บทที่ 1126 ความรู้สึกผิดในใจ
เหลียนเจ๋อมองนางอย่างอดไม่ได้ ก่อนถามขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้
สวีอี๋เหนียงจากจวนซิ่นหยางโหว น้องสาวของเจ้า มักจะให้คนมาส่งของให้เจ้าอยู่บ่อย
ๆ ใช่หรือไม่?”
ร่างของสวีอี้หยุนถึงกับชะงัก สีหน้าซีดลงเล็กน้อย
รีบตอบด้วยความตื่นตระหนกว่า “ไม่—ไม่ใช่… เอ่อ ใช่ นาง...”
หลู่หมอมอที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเช่นกัน
นางกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ขณะมองสองคนตรงหน้าด้วยความกังวล
เหลียนเจ๋อเห็นท่าทางของนางก็คิดไปว่า นางคงนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ที่เคยถูกสวีอี้เจินและเมิ่งซื่อรังแก เขาจึงรีบปลอบโยนอย่างอ่อนโยนว่า
“เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว เจ้าอย่าคิดมาก
ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้าอีก เจ้าไม่ต้องกลัว สวีอี๋เหนียงนั่น
บางทีอาจจะใช้ชีวิตลำบาก จึงอยากมาขอคืนดีกับเจ้าก็ได้ แต่คนเช่นนาง
จิตใจต่ำทรามอย่างนั้น จะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ หรือ? ข้าเกรงว่าเมื่อสบโอกาส นางอาจย้อนมาทำร้ายเจ้าอีกก็เป็นได้
ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนใจอ่อนแบบนั้น หากเจ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องไปสนใจนาง”
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ นายท่านสอง...” สวีอี้หยุนไม่อาจบอกได้ว่าคำพูดของตน
เป็นความรู้สึกโล่งใจหรือความขมขื่นกันแน่
เมื่อเห็นว่านางดูเหนื่อยล้า เหลียนเจ๋อจึงกล่าวปลอบใจอีกสองสามคำ
แล้วลุกออกไปยังห้องหนังสือ
พอเขาออกไป สวีอี้หยุนก็แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ร่างกายพิงไปกับพนักเก้าอี้ ความรู้สึกอ่อนล้าหมดแรงเอ่อล้นขึ้นมาจนแทบจะทรุดลง
หลู่หมอมอสั่งให้คนรับใช้ออกไปให้หมด ก่อนจะเดินเข้าไปหานาง
แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองว่า “ฮูหยินสอง…”
สวีอี้หยุนยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม แต่ยังคงก้มหน้าลงอย่างหมดแรง
ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แม่นม ปล่อยให้ข้าอยู่เงียบ ๆ สักพักเถอะ”
หลู่หมอมอแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวอย่างแค้นเคืองว่า “ฮูหยินสองยังมองไม่ออกอีกหรือ? คุณหนูรองน่ะไม่มีทางคิดดีต่อท่านหรอก!
นางจะต้องการบีบให้ท่านจนตรอกไปจนตายไปนั่นแหละ ถึงจะสมใจ!”
สวีอี้หยุนเม้มริมฝีปากแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตั้งแต่วันนั้น หลังจากที่นางหนีหัวซุกหัวซุนออกจากโรงน้ำชาผู่จู๋
แล้วกลับมาที่จวน นางคิดว่าทุกอย่างจะจบลงไปแล้ว
ใครจะรู้ว่า เรื่องยังห่างไกลจากคำว่า “จบ”
วันรุ่งขึ้น คนรับใช้ที่หน้าประตูรายงานมาว่า สวีอี๋เหนียงจากจวนซิ่นหยางโหวส่งกระถางดอกไป่ไห่ถังสองกระถางมาให้เพื่อให้นางชมเล่น
ตอนนั้นหัวใจของนางถึงกับเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก
พลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
เมื่อได้เห็นดอกไม้ และจดหมายที่มาพร้อมกับดอกไม้
ใจของนางก็ยิ่งว้าวุ่น
นางรีบสั่งคนให้ยกดอกไป่ไห่ถังสองกระถางนั้นไปวางไว้ที่มุมอับในสวนทันที
หลู่หมอมอแปลกใจอยู่ไม่น้อยในตอนนั้น เพราะนางรู้ดีว่า ฮูหยินสองของนางชอบดอกไป่ไห่ถังที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน สวีอี้เจินก็ส่งของมาให้นางไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นพัดลวดลายสวยงาม เครื่องสำอาง น้ำหอม สร้อยลูกปัด ขนมต่าง ๆ
ผลไม้ตามฤดูกาล ชา หรือแม้แต่ถุงเครื่องหอม ล้วนเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่ก็มากมายราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งเหล่านี้เกือบทำให้นางแทบเป็นบ้า
ลองถามดูเถอะว่า ในสภาพเช่นนี้ ร่างกายของนางจะดีได้อย่างไร? จะไม่ผอมซูบลงได้อย่างไร?
ท้ายที่สุด สวีอี้หยุนก็ไม่อาจปิดบังหลู่หมอมอได้
นางเองก็ต้องการใครสักคนเป็นที่ระบาย นางจึงเล่าเรื่องการพบกับหรงซื่อจื่อที่โรงน้ำชาผู่จู๋ให้หลู่หมอมอฟัง
แน่นอนว่านางไม่ได้เล่าถึงความวู่วามและการกระทำอันไม่เหมาะสมของหรงซื่อจื่อ
แต่ถึงกระนั้น สีหน้าของหลู่หมอมอก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“ซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหวคิดจะทำอะไรกันแน่? ฮูหยินสองแต่งงานแล้วแท้ ๆ เขายังตามมารังควานอีก
จะมีใครในโลกนี้หน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้อีกหรือ! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แล้วเขาคิดว่าฮูหยินสองเป็นคนประเภทไหนกัน! ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ ฮูหยินสอง
ท่านรู้จักคนผิดไปแล้วจริง ๆ!”
หัวใจของสวีอี้หยุนทั้งขมขื่นและรู้สึกเจ็บปวด
ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้สึกผิดหวัง
ชายที่เคยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของนางเมื่อวันวาน
ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปจนทำให้นางรู้สึกเกลียดเขาอยู่ลึก ๆ
แม่นมพูดถูก
เขาคิดว่านางเป็นคนแบบไหนกัน?
ทั้ง ๆ
ที่เขารู้อยู่แล้วว่านางแต่งงานแล้ว แต่ยัง…
เขากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
แม้ว่าสวีอี้หยุนจะยังไม่อาจยอมรับเหลียนเจ๋อได้สนิทใจ
แต่ในความคิดของนาง นางไม่เคยมีความคิดที่จะยืดเยื้อสัมพันธ์กับหรงซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหว
หรือคิดทำสิ่งใดลับหลังสามีเลย
ตอนนี้นางแต่งงานกับเหลียนเจ๋อแล้ว
นางกำลังพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่
ให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีในสิ่งที่สมควรทำ อดีต… มันก็คืออดีตไปแล้ว!
วันที่หรงซื่อจื่อขอนัดพบนาง
แม้ว่าใจของนางจะมีความหวั่นไหว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลเกินกว่าเรื่องนั้น
นางเพียงคิดว่า เขาคือคนที่นางเคยชอบมานานหลายปี
พบหน้ากันอีกสักครั้งก็คงไม่เป็นไร คิดเสียว่าเป็นการพบปะกันในฐานะเพื่อนเท่านั้น
แต่สิ่งที่สวีอี้หยุนไม่เคยคาดคิดแม้แต่ในความฝันก็คือ
หรงซื่อจื่อจะพูดกับนางเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือ
เขากล้าทำเรื่องเช่นนั้นกับนางอีกด้วย—
ในตอนนั้น
นางถึงกับตกตะลึงราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ทั้งตัว
ความเย็นเยียบแทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ
นางรู้สึกเหมือนถูกกระหน่ำซ้ำเติมอย่างหนักหน่วง
เหมือนบางสิ่งบางอย่างในใจของนางพังทลายลงในพริบตา
พี่หรงของนาง…
เขากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน…
หรือว่านางคิดผิดมาตลอด?
ชายผู้ที่นางเคยคิดว่าแสนสมบูรณ์แบบ
ผู้ที่นางวาดภาพเอาไว้ในใจว่าเป็นคนดีงามและอ่อนโยน
กลับกลายเป็นคนที่ทำให้นางรู้สึกน่ารังเกียจในชั่วพริบตา
ความรู้สึกนี้มันช่างเจ็บปวดและยากจะรับได้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น
หรงซื่อจื่อกลับไม่หยุดพฤติกรรมของเขาเลย กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
โดยใช้ชื่อของสวีอี้เจินส่งคนมามอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ
ให้กับนางครั้งแล้วครั้งเล่า
แทนที่นางจะรู้สึกซาบซึ้งใจ
สวีอี้หยุนกลับยิ่งผิดหวัง โศกเศร้า และสับสนในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความสับสนนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
นี่มันไม่ต่างอะไรกับการผิดครรลองคลองธรรมของสตรีที่แต่งงานแล้ว!
ไม่ว่านางจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะนางเอง
แม้ว่าเหลียนเจ๋อจะไม่อยู่
แต่เหลียนฟางโจว พี่สาวคนโตของตระกูลเหลียนก็ไม่ใช่คนที่จะหลอกลวงได้ง่าย ๆ
แต่สวีอี้หยุนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้
นางเคยสั่งให้หลู่หมอมอไปคอยเฝ้าหน้าประตูเรือน หากมีคนจากจวนซิ่นหยางโหวมาส่งของ
ให้ห้ามรับและบอกให้เอากลับไปเสีย พร้อมย้ำด้วยว่าไม่ต้องมาส่งอีก
ใครจะรู้ว่าคนที่มาส่งของกลับเป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอาย
เขายิ้มกว้างประสานมือคารวะหลู่หมอมอพร้อมกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ถึงอย่างไร อี๋เหนียงกับฮูหยินสองก็เป็นพี่น้องกันแท้
ๆ นี่เป็นเพียงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอี๋เหนียงเท่านั้น ฮูหยินสองมีเหตุผลอันใดที่จะไม่รับเล่าขอรับ? หรือว่าฮูหยินสองดูแคลนญาติพี่น้องของตนเอง? แต่ข้าไม่คิดว่าฮูหยินสองจะเป็นคนเช่นนั้นนะขอรับ
ถ้าฮูหยินสองรู้สึกไม่สบายใจ ก็เตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งกลับมาให้อี๋เหนียงก็ได้
รับรองว่าอี๋เหนียงจะต้องยินดีแน่นอน!”
คำพูดของเขาทำให้หลู่หมอมอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ได้แต่ยืนมองตาโตอย่างโกรธจัด
ยิ่งไปกว่านั้น
เรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้ลุกลามใหญ่โตได้ เพราะหากเรื่องแดงขึ้นมา
จะไม่อาจปิดบังผู้คนได้อีกต่อไป และหากความจริงถูกเปิดเผย
มันจะยิ่งทำลายชื่อเสียงของฮูหยินสองให้ย่อยยับกว่าเดิม
หลู่หมอมอไม่รู้จะทำอย่างไร
ได้แต่ยืนมองคนรับใช้ผู้นั้นเดินจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างจนปัญญา
แน่นอนว่าสวีอี้หยุนไม่มีทางส่งของขวัญตอบกลับไป
นางกับหลู่หมอมอก็จนปัญญาจะแก้ไขเรื่องนี้
สุดท้ายทำได้เพียงเก็บข้าวของที่ส่งมาไว้ในคลัง
รอให้เวลาผ่านไปแล้วค่อยหาทางจัดการอีกครั้ง
ในใจของสวีอี้หยุนอดรู้สึกโกรธเคืองหรงซื่อจื่อไม่ได้
เขาจะทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร? นางไม่เคยโกรธเขาเลย
แม้แต่ตอนที่เขาทอดทิ้งนางไป แต่สิ่งที่เขาทำในตอนนี้
มันเหมือนกับเขาตั้งใจจะบีบนางให้ถึงทางตัน!
หากเขารู้สึกผิดจริง
ๆ หากเขาเห็นคุณค่าในตัวนาง
ทำไมในตอนนั้นเขาถึงทำให้นางต้องพบเจอกับเรื่องราวเหล่านั้นเล่า?
วันเวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทุกข์ทรมาน
ในที่สุดเหลียนเจ๋อก็กลับมา และเมื่อวันนี้เหลียนเจอเอ่ยถึงสวีอี้เจิน หัวใจของสวีอี้หยุนก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
หากเหลียนเจ๋อรู้ความจริง
นางจะอธิบายอะไรได้? นางไม่อาจปฏิเสธได้เลย ไม่มีหนทางแก้ตัวใด ๆ
นอกจากความตายเท่านั้น!
“ฮูหยินสอง” หลู่หมอมอกล่าวอย่างร้อนรน
พลางทำหน้ากังวลสุดขีด “เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ หากนายท่านสองรู้ความจริงขึ้นมา
แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?”
น่ารำคาญนังฮูหยินสองเหลือเกิน ขอบคุณคะ
ตอบลบ