วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 1028 แผลหาย

 

บทที่ 1028 แผลหาย

 

ภายนอกดูเหมือนว่าเหลียนฟางโจวให้ความสำคัญกับสวีอี้หยุนมาก ถึงกับเชิญหมอเซวมารักษาแผลที่ขาให้

แต่ความจริงคือเหลียนฟางโจวคิดว่าสวีอี้หยุนมีแผลที่ขาไม่เหมาะสมกับเหลียนเจ๋อ จึงเชิญหมอเซวมา ถ้าหมอเซวบอกว่ารักษาได้ก็ดีไป ถ้าหมอเซวบอกว่ารักษาไม่ได้ เหลียนฟางโจวก็จะหาทางยกเลิกการแต่งงานนี้ ซึ่งทำให้สวีอี้หยุนโกรธมาก

อีกทั้งสวีอี้หยุนรู้สึกว่าด้านที่ดูแย่ที่สุดของนางถูกเหลียนฟางโจวเห็นเข้าเสียแล้ว โดยเฉพาะแผลที่น่องซึ่งดูน่ากลัวก็ถูกเห็น ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น

หลู่หมอมอเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจในใจ แล้วพูดปลอบใจสวีอี้หยุนหลายคำ

ส่วนสวีอี้หยุนจะฟังหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเธอเอง

วันที่ 15 เดือนสิบ เหลียนเจ๋อเดินทางกลับถึงเมืองหลวงอย่างเหนื่อยล้า

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จวนและพักผ่อนเล็กน้อย ก็รีบบึ่งไปที่จวนเว่ยหนิงโหว

ยามพี่น้องพบกัน เหลียนฟางโจวดีใจยิ่งนัก ทั้งสองพูดคุยกันไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องฝ้ายและการเตรียมงานแต่งงานนี้

เหลียนเจ๋อได้รับจดหมายจากพ่อบ้านที่ส่งมาอย่างเร่งด่วน จึงพอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเหลียนที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงบ้างแล้ว และได้ส่งคนไปอำเภอยู่เหอเพื่อรับซูจิ่นและคนอื่น ๆ มา เหลียนเจ๋อจึงยิ้มขอโทษเหลียนฟางโจวและเอ่ยว่า “ความจริงแล้ว ฝ้ายของตระกูลเราทั้งหมดเป็นเพราะพี่ใหญ่ที่ลำบากปลูกขึ้นมา ข้าแค่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่มีอยู่แล้ว! ตอนนี้คนข้างนอกต่างก็ชมเชยข้า ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย พี่ใหญ่กลับไม่รับส่วนแบ่งเลยสักนิด!”

เหลียนฟางโจวยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมต้องพูดเรื่องเก่า ๆ นี้อีก? ข้าคนเดียวจะทำอะไรได้? มันเป็นงานของทั้งครอบครัว อย่าผลักความดีความชอบทั้งหมดมาให้ข้า! อีกอย่าง ตอนที่ข้าแต่งงานก็ได้ที่ดินและร้านค้าไปบ้างแล้ว การที่โรงฝ้ายเหลียนจี้เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะความพยายามของเจ้ากับพ่อบ้านและคนงานทั้งหลาย ไม่เกี่ยวกับข้าเลย! พูดจริง ๆ นะ เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร พวกเจ้าเป็นครอบครัวของข้า หากวันหนึ่งพี่เขยของเจ้าแกล้งข้า เจ้าก็ยังสามารถยืนหยัดเพื่อข้าได้!”

คำพูดนี้ทำให้เหลียนเจ๋อหัวเราะ เขาเอ่ย “ฟังพี่ใหญ่พูดเข้าสิ พี่เขยถึงจะแกล้งตัวเองก็ไม่กล้าแกล้งพี่ใหญ่หรอก! ข้าคงไม่มีโอกาสจะต้องยืนหยัดเพื่อพี่ใหญ่แล้วในชาตินี้!”

เจ้าพูดเก่งขึ้นทุกวันนะ!” เหลียนฟางโจวหัวเราะ

เหลียนเจ๋อหัวเราะแล้วเอ่ยถาม “พี่เขยออกไปที่ทำการอีกแล้วหรือ? แล้วซู่เอ๋อร์ล่ะ ยังนอนอยู่หรือเปล่า? ข้าคิดถึงซู่เอ๋อร์แล้ว!”

เหลียนฟางโจวยิ้ม “พี่เขยของเจ้าได้พักผ่อนอยู่บ้านวันนี้ เขาเพิ่งอุ้มซู่เอ๋อร์ไปดูม้าที่คอกม้า เจ้าก็ไปด้วยสิ วันนี้ไม่ต้องรีบกลับ รอทานข้าวเที่ยงที่นี่แล้วพักผ่อนสักหน่อย ตอนเย็นข้าจะให้คนไปรับพี่สะใภ้ใหญ่กับอวิ่นหาน รวมทั้งเซียวมู่ ปี้เถาและหมอเซวมากินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วค่อยกลับ”

เหลียนเจ๋อยิ้มรับแล้วลุกขึ้นไปหาพี่เขยกับหลานชาย

ก่อนออกจากประตู เขาหยุดและหันไปยิ้มรื่นกับเหลียนฟางโจวแล้วเอ่ยขึ้น “เอ่อ พี่ใหญ่ ข้าให้คนไปรับคนที่อำเภอยู่เหอ พร้อมอาหญิงสามกับชิงเอ๋อร์ด้วย ข้าจะแต่งงานทั้งที ข้าอยากให้พวกเขามาด้วย! อืม พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง หลังงานแต่งพวกเขาจะพักอยู่ไม่กี่วัน แล้วข้าจะส่งชิงเอ๋อร์กับอาหญิงสามกลับไป”

พอพูดจบก็เหมือนกลัวเหลียนฟางโจวจะโกรธ จึงพูดว่าจะไปหาพี่เขยและหลานชายแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

เหลียนฟางโจวโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เรียกเขาก็ไม่ทันแล้ว นางจึงเอ่ยอย่างโกรธเคือง “เจ้าคนบ้า นี่รู้จักเรียนรู้ที่จะทำก่อนแล้วค่อยบอกทีหลังแล้วหรือ! กว่าข่าวทางตำหนักบูรพาจะเงียบไปได้ เขาก็ไปเอาเด็กที่ชอบก่อเรื่องกลับมาอีก! ฮึ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเด็กที่ชอบก่อเรื่องนั้นต้องทำตัวน่าสงสารต่อหน้าเขาก่อนจะไปเมืองหลวงแน่!”

ทางตำหนักบูรพาก่อนหน้านี้มีข่าวว่าไท่จื่อเฟยจะเลือกเจ้าสาวให้พระนัดดา แต่หลังจากนั้นสองวันข่าวก็เงียบไป เมื่อคิดถึงนิสัยของพระนัดดา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ตอนนี้ชิงเอ๋อร์กลับมาที่เมืองหลวงอีก ใครจะรู้ว่าพระนัดดาจะก่อเรื่องอะไรอีกหรือไม่

ไม่ได้! ครั้งนี้นางต้องจับตาดูชิงเอ๋อร์ให้ดี ห้ามนางออกไปข้างนอกคนเดียวเด็ดขาด

หลังจากทายาครั้งสุดท้าย แล้วใช้ผ้าฝ้ายนุ่มสีขาวพันแผลไว้อย่างดี พอตกเย็นจึงค่อย ๆ แกะผ้าฝ้ายออก ก่อนจะล้างแผลด้วยน้ำอุ่นอย่างระมัดระวัง สวีอี้หยุน หลู่หมอมอ ปิงเหมย และปิงลู่ต่างก็ตื่นเต้นจนกลั้นหายใจและเบิกตากว้างมองดูแผลเดิมที่ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นภายใต้การล้างแผลด้วยน้ำอุ่น

ไป่หมอมอมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากกว่า ดวงตาของนางมีแววอ่านไม่ออก

หายแล้ว! หายแล้ว! หายจริง ๆ ด้วย! เหมือนเดิมไม่มีผิดเลย ไม่มีแผลเป็นเหลืออยู่เลย! คุณหนูใหญ่ ช่างดีเหลือเกิน!” ปิงลู่เบิกตากว้างมองดู แล้วขยี้ตาก่อนจะมองดูอีกครั้งแล้วปรบมือด้วยความดีใจ

ยินดีด้วยเจ้าค่ะคุณหนู! ยินดีด้วยเจ้าค่ะคุณหนู!” หลู่หมอมอและปิงเหมยก็ยิ้มกว้างออกมา

สวีอี้หยุนยื่นนิ้วมือออกมาสัมผัสเบา ๆ ที่แผลซึ่งกลับมาขาวนวลเหมือนเดิมและดูกลมกลืนกับผิวหนังรอบ ๆ อย่างไม่สามารถแยกออกได้ นางจึงเผยรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ท่านหมอเซว ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”

ความดีใจและเสียงหัวเราะของนายบ่าวทั้งหลายทำให้ไป่หมอมอรู้สึกอึดอัดและมีท่าทางไม่เป็นธรรมชาติ พยายามยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่สามารถยิ้มให้ดีใจเหมือนคนอื่น ๆ ได้

เมื่อความตื่นเต้นของนายบ่าวผ่านไปแล้ว ไป่หมอมอจึงเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคุณหนูใหญ่หายดีแล้ว บ่าวก็โล่งใจ ตอนนี้บ่าวไม่มีธุระอะไรแล้ว บ่าวจะไปบอกข่าวดีนี้ให้ฮูหยินรู้ ให้ท่านได้ดีใจด้วยเจ้าค่ะ!”

นี่เป็นการพูดโกหกหน้าตาย ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดี

สวีอี้หยุนกำลังอารมณ์ดี และถึงแม้จะไม่ดีก็จะไม่คิดจะเปิดโปง จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ลำบากท่านหมอมอมาก ไปเถอะ!”

ไป่หมอมอยิ้มรับแล้วกลับไปหาเมิ่งซื่อ

เมื่อเมิ่งซื่อได้ยินคำพูดของไป่หมอมอ อารมณ์ของนางก็ดิ่งลงทันทีและพูดอย่างเย็นชา “คาดไม่ถึงว่านางจะโชคดีถึงเพียงนี้! ช่างเถอะ ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้แล้ว!”

ไป่หมอมอรู้ดีว่าการทำงานครั้งนี้แม้จะเหนื่อยยาก แต่การหวังจะได้รับรางวัลนั้นเป็นไปไม่ได้ — ไม่ถูกด่าก็นับว่าดีแล้ว! นางจึงไม่กล้าอยู่ต่อให้เมิ่งซื่อรำคาญและรีบถอยออกไป

เมิ่งซื่อรู้สึกเจ็บใจจนท้องไส้ปั่นป่วน พลางยกมือกุมหน้าอก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ สักพักจึงรู้สึกดีขึ้น

นางรู้ดีว่าข้างนอกเริ่มมีข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว

นางเป็นแค่แม่เลี้ยง ซึ่งเดิมทีก็ง่ายต่อการถูกสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ต้องการให้เด็กนั่นแย่งความโดดเด่นจากลูกสาวของตนเอง นางคงไม่ทำเช่นนั้น เด็กนั่นได้รับบาดเจ็บที่ขาก่อนแต่งงาน คนข้างนอกต้องพูดกันว่านางในฐานะแม่เลี้ยงดูแลลูกเลี้ยงไม่ดี

เดิมทีนางคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็จะลืมเรื่องนี้

ใครจะรู้ว่าฮูหยินจวนเว่ยหนิงโหวกลับเชิญหมอเซวมารักษาจนหาย!

คนหนึ่งคือ "แม่" ที่พูดตลอดว่าจะหาหมอมารักษาแต่กลับไม่สามารถรักษาแผลของลูกสาวให้หายได้ ส่วนอีกคนที่เป็นคนนอกแท้ ๆ แต่กลับทุ่มเทดูแลอย่างจริงจัง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คนนอกจะมีคำพูดดี ๆ ให้นางได้อย่างไร!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ก่อนออกจากบ้านเขาหยุดและหันไปยิ้มเฮฮากับเหลียนฟางโจวแล้วพูดว่า “เอ่อ พี่ ข้าให้คนไปรับคนที่อำเภอยวี่เหอพร้อมกับอาหญิงสามกับชิงเอ๋อร์ ข้าจะแต่งงานทั้งที ข้าอยากให้พวกเขามาด้วย! อืม พี่ไม่ต้องห่วง หลังงานแต่งพวกเขาจะพักอยู่ไม่กี่วัน แล้วข้าจะให้ชิงเอ๋อร์กับอาหญิงสามกลับไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น