วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จับแม่ทัพไปไถนา-บทที่ 1126 ความรู้สึกผิดในใจ

 

บทที่ 1126 ความรู้สึกผิดในใจ

 

เหลียนเจ๋อมองนางอย่างอดไม่ได้ ก่อนถามขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ สวีอี๋เหนียงจากจวนซิ่นหยางโหว น้องสาวของเจ้า มักจะให้คนมาส่งของให้เจ้าอยู่บ่อย ๆ ใช่หรือไม่?”

ร่างของสวีอี้หยุนถึงกับชะงัก สีหน้าซีดลงเล็กน้อย รีบตอบด้วยความตื่นตระหนกว่า “ไม่—ไม่ใช่… เอ่อ ใช่ นาง...”

หลู่หมอมอที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเช่นกัน นางกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ขณะมองสองคนตรงหน้าด้วยความกังวล

เหลียนเจ๋อเห็นท่าทางของนางก็คิดไปว่า นางคงนึกถึงเรื่องราวในอดีต ที่เคยถูกสวีอี้เจินและเมิ่งซื่อรังแก เขาจึงรีบปลอบโยนอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว เจ้าอย่าคิดมาก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้าอีก เจ้าไม่ต้องกลัว สวีอี๋เหนียงนั่น บางทีอาจจะใช้ชีวิตลำบาก จึงอยากมาขอคืนดีกับเจ้าก็ได้ แต่คนเช่นนาง จิตใจต่ำทรามอย่างนั้น จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ หรือ? ข้าเกรงว่าเมื่อสบโอกาส นางอาจย้อนมาทำร้ายเจ้าอีกก็เป็นได้ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนใจอ่อนแบบนั้น หากเจ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องไปสนใจนาง”

“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ นายท่านสอง...” สวีอี้หยุนไม่อาจบอกได้ว่าคำพูดของตน เป็นความรู้สึกโล่งใจหรือความขมขื่นกันแน่

เมื่อเห็นว่านางดูเหนื่อยล้า เหลียนเจ๋อจึงกล่าวปลอบใจอีกสองสามคำ แล้วลุกออกไปยังห้องหนังสือ

พอเขาออกไป สวีอี้หยุนก็แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ร่างกายพิงไปกับพนักเก้าอี้ ความรู้สึกอ่อนล้าหมดแรงเอ่อล้นขึ้นมาจนแทบจะทรุดลง

หลู่หมอมอสั่งให้คนรับใช้ออกไปให้หมด ก่อนจะเดินเข้าไปหานาง แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองว่า “ฮูหยินสอง…”

สวีอี้หยุนยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม แต่ยังคงก้มหน้าลงอย่างหมดแรง ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แม่นม ปล่อยให้ข้าอยู่เงียบ ๆ สักพักเถอะ”

หลู่หมอมอแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวอย่างแค้นเคืองว่า “ฮูหยินสองยังมองไม่ออกอีกหรือ? คุณหนูรองน่ะไม่มีทางคิดดีต่อท่านหรอก! นางจะต้องการบีบให้ท่านจนตรอกไปจนตายไปนั่นแหละ ถึงจะสมใจ!”

สวีอี้หยุนเม้มริมฝีปากแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ตั้งแต่วันนั้น หลังจากที่นางหนีหัวซุกหัวซุนออกจากโรงน้ำชาผู่จู๋ แล้วกลับมาที่จวน นางคิดว่าทุกอย่างจะจบลงไปแล้ว

ใครจะรู้ว่า เรื่องยังห่างไกลจากคำว่า “จบ”

วันรุ่งขึ้น คนรับใช้ที่หน้าประตูรายงานมาว่า สวีอี๋เหนียงจากจวนซิ่นหยางโหวส่งกระถางดอกไป่ไห่ถังสองกระถางมาให้เพื่อให้นางชมเล่น

ตอนนั้นหัวใจของนางถึงกับเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก พลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา

เมื่อได้เห็นดอกไม้ และจดหมายที่มาพร้อมกับดอกไม้ ใจของนางก็ยิ่งว้าวุ่น นางรีบสั่งคนให้ยกดอกไป่ไห่ถังสองกระถางนั้นไปวางไว้ที่มุมอับในสวนทันที

หลู่หมอมอแปลกใจอยู่ไม่น้อยในตอนนั้น เพราะนางรู้ดีว่า ฮูหยินสองของนางชอบดอกไป่ไห่ถังที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน สวีอี้เจินก็ส่งของมาให้นางไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นพัดลวดลายสวยงาม เครื่องสำอาง น้ำหอม สร้อยลูกปัด ขนมต่าง ๆ ผลไม้ตามฤดูกาล ชา หรือแม้แต่ถุงเครื่องหอม ล้วนเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มากมายราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งเหล่านี้เกือบทำให้นางแทบเป็นบ้า

ลองถามดูเถอะว่า ในสภาพเช่นนี้ ร่างกายของนางจะดีได้อย่างไร? จะไม่ผอมซูบลงได้อย่างไร?

ท้ายที่สุด สวีอี้หยุนก็ไม่อาจปิดบังหลู่หมอมอได้ นางเองก็ต้องการใครสักคนเป็นที่ระบาย นางจึงเล่าเรื่องการพบกับหรงซื่อจื่อที่โรงน้ำชาผู่จู๋ให้หลู่หมอมอฟัง แน่นอนว่านางไม่ได้เล่าถึงความวู่วามและการกระทำอันไม่เหมาะสมของหรงซื่อจื่อ

แต่ถึงกระนั้น สีหน้าของหลู่หมอมอก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“ซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหวคิดจะทำอะไรกันแน่? ฮูหยินสองแต่งงานแล้วแท้ ๆ เขายังตามมารังควานอีก จะมีใครในโลกนี้หน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้อีกหรือ! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แล้วเขาคิดว่าฮูหยินสองเป็นคนประเภทไหนกัน! ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ฮูหยินสอง ท่านรู้จักคนผิดไปแล้วจริง ๆ!”

หัวใจของสวีอี้หยุนทั้งขมขื่นและรู้สึกเจ็บปวด ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้สึกผิดหวัง

ชายที่เคยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของนางเมื่อวันวาน ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปจนทำให้นางรู้สึกเกลียดเขาอยู่ลึก ๆ

แม่นมพูดถูก เขาคิดว่านางเป็นคนแบบไหนกัน?

ทั้ง ๆ ที่เขารู้อยู่แล้วว่านางแต่งงานแล้ว แต่ยัง…

เขากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

แม้ว่าสวีอี้หยุนจะยังไม่อาจยอมรับเหลียนเจ๋อได้สนิทใจ แต่ในความคิดของนาง นางไม่เคยมีความคิดที่จะยืดเยื้อสัมพันธ์กับหรงซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหว หรือคิดทำสิ่งใดลับหลังสามีเลย

ตอนนี้นางแต่งงานกับเหลียนเจ๋อแล้ว นางกำลังพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ ให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีในสิ่งที่สมควรทำ อดีต… มันก็คืออดีตไปแล้ว!

วันที่หรงซื่อจื่อขอนัดพบนาง แม้ว่าใจของนางจะมีความหวั่นไหว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลเกินกว่าเรื่องนั้น นางเพียงคิดว่า เขาคือคนที่นางเคยชอบมานานหลายปี พบหน้ากันอีกสักครั้งก็คงไม่เป็นไร คิดเสียว่าเป็นการพบปะกันในฐานะเพื่อนเท่านั้น

แต่สิ่งที่สวีอี้หยุนไม่เคยคาดคิดแม้แต่ในความฝันก็คือ หรงซื่อจื่อจะพูดกับนางเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขากล้าทำเรื่องเช่นนั้นกับนางอีกด้วย—

ในตอนนั้น นางถึงกับตกตะลึงราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ทั้งตัว ความเย็นเยียบแทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ

นางรู้สึกเหมือนถูกกระหน่ำซ้ำเติมอย่างหนักหน่วง

เหมือนบางสิ่งบางอย่างในใจของนางพังทลายลงในพริบตา

พี่หรงของนาง… เขากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน… หรือว่านางคิดผิดมาตลอด?

ชายผู้ที่นางเคยคิดว่าแสนสมบูรณ์แบบ ผู้ที่นางวาดภาพเอาไว้ในใจว่าเป็นคนดีงามและอ่อนโยน กลับกลายเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกน่ารังเกียจในชั่วพริบตา ความรู้สึกนี้มันช่างเจ็บปวดและยากจะรับได้จริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น หรงซื่อจื่อกลับไม่หยุดพฤติกรรมของเขาเลย กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก โดยใช้ชื่อของสวีอี้เจินส่งคนมามอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับนางครั้งแล้วครั้งเล่า

แทนที่นางจะรู้สึกซาบซึ้งใจ สวีอี้หยุนกลับยิ่งผิดหวัง โศกเศร้า และสับสนในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความสับสนนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย

นี่มันไม่ต่างอะไรกับการผิดครรลองคลองธรรมของสตรีที่แต่งงานแล้ว!

ไม่ว่านางจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะนางเอง

แม้ว่าเหลียนเจ๋อจะไม่อยู่ แต่เหลียนฟางโจว พี่สาวคนโตของตระกูลเหลียนก็ไม่ใช่คนที่จะหลอกลวงได้ง่าย ๆ

แต่สวีอี้หยุนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้ นางเคยสั่งให้หลู่หมอมอไปคอยเฝ้าหน้าประตูเรือน หากมีคนจากจวนซิ่นหยางโหวมาส่งของ ให้ห้ามรับและบอกให้เอากลับไปเสีย พร้อมย้ำด้วยว่าไม่ต้องมาส่งอีก

ใครจะรู้ว่าคนที่มาส่งของกลับเป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอาย เขายิ้มกว้างประสานมือคารวะหลู่หมอมอพร้อมกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ถึงอย่างไร อี๋เหนียงกับฮูหยินสองก็เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ นี่เป็นเพียงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอี๋เหนียงเท่านั้น ฮูหยินสองมีเหตุผลอันใดที่จะไม่รับเล่าขอรับ? หรือว่าฮูหยินสองดูแคลนญาติพี่น้องของตนเอง? แต่ข้าไม่คิดว่าฮูหยินสองจะเป็นคนเช่นนั้นนะขอรับ ถ้าฮูหยินสองรู้สึกไม่สบายใจ ก็เตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งกลับมาให้อี๋เหนียงก็ได้ รับรองว่าอี๋เหนียงจะต้องยินดีแน่นอน!”

คำพูดของเขาทำให้หลู่หมอมอถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนมองตาโตอย่างโกรธจัด

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้ลุกลามใหญ่โตได้ เพราะหากเรื่องแดงขึ้นมา จะไม่อาจปิดบังผู้คนได้อีกต่อไป และหากความจริงถูกเปิดเผย มันจะยิ่งทำลายชื่อเสียงของฮูหยินสองให้ย่อยยับกว่าเดิม

หลู่หมอมอไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ยืนมองคนรับใช้ผู้นั้นเดินจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างจนปัญญา

แน่นอนว่าสวีอี้หยุนไม่มีทางส่งของขวัญตอบกลับไป นางกับหลู่หมอมอก็จนปัญญาจะแก้ไขเรื่องนี้ สุดท้ายทำได้เพียงเก็บข้าวของที่ส่งมาไว้ในคลัง รอให้เวลาผ่านไปแล้วค่อยหาทางจัดการอีกครั้ง

ในใจของสวีอี้หยุนอดรู้สึกโกรธเคืองหรงซื่อจื่อไม่ได้ เขาจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร? นางไม่เคยโกรธเขาเลย แม้แต่ตอนที่เขาทอดทิ้งนางไป แต่สิ่งที่เขาทำในตอนนี้ มันเหมือนกับเขาตั้งใจจะบีบนางให้ถึงทางตัน!

หากเขารู้สึกผิดจริง ๆ หากเขาเห็นคุณค่าในตัวนาง ทำไมในตอนนั้นเขาถึงทำให้นางต้องพบเจอกับเรื่องราวเหล่านั้นเล่า?

วันเวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทุกข์ทรมาน ในที่สุดเหลียนเจ๋อก็กลับมา และเมื่อวันนี้เหลียนเจอเอ่ยถึงสวีอี้เจิน หัวใจของสวีอี้หยุนก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

หากเหลียนเจ๋อรู้ความจริง นางจะอธิบายอะไรได้? นางไม่อาจปฏิเสธได้เลย ไม่มีหนทางแก้ตัวใด ๆ นอกจากความตายเท่านั้น!

“ฮูหยินสอง” หลู่หมอมอกล่าวอย่างร้อนรน พลางทำหน้ากังวลสุดขีด “เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ หากนายท่านสองรู้ความจริงขึ้นมา แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?”

1 ความคิดเห็น:

  1. น่ารำคาญนังฮูหยินสองเหลือเกิน ขอบคุณคะ

    ตอบลบ