วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 114 อาละวาด(5)

                 ยามเห็นภรรยาตนเองร่ำไห้วิ่งหนีไปเช่นนั้น  เขาหาได้รู้สึกรู้สาไม่   เอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่   ไม่รู้จักไล่ตามนางไป  นี่มันหมายความอันใดเห็นบ้านสกุลหัวเป็นอะไร!
                  โทสะแม่เฒ่าหัวพุ่งพล่าน  ลงท้ายไม่อาจเปลี่ยนหยางหวายชาน ลูกเขยคนนี้  ไม่ให้เป็นลูกเขยได้แล้ว   ฟังดูร่ำๆคงต้องเตรียมไว้ทุกข์ด้วยความชอกช้ำแล้ว  หญิงสูงวัยขบกรามแน่น  
             ยิ่งพาให้นางขุ่นเคืองใจมากขึ้นอีก   ช่างน่าละอายนักคนสกุลเหลียนบ้านนั้นมีอะไรดีนักหนากัน  พากันหายหัวเข้าบ้านเป็นนานสองนานแล้ว  ทว่าตัวเขายังเอาแต่ยืนนิ่งเหม่อลอยอยู่ที่เดิม!

             หยางหวายชานพลันสะดุ้งตื่นจากภวังค์  เบนสายตาหม่นเศร้าไปหาแม่เฒ่าหัว  ไม่หือไม่อือ  ได้แต่เดินตามไปบ้านสกุลหัวเงียบๆ
                  “เจ้า..” แม่เฒ่าหัวหมั่นไส้ท่าทางเงื่องหงอยคอตกของหยางหวายชานนัก  อยากจะด่าสักหนึ่งยก  แต่พอเหลือบเห็นเสี้ยวหน้าหยางหวายชาน มีแต่รอยเลือดแห้งกรัง  จำต้องหุบปากลงอย่างรู้งาน  
        เรื่องมันลงเอยเช่นนี้  พูดได้เลยว่าไม่ดีแน่  ประการหนึ่ง มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว  ประกอบกับหยางหวายชานมิได้มีส่วนผิดไปเสียทั้งหมด  เรื่องนี้จะดีชั่วอย่างไร  ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป....
                  ขณะที่ฝั่งสกุลหัวกำลังครุ่นคิดหาวิธีร้อยแปด  ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในอย่างไรดี    เหลียนฟางโจวและคนในครอบครัวหาได้สนใจไม่  พากันกลับเข้าเรือนไป  เหลียนเซ่อนับว่าฉลาดทีเดียว  เด็กหนุ่มคอยเฝ้าปลอบโยนพี่สาวไม่ห่าง  ดูท่าทางพวกเขายังคงเคร่งเครียดระวังตัว  แม้จะเป็นฝ่ายชนะ   พาให้เหลียนฟางโจวหัวเราะขำ  พูดไปหัวเราะไป  มิได้อินังขังขอบกับเรื่องที่เพิ่งเจอเลย   พอหลายคนเห็นนางยังหัวเราะได้   จึงพากันโล่งอก                              “มือเจ้ายังปวดอยู่ไหมเจ้าช่างโง่นัก!”  เหลียนฟางโจวดึงมือเหลียนเช่อมาเช็ดทำความสะอาด  ถอนใจเบาๆ
             ถึงปากจะว่าเหลียนเช่อที่ทำอะไรโง่นั้น  แท้จริงแล้ว  เธอรู้ซึ้งถึงความคิดของน้องชายคนนี้ดี                  
                  ในบรรดาน้องๆของเธอ  เหลียนเช่อนับว่าฉลาดปราดเปรื่องที่สุด  หากไม่นับเหลียนฟางฉิงนางฟ้าตัวน้อยแสนซน   เหลียนเช่อล้วนทำให้เธอชื่นอกชื่นใจ  ช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก  ทำให้ตัวหลักอย่างพี่ทั้งสอง  สามารถตัดสินใจทำสิ่งต่างๆให้ลุล่วงไปด้วยดี
             สถานการณ์ตอนนั้น  หากเหลียนเช่อไม่ปรี่เอาตัวเข้าไปขวางหลิวซื่อไว้  หลิวซื่อต้องรีบกระโจนเข้าสู้ฟัดนัวเนียกับเธอแน่   ซึ่งพอได้มีการลงไม้ลงมือกันแล้ว  ก็ไม่อาจใช้เหตุผลเข้าสู้ได้อีกต่อไป  สิ่งที่เธอจะได้รับก็คือแม่เฒ่าหัวและลูกสาวก็จะเล่นบทบาทสาปแช่งด่าทอจนหนำใจ   เพื่อโหมกระพือแรงโทสะหญิงสาวให้มากขึ้น  และเธอก็จะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หมดรูป
             หรือลงท้ายเธอสามารถหว่านล้อมฝ่ายตรงข้าม  ให้มาสู้กันด้วยเหตุผลจนได้   ทว่าเธอผู้ยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน   ได้เผลอลงไม้ลงมือกับฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว  ซึ่งเรื่องนี้คงได้ร่ำลือไปทั่ว   ตัวเธอยังจะมีชื่อเสียงดีๆเหลืออยู่อีกหรือ?
                  แต่เพราะเหลียนเช่อเข้ามาขวางกะทันหัน  มือของเด็กชายจึงบาดเจ็บได้เลือด  เป็นเหตุให้หลิวซื่อเลิกใช้กำลังไปทันใด  ยังผลให้เรื่องราวคลี่คลายลง
             เหลียนเช่อเสียสละเพื่อเธอแท้ๆ 
                  เหลียนเช่อเงยหน้าขึ้น  คลี่ยิ้ม  พลางส่ายหัว “พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร  แค่แผลถลอกเท่านั้น!” 
             เจ้านี่นะ...เฮ้อ”  เหลียนฟางโจวหัวเราะอ่อนโยน “ไปล้างหน้าล้างล้างตาเสีย  จะได้ทายา หลายวันนี้อย่าให้แผลถูกน้ำเล่า  แล้วอย่าเผลอไปกระทบสิ่งใดเข้า  ระวังความสะอาดให้จงดี!” 
             ในบ้าน  มีสมุนไพรเป็นอันมากที่อาเจี่ยนเสาะหามาให้  ชายหนุ่มสอนให้คนในบ้านแต่ละคนรู้จักวิธีใช้   เหลียนฟางโจวเอาสมุนไพรที่ได้รับทั้งหมดนั้น  ไปตากแดดให้แห้ง   เตรียมไว้เผื่อเวลาจำเป็นต้องหยิบใช้   
                  “พี่สาม  ท่านยังต้องใช้มือเขียนเรียนหนังสืออยู่นะ  อย่าปล่อยให้มือเป็นแผลล่ะ!”  เหลียนฟางฉิงเอ่ยเตือนยิ้มๆ  คนที่เหลือได้ยินต่างหัวเราะออกมา  พาให้เหลียนเช่อยิ้มเขิน
                  “โอ้วข้าจะไปเอาน้ำร้อนมาให้  เจ้าคอยเดี๋ยวนะ!” ป้าสามเอ่ยขึ้น  ในใจยอมรับนับถือเหลียนฟางโจวโดยไม่มีข้อแม้  และเหตุการณ์ในวันนี้  ทำให้นางประจักษ์แล้วว่า  การทะเลาะโวยเสียงดังเสียงดังแบบเดิมนั้น ไม่อาจป้องกันฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด
             ป้าสามวางเฉย  ปล่อยให้เหลียนฟางโจวลงมือแก้ปัญหาไปเพียงลำพัง  ซ้ำยังปล่อยให้หญิงสาวเดิมพันตัวหยางหวายชาน  ว่าจะดีจะชั่ว ก็ยังเป็นวิญญูชน  เดิมพันว่าเขาไม่กล้าโป้ปด   คงไม่น่าทำตัวหน้าด้านหน้าทน 
        ป้าสามเอาน้ำมาให้ เหลียนฟางโจวประคองมือเหลียนเช่อมาล้างทำความสะอาดแผลอย่างระมัดระวัง  อาเจี่ยนบดสมุนไพรในถ้วยกระเบื้องหนาใบเล็กจนละเอียด  เตรียมไว้แล้ว  ผสมน้ำร้อนลงไปพอให้จับตัวข้น  แล้วส่งให้เหลียนฟางโจว
             เหลียนฟางโจวเงยหน้ามองชายหนุ่ม   สายตาทั้งคู่ทอประสานกัน  อาเจี่ยนรีบพยักหน้ายิ้มให้เธอ   ความห่วงใยลึกซึ้งฉายชัดบนดวงตาอีกฝ่าย  เหลียนฟางโจวยิ้มขอบคุณ  พยักหน้าเบาๆเป็นนัยว่านางไม่เป็นไร
        อาเจี่ยนมิได้เอื้อนเอ่ยอันใด
                  เหลียนฟางโจวนำยาสมุนไพรพอกบนฝ่ามือของเหลียนเช่อ  พันด้วยผ้าสะอาด  แล้วปล่อยเหลียนเช่อและฟางฉิงทั้งสองออกไปเล่นด้วยกัน
             เธอพรูลมหายใจเบาๆ  ยืนขึ้น แล้วไปหาน้ำดื่ม  
                  “วันนี้เจ้าต้องออกไปหรือไม่?ป้าสามถามขึ้น  ขณะเอาอ่างน้ำไปเก็บ  
                  “ต้องออกไปแน่อยู่แล้วข้าต้องเข้าเมืองวันนี้!   จึงแวะเข้าบ้านก่อน”  เหลียนฟางโจวเอ่ยขึ้น พลางสบตาอาเจี่ยน
        มีเหตุผลอันใดที่นางจะไม่ออกนอกบ้านเล่า?   มิได้ไปทำเรื่องน่าละอายอันใดนี่ ตราบใดที่เปิดเผยและสัตย์ซื่อ นางหาได้เกรงกลัวสิ่งใดไม่!
        ไม่ต้องรอให้นางพูดต่อ  อาเจี่ยนเอ่ยยิ้มแย้ม “ท่านพักสักครู่แล้วค่อยไปดีไหม  รอข้าไปเตรียมรถเกวียนก่อน”
        “อา จริงสิ!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม  ซ้ำยังผินหน้าไปหาเหลียนเซ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตามอาเจี่ยนไปเตรียมรถเกวียนด้วยสิ  จะได้เรียนรู้วิธีขับ”
                  “ได้เลย!  พี่ใหญ่  ปกติ ข้ามักให้พี่เจี่ยนสอนอยู่ตลอด!”  เหลียนเซ่อผงกหัวตอบรับ 
                  เหลียนฟางโจวยิ้มชื่นชม  พลางหันไปดื่มน้ำ  ไม่กล่าวอันใดอีก
             เนื่องจากมัวแต่ชักช้าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  พอใกล้เที่ยง  เหลียนฟางโจวจึงไม่ร่ำไรอีกต่อไป  เตรียมสัมภาระลวกๆ   ไม่ช้าก็ยัดถุงเงินในอกเสื้อ  ตรงไปบ้านสกุลลี่เจิ้ง 
                  ข่าววีรกรรมของสะใภ้สกุลหัวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านต้าฟางดั่งไฟลามทุ่ง  ลูกบ้านจำนวนไม่น้อยรู้เรื่องหมดแล้ว   ไม่เว้นแม้แต่หนิวซื่อ  
        พอเห็นเหลียนฟางโจวมา  หนิวซื่อจึงอึ้งงันไปทันที    รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อ้าว  ฟางโจวมาแล้วหรือ!”  น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจกว่ายามปกติ
             “ท่านน้าสบายดีไหม!  น้าลี่เจิ้งอยู่หรือไม่?”  เหลียนฟางโจวยิ้ม เป็นกันเองดังแต่ก่อนไม่เปลี่ยน  สีหน้าเป็นปกติ   นึกขันในใจ  โลกนี้นี่จริงๆเลย  คนเราต้องทำตัวโหดเหี้ยมเท่านั้น  ถึงจะได้รับเกียรติโดยง่ายเช่นนั้นหรือ?   คราแรกเจอหน้ากันเมื่อสองวันก่อนเป็นอย่างหนึ่ง   วันนี้เจอกันอีก   หลายคนในหมู่บ้านคงไม่กล้าหาเรื่องเธอแล้วกระมัง?
             ฟางโจวมาแล้วหรือรีบเข้ามาสิ!” จางลี่เจิ้งเองย่อมได้ยินเรื่องกล่าวขวัญมาบ้าง  ฟังดูแล้วหารู้สึกอันใดไม่  ยังคงทำตัวเหมือนดั่งเคย  ตัวเขาเป็นขุนนาง  ย่อมเห็นโลกมามาก
             “ข้านึกว่าเจ้าจะมาตอนเย็นเสียอีก!  มาเพลานี้ก็ดีแล้ว  ของรวบรวมได้จวนครบแล้ว!” จางลี่เจิ้งเปิดปากหัวเราะ ในมือถือสมุดบันทึกที่มีลายมือชื่อ
                  “สองสามวันมานี่  ลำบากท่านน้าลี่เจิ้งแล้ว!”  เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มขอบคุณ  
             หนิวซื่อตามเข้ามาด้วย  พอได้ยินคำสนทนาก็ทำหน้านิ่วใส่จางลี่เจิ้ง  พลางเบนสายตาไปยังเหลียนฟางโจว  เอ่ยแย้มยิ้ม “ที่เจ้าพูดมานี่  จริงๆเลย! สองวันมานี้  ที่พวกเข้าทำก็คือ  ต้องคอยประคองมือต้อนรับ  จนป่านนี้ยังปวดมือไม่หาย   พวกข้าล้วนต้องยืนตรงธรณีประตูบ้าน   คอยต้อนรับ  คอยส่งลูกบ้านที่ตกลงขายเมล็ดฝ้าย  เหยียบย่ำกันจนธรณีประตูบ้านข้าจะสึกหมดแล้ว  หนำซ้ำยังต้องคอยชั่งตวงเมล็ดอีก  ไหนยังจะคอยจัดการให้คนลงลายมือชื่ออีกล่ะ   ช่างยุ่งวุ่นวายเหลือแสน...”
             “เอาล่ะ  เอาล่ะ  ไยเจ้าจึงได้ขี้บ่นนักเล่า?  จะได้ไม่อ้วนเป็นหมู  ไม่ดีหรือไงขืนเจ้ายังอยู่ที่นี่  ข้าคงคุยธุระไม่จบ!” จางลี่เจิ้งโบกมือไล่  ทนไม่ไหวขัดจังหวะหนิวซื่อ 
                  เหลียนฟางโจวไหนเลยจะไม่รู้ความนัยที่หนิวซื่อพรั่งพรูออกมาเล่า?  รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สองวันมานี้  น้าลี่เจิ้งต้องลำบากจัดการธุระให้!   ข้าจดจำไว้ทั้งสิ้น  ไม่อาจไม่ตอบแทนบุญคุณของน้าลี่เจิ้งได้!”
             “ฟางโจว เจ้านี่น๊า  ช่างรู้ใจผู้คนดีนัก!”  หนิวซื่อหัวเราะด้วยความพึงพอใจ   หันไปพบว่าจางลี่เจิ้งกำลงขึงตาใส่   จึงหัวเราะคิดคักเดินจากไป
             “นางชอบเพ้อเจ้อเช่นนี้แหละ  เจ้าอย่าได้ใส่ใจนางเลย!”  จางลี่เจิ้งโคลงศีรษะพลางพรูลมหายใจ  เอ่ยกับเหลียนฟางโจว 
             เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มอย่างเห็นด้วย  ย่อมไม่ถือถ้อยคำของจางลี่เจิ้งเป็นจริงเป็นจัง
                  จางลี่เจิ้งกับเธอคุยสัพเพเหระกันอีกสองสามคำ  แล้วจึงวกเข้าเรื่องงาน

             เมล็ดฝ้ายของหมู่บ้านรวบรวมมาได้เกือบครบถ้วน  เว้นอยู่ 3-4 บ้านที่ไม่ยอมขายให้  ซึ่งยอดรวมทั้งหมดเป็นจำนวน 1,580 ชั่ง   จางลี่เจิ้งนำสมุดบันทึก พร้อมกับเงินตำลึงที่เหลือ  ส่งให้ เหลียนฟางโจว เพื่อตรวจดูอย่างละเอียด         
    ---------------------------------------------------------------------
  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ

  จบช่วงอาละวาด ซึ่งกินไป 5 ตอน  ต่อจากนี้นางเอก ก็เดินหน้าจัดการธุระกิจต่อค่ะ
   เห็นมีผู้อ่านบางท่านถามมา : เรื่องนี้มีทั้งหมด 1,845 ตอน  เรื่องเพิ่งดำเนินมาไม่นานเองค่ะ  ^-^




16 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 สิงหาคม 2560 เวลา 20:12

    อุปสรรคเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ผ่านไปแล้วหนึ่ง
    ขอบคุณที่เสียสละเวลาแปลให้นะคะ ติดตามเป็นกำลังใจให้นะคะ

    ตอบลบ
  2. จะเริ่มกิจการแล้ว...ตามลุ้นว่าจะทำอะไรบ้าง...ขอบคุณคะ

    ตอบลบ
  3. สนุกมากครับ
    ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะครับ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ5 สิงหาคม 2560 เวลา 21:36

    ขอบคุณมากคะ สำหรับการแปลเรื่องที่สนุก และมีแนวคิดดีๆแบบนี้

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะไรท์นางเอกเราจะได้ปลูกฝ้ายแล้ว

    ตอบลบ
  6. สิ่งดีๆกำลังจะมาแล้วสินะ


    ขอบคุณผู้แปลค่ะ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณผู้แปลมากเลยนะคะ ตอนหน้าได้เริ่มงานจริงๆสักที

    ตอบลบ
  8. มีพันกว่าตอน... ยอมใจเลย เราต้องอยู่ด้วยกันตนถึงวันนั้นนะคะผู้แปลล สัญญาด้วยเกียรติเนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่
    .
    ในที่สุดนางเอกก็ได้ทำงานต่อแล้วว มีการมองตารู้ใจของอาเจี่ยนกับนางเอก
    เรื่องนี้เป็นเรื่องสบายๆหาตังเรื่อยๆเริ่มจาก 0 อีกเรื่องที่ชอบ น่าเบื่อบ้างบางช่วง(ตอนจัดการกับตัวน่ารำคาญทั้งหลาย)แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆ

    ตอบลบ
  9. ตัวน่ารำคาญเยอะจริงๆ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณมากนะคะ ที่แปลให้อ่าน เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ มีหลายมุมและดำเนินเรื่องได้น่าติดตามมากๆ เอาใจช่วยนะคะ ขอเป็นติ่ง ติดตามจนจบค่ะ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุนค่ะ. จะได้เห็นแม่ทัพไถนาเตรีมดินปลูกฝ้ายแล้ว

    ตอบลบ
  12. จบไปเรื่องนึง
    เตรียมปลูกฝ้ายต่อ

    ตอบลบ
  13. นึกว่าจะไม่ได้อ่านแล้วเคยอ่านตอนลงเด็กดี ขอบคุณที่มาแปลต่อค่ะ ชอบเรื่องนี้มากมันมีเสน่ห์จริงๆดูไม่มีอะไรแต่มันก็อ่านได้เรื่อยๆอยากเห็นพัฒนาการของตัวละคร พระเอกนางเอก ^^ จะตามต่อเรื่อยๆค่ะ เป็นกำลังให้ค่ะ

    ตอบลบ
  14. เราจะอยู่ด้วยกันจนจบนะคะ ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ10 สิงหาคม 2560 เวลา 10:34

    กลัวว่าหลังที่ผลผลิตงอกงาม จะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ไหมอะ
    มากว้านซื้อเมล็ดของเขาไปซะหมดแบบนี้

    ตอบลบ