เฉียนซ่งก่วน ผู้ตรวจสอบสำนักแลกเงิน คลี่ยิ้มอย่างคนที่เจนโลกมามาก และคุ้นเคยกับเรื่องราวเบื้องลึกดี พลันหัวเราะแล้วโพล่งถามขึ้น “คุณหนูตั้งใจจะจัดการอย่างไรดีขอรับ?”
“ท่านสามารถรู้เส้นทางของคนทั้ง5กลุ่มหรือไม่? มู่หรงหยุนชูไม่ตอบ
แต่ถามกลับ
“ทราบขอรับ”
เฉียนซ่งก่วนอธิบายเส้นทางเดินของทั้ง5กลุ่ม ทีละกลุ่ม
มู่หรงหยุนชูครั้นทราบแล้ว จึงพยักหน้าเบาๆ
แล้วมุ่นคิ้วครุ่นคิด หลังจากนิ่งคิดไปพักใหญ่ จึงเงยหน้าเอ่ยขึ้น “ตั้งแต่ท่านพ่อข้าได้ถึงแก่กรรมไป
สำนักมู่หรงและเหล่าพันธมิตรกลับเกิดความบาดหมางกันขึ้น
นี้ไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย”
หลังจากได้ยินวาจานั้น คราแรกเฉียนซ่งก่วนรู้สึกตกใจ แต่แล้วพลันเข้าใจกระจ่างแจ้ง เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ความหมายของคุณหนูก็คือ....”
“ฉวยโอกาสนี้
ไปทักทายพันธมิตรเราที่กำลังเดินทางเสียหน่อย เอาให้ซาบซึ้งตรึงใจไปเลยนะ “ มู่หรงหยุนชูเอ่ยขึ้นคล้ายกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ หาใช่เรื่องสลักสำคัญอันใดไม่
“ดี
ดียิ่งนัก!” เฉียนซ่งก่วนปรบมืออุทานออกมา
“คุณหนูช่างยืมมีดฆ่าคนได้ฉลาดปราดเปรื่องเสียจริง มิต้องเสียแรงไปเอาเงินที่สำนักดาบหมิงเจี้ยนคืนด้วยตนเองเลย!”
มู่หรงหยุนชูเม้มริมฝีปากเข้าหากัน สีหน้าเหยียดหยัน ไม่หวั่นเกรงสิ่งใด พึมพำว่า “คงต้องเขียนจดหมายกันเมื่อยมือแล้ว..”
ฝ่ายเฉียนซ่งก่วนพอคิดถึงจำนวนเงินที่โดนยักยอกเอาไป คิ้วสีเทาพลันกระตุกขึ้น มุมปากทั้งสองก็ยังกระตุกตามไปด้วย ได้แต่แอบทอดถอนใจเงียบๆ หากผู้นำไม่มีคุณธรรมแล้วไซร้ ประชาชนไม่อาจคาดหวังว่าจะมีคุณธรรมได้ สกุลมู่หรง ไม่มีบุคลที่ขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้ มีแต่คนที่มีสติปัญญาปราดเปรื่องอย่างเอกอุเท่านั้น
แต่ละคนต่างเชี่ยวชาญไปคนละแบบ ต่อให้เรื่องใหญ่โตเพียงใด เพียงแค่กระดิกนิ้วทีเดียว
ก็สามารถจัดการทุกอย่างให้ลุล่วงได้แล้ว หรือบางทีอาจเป็นเพราะคนเหล่านี้ขี้เกียจเกินไปที่จะเสียเวลาทุ่มเทลงมือด้วยตนเองก็เป็นได้
เจ้านายและลูกน้องทั้งสองต่างคุยกันอย่างออกรส พอคนหนึ่งพูดเพียงครึ่งประโยค อีกคนก็เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งในทันที ยามได้ยินถ้อยคำที่ทั้งสองคุยกัน นี่ฉิงกลายเป็นคนโง่งมไปทันที อดถามขึ้นมาไม่ได้ “ถามจริงๆเถอะ พวกท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรกันอยู่?” เหลียนซ่งก่วนพูดขึ้นมาแต่ละเรื่อง ล้วนเข้าใจยากทั้งนั้น ที่สำนักมู่หรงนี้ไม่มีคนปกติเลยหรือไร ?
มู่หรงหยุนชูยังคงมองเขาเป็นเหมือนอากาศธาตุ บอกลู่จีให้เตรียมชุดเครื่องเขียนมา
เฉียนซ่งก่วนพยายามตั้งใจอธิบายให้นี่ฉิงฟังด้วยความปรารถนาดี
“ ความหมายของคุณหนูก็คือ สำนักคุ้มภัยของเมืองเจิ้งหยวนได้รับมอบหมายให้คุ้มกันเงินหลายสิบล้านตำลึงอย่างเข้มงวดโดยให้คนภายนอกเข้าใจว่ากำลังคุ้มกันสินค้ามูลค่ามหาศาล จะได้รับแจ้งข่าวบิดเบือนว่า มีพวกหัวขโมย,กลุ่มอันธพาล
หรือพวกกองโจรอะไรเทือกนั้น ซึ่งแท้จริงก็คือพลพรรคของสำนักดาบหมิงเจี้ยน
5 กลุ่มที่กำลังอยู่ระหว่างเดินทางมุ่งหน้ามาหา
แล้วยืมมือพวกมัน ดึงเงิน 50ล้านตำลึงก้อนนั้นมาอย่างไรเล่า”
นี่ฉิงตกตะลึง
“นี่ท่านให้พวกโจรช่วยท่านปล้นทรัพย์รึ?”
“ไม่ได้ช่วยเรา ช่วยพวกเขาเอง เงินเหล่านี้ ใครที่เป็นผู้แย่งชิงไป ก็สมควรเป็นผู้นำกลับคืนมา”
“..แล้วอย่างนี้สำนักมู่หรงจะได้ประโยชน์อันใดเล่า?” แม้เขาไม่คิดว่าการทำเช่นนี้จะมีความหมายอะไรแก่สำนักมู่หรง ทว่าจากประสบการณ์อันน้อยนิดที่เขามี สตรีที่มีบุคลิกซับซ้อนผู้นี้ไม่เคยมีคำว่าขาดทุน ไม่มีทางแน่นอน ช่างเห็นแก่ได้นัก เอาคำว่า ‘ขาดทุน’
ออกไป นั่นถึงจะเป็นตัวตนของนางจริงๆ
เฉียนซ่งก่วนส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ พลันหน้าตาขึงขัง พลางเอ่ยขึ้น “ท้ายที่สุด
มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคนหนุ่มเช่นพวกเจ้า อา... นายหญิงน้อยของข้า ช่างมีสติปัญญาปราดเปรื่องกว่าพวกเรายิ่งนัก”
นี่ฉิงทำหน้าเหม็นเบื่อ
พ่นลมออกทางจมูก เออ..ประจบเข้าไป
สอพลอเข้าไป สิ่งที่เจ้าทำได้มีแต่ดูหมิ่นดูแคลนสติปัญญาผู้อื่นเท่านั้นหรอกรึ?!
เฉียนซ่งก่วนคล้ายจะเริ่มชินชากับกริยาของชายหนุ่มแล้ว เหลือบมองเขาอย่างเบื่อหน่าย พูดต่อไปว่า “เราสำนักมู่หรงที่ทำให้คนกลุ่มนั้นกลายเป็นโจรผู้ร้าย ล้วนมีสำนึกรับผิดชอบ
ในเมื่อพวกเขาสามารถปล้นเงินจากสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนเป็นผลสำเร็จ พวกเราจะจดจำคุณงามความดีของเขาเหล่านั้นมิลืมเลือน คราวหน้าเวลาผู้คุ้มกันสำนักมู่หรง ผ่านเส้นทางลงเขา ก็จะไม่ถูกดักปล้น มีแต่ความโชคดี ข้ายังจดจำได้ดีเมื่อตอนที่ข้า...”
นี่ฉิงคร้านที่จะฟังเขาย้อนอดีตความทรงจำที่ผ่านมาแล้วหลายปีดีดัก จึงถามขึ้นตรงๆด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ท่านเป็นพันธมิตรกับโจรด้วยรึ?”
“ช่างน่าแปลกใจอะไรเช่นนี้
นี่คืองานที่ทำกันระหว่างเราทั้งสองฝ่าย และคนพวกนั้นกลับกลายมาเป็นพันธมิตรรายที่สามเสียได้”
“เฉียนซ่งก่วนพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจยิ่งนัก
ส่วนนี่ฉิงถึงกับหูแว่วได้ยินเสียงของพันธมิตรรายที่สามขึ้นมาจริงๆ...
ขณะที่บุรุษทั้งสองคุยกัน
มู่หรงหยุนชูได้มอบจดหมาย 5 ฉบับที่เน้นย้ำความสัมพันธ์ความร่วมมือฉันท์พันธมิตรอันยาวนานในมือเฉียนซ่งก่วนเรียบร้อย “ส่งจดหมายเหล่านี้ด่วนที่สุด”
“ได้ขอรับ”
เฉียนซ่งก่วนรับคำสั่ง แล้วรีบจากไป
มู่หรงหยุนชูหันไปนวดข้อมือ
มองนี่ฉิงที่ยังอยู่ไม่จากไปไหนด้วยสายตาว่างเปล่า หญิงสาวเลิกคิ้วถามขึ้น “มีเรื่องอันใดรึ?”
นี่ฉิงนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ โพล่งขึ้นมาไม่มีหัวไม่มีหาง
“โจรกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกำลังร่วมมือกัน”
มู่หรงหยุนชูอึ้งไปสักพัก
เอ่ยว่า “เจ้าต้องการถอนตัวรึ?”
นี่ฉิงปากคอสั่น
โชคดีที่ไม่ได้พูดออกมาว่า ‘หากมีพวกเขาก็ย่อมไม่มีข้า’
มิฉะนั้นชีวิตน้อยๆของตนอาจตกอยู่ในความเสี่ยง “ยามนี้สำนักมู่หรงเป็นตัวแทนราชสำนักแล้ว การคบค้าสมาคมกับกลุ่มโจร ย่อมทำลายชื่อเสียงของแคว้น”
“ระหว่างการทำลายชื่อเสียงของแคว้นกับการทำลายสมบัติของชาติ
เจ้าจะเลือกทำสิ่งไหน?”
“แน่นอนย่อมต้องให้ความสำคัญกับสมบัติของชาติก่อน!”
“และข้าคือคนทำการค้า ผลประโยชน์ทางการค้าย่อมมาก่อนเพื่อน”
“ยามนี้เจ้าคือเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก
กินตำแหน่งทั้งผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินและเสนาบดีเท่าๆกัน ไม่สามารถมีจิตใจเอนเอียงได้”
“ดังนั้น
สำหรับข้า..เพื่อเงินของราชสำนัก”
มู่หรงหยุนชูชะงักไปชั่วอึดใจ และเอ่ยต่อ “ตามประสบการณ์ที่ข้าได้รับจากบิดาข้า กลุ่มโจรพวกนี้จะช่วยเราลดความสูญเสียได้อย่างมากมายมหาศาลโดยไม่คาดฝัน ”
นี่ฉิงหนักใจมาก กับคำว่าประสบการณ์ของบิดาข้า...ประสบการณ์ของบิดาข้า...เดิมทีคือ
‘หากผู้นำไม่มีศีลธรรมแล้วไซร้ ประชาชนก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะมีศีลธรรมได้’ มิใช่รึ ใต้หล้านี้ยังมีบิดาที่มีธิดาแบบนี้ด้วย!
**
ไม่เกินครึ่งเดือน ข่าวที่ว่าสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวน
โดนพวกโจรดักปล้นอย่างอุกอาจ 5 รอบ แล้วเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆไป แพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุให้เกิดความแตกตื่นตกใจไปทั่วทุกหัวระแหง ข่าวลือยิ่งถูกใส่สีตีไข่จนเกินจริงมากขึ้นเรื่อยๆ—
ยกตัวอย่างเช่น “ข้าได้ยินมาว่าคนของสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนที่ควรเป็นฝ่ายออกโรงปกป้องทรัพย์สินมีค่า
กลับไม่ทำอะไรเลย เอาแต่ยืนดูเฉยๆ ปล่อยให้ทรัพย์สินมีค่าถูกปล้นไปโดยง่ายดาย” หรือ “ข้าได้ยินมาว่าคนที่บุกปล้น แท้จริงแล้วคือประมุขพรรคมารโม่เจี่ยว”
ตั้งแต่นั้นมาสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนถูกยกเลิกงานคุ้มภัยตอนกลางคืน ไม่มีผู้ใดกล้าไปมาหาสู่กับสำนักนี้อีก
ส่วนสำนักดาบหมิงเจี้ยนรู้สึกผิดที่เป็นผู้ลงมือปล้นเสียเอง ยอมทิ้งเงินห้าสิบล้านตำลึง แล้วปิดปากเงียบไม่กล้าป่าวประกาศ คล้ายกับคนโดนต่อยจนฟันร่วงแล้วยังต้องกล้ำกลืนลงท้องไปเสียอีก
“เช่นนี้แล้วสำนักดาบหมิงเจี้ยนและสำนักคุ้มภัยจิ้งหยวนคงกลายเป็นคู่รักนกยวนยางที่ขื่นขมอกตรมจริงๆเข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า “ ลู่จีหัวเราะคิกคัก
มู่หรงหยุนชูมักเจอพฤติกรรมเส้นตื้นอันโง่งมของสาวใช้จนชินเสียแล้ว
จึงไม่ได้ใส่ใจนัก ยังคงนั่งอ่านตำราแพทย์ที่เก่าเก็บสีเหลืองซีดชื่อว่า
“ฉีหวงโบราณ” ต่อไป เพื่อค้นหาบันทึกของยากลืนวิญญาณ
“คุณหนู
ท่านไม่รู้สึกขำเลยหรือเจ้าคะ?” ลู่จีตะโกนใส่นายหญิงด้วยความไม่พอใจ
จงใจทำลายมาดไม่อินังขังขอบกับสิ่งใดๆของนายหญิง
มู่หรงหยุนชูรู้ว่า สาวใช้จะไม่กล่าวสิ่งใดที่ทำให้ระคายหู ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น ครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจแล้ว ถามขึ้น “ไฉนเจ้าถึงคิดว่าคนที่บุกปล้น คือประมุขพรรคมารเล่า?”
“เพราะว่าธิดาสาวหลินชู่เออร์ของสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวน เคยแย่งตัวอดีตคู่หมั้น ของคู่หมั้นของประมุขพรรรคมารยังไงล่ะเจ้าคะ!” ลู่จีรีบหายใจเอาอากาศเข้าไปหนึ่งเฮือก ก่อนจะถอนหายใจยาวๆออกมาอีกหนึ่งเฮือก
มู่หรงหยุนชูเหลือบมองนางแวบหนึ่ง
“ไม่คิดว่าพูดเกินจริงไปหน่อยหรือ?”
“ทำให้คู่รักเลิกกัน
แล้วช่วยจับคู่กับคนใหม่ให้ นับว่าหลินชู่เอ๋อร์ผู้นี้ทำดีจริงๆ
“ พอกล่าวถ้อยคำนี้เสร็จ
มู่หรงหยุนชูจึงก้มหน้าอ่านตำราต่อ นี้คือตำราแพทย์ 19 สาขาโบราณ ซึ่งยังไม่มีการบันทึกเรื่องยาพิษกลืนวิญญาณเลย เช่นนั้นนางคงต้องจบชีวิตลงเป็นแน่แท้ หญิงสาวที่น่ารักอย่างนางจะลงเอยด้วยชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนี้หรือ?
ลู่จีค้อนใส่อย่างหนักหน่วง ด้วยสีหน้าเอือมระอาสุดๆ
เอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล “คุณหนู นางแย่งอดีตคู่หมั้นของท่านไปนะเจ้าคะ”
มู่หรงหยุนชูยกยิ้มนิดหนึ่ง
แล้วแก้ไขคำพูดให้ใหม่ว่า “ไม่ใช่ ที่นางแย่งไปได้คือรองเท้าคู่เก่าที่ข้าไม่ต้องการ” ทันทีที่ให้นางหมั้นหมายกับฟางหงเฟย บิดาได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตแล้ว ซ้ำยังเป็นรอยด่างพร้อยที่สุดในชีวิตนี้ของนางอีกด้วย
นางไม่เคยคิดหรือสนใจหลินชู่เอ๋อร์ผู้นี้เลย ความล่มจมของสำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนที่เกิดขึ้น พวกเขาสมควรต้องตำหนิตัวเองเท่านั้น สำนักคุ้มภัยเจิ้งหยวนย่อมรู้ว่า สำนักดาบหมิงเจี้ยนได้ยักยอกเงินห้าสิบล้านตำลึงของบิดานางมาโดยไม่ชอบธรรม ทว่ากลับยังร่วมมือกันกระทำสิ่งชั่วช้า เช่นนั้นย่อมสมควรแล้ว ที่จะลงนรกไปพร้อมๆกัน
------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับการทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ต้องขออภัยที่ อัพล่าช้าด้วยค่ะ เพราะผู้แปลสับสนและเข้าใจผิดกับเนื้อเรื่องบางส่วน จึงมีการไปปรับแก้ในช่วงท้ายๆของบทที่ 23 ด้วยค่ะ สำหรับอีกบทคงต้องขอยกยอดไปคราวหน้านะคะ
อ่านตอนนี้แรกๆงงนิดหน่อย
ตอบลบรู้แล้วทำไมงง เราอ่านผิดเรื่องกร๊ากกกกกก
ตอบลบขอบคุณค่ะ...สนุกมากค่ะ
ตอบลบรออยู่นะค้า
ตอบลบรอๆๆเมื่อไรจะได้อ่านนะ ขอบคุณมากๆๆคะ
ตอบลบ