วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 245 คารวะอาจารย์


           อาเจี่ยนกำลังบังคับรถลากเทียมลาให้วิ่งไป ส่วนเหลียนฟางโจวกับเหลียนเช่อนั่งอยู่ด้านหลัง มีตระกร้าสานวางอยู่บนรถ ภายในบรรจุข้าวของตามธรรมเนียมเพื่อจะนำไปมอบเป็นค่าชู่ซิว[1]แด่อาจารย์ประจำสถานศึกษา
            แต่ละอย่างประกอบไปด้วย
ผักคึ่นไช่ หมายถึงความขยันตั้งใจเล่าเรียน มานะบากบั่นไม่ย่อท้อ
เมล็ดบัว ที่ไส้ในขม หมายถึง ความอดทน ต่อความยากลำบากในการเล่าเรียน
ถั่วแดง เป็นตัวแทนแห่งความโชคดี
พุทรา หมายถึงให้สอบเลื่อนชั้นไวๆ
ลำไย หมายถึง ให้เรียนจบประสบความสำเร็จอย่างสง่างาม โดยชอบธรรม
ชิ้นเนื้อหมูตากแห้ง สื่อถึงจิตใจที่เชื่อฟังและมีวินัย



          นอกจากสิ่งละอันพันละน้อยที่ต้องถูกจัดเตรียมไว้ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว  ยังมีตระกร้าอีกใบซึ่งเหลียนฟางโจวบรรจุไก่ฟ้าตากแห้งตัวหนึ่ง ซึ่งเดิมทีเป็นของกำนัลที่นางซุนชื่อมอบให้ไว้อีกด้วย นอกจากนี้ยังกุนเชียงที่หญิงสาวนำกลับมาจากสกุลซู และไข่ไก่ 20 ฟอง และแน่นอน ยังมีซองแดงซึ่งภายในบรรจุเงินถึง 2 ตำลึง
            เหลียนเช่อเพิ่งเริ่มต้นศึกษาเล่าเรียน ซ้ำยังไม่ใช่ในหมู่บ้านนี้  ผู้เป็นพี่สาวจึงต้องลงทุนสร้างความประทับใจต่อผู้อื่นซึ่งเป็นอาจารย์  เพื่อให้เขายินดีรับเหลียนเช่อเป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ เหลียนฟางโจวจึงต้องยอมเสียสละเงินทองที่อุตส่าห์กระเหม็ดกระแหม่อดออมไว้
            ด้วยชุดเสื้อคลุมคอป้ายสีเขียวอมฟ้าตัวใหม่ รองเท้าหุ้มข้อหนาสีดำ การแต่งตัวอย่างประณีตพิถีพิถัน ทำให้เหลียนเช่อออกอาการประหม่าเล็กน้อย มือน้อยๆทั้งสอง บิดไปมาไม่เลิก  สายตาเด็กชายล่อกแล่กหันซ้ายแลขวา เป็นครั้งคราวๆ บางครั้งก็ไพล่มองพี่สาวตนด้วย
            และแล้วในที่สุด อาเจี่ยนผู้บังคับรถลากเทียมลาก็หยุดรถจนจอดสนิทนิ่ง ครั้นแล้วคนทั้งสามจึงลงมาจากรถ
       อาเจี่ยนคอยอยู่เฝ้ารถ  ส่วนเหลียนฟางโจวนั้น มือหนึ่งหิ้วตระกร้า อีกมือจับจูงเหลียนเช่อ เดินเข้าไปยังที่พักของอาจารย์เมิ่งซึ่งตั้งอยู่หลังสถานศึกษา
            “พี่ใหญ่....”  ทันใดนั้นเหลียนเช่อก็กระตุกแขนเสื้อเหลียนฟางโจว แล้วหยุดก้าวเท้าเสียดื้อๆ เด็กชายเงยหน้าเบิกตาฉ่ำน้ำเป็นประกายจับจ้องผู้เป็นพี่สาว แล้วเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง พลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้า ข้าชักกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ! พี่ใหญ่ ท่านว่าอาจารย์เมิ่งจะชอบข้าหรือไม่ขอรับ?  ข้า ข้าสามารถเรียนได้ดีหรือไม่?”
  เหนืออื่นใด เหลียนเช่อก็แค่เด็กคนหนึ่ง แถมตั้งแต่เล็กยังไม่เคยอยู่ห่างจากบ้านเลย อีกทั้งพวกเขาสองพี่น้องฝาแฝดชายหญิงไม่เคยแยกจากกันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสูญเสียบิดามารดาไป ตัวเขาและเหลียนฟางฉิงต่างผูกติดกับพี่สาวคนนี้ พอมาวันนี้ จู่ๆก็ต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ไปเจอะเจอแต่คนแปลกหน้า  จึงยากทำใจมิให้วิตกกังวล
  เหลียนฟางโจวตบไหล่น้องชายเบาๆ  แล้วคลี่ยิ้มเอ่ยเสียงนุ่ม “ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง ประพฤติตัวดี ขยันตั้งใจเล่าเรียน อาจารย์เมิ่งย่อมเอ็นดูเจ้าแน่ เจ้าก็เห็น มิใช่ว่าตอนอยู่ที่บ้าน พี่เจี่ยนได้สอนพวกเราไปหมดแล้วหรอกรึ? อาจารย์เมิ่งก็คงสอนบทเรียนไม่ต่างไปจากนี้หรอก เจ้าย่อมสามารถเรียนได้ดีแน่!”
            ใบหน้าเหลียนเช่อเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าแช่มชื่นขึ้น เด็กชายพยักหน้านิดหนึ่ง เอ่ยด้วยดวงตาทอประกาย “อื้ม ข้าจะเชื่อฟังคำสอนของอาจารย์โดยเคร่งครัด จะตั้งใจทุ่มเทเล่าเรียนอย่างหนัก ภายภาคหน้าจะต้องสอบผ่านเป็นซิ่วไฉ และสอบผ่านเคอจู่ให้ได้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่มีใครกล้ารังแกบ้านเราอีก”
            เหลียนฟางโจวรู้สึกอบอุ่นในโพรงอก หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เช่อเอ๋อร์ของเราช่างมุ่งมั่นแรงกล้ายิ่งนัก!”
            ขณะกำลังสนทนา ก็มีคนสามคนเดินผ่านไป
            สองสามวันติดกันมานี้ มีคนทยอยเข้ามาสมัครเรียนเรื่อยๆ จนอาจารย์เมิ่งไม่สามารถออกไปข้างนอก ได้แต่สิงสถิตอยู่ในบ้านของตนเพียงอย่างเดียว
            “อาจารย์เมิ่งเจ้าคะ” เหลียนฟางโจวส่งเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างนอบน้อม พลางพาเหลียนเช่อสาวเท้าเข้าไปหา หญิงสาวค้อมคารวะแล้วเอื้อนเอ่ย “ข้าพาน้องชายมาสมัครเรียนเจ้าค่ะ ภายภาคหน้ายังต้องขอร้องให้อาจารย์เมิ่งช่วยสั่งสอนอีกมาก!”
            เหลียนเช่อสืบเท้าเข้ามาหา พลางค้อมเอวลงต่ำ คารวะอาจารย์เมิ่งอย่างเต็มพิธีการ  “เหลียนเช่อแห่งหมู่บ้านต้าฝาง มาพบอาจารย์เมิ่งขอรับ!”
            ท่านอาจารย์อดกวาดตามองประเมินพวกเขาทั้งสองไม่ได้
            เห็นสองพี่น้องชายหญิงหน้าตาท่าทางดี แต่งกายงดงามประณีต ซ้ำยังมีกิริยามรรยาทงดงามไม่มีที่ติ  อาจารย์เมิ่งจึงรู้สึกค่อนข้างพึงพอใจ
            มิหนำซ้ำ เขายังไม่เคยเห็นพี่สาวที่ไหนพาน้องชายมาสมัครเรียนมาก่อนเลย ที่ผ่านมาเห็นมีแต่บิดา หรือไม่ก็ปู่ หรือตาพามาทั้งนั้น
            “อื้ม  ไม่ต้องมากพิธี!” อาจารย์เมิ่งอดถามขึ้นด้วยความข้องใจไม่ได้ “ไฉนเป็นพี่สาวที่พามา?  แล้วพวกผู้ใหญ่ที่บ้านเล่า?”
            เหลียนฟางโจวรีบชี้แจง “อันที่จริงพวกข้ามิได้ตั้งใจหยาบคาย จริงๆแล้ว ท่านพ่อท่านแม่เรา ได้สิ้นไปแล้ว....”
            ดวงตาอาจารย์เมิ่งทอประกายวาบทันใด  เขารีบเอ่ยขึ้น “ เป็นตาแก่อย่างข้าที่หยาบคายเอง!” ซ้ำยังกล่าวเสียงหนัก “แม่นางเข้าใจอย่างถี่ถ้วนดีแล้วใช่หรือไม่?  การเล่าเรียนในสถานศึกษามิใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ยิ่งเวลาผ่านไป ก็จะยิ่งสิ้นเปลืองเงินทองมากขึ้น รวมๆแล้วเป็นเงินมิใช่เงินน้อยเลย! แม่นาง....”
  อาจารย์มิได้กล่าวออกมาตรงๆ  ทว่าความหมายนั้นชัดเจนนัก การศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินเป็นอันมาก เจ้าเป็นหญิงสาวไม่ออกเรือนจะสามารถส่งเสียได้รึ?  อีกทั้งจะสามารถส่งเสียได้นานเท่าใด? ดูจากอายุเจ้าแล้ว เกรงว่าคงใกล้ถึงเวลาต้องแต่งออกไปได้แล้วกระมัง?
  “ขอบคุณท่านอาจารย์เมิ่งมากที่หยิบยกขึ้นมากล่าวด้วยความหวังดี!”เหลียนฟางโจวส่งยิ้มขอบคุณ ครั้นแล้วจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคงหนักแน่น “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ในเมื่อวันนี้สตรีตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ส่งน้องชายมาเรียนในสถานศึกษา ตราบใดที่เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียน สตรีตัวเล็กๆผู้นี้มั่นใจว่าจะส่งเสียเขาให้เรียนได้อย่างตลอดรอดฝั่งเจ้าค่ะ!”
            อาจารย์เมิ่งพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ความทุ่มเทของแม่นาง ช่างน่ายกย่องนัก!  เช่นนั้นวันที่ 17 เดือนหนึ่งก็ให้มาเริ่มเรียนก็แล้วกัน  และอย่าลืมห่ออาหารกลางวัน รวมทั้งหอบฟืนกับแกลบมาด้วยล่ะ หมู่บ้านต้าฝางอยู่ใกลจากที่นี่  ระยะทางนับว่ามิได้ใกล้เลย ตอนเที่ยงให้มาจุดไฟอุ่นอาหารที่บ้านข้านี่! นักเรียนมากมายล้วนทำเช่นนี้กันทั้งนั้น”
            เหลียนฟางโจวรับคำด้วยรอยยิ้ม พลางกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงนำชู่ซิวมามอบให้เขา พร้อมเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ขอท่านอาจารย์โปรดรับไว้ด้วยเจ้าค่ะ!”

            เหลียนเช่อเห็นอาจารย์ท่านนี้อ่อนโยนและมีเมตตานัก ซ้ำมีท่าทางทรงภูมิน่าเลื่อมใสไม่น้อย จึงสงบใจลงได้ตั้งแต่คราแรก  เมื่อเห็นท่านอาจารย์ยอมรับตนเองเป็นศิษย์ ก็ให้ปิติยินดีนัก เด็กน้อยรีบเข้ามาคุกเข่าคารวะอย่างเต็มพิธีการ
            อาจารย์เมิ่งเห็นเด็กชายฉลาดเฉลียวปานนี้ ก็ชื่นชอบเอ็นดูนัก  จึงลูบเคราพลางหัวเราะเบาๆ ยกมืออนุญาตให้เขาลุกขึ้น
            พอเหลือบไปเห็นชู่ซิวที่เหลียนฟางโจวนำมามอบให้ดูมากมายอู้ฟู่นัก ใจเขาจึงนึกเชื่อในถ้อยคำที่หญิงสาวเพิ่งกล่าวมา  ถึงกระนั้นก็เอาซองแดงซึ่งภายในบรรจุเงินไว้นั้นคืนกลับให้นาง  “ของเท่านี้ก็มากมายพอแล้ว เงินนี้จงเอากลับไปเถิด! ต่อจากนี้ไป เจ้ายังจะต้องจ่ายอีกมากนะ!”
            เหลียนฟางโจวเห็นเขาพูดตัดบทไม่ให้ปฏิเสธ  หญิงสาวจึงไม่ปฏิเสธความหวังดีของผู้อื่นเช่นกัน นึกในใจว่าเอาไว้ช่วงปีใหม่ครั้งหน้า เธอจะตระเตรียมของขวัญปีใหม่อย่างดีเลิศ มาขอบคุณเขาที่รับน้องชายเธอเป็นศิษย์
            อาจารย์เมิ่งอดเบนสายตามองหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มอีกครั้งไม่ได้
            “เอาล่ะ วันที่ 17 ค่อยมาอีกทีก็แล้วกัน พวกเจ้ากลับไปเถิด!”
            เหลียนฟางโจวและเหลียนเช่อจึงรีบกล่าวอำลาจากไป
            เหลียนเช่อเปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับตอนขามาที่กระวนกระวายใจไม่หยุด เขาเดินตัวโล่งเบา ซ้ำยังเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ  “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ดูท่าท่านอาจารย์เป็นคนอ่อนโยน ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตานัก!”
            น้ำเสียงเด็กน้อยบ่งบอกว่า ชักรอให้ถึงวันไปเรียนไม่ไหวแล้ว
       เหลียนฟางโจวโล่งอกในที่สุด จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มพอใจ “ตอนนี้เจ้าสามารถวางใจได้แล้วกระมัง? จงตั้งใจเล่าเรียนเชื่อฟังอาจารย์เมิ่งให้ดีล่ะ ห้ามเล่นซนกับเพื่อนเด็ดขาดนะ!”
            เดิมทีเหลียนฟางโจวเองยังรู้สึกกังวลว่าอาจารย์เมิ่งผู้นี้จะเป็นตาแก่หัวแข็งคร่ำครึ เอาแต่สั่นหัวปฏิเสธท่าเดียว ปิดกั้นความคิดอื่นทุกสิ่งอย่าง ทำตัวเป็นหนอนตำรา สอนผู้คนให้คร่ำครึตามตน  โดยปกติมิใช่ว่าอาจารย์ตามสถานศึกษาล้วนเคร่งหลักขงจื๊อมากเกินไปจนน่าระอาหรอกรึ?
            หากเป็นเช่นนั้นจริง เธอคงต้องยกระดับตนเองและเอาตัวเองเป็นแบบอย่างให้แก่เหลียนเช่อแทนเสียแล้ว
            ใครจะรู้เล่าว่าอาจารย์เมิ่งนับได้ว่าเป็นคนไม่เลวเลยเดียว ภาพพจน์เขาตรงกับใจเหลียนฟางโจว ทำให้หญิงสาวพึงพอใจไม่น้อย
            เหลียนเช่อพยักหน้าซ้ำๆ “อื้มๆ พี่ใหญ่วางใจเถิด  ข้าจะตั้งใจเรียนแน่นอน!”
            พี่สาวและน้องชายทั้งสองต่างส่งยิ้มให้กัน  พลางสนทนาเจื้อยแจ้วกันไป ขณะเดินออกมายังด้านหน้า
       “เสร็จแล้วรึ? เป็นอย่างไรกันบ้าง?” อาเจี่ยนซึ่งเอนตัวพิงรถอยู่ เห็นพวกเขากลับมา จึงกลับมายืนตรง แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
  “อาจารย์เมิ่งท่านนี้นับว่าเป็นคนดีใช้ได้จริงๆ! เช่อเอ๋อร์เรียนที่นี่ ข้าย่อมวางใจ!” เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม
            “เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” อาเจี่ยนส่งยิ้มตอบ
**
 [1] ของที่มอบให้อาจารย์ในช่วงที่เพิ่งเข้ามาเป็นลูกศิษย์เพื่อแสดงความคารวะ
-------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ^_^

11 ความคิดเห็น:

  1. ทำไมอาเจี่ยนเข้าไปด้วยไม่ได้คะ ผิดธรรมเนียมหรือคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เดาว่ากลัวรถหายมากกว่า 555...

      ลบ
  2. อ่านไปยิ้มไป รอติดตามครอบครัวเหลียนจ้า

    ตอบลบ
  3. เด็กน้อยโตแล้ววว

    ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  4. อ่านแบบมีความสุขมากกกกก
    ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่ะ .สนุกคอยลุ้นครอบครัวเหลียนฟานโจว

    ตอบลบ
  7. น่ารัก​ การเดินเรื่องเหมือนสายน้ำจากหุบเขาจริงๆคะ

    ตอบลบ
  8. ตอนที่246พอกดอ่านข้างในเป็น245

    ตอบลบ
  9. ตอนที่ 246 พอกดอ่านข้างในเป็น 245 ยังไม่ได้รับการแก้ไขเลยค่ะ

    ตอบลบ