วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

ภรรยาข้าผู้ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ -บทที่ 23 สมควรแก่เวลา

           ฉู่ฉางเกอไม่คาดคิดว่า กระดาษแผ่นใหญ่นี้  มีถ้อยคำเขียนไว้เพียงคำว่า ขอบคุณแค่สองคำเท่านั้น  พร้อมกันนั้นพ่อครัวฟาได้นำข่าวร้ายที่ไม่คาดฝันมาด้วย นั่นคือ ตัวมู่หรงหยุนซูได้ถูกลอบวางยาพิษกลืนวิญญาน
            แค่เพียงชั่วเวลาสั้นสั้น ความรู้สึกราวกับแผ่นดินกำลังแยกเป็นเสี่ยงๆ  ฟาดเปรี้ยงที่ศีรษะของฉู่ฉางเกอจนกลายเป็นคนโง่งมในทันที  เป็นนานกว่าที่ประมุขหนุ่มผู้นี้จะฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับมาได้  ครั้นแล้วจึงขยำขยี้กระดาษในมือ จนละเอียดกลายเป็นเป็นผุยผง ทรุดตัวลงกองกับพื้น ปรากฏรอยยิ้มเย็นยะเยือกของมารน้อยไร้เดียงสาฉายชัดบนใบหน้า  จากรอยยิ้มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทุกทีๆ “ฮ่าฮ่า..ฮ่า......ฮะฮ่าฮ่า.....”

            ผู้คุมกฏทิศทั้งสี่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงียบๆ  ยามได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นอย่างฉับพลัน พวกเขารู้ดีว่าท่านประมุขกำลังหัวใจสลาย  สามปีที่แล้วเขาก็มีอาการหัวใจสลายและล้มทั้งยืนเช่นนี้  ในยามนั้นมีแต่เพียงเสียงคำรามแผดก้อง  ทว่าในครานี้เสียงคำรามลดน้อยลงกว่าเดิม  แต่ผนวกรอยยิ้มอันสิ้นหวังเข้ามาด้วย
            พ่อครัวฟาได้แต่ก้มหน้าลงเงียบๆ พลางนึกปลงสังเวชในใจ  เฮ้อ สภาพอาการของท่านประมุขครานี้ ช่างย่ำแย่ยิ่งนัก!
            ใช้เวลาเป็นพักใหญ่  กว่าเสียงหัวเราะอันขมขื่นจะหยุดลงในที่สุด  หน้าผากของฉู่ฉางเกอยับย่น  ดวงตามืดครึ้ม จับจ้องไปที่พ่อครัวฟา  ดวงตาดำมืดซับซ้อนเรืองวาบ ประดุจดาบน้ำแข็งอันแหลมคมที่บั่นลงลึกถึงขั้วกระดูก  พาลทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น “นางต้องพิษได้อย่างไร?”  เสียงทุ้มลึกต่ำเช่นนี้ คล้ายกับเสียงเพลงของขลุ่ยรูปไข่ 'เต๋าซุน'  ที่เสียดแทงทะลุทะลวงด้วยพลังอำนาจนัก
            แข้งขาของพ่อครัวฟางพลันอ่อนยวบ  ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจากความมุ่งร้ายหมายหัว   จนแทบจะคุกเข่าล้มลง  ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะ  พลางกล่าวด้วยความระมัดระวัง “เป็นฝีมือของถังเหมินหยูนี่ผู้เป็น นายหญิงสามแห่งสกุลถัง นางได้รับคำสั่งจากอ๋องเสี่ยวเหลียง  ให้ปลอมตัวเป็นแม่เล้าแทรกซึมอยู่ในหมู่ตึกไป่หัว  ทำการลอบวางยาพิษฮูหยินขอรับ”
            ฉู่ฉางเกอตบหน้าพ่อครัวฟาจนร่างกระเด็นกระดอนไปบนพื้น  บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โทสะของชายหนุ่มพุ่งสูง  “แม้แต่หญิงสกุลถังเจ้าก็ยังไม่อาจจัดการได้  เจ้ามัวไปอยู่ที่ไหนมา!”
            สีหน้าของพ่อครัวฟาไม่เปลียนไปเลย  ไม่ปรากฏว่าแดงหรือบวม  เพียงแต่มุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมาไม่หยุด  เขาครางออกมา พลางคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านประมุขได้โปรดเมตตาข้าน้อยด้วย  ตัวนายหญิงสามสกุลถัง ข้าน้อยจัดการได้ไม่ยาก นางพ่ายแพ้ไปแล้วตั้งแต่ข้ารู้ว่านางเป็นใคร  แต่ในเวลานั้นมันก็สายไปเสียแล้ว....”  จริงๆแล้วพ่อครัวฟาควรร้องขอความเมตตาจากท่านประมุข  แค่โดนท่านประมุขตบหน้าเข้าไป  ก็เพียงพอให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน  จนต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือนแล้ว
            ผู้คุมกฏทิศบูรพาเอ่ยว่า “ท่านประมุข  หรือจะให้พ่อครัวฟาทำงานชดเชยลบล้างความผิดในครั้งนี้  โดยให้ไปที่ตำหนักของอ๋องเสี่ยวเหลียง ณ แคว้นซู่ฉวน เพื่อไปนำยาถอนพิษมา”
            “ยาพิษกลืนวิญญานไม่มียาแก้พิษ  ต่อให้อ๋องเสี่ยวเหลียงส่งยาถอนพิษที่มีอยู่ในมือมาจริงๆ   ก็ได้แค่เพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น  จากนั้นจะมีพิษตัวอื่นกระจายตัวออกมาอีก“ ฉู่ฉางเกอลอบกำหมัดแน่น  หลังจากทิ้งระยะไปสักครู่ จึงเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าทั้งสี่จงรีบไปตามตัวเฟิ่งเฉิงมาเดี๋ยวนี้  พาเขาไปจวนมู่หรงในเมืองจินหลิง”
            “ขอรับ!” ผู้คุมกฏทิศทั้งสี่ปรากฏสีหน้านิ่งขรึมอันหาดูได้ยากบนใบหน้า  พลางทำความเคารพ น้อมรับคำสั่ง
            “พ่อครัวฟา  เจ้าไปแคว้นซู่ฉวนกับข้า”
            “ขอบคุณท่านประมุขที่เมตตาตัวข้าพ่อครัวฟาสาบานว่าจะใช้สารหนู  เพื่อวางยาพิษให้ทุกคนในวังเหลียงตาย ไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว  แม้แต่หนูตัวเล็กๆก็ยังต้องกลับคืนสู่สวรรค์!”
            **
            กลับมาที่เมืองจิงหลิง ยามนี้คือเดือนหก ซึ่งเป็นกลางฤดูคิมหันต์  ดวงอาทิตย์อันร้อนแรงสาดแสงแรงกล้าราวกับคบเพลิงอันร้อนระอุ  แสงอาทิตย์อันเจิดจ้าแผดเผาลนเสียจนมู่หรงหยุนชูอยากจะถอดรองเท้าเพื่อเดินเท้าเปล่ายิ่งนัก  อันที่จริงนางควรจะหาเวลาไปเปลี่ยนบรรยากาศที่ทางเหนือสักพัก  การต่างอากาศหน้าร้อนบนภูเขา  ย่อมดีกว่าพักอยู่ในเมืองเจียงโจว ทางใต้ของเมืองจินหลิงยิ่งนัก
            ณ ห้องนอนในเรือนส่วนตัวของมู่หรงหยุนชู  ได้ตั้งก้อนน้ำแข็งใหญ่โต สี่ก้อนเอาไว้  มิเช่นนั้นคงไม่อาจขจัดความปรารถนาในใจนางลงได้  มู่หรงหยุนชูนั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่สานสีฟ้า  พลางดูหนังสือในมือด้วยดวงตาเลื่อนลอย  ในสมองครุ่นคิดพิจารณาอย่างหมกมุ่นว่า  นางควรไปจับจองพื้นที่บนภูเขาลูกไหนดี  จะได้สร้างบ้านพักรับรองทิ้งเอาไว้  เผื่อจะได้เอาไว้ต่างอากาศในช่วงฤดูคิมหันต์ทุกๆปี  น่าเสียดายที่ป่าดอกท้อของเฟิ่งเฉิงได้ถูกฉู่ฉางเกอเผาไปเสียแล้ว  มิเช่นนั้นนางก็อยากซื้อกระท่อมเล็กๆทิ้งเอาไว้
            ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น ลู่จีสาวใช้ได้ผลักประตูเข้ามา “คุณหนู  คุณชายนี่และท่านเฉียนซ่งก่วนมาเยี่ยม  กำลังคอยท่านอยู่ในโถงรับรองเจ้าค่ะ
            “ไปพาพวกเขาเข้ามา”
            “ทว่านี่เป็นห้องนอนส่วนตัวของคุณหนูนะเจ้าคะ บางทีคุณชายนี่ และท่านเฉียนซ่งก่วนคงจะไม่สะดวก”
            “..พวกเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญมาขอคำปรึกษา”
            มู่หรงหยุนซูเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยว่า “วันนี้..ข้าจะไม่ออกไปนอกห้อง”
            ลู่จีจำใจยอมตามอย่างเสียไม่ได้  ปีนี้คุณหนูไม่ได้ซ่อนตัวใต้พื้นดิน ก็นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์แล้ว  ให้มาปรึกษาหารือกันที่ห้อง  ก็ยังดีกว่าคุยกันอยู่ใต้ดินมากนัก
            เป็นนาน กว่านี่ฉิงและเฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงิน  ภายใต้การนำทางของลู่จี จะมาถึงห้องนอนส่วนตัวของ มู่หรงหยุนชู 
            มู่หรงหยุนชูวางหนังสือในมือลง  ครานี้รู้สึกไม่สบายตัวและเหนื่อยอ่อน พลางเอ่ยขึ้น “ท่านทั้งสองมาด้วยกัน  ไฉนดูสีหน้าไม่ใคร่เสบยนักเล่า?”
            นี่ฉิงกระแอมขึ้น เห็นเฉียนซ่งก่วนไม่กล่าวอันใดสักคำ จึงพูดเสียเองว่า “ภารกิจเรื่องเตรียมการพิมพ์ธนบัตรเงินตำลึงในขั้นต้นได้เสร็จเรียบร้อยลงแล้ว  ทางเสนาบดีฝ่ายท้องพระคลังขอทราบจำนวนเงินที่จะพิมพ์เป็นธนบัตรตำลึงเงินออกมาในคราแรก"
            “ธนบัตรและตั๋วเงินคือสิ่งเดียวกัน  จำนวนเงินที่จะพิมพ์เป็นธนบัตรก็เป็นไปตามจำนวนเงินตำลึงที่มีอยู่จริงๆ”
            “ปัญหามีอยู่ว่า ข้าไม่รู้ว่ายามนี้  ร้านแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียงมีเงินตำลึงอยู่เท่าไร?” นี่ฉิงกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
            มู่หรงหยุนซูเลิกคิ้วขึ้น “ท่านเฉียนซ่งก่วนก็อยู่ข้างกายท่านนี่ “  เนื่องจากนี่ฉิงส่งคนไปทำงานที่ร้านแลกเงิน  นางไม่ได้รับผิดชอบในการนี้  เพียงคอยแต่สนใจตรวจสอบบัญชีรายรับแต่ละเดือนเท่านั้น   ในปัจจุบันร้านแลกเงินทั้งหมด มีเงินตำลึงเก็บไว้เท่าไรนั้น  นางย่อมหารู้ไม่
            มู่หรงหยุนชูยังไม่มองว่าเฉียนซ่งก่วนจะเห็นด้วยหรือไม่  แต่เมื่อหันไปมองนี่ฉิง ปรากฏว่าเห็นเขาทำหน้าเดือดดาล  หญิงสาวจึงนิ่ง ไม่เอ่ยอันใดออกมา
            มู่หรงหยุนชูลอบมองเขาด้วยหางตา  แล้วหันไปมองเฉียนซ่งก่วน  เพื่อสำรวจดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?
            “เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจลับของร้านแลกเงิน  ข้ายังไม่ได้รับคำอนุญาติจากคุณหนู  จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเปิดเผยให้คนนอกรับรู้”  เฉียนซ่งก่วนเอ่ยขึ้น
            มู่หรงหยุนชูพลันเข้าใจในทันใด  จึงพยักหน้า พลางเอ่ยว่า “ทีหลังหากเขาต้องการรู้อะไร  ท่านก็บอกเขาไปตรงๆได้เลย” องค์ฮ่องเต้ส่งเขามา เพื่อตรวจสอบและจับผิดร้านแลกเงินไฮ่เฟิ่งเฉียง  หากไม่มีอะไรให้เขาจับผิด  นางจะยิ่งรู้สึกผิดต่อพวกเขามากขึ้น
            “ทว่าเขา..คือเรื่องของเรื่อง เขาไม่ใช่คนของจวนมู่หรงนะขอรับ “ เฉียนซ่งก่วนรู้สึกวิตกกังวลมาก ว่าพวกเขาจะทำงานเป็นสายลับให้กับราชสำนัก!
            มู่หรงหยุนชูคลี่ยิ้มจาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร  ต่อให้คุณชายนี่ผู้มีหัวการค้า  ได้รับรู้ความลับมากมายแค่ไหน  ก็ไม่สร้างปัญหาอันใดแน่”
            เมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่ฉิงพลันมุมปากประตุก แผ่ไอสังหารออกมา  แล้วหันไปมองหญิงสาว  พลันสายตากระทบเข้ากับต่างหูรูปพิณเจ้ากรรมนั้นอย่างจัง  มุมปากที่กระตุกตกลง รวมทั้งรังสีสังหารพลันสลายหายไปในพริบตา ใบหน้าหันไปมองลำแสงที่ส่องลอดเข้ามาในห้องอย่างสลดหดหู่
            เฉียนซ่งก่วนตระหนักรู้ในทันใด  พลันพยักหน้า  ขยับปากคุยจ้อไปเรื่อยๆ “หากรู้แต่เนิ่นๆว่าคุณชายนี่เป็นคนโอนอ่อนผ่อนตามขนาดนี้  ข้าก็ไม่จำเป็นต้องคอยเก็บงำเรื่องสำคัญต่างๆจากเขาแล้ว...”
            เมื่อได้ยินเช่นนั้น  นี่ฉิงให้รู้สึกโกรธขึ้งนัก ทว่ากลับไม่กล้าหลุดคำพูดไดๆออกมา ได้แต่มองลำแสงที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องอย่างเศร้าซึม
            มู่หรงหยุนชูแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ถามเฉียนซ่งก่วนต่อ “มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นรึ?”
            “เรื่องมีอยู่ว่า...” เฉียนซ่งก่วนหันไปมองหน้านี่ฉิงแวบหนึ่ง  แล้วจึงหันไปมองนายหญิง เห็นนางพยักหน้าอนุญาติ  ดังนั้นจึงกล่าวต่อไปว่า “สำนักดาบหมิงเจี้ยน  เริ่มใช้เงิน 50 ล้านตำลึงเงินก้อนนั้นแล้วขอรับ”
            “เอาเงินไปทำอะไร?”
            “ได้ยินว่ามีการวางแผนส่งเงินไปยังพระราชวังเหลียน ที่แคว้นซู่ฉวน  โดยแบ่งคนออกเป็น  ห้ากลุ่มย่อย  เดินทางแยกกันไปห้าเส้นทาง  ตามหลังขบวนสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนที่คุ้มกันเงินจำนวนนั้นขอรับ”
            เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หรงหยุนชู เม้มริมฝีปากแน่น คิ้วขมวดเล็กน้อย  ประกายแห่งความยินดีที่เก็บซ่อนไว้ลึกสุด  ฉายชัดออกมาบนดวงตาหงส์
            ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว......

  --------------------------------------------------------------------
  ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

1 ความคิดเห็น: