วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 241 ช่วยชีวิต


            “วิ่งเร็ว! วิ่งหนีไปซะ!” หยางหวายชานเห็นหญิงสาวยังยืนนิ่งไม่ขยับ จึงร้องตะโกนเร่งเร้า
            เหลียนฟางโจวเห็น  ความกังวลและหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉายชัดบนใบหน้าเขา ชัดแจ้งแก่ตาตน
            ชายผู้นี้ยังจริงจังกับเจ้าของร่างนี้อยู่
  เหลียนฟางโจวพลันรู้สึกถึงความขมขื่นเจ็บปวดในใจ!
            การที่หยางหวายชานจู่ๆก็ถลาเข้ามาขวางเช่นนี้   คราแรกพลอยทำให้หมาป่าสะดุ้งโหยงด้วยความตกตะลึงไปด้วย รอจนหายตกตะลึงแล้ว มันก็เปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธ!
            ดวงตาเย็นเยียบของมันสาดประกายใส่หยางหวายชาน มันแหงนหน้าขึ้นร้องคำรามก้อง แล้วแยกเขี้ยวหนาขาวโง้งกระโจนพุ่งเข้าใส่หยางหวายชาน!

        หยางหวายชานหวาดกลัวจนมือเท้าอ่อน รีบเบี่ยงหลบด้วยสัญชาติญาณ
            อย่างไรก็ตามทั้งเขาและเหลียนฟางโจวต่างตระหนักดีว่า  ด้วยศักยภาพของเขาลงท้ายไม่มีทางหนีรอดจากหมาป่าตัวนี้ได้แน่
            ลมหอบหนึ่งพัดพากลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูก หยางหวายชานปิดเปลือกตาลง ในยามนี้ มิคาดว่าจิตใจเขากลับนิ่งสงบและยินดีอย่างน่าประหลาด
            “ว้าย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”  ยามนี้ฮวาเสี่ยวฮวาที่ตะลึงตาค้างมองเหตุการณ์ตรงหน้า  ยกสองมือขึ้นปิดหู กรีดร้องตะโกนลั่น สองขาของนางอ่อนปวกเปียกนั่งกองไร้เรียวแรงอยู่แถวนั้น นางปิดเปลือกตาแน่นอย่างเจ็บปวดแทน
            หลังรับประทานมื้อกลางวันที่บ้านฝั่งภรรยา พวกเขาสามีภรรยาจึงตั้งใจกลับบ้านอีกฝ่าย แต่ไม่คิดเลยว่า ไม่คิดเลยว่า.....
            ยามนี้หยางหวายชานคิดว่าตัวเขาคงต้องสิ้นชีพแน่แล้ว ชายหนุ่มหลับตาลง  ทว่าหูกลับได้ยินเสียงแผดร้องคำรามของหมาป่าดังขึ้น เขารู้สึกประหลาดใจ  จึงลืมตาขึ้น แต่แล้วกลับพบว่าหมาป่าตัวที่กระโจนเข้าใส่เขาอย่างกราดเกรี้ยวนั้น ได้ล้มกลิ้งลงนอนตายบนพื้นเรียบร้อยแล้ว มีลูกธนูที่เย็นเป็นน้ำแข็งดอกหนึ่งปักทะลุคอมัน
            เหลียนฟางโจวสบเข้ากับดวงตาเข้มลึกบนใบหน้าเปี่ยมความกังวลของอาเจี่ยน  หญิงสาวบังเกิดความโล่งใจ พยักหน้าน้อยๆยิ้มให้ชายหนุ่ม
            “เจ้า...แพศยานัก! ทั้งหมดเป็นเพราะหญิงแพศยาอย่างเจ้า!”  พอฮวาเสี่ยวฮวาเห็นสามีรอดตาย  จึงโล่งอก   น้ำเสียงเคียดแค้นขุ่นเคืองฝังลึกจึงดังขึ้นฉับพลัน ไม่รู้ว่าไปเอาพลังมาจากไหน นางลุกขึ้นปรี่เข้าใส่เหลียนฟางโจวอย่างกราดเกรี้ยว ยกมือผลักเหลียนฟางโจวล้มลงกับพื้น แล้วเงื้อมือหมายจะตบหน้าหญิงสาว
            “หยุดนะ!”  แขนที่เงื้อง่าอยู่ของฮวาเสี่ยวฮวาชะงักงัน นางหันไปจึงเห็นสายตาอันเย็นชาของอาเจี่ยน ใจนางเต้นกระตุกด้วยความกลัว ริมฝีปากสั่นระริก แล้วก็โดนอาเจี่ยนผลักเซไปข้างๆในที่สุด
       เจ้าควรไปดูสามีของเจ้าจะดีกว่านะ!” อาเจี่ยนแค่นเสียงปรายตามองนางแต่ไม่ใช้สายตาเย็นชาอีก  เขารีบเข้าไปประคองเหลียนฟางโจว พลางเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
            ข้าไม่เป็นไร!”  เหลียนฟางโจวถูกเขาประคองตัวยืนขึ้น  หญิงสาวยิ้มฝืดเฝื่อน “ท่านมาได้อย่างไร? เคราะห์ดีที่ท่านมาทัน!”
  เคราะห์ดีที่เขามา !  หาไม่แล้ว หยางหวายชานคงเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ หากเป็นเช่นนั้นจริง จากนี้ไปนางจะสู้หน้าสกุลหยาง สกุลฮวา ทั้งสองสกุลได้อย่างไร ?
        หลังเจ้าออกไปแล้ว  ข้าพลันรู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล โชคดี  ที่ข้าตัดสินใจออกมา!”อาเจี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ
            “เลือด! เลือดเต็มไปหมดเลย! เซี่ยงกง!(คำเรียกสามีสมัยโบราณ) เซี่ยงกง! ท่านลืมตาสิ! ท่านลืมตาขึ้นมาสิ!”ฮวาเสี่ยวฮวาพลันกรีดร้องขึ้น น้ำเสียงสะอื้นไห้เปี่ยมด้วยความคลั่งแค้นระคนหวาดกลัว
            เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนพลันตื่นตระหนก สาวเท้าเข้าไปหาทันที
            “นี่เจ้า....” พอฮวาเสี่ยวฮวาหันมาเห็นเหลียนฟางโจว ก็ถลึงตาใส่ เตรียมจะด่าทอ  แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอาเจี่ยนดูอยู่ข้างๆ เลยจำต้องหุบปากอย่างไม่เต็มใจ นางถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความชิงชังเหลือแสน “เพ้ย ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า! ไปให้ไกลๆเลย!”
            เหลียนฟางโจวไม่สนใจนาง แต่หันไปถามอาเจี่ยนแทน
            อาเจี่ยนหันไปเอ่ยกับหญิงสาว “เขาไม่เป็นไร  เพียงได้รับบาดเจ็บที่ไหล่และสลบไปเท่านั้น เจ้ากลับหมู่บ้านไปขอให้คนสักสองสามคนมาช่วยแบกเขากลับไปเถิด!”
            “อื้ม” เหลียนฟางโจวร้องรับคำ จึงผินกายสาวเท้าเข้าหมู่บ้านไป
            หูของเธอได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ของฮวาเสี่ยวฮวา คล้ายกำลังก่นด่าอย่างชิงชังระคนโศกเศร้า
            เหลียนฟางโจวถอนหายใจไม่เลิก  แถมยังรู้สึกหนักใจมิรู้วาย คล้ายมีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่  จนรู้สึกอึดอัดหนักหน่วงเกินทนไหว
            ชั่วขณะที่หยางหวายชานผลักเธอนั้น เธอรู้สึกตกใจ  ไม่คิดเลยว่าความรักของเขาที่มีต่อเธอจะดื่มด่ำล้ำลึกเพียงนี้!
       ในเมื่อเป็นเช่นนั้น  เขาจะขมขื่นใจเพียงใด!
        หยางหวายชานถูกแบกกลับไปที่บ้านฝั่งภรรยาโดยด่วน มีคนมากมายพากันไปเยี่ยม ทั้งป้าจางที่ร่วมทางมากับเหลียนฟางโจว รวมทั้งอาเจี่ยนด้วย
            ไหล่ของหยางหวายชานโดนกรงเล็บหมาป่าฉีกกระชากลึกเกือบเห็นกระดูก
            เคราะห์ดี ที่ไม่โดนจุดสำคัญ ท่านหมอที่ถูกเชิญมาจากหมู่บ้านข้างเคียง บอกว่าให้พักรักษาตัวสักสองเดือน ก็จะหายดีเป็นปกติ ทุกคนพากันโล่งอก
            ฮวาเสี่ยวฮวาเลิกร่ำไห้แล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด สายตานางคอยเหลือบมองเหลียนฟางโจวเป็นพักๆ แต่ไม่ได้เอ่ยอันใด
            เหลียนฟางโจวเองก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มขื่นในใจ เรื่องแบบนี้หากเธอต้องสูญเสียอย่างฮวาเสี่ยวฮวา เธอเชื่อว่า เธอต้องเจ็บแค้นและหัวใจสลายด้วยเป็นแน่
  ใครๆต่างก็รับรู้เรื่องในอดีตที่ผ่านมาดี สายตาของคนสกุลฮวาทุกคนที่มองเหลียนฟางโจวล้วนปรากฏความอึดอัดคับแค้นใจ
            เหตุผลที่พวกเขาต้องกักเก็บความคลั่งแค้นและคำด่าทอไว้  ก็เพราะมีอาเจี่ยนเป็นก้างขวางคออยู่  พวกเขาเลยไม่กล้าต่อว่าเหลียนฟางโจว  อย่างแรกที่จางลี่เจิ้งทำ ก็คือกล่าวสรรเสริญหยางหวายชาน “สมเป็นชายชาตรี   สร้างวีรกรรมน่ายกย่อง!”คนสกุลฮวาเลยยิ่งไม่กล้าพูดอะไรเข้าไปใหญ่
            ยิ่งไปกว่านั้น เหลียนฟางโจวเป็นฝ่ายตัวเสนอจ่ายเงิน 10 ตำลึงเป็นการตอบแทน จางลี่เจิ้งเห็นพ้องด้วย และยกทั้งเนื้อและหนังของหมาป่าตัวนี้ ให้หยางหวายชานไปทั้งหมด คนสกุลฮวาก็ยิ่งหมดถ้อยคำจะกล่าว
            หาไม่แล้ว แม่เฒ่าฮวาและนางผู้เป็นบุตรสาว คงได้ใช้โอกาสนี้หาเรื่องตบตีระบายความคลั่งแค้นกับเหลียนฟางโจวไปตั้งแต่แรกแล้ว
            สรุปสั้นๆ  ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดีกว่าเดิม อย่างน้อยที่สุด หมาป่าตัวที่หนีรอดไปได้ ก็โดนสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  หลังจากตัวปัญหาถูกกำจัดไป  ทุกชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องขวัญผวากันอีก ไม่ต้องอดตาหลับขับตานอน คอยอยู่โยงเฝ้ายามในตอนกลางคืนอีกแล้ว
            เพียงไม่นานนัก คนสกุลหยางที่ได้รับแจ้งข่าวจากคนในหมู่บ้าน ก็มาถึง พ่อเฒ่า แม่เฒ่าหยางมาพร้อมกับบุตรชายคนโต และลูกสะใภ้คนโต
            ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในลานบ้านสกุลฮวา แม่เฒ่าหยางก็ตบหน้าขา ร้องตะโกนลั่นอย่างเจ็บปวดใจแสนสาหัส “หวายชาน! ลูกชายข้า!”แล้วร้องไห้โฮลั่นทันที พาให้ทุกคนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
            แม่เฒ่าได้ทราบเรื่องราวย่อๆ จากคนที่มาแจ้งข่าวแล้ว ยามนี้พอสายตาเหลือบเห็นเหลียนฟางโจวยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่มามุงดู  นางจึงชี้หน้าเปิดปากด่าทอด้วยความเดียดฉันท์ทันที
            ทว่ายังด่าไม่ทันจบคำดี จางลี่เจิ้งที่หน้าเปลี่ยนสี จึงโพล่งขึ้น “สะใภ้หยาง ไปดูบุตรชายท่านก่อนดีกว่านะ! บุตรชายท่านช่วยชีวิตคนไว้ เป็นผู้ชายที่กล้าหาญน่าเอาเยี่ยงอย่าง พวกเราชาวหมู่บ้านต้าฝางทุกคน จะจดจำความกล้าหาญของเขาในครั้งนี้เอาไว้!”
            แม่เฒ่าหยางไม่รับรู้คำกล่าวของจางลี่เจิ้งแม้แต่น้อย  รู้แต่ว่าจางลี่เจิ้งมาพูดขัดนาง ทำให้นางหงุดหงิดและขัดใจนัก  นางจึงหันไปพูดกับแม่เฒ่าฮวา “ฉิ้งเจีย (คำเรียกบิดามารดาฝ่ายสะใภ้หรือลูกเขย) ลูกชายข้าเป็นลูกเขยท่านแท้ๆ! คนบ้านท่านยังมีหัวจิตหัวใจกันอยู่ไหม เห็นเขาโดนรังแกอยู่แท้ๆ ก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน!”
            “พอแล้ว พอแล้ว หุบปากเสียที ไปดูลูกชายเจ้าก่อนเถอะ!” พ่อเฒ่าหยางเข้าใจวาจาของจางลี่เจิ้งดี  หากปล่อยให้ภรรยาตนด่าทอเหลียนฟางโจวต่อ พวกตนจะกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งหมู่บ้านต้าฝางทันที
        เขาชักเริ่มหวาดๆในใจแล้ว
            อันที่จริงจางลี่เจิ้งตั้งใจจะผละจากไปตั้งแต่ทีแรกแล้ว ทว่าอาเจี่ยนแอบหาจังหวะพูดขอร้องเขาไว้ ดังนั้นเขาเลยจำต้องอยู่ที่นี่ต่อไป
  ทันทีที่ตนเองได้พูดสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว พ่อเฒ่าหยาง ผู้นำตระกูลก็เข้าใจถ้อยคำของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว  เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป  ครั้นแล้วจึงเอ่ยกับทุกคนขึ้นทันใด “ปล่อยให้หวายชานเขาพักผ่อนให้เต็มที่เถิด พวกเราหลายคนอยู่ที่นี่จะส่งเสียงดังรบกวนเสียเปล่าๆ !”
            ทุกๆคนขานรับคำ แต่ละคนต่างกล่าวคำอาลา
            แม่เฒ่าหยางชี้หน้าเหลียนฟางโจว พลางตวาดเสียงลั่น “นางไปไม่ได้! ข้ายังไม่ได้สะสางบัญชีกับนางเลย!”  หญิงชราพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็โดนพ่อเฒ่าหยางปรามให้หยุด
        ชาวบ้านทุกคนที่ยืนมองอย่างเอ็นดูก่อนหน้าก็เปลี่ยนมามีท่าที่ขุ่นเคืองโดยพลัน  ทุกๆคนคล้ายว่าไม่มีใครได้ยินสิ่งที่นางพูดเลย กลับกลายเป็นว่า หญิงสาวที่ออกเรือนแล้วสองสามคน และหญิงที่ออกเรือนรุ่นแม่ต่างก็เข้ามาสนทนากับเหลียนฟางโจว และเดินจากไปด้วยกัน
            แม่เฒ่าหยางโกรธจัดจนอกกระเพื่อม ริมฝีปากสั่นระริกพูดอะไรไม่ออก
-------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

9 ความคิดเห็น:

  1. ยายแม่นี่เจ้าปัญหาขี้โวยวายตลอด/ขอบคุณไรท์นะคะ^^

    ตอบลบ
  2. คนที่ไม่เคยเข้าใจเห็นใจคนอื่น ก็จะยังเห็นแก่ตัวแบบนี้ไปจนตาย
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณคะ ว๊าว...อาเจี่ยนฮีโร่ของฉันมาทันเวลาช่วยพอดี ตอนนี้รวมตัวประกอบน่ารำคาญมาก

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ อาเจี่ยนมาทันเวลามากกก

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณมากค่ะ สนุกทุกตอน...นางเอกเกือบแย่แล้ว

    ตอบลบ
  6. พระเอกเราเท่สุดๆ
    ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะครับ

    ตอบลบ
  7. ยังรออยู่นะคะ จุ๊บุ๊ๆ

    ตอบลบ
  8. โชคดีที่มีอาเจี่ยน ไม่งั้นฟางโจวรับศึกหนักแน่ๆ

    ตอบลบ