้าใส่   เธอก็คงไม่ทันได้กระดิกตัว
            ดวงตาเหลียนฟางโจวเบิกกว้าง  พริบตาที่หญิงสาวหันกลับไปจ้องหมาป่าตัวนั้น  พลันสบเข้ากับเขี้ยวขาวหนาโง้ง  รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันใด
            มุมปากหญิงสาวเหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มขื่น  ที่แท้เป็นผลกรรมตามสนองละสินะ!
            ฝูงหมาป่าถูกทำลายด้วยน้ำมือของอาเจี่ยน อาเซ่อ และแม้แต่ซุนฉางซิงซึ่งตอนนี้ก็เป็นลูกจ้างของบ้านเธอด้วย หมาป่าตัวนี้นับว่าโชคดีมากจริงๆ  จู่ๆก็ได้เจอตัวการใหญ่ของจริง!
            เหลียนฟางโจวกลั้นหายใจ  พร้อมๆกับกู่ร้องในใจ “ชีวิตฉันจบสิ้นแล้ว ! แต่แล้ว หญิงสาวพลันได้ยินเสียงร้องอย่างตระหนกดังมาจากด้านหลัง “ฟางโจว! หลบไป! หลบไปเร็วเข้า!”
            เหลียนฟางโจวหันหลังกลับไป  ใบหน้าเธอพลันเปลี่ยนสี ไม่ทันจะเปล่งเสียงใดๆออกมา ชายที่ร้องเสียงตระหนกนั้น ถลาเข้ามาขวาง แล้วผลักเธอไปด้านข้าง “หนีเร็ว!  รีบหนีไปซะ!”
            ชั่วพริบตาเดียว ดวงตาเหลียนฟางโจวดูโง่งม เธออ้าปากจะพูด ทว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่มองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า ลำคอตีบตันขึ้นมาดื้อๆ
            เป็นเขา เป็นเขาได้อย่างไร หยางหวายชาน!
-------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ ทำไมต้องเป็นเขาอีกนะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากค่ะ
    จะได้กลับมาพัวพันกันอีกรอบรึไงนะ หยางหวายชาน

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณคะ โชคร้ายจริงๆนะฟางโจวปัญหามาพร้อมกันทีเดียวเลย สวรรค์ขอตัวช่วยได้ไหมส่งอาเจี่ยนมาทันทีเลย

    ตอบลบ
  4. โห้ เอาอีกแล้ว ในความโชคดีก็มีความโชคร้ายเอ๊ะ หรือเป็นในความโชคร้ายก็มีความโชคดี ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ