วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์-บทที่ 12 จุดไฟเผาเงิน

            เมื่อตัวแทนราชสำนักจากไปแล้ว   นางไม่เห็นความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป   มู่หรงหยุนชูกำลังคิดจะจากไป   พลันเฟิ่งหลิงที่หน้าตาอิ่มเอิบกลับมาพร้อมกับนี่ฉิงที่หน้าตาหมองคล้ำ
            พี่ใหญ่...ท่านทึ่งข้าหรือไม่?   ดูสิว่าข้าจับตัวนี่ฉิงกลับมาได้เร็วเพียงใด?”  เฟิ่งหลิงถามสีหน้าภาคภูมิใจ  ไม่สนใจนักแสดงอีกคนที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อนาง

            “อืม”  เฟิ่งเฉิงกล่าวสีหน้าหงุดหงิด
            เฟิ่งเฉิงไม่อยากเลยเชื่อว่าฉู่ฉางเกอที่ทำแต่บาปกรรม  จะโชคดีได้ผู้หญิงที่ดีอย่างมู่หรงหยุนชู  ช่างเป็นความหายนะโดยแท้
            เฟิ่งหลิง  ถึงแม้เจ้าจะสังหารข้า”  นี่ฉิงกล่าวสีหน้าแน่วแน่   ข้าจะไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าเด็ดขาด
            เมื่อได้ยินเช่นนั้น  เฟิ่งเฉิงพลันหน้าสลดเริ่มร้องให้  นี่ฉิง  หากเจ้ายังกล่าววาจาทำร้ายจิตใจข้าต่อไปเช่นนี้...ข้าจะโกรธเจ้าแล้วนะ
            นี่ฉิงผู้เย็นชาเบนสายตาจากเฟิ่งหลิง  จึงเพิ่งเห็นมู่หรงหยุนชูเป็นครั้งแรก
            ท่านคือเจ้ากรมอาญาที่ทางราชสำนักส่งไปจวนมู่หรงใช่หรือไม่?” มู่หรงหยุนชูมองประเมินนี่ฉิงพลางเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ
            เจ้ารู้ได้อย่างไร?”  นี่ฉิงมีสีหน้าตกใจ  เขาได้รับคำสั่งจากราชสำนักให้ออกจากเมืองหลวงอย่างลับๆ   มีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก
            นางได้รับรายงานมาว่านี่ฉิงได้ปลอมตัวไปสอดแนมตระกูลมู่หรงของนาง
            ข้าคือมู่หรงหยุนชูแห่งตระกูลมู่หรง”  แค่คำเดียวก็อธิบายได้ทุกอย่าง
            แล้วคนอื่นๆที่มากับเจ้า  ครานี้อยู่ที่ไหน?”  นี่ฉิงรีบถามด้วยความตื่นเต้น
            อยู่ในป่า” 
            กี่คน?” 
            สองคน” 
            ท่านพาคนสองคนมาช่วยเหลือข้านี่นะ?”   ใบหน้านี่ฉิงพลันมืดครึ้ม
            มู่หรงหยุนชูแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านี่ฉิงจะทึกทักเอาว่านางมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเขา   นางตั้งใจกลับจวนทันทีหลังจากเจรจาต่อรองกับเขาเรื่องสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนเสร็จต่างหาก
            ทางราชสำนักเห็นด้วยกับเงื่อนไขที่ข้าเสนอมาหรือไม่?”  มู่หรงหยุนชูเอ่ยถามในจุดประสงค์ที่นางดั้นด้นมาที่นี่
            ท่านต้องการเจรจาเรื่องราวระดับชาติกับข้าที่นี่รึ?”  นางยังเยาว์เกินไปที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้
            แล้วจะมีเรื่องอื่นใดอีกล่ะที่ข้าจะทำที่นี่?    หากเจ้ายังไม่สามารถออกไปได้   ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนสถานที่เจรจา
            “ท่านควรวิตกว่าจะเราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรแทนที่จะมาเจรจากิจธุระนะ”   
            เจ้ากรมอาญา   ท่านต้องกำลังเล่นตลกเป็นแน่”  มู่หรงหยุนชูกล่าว ขาข้าก็แข็งแรงดี   อีกทั้งแม่นางเฟิ่งก็มิได้มุ่งหมายให้ข้ามีสามีเป็นโจร    แล้วเหตุใดข้ายังต้องกังวลเรื่องการออกไปจากที่นี่ด้วยเล่านอกจากนี้...คู่หมั้นข้ายังเป็นจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง    คุณชายเฟิ่งคงไม่บังอาจกักขังข้าแน่
            ฉู่ฉางเกอหัวเราะกับการถูกนางเอาเปรียบอีกแล้ว    ภรรยาเขาใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อข่มขู่คนให้กลัว
            เฟิ่งเฉิงถึงกับหัวเราะสมน้ำหน้าฉู่ฉางเกอ     โจรหนุ่มควรจะรู้ว่าคนอย่างฉู่ฉางเกอย่อมดึงดูดคนประเภทเดียวกันกับเขา
            อ้าว...ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยข้าหรอกรึ?”  นี่ฉิงให้เสียใจนัก
            ข้ามาที่นี้เพื่อคุยธุระเพียงอย่างเดียว   เนื่องจากท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว   เช่นนั้นเราสามารถเจรจากันเรื่องสำนักแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนได้แล้ว
            นี่ฉิงถึงกับอึ้งตะลึง    เขาเข้าใจผิดไปหมด   เฟิ่งหลิงไม่ใช่คนแปลกที่สุดที่เขาเคยเห็นมาเสียแล้ว  เมื่อเทียบกับมู่หรงหยุนชู    เฟิ่งหลิงกลายเป็นคนธรรมดาไปเลย   คนธรรมดาย่อมช่วยเหลือตัวประกันก่อน  แล้วค่อยเจรจาธุระกันภายหลัง
            ฮ่องเต้มีพระประสงค์ให้เจ้าเข้าเฝ้าที่พระราชวังหลวง
            นี่ฉิงไม่อาจอ่านราชโองการให้มู่หรงหยุนชูฟังต่อหน้าคนนอกได้
            ดูเหมือนว่าราชสำนักไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของข้า”  มู่หรงหยุนชูกล่าวพลางรับราชโองการมา   ข้าจะกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้  คุณชายเฟิ่ง   แม่นางเฟิ่ง  แล้วพบกันใหม่”  มู่หรงหยุนชูก้มหัวให้ทั้งสองเล็กน้อย
            “แล้วพบกันใหม่เฟิ่งเฉิงก้มหัวตอบรับเล็กน้อย
            เฟิ่งหลิงรู้สึกเศร้ามาก  มู่หรงหยุนชูเป็นคนดี  และใครก็ตามที่ไม่ได้แย่งนี่ฉิงไปจากนางล้วนเป็นคนดีทั้งนั้น
            น้องเฟิ่ง  ข้าจะออกไปพร้อมฮูหยินข้า”  ฉู่ฉางเกอเอ่ยขึ้น  แล้วเจอกันที่วัดเส้าหลิน ในวันที่ 15 เดือน 8
            “หากท่านยังมีชีวิตรอดถึงตอนนั้นนะ”  เฟิ่งเฉิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน   ช่วงเวลาที่จัดการประชุมประจำปีเป็นช่วงเวลาที่เฟิ่งเฉิงได้รับการยกเว้นให้ออกไปจากเขาฮั่วโตวได้
            ป่าดอกท้อใหญ่โตเกินกว่าจะถูกเผาไปอย่างรวดเร็ว  ทว่า..ยังมีควันลอยฟุ้งหลงเหลือจากไฟไหม้อยู่
            มู่หรงหยุนชูใช้แขนเสื้อตนเองปิดปากและจมูก    นางเดินตามฉู่ฉางเกอออกจากป่าดอกท้อที่มีแต่ควันไฟ   หากนางรู้ว่าจะมีหมอกควันหนาถึงเพียงนี้   นางจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของฉู่ฉางเกอที่ขันอาสาอุ้มนางลงจากเขา   เขาพูดถูกต้อง    ชื่อเสียงของนางได้เสื่อมเสียไปแล้วแม้นางยังไม่ได้แต่งให้เขา    นั่นเป็นเพราะคงไม่มีชายใดอื่นอีกจะกล้าเป็นปรปักษ์กับประมุขพรรคโม่เจี่ยวเพื่อแต่งกับนาง
            มู่หรงหยุนชูโล่งใจที่หมอกควันได้จางลงในที่สุดทำให้ป่าดอกท้อกลับมาสดชื่นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง  นางสามารถสูดหายใจเอาอากาศสดชื่นได้เต็มปอด    หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆเงียบๆตามหลังฉู่ฉางเกอ   ทว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มหันมองไปรอบๆเพื่อตรวจดูว่านางกับเขาอยู่กันตามลำพังหรือไม่   มันทำให้นางรู้สึกกระดากใจ
            อ๊ะ...”  มู่หรงหยุนชูร้องออกมา  เมื่อก้าวเท้าพลาดจนเสียหลัก   จนทิ้งตัวลงปะทะกับอ้อมอกแกร่งของฉู่ฉางเกอ
            มู่หรงหยุนชูรีบช้อนตาสบลึกเข้าไปในดวงตาที่อบอุ่นอ่อนโยนของฉู่ฉางเกอ  พลันแก้มนางขึ้นสีแดงจางๆ  ขอบคุณ
            “ข้อเท้าเจ้าแพลงหรือเปล่า”  ฉู่ฉางเกอถามด้วยความห่วงใย
            มู่หรงหยุนชูทำได้เพียงผงกหัวรับ
            ดูเหมือนสวรรค์คงจะไม่เมตตาข้านัก”  ฉู่ฉางเกอกล่าวพลางอุ้มมู่หรงหยุนชูขึ้นในอ้อมแขน
            มู่หรงหยุนชูไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือสาปแช่งสวรรค์ดี  ความรู้สึกที่ถูกฉู่ฉางเกอโอบอุ้มในอ้อมแขนผสมปนเปกับความสุขและความว้าวุ่นใจมากมาย   ทั้งกลิ่นกายบุรุษผสมผสานกับกลิ่นดอกท้อและกลิ่นควันไฟ   กลายเป็นกลิ่นอายที่หายากซึ่งคงไม่สามารถเอามาใส่ขวดเก็บไว้ได้   ผมยาวนุ่มสลวยของชายหนุ่มถูกลมพัดปลิวสยายคลุมใบหน้านาง    หญิงสาวจึงจับผมเขาเล่นสีหน้าเต็มไปด้วยความเก้อเขิน
            เล่นผมข้าสนุกไหมฉู่ฉางเกอคลี่ยิ้มยั่วเย้า
            นิ้วมือของมู่หรงหยุนชูพลันแข็งค้าง  ท่านไม่มีเงินซื้อปิ่นปักผมรึ?”
            มู่หรงหยุนชูเสียใจนักที่เล่นผมของฉู่ฉางเกอ
            ข้าได้ทุ่มเงินทองไปทั้งหมดให้กับกิจการของฮูหยินข้าและตอนนี้มันก็หายวับไปแล้ว”  ฉู่ฉางเกอกล่าว
            มันแค่หายไปเพียงชั่วคราว  เมื่อการค้ากลับมาเป็นปกติ   ตั๋วเงินของสำนักแลกเงินไฮ่เฟิงเฉียนจะได้รับการยอมรับอีกครั้ง
            “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”  ฉู่ฉางเกอแหย่เย้า  เช่นนั้นแล้ว  ข้าคงจะไม่ใช้ตั๋วเงินไฮ่เฟิ่งเฉียนเป็นเชื้อไฟหรอก
            “ท่านใช้มันเอาไปจุดไฟรึ?!”  มู่หรงหยุนชูกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
            อืม  ข้าไม่อยากเห็นเจ้าหนาวเหน็บในป่านี้    เนื่องจากข้าคิดว่ามันไม่มีค่า  ข้าเลยใช้มันจุดไฟเพื่อทำให้เจ้าอบอุ่น
            มู่หรงหยุนชูได้ยินฉู่ฉางเกอบอกกลายๆว่าเขาไม่สนใจเรื่องเผาเงินด้วยสีหน้ารื่นรมย์
            มันไม่ได้มีค่ามากมายนักหรอก”  ฉู่ฉางเกอกล่าวยิ้มแย้ม  ก็แค่เสียทองไปเพียงสิบหีบ  ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนหรอก
            “ท่านไม่วิตกว่าการสูญเงินที่หามาทั้งชีวิตจะทำให้ท่านกลายเป็นขอทานในชาติหน้ารึ?” มู่หรงหยุนชูเอ่ยถามด้วยความเสียดาย
            เจ้าคงอยากให้ข้าเข้าพรรคกะยาจกใช่หรือไม่   เหตุการณ์นั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่    ต่อให้ชาติหน้า   พรรคโม่เจี่ยวก็ยอมรับเพียงคนเช่นข้าเท่านั้น    ข้าไม่ได้สูญเงินไปเปล่าๆเลย   ข้าใช้มันเพื่อทำให้ภรรยาข้าอบอุ่น

            มู่หรงหยุนชูรู้สึกเจ็บปวดใจกับทองสิบหีบซึ่งจะน่าจะตกอยู่ในกำมือของนางยิ่งนัก   ถ้าหากว่านางได้แต่งให้กับฉู่ฉางเกอจริงๆขึ้นมา

6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากนะครับที่ตอบเมล์และส่งลิงค์นิยายมาให้

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับไรเตอร์บ้านหลังใหม่น่าอยู่มาก

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณที่รับเข้าบ้านใหม่นะครับ ^^

    ตอบลบ