บทที่
1027 ถูกหลอกเพราะพูดไปพูดมา
เมิ่งซื่อขอบคุณหมอเซวแล้วขอบคุณอีก
แล้วหันไปยิ้มด้วยความซาบซึ้งกับเหลียนฟางโจวว่า “ฮูหยินหลี่ ขอบคุณท่านจริง ๆ!
หากไม่ใช่เพราะท่านเชิญหมอเซวมา เราคงไม่มีทางออกเลย! ไม่ใช่แค่เรา แม้แต่อี้หยุนเองก็จะจำความดีของท่านไปตลอดชีวิตเลยเจ้าค่ะ!”
เหลียนฟางโจวยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“ฮูหยินสวี เกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเจ้าค่ะ”
หมอเซวไม่ได้สนใจคำพูดของนาง
มัวแต่คิดว่าจะเขียนเทียบยาอย่างไรดี
ควรรู้ไว้ว่าร่างกายและสภาพการบาดเจ็บของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เทียบยาที่ตายตัวไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกครั้ง
เมิ่งซื่อไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการที่หมอเซวไม่สนใจนาง
แค่ยิ้มและพูดคุยกับเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวมีท่าทีที่ไม่ใกล้ชิดและไม่ห่างเหินเกินไป
นางมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ลึก ๆ กลับรู้สึกห่างเหิน เมิ่งซื่อแอบรู้สึกไม่พอใจจึงหยุดพูด
เหลียนฟางโจวหันไปทางหมอเซวอีกครั้งและพูดด้วยความกังวลว่า
“ท่านหมอเซว แผลของคุณหนูใหญ่สวีไม่เป็นอะไรแน่หรือ? เพราะนางได้รับบาดเจ็บหลายวันแล้วกว่าจะได้พบท่านมารักษา
หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา จะทำอย่างไร? เพราะนางเป็นหญิงสาว
จะให้มีแผลไม่ได้เลยนะเจ้าคะ!”
หมอเซวยิ้มแล้วตอบว่า
“เรื่องนี้นะ——ก็พูดยาก! ไม่รู้ว่าฮูหยินหลี่มีวิธีดี ๆ อะไรไหม?”
เขาเป็นคนฉลาด
รู้แน่ว่าเหลียนฟางโจวมีอะไรอยากจะพูด จึงแสร้งทำเป็นเล่นละครตามไปด้วย
เมิ่งซื่อเห็นหมอเซวมีท่าทีดีมากต่อเหลียนฟางโจว
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนนางตามไม่ทัน จึงรู้สึกอิจฉาในใจและคิดว่า:
แค่ผู้หญิงจากชนบท มีอะไรดีนักหนา? ฐานะก็ห่างไกลจากตระกูลของเรามาก
หมอเซวคงเสียสติไปแล้ว ถึงยิ้มแย้มให้คนแบบนี้!
เหลียนฟางโจวไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายกำลังบ่นอะไรในใจ
เมื่อเห็นหมอเซวให้ความร่วมมือ จึงถอนหายใจแล้วพูดว่า
“การดูแลแผลนี้แม้ว่าข้าจะไม่เชี่ยวชาญ แต่ข้าก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
มีข้อควรระวังมากมาย หากพลาดไปอาจทำให้ยาไม่ออกฤทธิ์และทิ้งรอยแผลเป็นได้! ท่านหมอเซว
ข้าคิดว่าท่านควรช่วยคนให้สุดไปเลยไม่ใช่หรือ? ในโรงหมอหลวงมีสถานที่พักสำหรับแขกหรือไม่?
ไฉนท่านไม่ให้คุณหนูใหญ่สวีไปพักที่นั่นสักสองสามวัน
รอจนหายดีแล้วค่อยกลับมา แบบนี้ก็จะได้รับคำแนะนำจากท่านหมอเซวตลอดเวลา
และไม่ต้องลำบากให้ท่านหมอมาที่นี่ทุกวัน สะดวกทั้งสองฝ่ายดีหรือไม่?”
สวีอี้หยุนและหลู่หมอมอที่เคยกังวลว่าหลังหมอเซวและเหลียนฟางโจวออกไปแล้ว
เมิ่งซื่อจะกลั่นแกล้งอีกก็รู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้
สวีอี้หยุนรีบพูดทันทีโดยไม่ต้องคิด
“แบบนี้ดีที่สุดแล้ว! ขอบคุณฮูหยินหลี่... ขอบคุณท่านหมอเซวเจ้าค่ะ!”
สีหน้าของเมิ่งซื่อเปลี่ยนไปทันทีแล้ว
นางเอ่ยอย่างจริงจัง “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้! อี้หยุนเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนสวีกั๋วกง
จะให้ไปอยู่ที่โรงหมอหลวงได้อย่างไร? หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ข้าจะอธิบายกับพี่สาวฉินได้อย่างไร? แม้แต่ท่านโหวก็คงไม่เห็นด้วย!”
นางจะปล่อยให้สวีอี้หยุนหลุดจากการควบคุมได้อย่างไร?
เมิ่งถิงถิงที่กำลังจะขึ้นมาแทนที่ก็ย้ายเข้ามาอยู่ในจวนแล้ว
จะให้ส่งนางกลับไปได้อย่างไร? แล้วหน้าตาของนางในฐานะฮูหยินสวีจะเป็นอย่างไร?
หมอเซวจ้องเมิ่งซื่อและสีหน้าเปลี่ยนไป
“ฮูหยินสวีหมายความว่าอย่างไร? หรือว่ากำลังสงสัยในความซื่อสัตย์ของข้า!”
เมิ่งซื่อรีบยิ้มและพูดว่า
“ไม่ใช่ ๆ! ข้าเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของท่านหมอเซวแน่นอน เพียงแต่โรงหมอหลวงนั้นมีคนมากมายและหลากหลาย...”
“วางใจเถอะ! ข้าจะจัดที่พักแยกให้เอง!
พวกเจ้าส่งบ่าวไพร่ของจวนไปเฝ้าไว้ก็พอ! จะไปมีปัญหาอะไร!” หมอเซวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เหลียนฟางโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจ
“หมอเซวพูดถูก แต่ฮูหยินสวีก็มีเหตุผล อืม เรื่องนี้ช่างลำบากจริง ๆ!
ข้าคิดว่าเพื่อการรักษาแผล เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะที่นั่นคือโรงหมอหลวง
ไม่ใช่ที่อื่น! ฮูหยินสวี หากท่านยืนยันจะให้อยู่ในจวน
แล้วถ้าแผลเป็นของคุณหนูใหญ่ไม่หายสนิท ท่านจะรับผิดชอบได้หรือ?”
หมอเซวหัวเราะเย็นชา
“วิชาการแพทย์ของข้าไม่มีปัญหาแน่นอน! ถ้าคุณหนูใหญ่สวีพักรักษาแผลในจวนแล้วเกิดมีแผลเป็นขึ้นมา
ฮูหยินสวีจะหาว่าข้ารักษาไม่ดี ข้าจะสาดน้ำร้อนต่อหน้าทุกคน
แล้วทดลองรักษาด้วยตัวเองให้เห็นกันจะๆไปเลย!”
เมิ่งซื่อโกรธจัด
แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “ท่านหมอเซววางใจได้ ขอเพียงท่านหมอรักษาดี ข้าในฐานะแม่จะสั่งให้คนดูแลอย่างระมัดระวัง
จะไม่ให้มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว!”
“เช่นนั้นก็ดี!” หมอเซวพูดอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็สะดวกขึ้นมาก
ให้คนที่รอบคอบสองคนมา ข้าจะเขียนเทียบยาให้รีบไปจัดยา
และยังมีบางอย่างที่ต้องสั่งการ ข้ายังต้องเข้าวังอีก รีบหน่อยเถอะ ฮูหยินสวี!”
เมิ่งซื่อโกรธจนแทบทรงตัวไม่อยู่
จึงพูดอย่างฉุนเฉียว “ไป่หมอมอ ช่วงนี้เจ้าอยู่ที่นี่กับหลู่หมอมอดูแลให้ดี
หากมีความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้!”
ไป่หมอมอและหลู่หมอมอจึงรีบตอบรับ
หมอเซวแค่นเสียงแล้วเรียกพวกนางมารับเทียบยา
หลังจากอธิบายเสร็จก็ขอตัวลา
เหลียนฟางโจวก็ไม่อยู่ต่อ
จึงคลี่ยิ้มแล้วกล่าวลาเช่นกัน
เมิ่งซื่อโกรธจนปวดตับ
แต่ก็จำเป็นต้องไปส่งพวกเขา
เมื่อส่งพวกเขาเสร็จแล้วกลับมายิ่งโกรธจนปวดตับกว่าเดิม!
พอใจเย็นลงนางก็คิดได้ว่าฮูหยินหลี่กับหมอเซวคงจะร่วมมือกัน
ก็เพื่อจะให้นางรับปากว่านังเด็กนั่นจะไม่เป็นอะไร ใครจะรู้ว่านางจะโมโหจนพูดออกไปจริง
ๆ!
ยิ่งมีคำพูดของหมอเซวอีก
เมื่อคิดว่าคำพูดของนางกับหมอเซว ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่าในหมู่บุคคลสำคัญ
เมิ่งซื่อก็โกรธจนแทบกระอักเลือด!
ความคิดร้าย
ๆ คงทำไม่ได้เสียแล้ว! ไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องกังวลว่าแผลของนังเด็กนั่นจะไม่หายดี
เพราะมันเกี่ยวพันกับชื่อเสียงของนางด้วย!
หลังจากนั้นหลู่หมอมอได้ยินปิงลู่และปิงเหมยผิดหวังที่คุณหนูใหญ่ไม่ได้ไปพักรักษาตัวที่โรงหมอหลวง
ก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ จึงหาโอกาสอธิบายเหตุผลให้พวกนางฟังละเอียดว่า:
คุณหนูใหญ่เป็นถึงคุณหนูของจวนสวีกั๋วกง ไปพักรักษาตัวที่โรงหมอหลวงนั้นไม่เหมาะสม
ฮูหยินหลี่ตั้งใจยั่วยุให้ฮูหยินสวีพูดเพื่อจะได้ใช้คำพูดนี้เป็นข้ออ้าง
ทั้งยังชื่นชมและถอนหายใจว่า
ฮูหยินหลี่ช่างมีความคิดลึกซึ้ง ซึ่งความหมายในเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งมาคิดออกทีหลัง
ปิงลู่และปิงเหมยถึงกับเข้าใจในทันทีและรู้สึกดีใจอีกครั้ง
พวกนางต่างพูดว่าต่อไปคุณหนูใหญ่จะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอนเพราะมีฮูหยินหลี่คอยปกป้อง
สวีอี้เจินเดิมทีคิดไว้ว่าหลังจากหมอเซวและเหลียนฟางโจวออกจากจวนสวีกั๋วกงแล้วจะหาทางเล่นงานสวีอี้หยุนเพื่อระบายอารมณ์
ใครจะรู้ว่าเมิ่งซื่อกลับเตือนนางว่า ห้ามยุ่งเรื่องแผลของสวีอี้หยุนแม้แต่นิดเดียว
ทำให้สวีอี้เจินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
เมิ่งถิงถิงก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
เพราะนางเป็นคนที่จะมาแทนที่ หากสวีอี้หยุนไม่หลีกทาง นางจะมาแทนที่ได้อย่างไร?
จึงได้ยุแยงสวีอี้เจินสองสามประโยค
สวีอี้เจินทนไม่ได้
จึงรีบวิ่งไปต่อว่าสวีอี้หยุนด้วยความโมโห
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น