วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 844 ฮองเฮาเรียกเข้าเฝ้า

   ด้วยเหตุนี้ คุณหนูหกตระกูลจูจึงตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะรักแต่แม่ทัพหลี่ และไม่แต่งงานกับใครอื่น คำพูดดังกล่าว ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูหกที่พูดเองเออเอง และฮูหยินหลี่ก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ดูเหมือนกลับตาลปัตรว่าฮูหยินหลี่ขัดราชเสาวนีย์!


 เมื่อฮองเฮาทรงคิดถึงตรงนี้ พระนางก็ทรงรู้สึกผิดต่อเหลียนฟางโจวมากขึ้นเรื่อยๆ พระพักตร์ของพระนางจึงอ่อนลงกว่าเดิม ทรงกล่าวด้วยรอยแย้มสรวลกอรปด้วยความเมตตา “แม่ทัพหลี่มีสติปัญญาและความกล้าหาญที่ไม่มีใครเทียบได้ และเขาเหนือกว่าใคร ทั้งในด้านกลยุทธ์ ความกล้าหาญ และวรยุทธ์ นี่คือสิ่งที่ทั้งฮ่องเต้และแม่ทัพเหวินยกย่อง โอ้ ชนเผ่าหนู่เจินเล็กๆนั่น จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร เขาจะกลับมาอย่างมีชัยในไม่ช้า และตำแหน่งโหวก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว ระหว่างรอแม่ทัพหลี่กลับมา ฮูหยินหลี่จงเลี้ยงลูกอยู่ในปักกิ่ง อย่างสบายใจเถอะ !”

     เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นใจ และหลายสิ่งที่ไม่รู้จัก ต่อให้เจ้าจะรู้ว่า ตามธรรมดาแล้ว เรื่องราวจะจบลงโดยไร้เหตุไม่คาดฝันใดๆ ทว่าหัวใจก็ยังยากจะปล่อยวางอยู่ดี

     ถ้อยคำปลอบโยนใดๆ ในช่วงเวลาเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังใจที่ดีทั้งสิ้น

     เหลียนฟางโจวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้น แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม: "อย่างที่ฮองเฮาทรงตรัสไว้  หม่อมฉันเชื่อว่า สามีของหม่อมฉันจะจงรักภักดีต่อบ้านเมือง แบ่งปันความกังวลพระทัยของฮ่องเต้ และกลับมาพร้อมชัยชนะเพคะ!"

    ฮองเฮาทรงแย้มสรวล ดวงเนตรเป็นประกาย แล้วทรงตรัสออกมาสองคำ "ดีมาก!"

   ขณะที่พระนางกำลังจะตรัสต่อ เหยียนกูกูก็เข้ามา แล้วเหลือบมองฮองเฮา เมื่อเห็นว่าฮองเฮาทรงมองกลับมา และโบกพระหัตถ์ให้นาง นางก็คุกเข่าลง แล้วพูดว่า “ฮองเฮา ไท่จื่อเฟยเสด็จมาเข้าเฝ้าเพคะ!”

    งานเลี้ยงในวังหลวงคืนนี้ ฮองเฮาได้ทรงมอบหมายให้ไท่จื่อเฟยช่วยจัดงานในตอนเช้า เมื่อได้ยินดังนั้น พระนางก็ทรงรู้ว่า ไท่จื่อเฟยต้องมีเรื่องจะมารายงาน พระนางจึงรีบตรัสว่า "เชิญนางเข้ามาเร็วเข้า!"

   เมื่อไท่จื่อเฟยเข้ามา แล้วเห็นเหลียนฟางโจวเข้า ก็ตกพระทัยเล็กน้อย แล้วแย้มสรวลให้ ก่อนจะยอบกายคำนับฮองเฮา

    เหลียนฟางโจวได้ยืนขึ้นแล้วคุกเข่าลงอย่างเงียบ ๆ เพื่อแสดงความเคารพต่อไท่จื่อเฟย

    ต่อหน้าฮองเฮา เธอไม่จำเป็นต้องทักทายอย่างเป็นทางการกับไท่จื่อเฟย

    ไท่จื่อเฟยพยักหน้าพร้อมแย้มสรวลกลับไปให้เธอ

    หัวใจของเหลียนฟางโจว ก็ผ่อนคลายมากขึ้น ความประหม่าก่อนหน้านี้ไม่มีอีกต่อไป ประสาทที่ตึงเครียดก็คลายลง

ถึงจะไม่ได้ระบุเจาะจงใดๆ แต่เหนืออื่นใดไท่จื่อเฟยถูกมองว่าเป็นคนของฮองเฮา!

ฮองเฮาทรงแย้มสรวลยิ้มให้เหลียนฟางโจว: “ฮูหยินหลี่ เชิญไปพักผ่อนก่อนเถอะ! เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น เปิ่นกงจะสั่งคนให้มาเชิญเจ้า! เจ้าเป็นแขกของตำหนักนี้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวมากเกินไป หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกมานะ !"

เหลียนฟางโจวรู้ว่า ฮองเฮาคงจะทรงยุ่งมาก ดังนั้นเธอจึงรีบรับคำ

ฮองเฮาทรงชี้เหยียนกูกู ให้ส่งหญิงสาวไปที่ห้องโถงข้างด้านหลัง เพื่อพักผ่อน และสั่งให้นางทิ้งนางกำนัลน้อยไว้คนหนึ่ง เพื่อปรนนิบัติอีกฝ่าย 

    เหยียนกูกูรับคำตามรับสั่ง แล้วเชิญเหลียนฟางโจวออกไป โดยไม่มีท่าทีถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง

   เหยียนกูกูให้เหลียนฟางโจวนั่งลง  แล้วยกน้ำชามาให้หญิงสาวด้วยตนเอง  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฮูหยินหลี่พักผ่อนเสียที่นี่! ที่นี่คือที่ที่กูกูขั้นหนึ่ง สองสามคน ซึ่งถวายการรับใช้ฮองเฮาในห้องบรรทม มักไว้ใช้พักผ่อนกันอยู่เสมอ ฮูหยินหลี่จะเอนกายบนเตียงเตานี้ พร้อมจิบชาไปด้วยก็ได้ หากออกไปจากที่นี่ จะมีปลาทองสองอ่างที่อุทยานด้านหลัง อีกทั้งมีพุ่มดอกชบาและพุ่มดอกจินกุ้ย สองถึงสามพุ่มที่กำลังเบ่งบานพอดี  หากฮูหยินหลี่ไม่อยากนั่งเบื่อ ท่านสามารถเดินไปชมอุทยานได้ แต่อย่าได้ไปวุ่นวายที่อื่น ในวังหลวงนี้มีเรือนหลายหลัง หากท่านหลงทาง จะแย่เอาเจ้าค่ะ!”

   เหลียนฟางโจวยิ้มขอบคุณเหยียนกูกู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ขอบคุณกูกูสำหรับคำแนะนำ!" หญิงสาวถือโอกาสมอบถุงเงินเล็กๆให้นาง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: "ข้าเสียมารยาทแล้ว ขอกูกูอย่าได้รังเกียจเลย!”

   เมื่อเหยียนกูกูสัมผัสถุง ก็รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ในนั้น ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธ นางจึงยอบกายคำนับ แล้วยิ้มอย่างเอื้อเฟื้อ พร้อมยอมรับถุงนั้น จากนั้นจึงหันไปสั่งนางกำนัลน้อยคนหนึ่งชื่อ เสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ ให้คอยรับใช้หญิงสาว และกำชับไม่ให้ลืมเติมชาและขนมเป็นครั้งคราวด้วย

   นางกำนัลเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ รีบรับคำพร้อมรอยยิ้ม

   เหลียนฟางโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงยิ้มเอ่ยกับเหยียนกูกู: "ข้ามีเรื่องหนึ่งจะรบกวนกูกู หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ท่านช่วยส่งข้อความหาสาวใช้ที่ติดตามข้ามาให้ข้าได้หรือไม่ เพื่อที่นางจะได้รอข้าอย่างหมดกังวล และเมื่อถึงเวลากลับ ข้าจะได้เรียกนางกลับพร้อมกันได้! ฮ่าๆ สาวใช้คนนี้ไม่ค่อยเห็นโลก ทุกอย่างในวังนี้ล้วนดี และน่าตื่นเต้นไปหมด ข้ากลัวว่านางจะหลงทาง เพราะมัวแต่คอยดูความงดงามตื่นตาตื่นใจ และรีบเร่งไม่ระวัง อาจไปชนกับขุนนางบางท่านเข้าได้ ซึ่งจะกลายเป็นความผิดของข้า!”

เหยียนกูกูอดเหลือบมองหญิงสาวไม่ได้ นางพยักหน้ายิ้มๆ: “แค่ถ้อยคำไม่กี่คำเอง! ข้าจะไปหานางเดี๋ยวนี้! ไม่ต้องกังวลหรอก ฮูหยินหลี่!”

 “ขอบคุณกูกูมาก!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มด้วยความโล่งใจในที่สุด

   ความจริงหญิงสาวได้อธิบายให้หงอวี้ฟังตั้งแต่อยู่ในจวนแล้ว และตอนนี้เธอก็ให้คนไปกำชับนางอีกครั้ง และไม่คิดว่าหงอวี้จะเป็นคนโง่

    ต่อให้นางถูกใครวางแผนเล่นงาน โดยล่อลวงให้นางประสบปัญหาใดๆ เธอก็ได้สอนวิธีระวังตัวให้นางไว้ก่อนแล้ว และหงอวี้ก็สามารถร้องขอความเมตตาได้เมื่อถึงตอนนั้น ถึงแม้ว่านางจะถูกตำหนิ แต่ก็คงไม่มาก

   หลังจากเหยียนกูกูจากไปแล้ว เหลียนฟางโจวก็ยื่นถุงเงินเล็กๆอีกใบให้นางกำนัลเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มสุภาพ

   เสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ก็รับไปอย่างดีใจ และกล่าวพูดคำดีๆออกมาสองสามคำ

    นางกำนัลในวังที่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารข้างกายฮองเฮา คือผู้ที่สามารถรื้อสะพานไม้กระดานแผ่นเดียว ออกจากกองทหารม้าหลายพันนายได้  แล้วจะมีคนไหนที่ไม่ฉลาดบ้าง?

   ยามเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์เหลือบมองถุงเงินนั้น ก็รู้ว่าเป็นงานปักที่ประณีตและวัสดุก็ประณีต และเมื่อนางลองบีบดู นางก็รู้ว่า มีก้อนทองหนักๆหนึ่งก้อนอยู่ในนั้น

   ฮูหยินของแม่ทัพหลี่ช่างใจกว้างนัก!

   ขนาดนางเป็นเพียงนางกำนัลน้อยในวัง ยังได้ตั้งเท่านี้ แล้วเหยียนกูกูจะได้สักเท่าไร!

   จู่ๆนางก็เริ่มระแวดระวังขึ้นมา และแอบกังวลหน่อยๆ: ไม่มีผลประโยชน์ในโลกนี้ ที่ได้มาโดยเปล่า และฮูหยินหลี่ก็ใจปล้ำยิ่งนัก อีกฝ่ายมีข่าวสารอะไรที่อยากจะถามนางเหรอ? หากอีกฝ่ายถามนางในสิ่งที่ไม่ควรพูด แล้วนางจะตอบอย่างไรดี?

   ขณะเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ครุ่นคิดในใจ ยามนางหันไปมองเหลียนฟางโจว ก็อดตกใจไม่ได้

   ฮูหยินของแม่ทัพหลี่ ซึ่งนางคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สอบถามข่าวคราวจากในวัง  จริงๆแล้วกำลังเอนกายนอนลงบนตั่งตัวหนึ่ง โดยเอาข้อศอกข้างหนึ่งท้าวที่ขอบตั่ง  พร้อมหลับตาพักผ่อน

   นางเป็นนอนไปแบบนั้นจริงๆเหรอ นางจะไม่ถามข่าวอะไรสักคำเหรอ!

   เสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ตกตะลึง และหลังจากนั้นไม่นาน นางก็หัวเราะเยาะตัวเอง

   เหยียนกูกูออกไปทูลรายงานผลกับฮองเฮา และเล่าเรื่องที่เหลียนฟางโจวฝากฝังตน โดยไม่ละเลยแม้แต่ส่วนเดียว

  ฮองเฮาทรงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทรงพระสรวลออกมา  “ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่า นางเป็นละเอียดรอบคอบ!”

  หลังจากทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทรงกล่าวว่า “ในกรณีนี้ เจ้าก็ไปจัดการด้วยตนเองเถอะ พานางกำนัลน้อยที่เหมาะสมไปด้วย แล้วสั่งให้นางดูแลสาวใช้ผู้นั้นอย่างเหมาะสม ในเมื่อฮูหยินหลี่ออกปากมาเช่นนั้น หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับสาวใช้ผู้นั้นในวังของเรา เปิ่นกงคงเสียหน้าแล้ว!”

   เหลียนฟางโจวพักสายตาลงราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะตื่นขึ้นมาอย่างพึงพอใจ  เธอขยี้ตา แล้วยกมือปิดปากหาวเบาๆ  จากนั้นจึงสะบัดข้อมือ บิดเอว แล้วยกกำปั้นทุบไหล่เบาๆ

  ทันทีที่เงยหน้าขึ้น หญิงสาวก็เห็นเสี่ยวเหลียนเอ๋อร์ จ้องมองเธอตาโต พร้อมสีหน้าตกตะลึงหน่อยๆ เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว แล้ววางมือลง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม: “การนั่งเป็นเวลานาน ทำให้หลังของข้าปวดเมื่อย ข้าเลยทนไม่ไหวน่ะ!"

   เสี่ยวเหลียนเอ๋อร์อดหัวเราะไม่ได้ นางรู้สึกชอบและสนิทกับเหลียนฟางโจวขึ้นอีกหน่อย ดังนั้นนางจึงเอ่ยยิ้มๆ “ฮูหยินหลี่สวมชุดแบบนี้ แล้วนั่งตัวตรงตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะรู้สึกไม่สบายตัว! บ่าวจะนวดให้ฮูหยินหลี่นะเจ้าคะ!"

   โดยไม่รอให้เหลียนฟางโจวปฏิเสธ  นางกำนัลน้อยก็มายืนข้างหลังเธอ แล้วลงมือนวดไหล่ให้เบาๆ 


4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 พฤษภาคม 2567 เวลา 12:34

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  2. งานเลี้ยงคราวนี้ ตระกูลจูจะมีแผนอะไรอีกมั้ยเนี่ย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ5 พฤษภาคม 2567 เวลา 19:26

    ไม่ใช่ว่าตระกูลจูขอสมรสพระราชทานจากฮองเฮานะ

    ตอบลบ