กล้ามเนื้อบนใบหน้าสองข้างของเหลียนลี่บูดเบี้ยวเห็นได้ชัด
เขาปิดเปลือกตาลงราวกับไว้อาลัยให้ตัวเอง นังฟู่เหรินน่าตายผู้นี้ก่อความหายนะให้ตัวเองแท้ๆ
คงได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรม!
ในที่สุดนางก็พาตัวเองไปสู่จุดจบอันน่าสังเวช แถมยังพาเขาติดร่างแหไปด้วย!
จางลี่เจิ้งนั้นเป็นขุนนางประจำหมู่บ้าน ในหมู่บ้านต้าฟางนี้ ถือว่าเขาเป็นคนที่ใหญ่ที่สุด!
เป็นคนที่ไม่ควรมีปัญหาด้วย ไปมีเรื่องกับเขาเพียงครั้งเดียว ก็เพียงพอให้ได้รับผลร้ายที่จะตามมาแล้ว!
เหลียนลี่ไม่แน่ใจว่าจะต้องชดเชยความสูญเสียไปอีกมากเท่าไร กับการที่ไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอากับจางลี่เจิ้ง จนกว่าจะทำให้เขาเย็นลง
ถึงแม้ว่าเขาหายโกรธแล้ว
จางลี่เจิ้งย่อมผูกใจเจ็บไม่เลิกเป็นแน่แท้ ในภายหน้าหากเกิดเรื่องเกี่ยวกับข้อราชการอันใดขึ้นมา ใครเล่าจะไขข้อข้องใจให้กระจ่าง ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของตนเองแล้ว
นางฟู่เหรินน่าตายผู้นี้ เอาแต่พ่นคำเน่าเหม็นออกมาอยู่ได้!
แต่ก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรเกิดขึ้นเมื่อใด
เหลียนลี่จะซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง
พร้อมๆกับวางท่าเป็นคนดี ปล่อยให้ฮูหยินเฉียวออกหน้าข่มเหงผู้อื่น ทว่าสุดท้ายแล้ว ตัวเขาเองก็หนีไม่พ้น ย่อมต้องลิ้มรสผลลัพธ์อันเจ็บปวดที่จะตามมา
“เจ้า..” จางลี่เจิ้งผู้มีชื่อเรื่องความเที่ยงธรรมมีสีหน้าซีดเผือด
ได้แต่จ้องหน้าฮูหยินเฉียวโดยไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยอันใดออกมาดี
แม้ว่าเขาจะโมโห ทว่าไม่อาจให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลได้ เรื่องที่เหลียนฟางโจว ส่งถ่านมาให้ครอบครัวเขา ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างร่ำลือกัน
และก็เป็นเรื่องจริง ฮูหยินเฉียวกล่าวแถลงออกมาเสียมากมาย เขาไม่อาจแก้ตัวไดๆได้ เพราะว่ายิ่งไปอธิบายมากเท่าใด
ก็ยิ่งเข้าตัวมากเท่านั้น
และหากจะว่ากันอย่างยุติธรรมจริงๆ
หากเขาไม่มีท่าทีเอนเอียงเช่นนั้น วันนี้ที่เหลียนฟางโจวมาขอร้องเขา ซ้ำยังขอให้เขาเชิญผู้อาวุโสในหมู่บ้านให้มาเป็นสักขีพยาน
ยังไม่นับที่นางขอร้องเขาและผู้อาวุโสให้ยืนฟังอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเหลียนลี่ก่อนเข้าไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมตกลงรับปากนาง
อย่างเต็มอกเต็มใจเช่นนั้น
“ป้าใหญ่! หากท่านจะโกรธเกลียดข้า ก็จงพูดกับข้าผู้ซึ่งมีชะตากรรมเลวร้ายเถิด อย่าได้แว้งกัดผู้อื่นส่งเดชเลย!” เหลียนฟางโจวโพล่งขึ้นทันใด
“ใช่
ข้าส่งเศษถ่านไปให้บ้านท่านจางลี่เจิ้ง
ในบ้านท่านจางลี่เจิ้งมีหลานชายตัวน้อย จึงต้องคอยตากผ้าอ้อมให้แห้งอยู่เสมอ ที่บ้านนั้นจึงเอาผ้าอ้อมมาผิงกับเตาถ่านให้แห้ง เพียงแค่บ้านข้ามีถ่านเหลือใช้ แล้วส่งไปให้เพื่อนบ้าน ก็ไม่สามารถทำได้หรือ? น้องข้าหลายคนยังเล็กนัก ซ้ำพวกเรายังไม่มีญาติสนิทมาช่วยเหลือ ที่ตัวข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อความอยู่รอด
เผื่อในภายภาคหน้าหากเกิดเรื่องใดๆ ก็คิดว่าลุงลี่เจิ้งคงสามารถช่วยเหลือ ช่วยพูดให้ความเป็นธรรมกับพวกเราได้ไม่มากก็น้อย
แค่เรื่องเท่านี้ อย่าบอกข้านะว่าทำไม่ได้!”
เหลียนฟางโจวนั้นคราแรกได้ส่งถ่านไปให้เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ในภายภาคหน้า
แต่ต่อมาภายหลังได้ส่งถ่านให้บ้านจ้างลี่เจิ้งด้วยใจที่อยากดูแลเด็กตัวน้อยเป็นสำคัญ
ไม่ว่าจะยุคสมัยใดล้วนเหมือนๆกัน
เด็กที่เกิดมาในสกุลที่มีเกียรติมีน้อยมาก การส่งของฝากให้เพื่อเห็นแก่เด็กๆ ไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่มีใครว่าอะไรได้ ! ยิ่งยามนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว จะตากเสื้อผ้าให้แห้งยิ่งยากลำบากขึ้น หากมีบ้านไหนส่งถ่านที่เหลือใช้มาให้ ย่อมถือว่ายอมรับได้
การเที่ยวขอความช่วยเหลือให้ครอบครัวตนเอง ด้วยคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ ผู้ใดได้ฟังแล้วอดรู้สึกเวทนาไม่ได้
ครั้นแล้วจางลี่เจิ้งจึงถอนหายใจออกมา
“ฟางโจว เจ้าเด็กคนนี้ช่างรักครอบครัวอย่างที่สุด น่าเวทนานัก
!
ตั้งแต่ตัวข้าเข้ารับตำแหน่งในหมู่บ้านนี้มา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดข้าย่อมคำนึงถึงเความเที่ยงธรรมเท่านั้น! สิ่งที่เจ้าให้มา
ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ!”
เหลียนฟางโจวพูดอย่างตรงไปตรงมา “ที่เป็นเช่นนั้น เพราะในบ้านข้าไม่มีเสาหลักให้พึ่งพิง ใจข้ามิอาจสงบได้เลย! ข้ารู้ดีว่าตัวข้าเป็นคนประเภทที่ต้องแสวงหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมั่นคงปลอดภัย! มิหนำซ้ำถ่านที่บ้านข้าก็พอใช้อยู่แล้ว เวลาไปเยี่ยมเยียนแล้วหยิบติดไม้ติดมือเป็นของฝากให้ผู้อื่น ก็เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจล้วนๆ! ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไฉนป้าใหญ่ต้องระรานผู้อื่นด้วย! ”
“หยุดเถิด
ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว!” จางลี่เจิ้งตัดบท “แค่ที่เจ้าพูดมานี่ เดิมทีหาใช่สิ่งที่จะพูดออกมาได้ง่ายๆ ! ข้าและเจ้าต่างจัดการภาระหน้าที่ด้วยสำนึกผิดชอบชั่วดี ไยจะต้องกลัวสิ่งใดเล่า!”
เหลียนฟางโจวพยักหน้า แล้วหันไปหาฮูหยินเฉียว
“ป้าเฉียว..ท่านเพียงแต่อ้างถึงลุงลี่เจิ้ง ตัวข้าเองก็เคยส่งถ่านไปให้ท่านและลุงเหลียนด้วยมิใช่รึ?! ท่านจำไม่ได้แล้วหรือ? ไฉนท่านถึงไม่นึกบ้างว่า ข้าได้ส่งถ่านไปให้ท่านเพื่อแสดงความเคารพพวกท่านในฐานะญาติผู้ใหญ่
ไยท่านถึงกลับมาจับตัวข้าไปขายได้ลงคอ! ช่างน่าผิดหวังนัก!”
ฮูหยินเฉียวอึ้งงัน อึ้งจนแทบบ้า
หน้าเปลี่ยนเป็นสีดำทมึนโดยพลัน พลางก่นด่าออกมา
“นังเด็กน่าตายคนนี้ ข้าอีแก่ผู้นี้บอกได้เพียงว่า ไอ้การส่งถ่านมาให้พวกข้า ที่เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้มาจากความปราถนาดีหรอก ! แท้จริงแล้วเป็นเพราะเจ้าจ้องจะเล่นเล่ห์เพทุบายด้วยจิตคิดไม่ซื่อก็เท่านั้น! ฮึ่ม..แท้จริงแล้วเจ้าหวังจะจับพวกเรา จึงเสแสร้างทำเป็นมาดูแลญาติผู้ใหญ่ ทีข้าไปเก็บผักบ้านเจ้ามาสักจาน เจ้าก็ไม่ให้! นับประสาอะไรกับถ่านนั้นเล่า เจ้าให้ก็เพื่อหวังผลประโยชน์ให้ตัวเองเท่านั้น
!”
ที่เหลียนฟางโจวเป็นฝ่ายส่งถ่านให้แก่บ้านลุงและป้า เจตนาก็เพื่อป้องกันตนเองเป็นหลัก เธอรู้ซึ้งดีว่าหากส่งถ่านไปให้บ้านลุงและป้าด้วย ภายหลังเผื่อมีการโวยวายขึ้นมา ก็สามารถอ้างหลักฐานได้ สุดท้ายเสียงโวยวายไม่น่าฟังก็เกิดขึ้นมาจนได้ ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะส่งผลดีมหาศาลเกินที่คาดไว้
หญิงสาวส่งเสียงสะอึกสะอื้น
“ป้าใหญ่ ไยท่านถึงได้กล่าวเช่นนี้!
ข้ารึอุตส่าห์กระทำด้วยความตั้งใจดี
ลงท้ายปากท่านกลับพ่นออกมาว่าข้ากระทำด้วยใจคิดคดไม่ซื่อ! เพราะเหตุเช่นนี้ท่านถึงได้ด่าว่าข้ามากมาย ข้ามินึกเลยว่าท่านจะคิดคดขายข้า หวังให้ผู้อื่นมาซื้อข้า ทั้งๆที่ข้าส่งถ่านไปให้บ้านท่านด้วยความปราถนาดี แต่ท่านกลับตอบแทนข้าเช่นนี้ หวังว่าวันนี้คงได้กระจ่างแจ้งต่อหน้าท่านลุงลี่เจิ้งและเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านแล้ว คำพูดเช่นนี้ของท่านช่างสุดจะทนนัก! ท่านก็มีแปลงผักเหมือนกัน ไฉนจึงไม่เก็บผักที่สวนบ้านท่านเล่า? ผักที่บ้านของเรามีแค่ให้พอกินไปวันๆ หากมีมากมาย
ข้าจะไม่อาจให้ท่านได้อย่างไร! แล้วเรื่องถ่าน ป้าจางและครอบครัวพวกเขาได้ปันถ่านส่งให้ผู้อาวุโสของหมู่บ้านหลายคน
รายละเล็กละน้อย เพราะรู้ว่าผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านขี้หนาว นี่ก็เพื่อแสดงความเอื้อเฟื้อมีน้ำใจ!”
“เจ้าผู้เป็นใหญ่ของสกุลเหลียน ตัวเจ้าจงฟังไว้นะ หญิงผู้นี้เวลากล่าวถ้อยคำอันใดออกมา! ข้าตาแก่คนนี้ฟังแล้วไม่พอใจและน่าดูถูกเอามากๆ พาลให้ขายหน้านัก! “ ผู้อาวุโสแต่ละท่านมีความรู้สึกไม่ต่างกัน แทบจะระเบิดโทสะพวยพุ่งออกมาให้ได้ ผู้หญิงน่าตายผู้นี้ ยิ่งพูดใส่สีตีไข่ ยิ่งหน้าตาถมึงทึง แสดงท่าที่เช่นนี้ แสดงว่าย่อมกระทำลับหลังที่บ้านด้วย ปล่อยให้นางทำตัวไร้เหตุผลได้เยี่ยงนี้ แสดงว่าเหลียนลี่ไม่อาจสั่งสอนนางได้แล้วจริงๆ!
ใบหน้าเหลียนลี่แดงก่ำบูดบึ้ง จนแทบจะพ่นควันออกมา พอได้ยินเช่นนั้นก็สาวเท้าตรงเข้าไป แล้วเอามือทั้งสองข้างตบบ้องหูของฮูหยินเฉียวไปทีหนึ่ง
พอหายตกตะลึงแล้ว ฮูหยินเฉียวจึงกรีดร้องตาขวาง พร้อมทั้งทุ่มตัวโจนเข้าใส่อย่างแรงทันที เหลียนลี่ตวาดเสียงกร้าว “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! หากยังไม่เลิกข้าจะหยุดเจ้าเอง! ”
ฮูหยินเฉียวชะงักไป พลางทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นทันที แล้วเอามือตีต้นขาร่ำไห้เสียงดัง เริ่มแสดงอาการคุ้มคลั่ง
จางลี่เจิ้งและผู้อาวุโสของหมู่บ้าน
โดยทั่วไปไม่เคยพบหญิงขี้โมโหท่าทีอันธพาลและเจ้าเล่ห์เช่นนั้นมาก่อนเลย ถึงในหมู่บ้านจะมีหญิงขี้โมโห แต่ก็ไม่เคยมีบ้านใดที่เอะอะโวยวายเสียงดังเยี่ยงนี้
คนเช่นฮูหยินเฉียว ถือว่าเป็นรายแรก
!
สีหน้าของผู้คนในที่นั้นจึงบูดบึ้งดูไม่ได้
แท้จริงแล้วฮูหยินเฉียวประพฤติตัวเยี่ยงนี้เป็นปกติธรรมดาหรือเปล่า หรือทำเป็นบางครั้ง และบางทีอาจเคยกระทำต่อหน้าเหลียนฟางโจวอยู่เสมอ หากเป็นเช่นนี้ ก็คงเพียงพอทำให้บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่อึมครึม ไหนเลยจะสะกดกลั้นไม่ให้ปะทุออกมาได้?
ใครๆย่อมรู้ว่าแต่ก่อนสกุลเหลียนบ้านรอง
ต้องผ่านมรสุมชีวิตจากที่เคยพอมีฐานะกลับต้องมาตกต่ำถึงขีดสุด ไหนเลยพวกเขาจะไม่ลำบากยากแค้นเล่า? ทุกวันนี้สมาชิกแต่ละคนต่างก็สูญเสียมากพอแล้ว พอเจอปัญหาประปรายเป็นระยะๆเข้าไป ก็เพียงพอให้เหลียนฟางโจวต้องหน้าตาบึ้งตึง !
ลุงสามแซ่จางกระแอมไอดังขึ้น พลางตบโต๊ะน้ำชากล่าวเสียงเย็น “ดูเหมือนว่าเรื่องในวันนี้ เหลียนเฉียวซี่ ไม่เห็นเหล่าผู้อาวุโสเช่นเราอยู่ในสายตาของเจ้า ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าขายหลานแท้ๆได้ลงคอ! เจ้ายังอยากจะสร้างปัญหาต่อใช่หรือไม่? ดี... เพื่อเห็นแก่เจ้า พวกเราได้มองหาสถานที่เงียบๆให้เจ้าได้ส่งเสียงดังได้เต็มที่แล้ว พอเจ้าส่งเสียงดังจนสาแก่ใจแล้ว พวกเราและเจ้าจะได้กลับมาเจรจาเรื่องนี้กันต่ออีกครั้ง!”
ศาลบรรพบุรุษในแต่ละหมู่บ้านจะสร้างห้องเล็กๆที่ทั้งแคบและเตี้ยอยู่ทางปีกด้านข้าง เป็นห้องเล็กๆที่ไม่มีหน้าต่าง ทั้งแคบและเตี้ย มีเพียงรูระบายอากาศเล็กๆบนหลังคา มีประตูพอให้ลอดผ่านได้ ข้างในทั้งมืดทึบและเย็นเยียบ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำผิดเป็นการชั่วคราว เพื่อรอลงโทษต่อไป
เพราะว่าสภาพห้องที่เล็กจิ๋วเช่นนี้
จึงไม่มีผู้ใดอยากกร้ำกรายเข้าไปนัก
ลุงสามแซ่จางหมายความออกมานี้ ก็เพื่อจะจับป้าเฉียวขังอยู่ในนั้น
เดิมทีสีหน้าฮูหยินเฉียวซึ่งกำลังเอาแต่ทุบตีต้นขาตนเองร่ำไห้เสียงดัง
ถึงกับซีดขาว ร่างทั้งร่างแข็งทื่อในทันที จากที่กำลังร่ำไห้โหยหวน ก็หยุดเอาเสียดื้อๆ
หากถูกโยนใส่ไปในห้องที่มืดทึบ ไม่เพียงจะทรมานกับความเหน็บหนาวทั้งยังน่ากลัวอีกด้วย จากนี้ไปผู้คนในหมู่บ้านคงไม่อยากเหลือบหางตาแลนาง
แม้ว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ! ฮูหยินเฉียวเริ่มหวาดกลัว
และเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ
นางไม่ได้เสียใจอะไรอื่นหรอก แต่ค่อนข้างเสียใจที่ไม่ควรไปแว้งกัดคนสกุลลี่เจิ้งเลย และไม่ควรไปแตะต้องพวกผู้อาวุโสของหมู่บ้านที่เข้าร่วมไตร่สวนด้วย
นางเริ่มตกใจกลัว และเริ่มกลับมามีเหตุผลบ้างแล้ว ซ้ำยิ่งเกลียดขี้หน้าเหลียนฟางโจวมากขึ้น
และสรุปเสร็จสรรพว่าทั้งหมดเป็นเพราะเหลียนฟางโจวที่เป็นผู้ทำร้ายนาง
--------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ
ช่วงนี้งานยุ่งมากค่ะ แปลได้วันละนิดละหน่อย เลยหายไปหลายวันเลย ^-^
ต้องโดนให้หนัก คนอะไรเห็นแก่ตัวจริงๆ
ตอบลบยัง ยัง ยัง ยังไม่สำนึกอี๊กกกกกกกกก อยู่เงียบๆเรื่องก็จบละ มโนได้อีกกกกกเขาอยู่ของเขาเฉยๆ อ่าว เหลียนลี่หล่ะ จะปล่อยเรอะ
ตอบลบยัง ยังอีป้ายังไมาสำนึกอีก เลวจริงๆๆ
ตอบลบขอบคุณจ้า
ตอบลบใยชีวิตจริงมีจริงๆครับ คนอื่นผิดหมด
ตอบลบคนเราถ้าทำผิด จะต้องหาแพะมากล่าวโทษ ว่าผิดที่คนอื่น
ตอบลบขอบคุณค่าา
ตอบลบสรุปแล้วยังโยนความผิดให้คนอื่นอีก นี่มันมนุษย์ป้า2017ที่แท้ทรูจริงๆเลย เหนื่อยใจกับนางมาก
ตอบลบจับขังยาวไปเลยค่ะ อย่าได้ออกมาก่อความวุ่นวายอีกเลย...
ตอบลบป้านี่หาได้สำนึกเลยสักนิด
ตอบลบรออ่านต่อนะคะ ^ _ ^
ยังไงก็รอด่ะ รออบคุณมาก
ตอบลบขอบคุณค่ะไรท์///มาถึงตอนนี้ยังไม่มีสำนึกเลยขอให้โดนลงโทษหนักๆ
ตอบลบคนแบบนี้ก็มีด้วย นี้ถ้าเป็นเรื่องอื่นนะ ตายไปนานละ 55
ตอบลบขอบคุณมากค่า 🌸😊
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ