บทที่ 979 ตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม
"เจ้าคิดเร็วทำเร็วดีนี่!" สีหน้าของหลี่ฟู่อ่อนลงอีกสองส่วน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงเอ่ย "เจ้าต้องการผลลัพธ์อันใดก็ลองคิดดูด้วยตัวเอง
ข้าจะบอกฮูหยินไว้ พอคิดเสร็จเมื่อไร เจ้าก็ไปหาฮูหยินได้เลย! หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เจ้าก็กลับไปเถอะ!”
ความหวังสุดท้ายในใจเมี่ยวอวิ๋นพลันสลายหายวับไปทันที!
ท่านโหวไม่สนใจจะเตรียมแผนชีวิตให้นางเลยด้วยซ้ำ แล้วไยต้องพูดเรื่องอื่นด้วยเล่า?
เดิมทีนางคิดอยู่ว่า หากท่านโหวตกลงจะหาคู่ครองดีๆ ให้นาง หรือกล่าวแสดงความชื่นชมและสงสารนางอีกสักสองสามคำ
นางจะต้องหาทางไปบอกให้ฮูหยินรู้ ไม่แน่ว่าพวกเขาสองคนอาจมีเรื่องบาดหมางกันเพราะเหตุนี้ก็เป็นได้
ทำให้นางมีโอกาสเพิ่มอีกสามส่วน
คิดไม่ถึงว่า แม้แต่เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้!
ท่านโหวให้นางไปหาฮูหยินโดยตรง
เมี่ยวอวิ๋นกัดริมฝีปาก และทำได้เพียงคุกเข่าคำนับช้าๆ "เจ้าค่ะ บ่าวจะจดจำไว้!
บ่าวขอลาเจ้าค่ะ!"
เมื่อช้อนตามองหลี่ฟู่เงียบ ๆ หลี่ฟู่ก็เอ่ยขึ้น "อืม" โดยไม่ได้มองนางเลยด้วยซ้ำ
เมี่ยวอวิ๋นยิ้มจืดเจื่อนในใจ ในที่สุดก็ไม่มีความหวังเพิ่ม หญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไปแต่โดยดี
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฟู่ได้กลับมาที่เขตเรือนหลัก เขาเล่าเรื่องให้เหลียนฟางโจวฟัง
อย่างผ่อนคลายสบายๆราวกับคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป และขอให้ผู้เป็นภรรยาดูและจัดการเรื่องนี้ให้
เหลียนฟางโจวเองก็คิดไม่ถึงว่า เมี่ยวอวิ๋นจะมาไม้นี้ จึงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
"คนที่เงียบขรึม คาดไม่ถึงว่าจะคิดการณ์ใหญ่อยู่ในใจ ข้าถึงกับมองผิดไป!"
หลี่ฟู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "แบบนี้ก็ดี จะได้ลดปัญหาให้พวกเราด้วย!"
เหลียนฟางโจวถามอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม "นางพูดกับท่านอย่างไร? ท่านลองเล่าให้ข้าฟังเป็นประสบการณ์สักหน่อยสิ!"
หลี่ฟู่เริ่มตื่นตัวทันที จึงรีบกล่าว "ก็แค่พูดกันนิดหน่อยเท่านั้น
ไม่มีอันใดเลย"
เหลียนฟางโจวเปล่งเสียงในลำคอเบาๆ "อ้อ" และยังคงนิ่งเงียบ
หลี่ฟู่กลัวนางที่เป็นแบบนี้ที่สุด จึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วกอดนางพลางเอ่ย
"อย่าไปสนใจเรื่องหยุมหยิมเลย ข้าฟังแต่เจ้าอยู่แล้ว!"
เขารู้ว่าภรรยาไม่ใช่คนที่ถูกหลอกได้ง่ายๆ และหลังจากคิดทบทวนแล้ว
ตนเองไม่ได้ทำเรื่องผิดอันใด ถึงเล่าให้ใครฟัง จะมีอะไรไม่ดีเล่า?
เนื่องจากไม่มีอะไรต้องปิดบัง ชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
หลียนฟางโจวขมวดคิ้ว "นางช่างกล้าจริงๆ!"
ไม่เพียงใจกล้า แต่ยังคิดคำนวณเก่งด้วย!
ไม่ทันไร จุดอ่อนในใจของคนขี้ระแวงก็เข้าโจมตีอีกครั้ง!
ฮึ่ม มีเพียงเจ้าหัวไม้ทึ่มทื่อคนนี้เท่านั้นที่เชื่อว่าเมี่ยวอวิ๋นเป็นคนตรงไปตรงมาและสุขุมเยือกเย็น
แต่เหลียนฟางโจวไม่เชื่อเลย แต่สิ่งที่นางเชื่อก็คือ อีกฝ่ายเป็นคนฉลาดยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าการเกี้ยวพาและการยั่วยวนของฝูหย่าและเจียเสวี่ยเป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ผล
ดังนั้นเมี่ยวอวิ๋นจึงทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับขึ้นมาแทน
ในใจคงคิดมาดีแล้วว่า หลี่ฟู่อาจแอบชอบแนวคิดคล้อยตามแบบนี้ก็ได้ใช่ไหม?
อืม จริงๆแล้วยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นนี้เลย!
ผู้หญิงที่สวย เฉลียวฉลาด และเป็นตัวของตัวเอง แม้แต่นางเองก็ยังเคลิบเคลิ้ม!
หากหลี่ฟู่..หมอนี่เป็นคนไม่คิดอะไรมาก หึๆ บอกตามตรง หากเปลี่ยนเป็นหลิวจวิ้นอ๋อง
เขาจะต้องติดบ่วงอีกฝ่ายงอมแงมแน่ๆ!
"จากที่ข้าเห็น นางกลับดูเป็นคนซื่อๆ มิได้มีเจตชั่วร้ายแอบแฝง"
ในที่สุดหลี่ฟู่ก็เอ่ยขึ้น "หลังจากเข้ามาในจวนโหวแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอันใด!
หากนางมาหาเจ้า เจ้าก็จัดการแต่งงานที่ดีกว่านี้ให้นางก็แล้วกัน! พวกเราก็เตรียมสินเดิมให้นางมากหน่อย
แล้วค่อยส่งนางแต่งออกไป!”
เหลียนฟางโจวคิดในใจ: ดูสิ แม้เป้าหมายอีกฝ่ายจะไม่สำเร็จ
แต่ก็ยังมีประโยชน์ให้เก็บเกี่ยว! หลี่ฟู่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับคนอื่นๆเสียเมื่อไหร่? แม้แต่ปี้เถากับชุนซิ่งคนของนาง หลี่ฟู่ก็ไม่เคยพูดอย่างเป็นห่วงแบบนี้เลย
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ท่านวางใจเถอะ! หากนางมาหาข้า ข้าจะคอยถามว่านางมีแผนชีวิตอะไรบ้าง
ยกเว้นเรื่องแย่งชิงผู้ชายไปจากข้าแล้ว เรื่องอื่นๆข้ารับปากจัดการให้นางได้!"
หลี่ฟู่ยิ้ม "เท่านี้ก็ดีแล้ว!"
หลังจากแก้ปัญหาให้รายนี้และอวี้เจินได้แล้ว ที่เหลืออีกสามคนก็คงจะเหมือนกัน
หลี่ฟู่พลันอารมณ์ดีขึ้นทันที จึงหัวเราะออกมา "เจ้ารีบส่งพวกนางทุกคนออกไปเสียแต่เนิ่นๆ!
อีกสิบวันเซียวมู่กับปี้เถาก็จะมีงานแต่งงานแล้ว พวกเราจะได้เฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข
โดยไม่มีอะไรมากวนใจ!"
นี่ก็เป็นเหตุผลด้วยเหรอ? เหลียนฟางโจวอดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้
วันแต่งงานของเซียวมู่กับปี้เถาไม่อาจเลื่อนออกไปได้อีกแล้ว หลังการสอบจอหงวนบู๊ผ่านไปแล้ว
เซียวมู่อาจถูกส่งออกไปทำภารกิจอีกครั้ง ใต้เท้าจางและฮูหยินจางจึงหารือเรื่องนี้กับนาง
และกำหนดจัดงานในวันที่ 18 เดือนหก
ซึ่งห่างจากวันนี้ไปเพียง 10 วัน
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างได้ถูกเตรียมไว้เนิ่นนานแล้ว ทุกอย่างจึงพร้อมแล้ว
และก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอันใด
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เหลียนฟางโจวได้สั่งให้พ่อบ้านเฉียน พาคนไปที่บ้านของเซียวมู่
เพื่อจัดเตรียมเรือนหอให้เรียบร้อย อีกทั้งข้าวของทุกอย่างก็เป็นของใหม่ทั้งหมด
เพียงรอให้ถึงรุ่งเช้าของวันตามฤกษ์มงคล ก็จะมีการแปะอักษรสีแดงคู่คำว่า’ความสุข’ และคำกลอนคู่มงคลสีแดง พร้อมทั้งมีการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยผ้าไหมแดงและดอกไม้แดง
เพียงเท่านี้ก็จะได้เรือนหอและบ้านใหม่ที่เหมาะสมกับงานพิธี
วันต่อมาเมี่ยวอวิ๋นได้เข้าพบเหลียนฟางโจว และขอให้เหลียนฟางโจว จัดการเรื่องการแต่งงานให้นาง
เหลียนฟางโจวสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายคิดการณ์ใหญ่โตทีเดียว หญิงสาวจึงแค่นหัวเราะในใจ
ในระหว่างสนทนา นางก็แอบเตือนผ่านคำพูดเนืองๆ ถึงแม้เมี่ยวอวิ๋นจะเป็นของขวัญพระราชทานจากวังหลวง
นางก็เป็นเพียงทาส อย่างมากที่สุดก็เป็นได้แค่อนุ หากมีข้อเรียกร้องสูงเกินไป นางคงอยากให้ตนปล่อยให้นางเป็นอนุของจวนโหว
และได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในเรือนหลังของจวนนี้ ขอเพียงนางสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ก็จะได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นฮูหยินรองเป็นแน่แท้
หากเข่อซินหรือเจียเสวี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกนางคงดีใจและอยากเป็นอนุในจวนโหว
โดยไม่มีข้อแม้อะไรเลยด้วยซ้ำ
เมี่ยวอวิ๋นเป็นคนฉลาดที่มีจิตใจละเอียดอ่อนซับซ้อนนัก จากคำพูด
สีหน้า และท่าทางของเหลียนฟางโจว นางเข้าใจทันทีว่า หากนางต้องการเป็นอนุในจวนโหวจริงๆ
ชาตินี้นางคงไม่มีวันได้มีลูก และแม้แต่ท่านโหวผู้นี้ ชาตินี้ก็คงไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครั้ง!
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองกรณี ต่อให้คนโง่ก็ยังรู้เลยว่าต้องเลือกอย่างไร
จู่ๆ เมี่ยวอวิ๋นก็เหงื่อแตกพลั่ก นางรีบเก็บสีหน้า และพูดเพียงว่าขอเพียงสามีรักใคร่นาง
และสามารถมีชีวิตที่ดีได้โดยปราศจากความทุกข์ยากลำบากก็นับว่าพอใจแล้ว
ต้องรู้ก่อนว่า เดิมทีนางต้องการหาแม่ทัพอายุน้อยและมีอนาคตไกลอย่างเซียวมู่เป็นอย่างน้อย
เผลอๆในอนาคตนางอาจบุญหล่นทับก็ได้! แต่หลังจากได้ยินที่เหลียนฟางโจวพูดมา นางจะกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ที่นางพูดกับเหลียนฟางโจวก็นับว่าใกล้เคียงที่สุดแล้ว!
เหลียนฟางโจวพยักหน้าตอบรับ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ในเมื่อเป็นแบบนี้
เจ้าก็กลับไปพักให้สบาย ระหว่างนี้เอางานเย็บปักถักร้อยมาทำฆ่าเวลาก็นับว่าดี! เจ้าวางใจเถอะ
เมื่อข้าหาคนที่เหมาะสมให้ได้แล้ว ข้าจะเล่าเรื่องสถานการณ์ ในครอบครัวฝ่ายชายให้เจ้าทราบโดยละเอียด
แล้วจะจัดโอกาสให้เจ้าได้พบปะฝ่ายชายด้วยตัวเอง หากเจ้าพอใจ ก็ค่อยหารือกันเรื่องแต่งงานอีกที!
เรื่องสินเจ้าสาวเจ้าไม่ต้องห่วง หากคนใดในพวกเจ้าได้แต่งงานออกเรือน พวกเจ้าแต่ละคนจะได้รับสินเดิมที่เตรียมไว้ให้คนละ
8,000 ตำลึง และข้าจะซื้อร้านค้าให้บริหารจัดการเองคนละสองแห่ง
ข้าไม่อาจรับประกันความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของกิจการร้านค้าเหล่านั้นได้
แต่พวกเจ้าคงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าแล้ว!”
เมี่ยวอวิ๋นตกลงใจแน่วแน่ เพราะรู้ว่าเหลียนฟางโจวจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อนางและคนอื่นๆ
ไม่เช่นนั้น หากอีกฝ่ายหาคนให้ แล้วจับพวกนางแต่งออกไปโดยไม่ถาม แล้วเหตุใดจะปล่อยให้นางมาหารือเรื่องแต่งงานด้วยตัวเองเล่า?
และอย่างเรื่องสินเดิมนี้ เงินแปดพันตำลึงก็นับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้ว คุณหนูในตระกูลธรรมดาก็ยังไม่มีถึงขั้นนี้เช่นกัน
แม้ว่านางจะหน้าตาดี แต่ฐานะครอบครัวนางไม่ค่อยดีนัก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เลือกเส้นทางสเป็นนางกำนัลในวัง
ความจริงแล้ว เหลียนฟางโจวคิดจะส่งพวกนางทุกคนกลับบ้านเดิมไปตั้งแต่ทีแรก
ทว่าหลี่ฟู่ปฏิเสธ โดยบอกว่าเมื่อผู้หญิงเหล่านี้เข้าวัง พวกนางนับเป็นคนของฮ่องเต้
และหากพวกนางถูกพระราชทานเป็นรางวัลให้เขา พวกนางก็จะเป็นคนของจวนโหว ไม่ว่าจะจัดการพวกนางอย่างไร
ก็ส่งพวกนางกลับบ้านเดิมไม่ได้เด็ดขาด: ฮ่องเต้ทรงเลือกพวกนางให้เข้าวัง เมื่อพวกนางมาถึงจวนโหว
แต่กลับส่งพวกนางกลับบ้านเดิม มันจะไม่เป็นการตบพระพักตร์ฮ่องเต้หรอกหรือ? กลับกลายเป็นจวนโหวมีใจเมตตาสูงกว่าฮ่องเต้เสียอีก จนทนเห็นพวกนางต้องพลัดพรากจากครอบครัวเดิมไม่ได้!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น