เหลียนฟางโจวเมื่อได้ยินวาจาของจ้างลี่เจิ้ง ก็รู้แน่ว่าเมล็ดที่ได้รับมามีจำนวนมหาศาล จึงหัวเราะถามขึ้น
“จะมีอะไรอีกเล่า
!” จางหลี่เจิ้งพยักหน้า พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “หมู่บ้านที่อยู่ติดกัน 8
หมู่บ้าน ล้วนกลัวเจอคนชิงตัดหน้า
แล้วจะขายเมล็ดพันธุ์ไม่ออก
สองสามวันมานี้จึงพากันมาเยือนบ้านข้าทั้งวันมิได้หยุด! เมื่อคืนข้าได้ทำบัญชีเอาไว้ นี่ยังไง
ยังไม่ได้คิดยอดรวม
ไม่รู้ว่าเป็นเท่าใด อืม...ได้รับมาแล้ว
4,300ชั่ง!”
เหลียนฟางโจวมิเคยนึกเลยว่าจางหลี่เจิ้งจะรวบรวมเมล็ดพันธุ์ได้เร็วถึงเพียงนี้ ค่อนข้างไวมากจนน่าตกใจ จึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ นั่นช่วยข้าได้มากจริงๆ! ขอบคุณท่านลุงเจิ้งที่เป็นธุระป่าวประกาศให้ หากข้าได้รับมาอีกราว 1,500 ชั่ง ท่านก็ไม่ต้องประกาศรับซื้ออีกแล้ว !”
จางหลี่เจิ้งผงกศีรษะ หัวเราะเป็นการตอบรับ
เมล็ดฝ้ายจำนวนมหาศาลย่อมไม่อาจกองไว้ในบ้านจางหลี่เจิ้ง
มากินพื้นที่บ้านพวกเขาได้โดยไม่มีเหตุผลอันควร เหลียนฟางโจวและเหลียนซ่อ รวมทั้งอาเจี่ยน จึงเอารถเกวียนเทียมลาของบ้านพวกเขามา ใช้เวลาตลอดยามบ่าย ขนเมล็ดพันธุ์เหล่านี้กลับไปกองไว้ในห้องใต้หลังคาของบ้านตนเอง
วันถัดมาก็ไปงานออกร้าน เหลียนฟางโจว
อาเจี่ยน และเหลียนเซ่อหลังจากพาเหล่าคนงานไปยังที่ดินตรงแถวสามแยกเพื่อเตรียมพื้นที่แล้ว ก็เข้าเมืองไปหาซื้อวัวต่อ
นี่เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย
เพราะเกี่ยวเนื่องกับปัญหาปุ๋ยที่ไว้ใช้เพาะปลูกพืชไร่ในปีหน้า จะล่าช้าแม้เพียงนิดก็ไม่ได้
ผืนดินที่นี่
แต่ก่อนบางคนใช้ไฟเผาแบบควบคุมพื้นที่เพื่อเผาป่าหรือพื้นที่รกร้าง พอทำถนนกั้นรอบเสร็จแล้ว ตกบ่ายก็จุดไฟเผาพื้นที่ โดยไม่ลืมจุดไฟเผาในบริเวณพื้นที่ที่กั้นรอบไว้
วัวที่ไว้ใช้ไถพรวนที่ดินจะมาในวันพรุ่งนี้ เหลียนฟางโจวตั้งใจไว้ว่านอกจากจะเอาวัวไปไถพรวนที่ดินรกร้างทั้งหมด ยังจะเอาไปไถพรวนที่ดินที่อื่นๆได้อย่างสะดวกด้วย เพราะที่ดินทั้งหมดเมื่อรวมกันแล้วเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลนัก
เมื่อสั่งงานกับบรรดาคนงานจนแจ่มแจ้งดีแล้ว ทั้งสามจึงขับรถเกวียนเทียมลาเข้าเมือง
สืบเนื่องมาจากการซื้อลาคราวก่อน ยามนี้เมื่อถึงคราวซื้อวัวจึงให้อาเจี่ยนดูให้ เหลียนฟางโจวมิใช่คนจู้จี้จุกจิก ดังนั้นการดูวัวเพื่อเลือกซื้อจึงเสร็จในเวลาอันสั้น ลงท้ายได้พ่อวัวและแม่วัวที่แข็งแรงบึกบึนมาสองตัว โดยจ่ายเงินไปทั้งสิ้น 32 ตำลึง
ตอนขากลับ พวกเขาต่างเร่งรีบพาวัวทั้งสองตัวเดินทางมา ซึ่งพวกมันเดินได้เชื่องช้ามาก กว่าจะถึงบ้าน
ก็บ่ายคล้อยไปแล้ว
ป้าสามกับเหลียนฟางฉิง รวมทั้งเหลียนเช่อพอเห็นพ่อวัวแม่วัวทั้งสองก็ดีอกดีใจยิ่งนัก รีบสาวเท้าเข้ามามุงดู ซ้ำเอามือลูบไล้ไปมา จากนั้นจึงจูงวัวทั้งสองตัวเข้าคอก เปิดประตูให้พวกมันแยกย้ายเข้าไปอยู่ในช่องของแต่ละตัว
ฟางข้าวที่ไปเอามาเมื่อสองวันก่อนยามนี้เริ่มเปื่อยยุ่ยแล้ว โดยถูกขนใส่เกวียนเทียมลามาจากทุ่งนา ฟ่อนฟางข้าวทั้งหมดถูกนำมากองไว้บนหลังคาคอกสัตว์ ก่อนจะออกจากบ้านในตอนเช้าตรู่ พวกเขาใช้มีดฉาเตาสับฟางข้าวให้เป็นท่อนเล็กๆ แล้วนำมาปูบนพื้นกระท่อมคอกสัตว์เกลี่ยให้เสมอกัน
มีดฉาเตา |
วัวตัวโตทั้งสองตัวเดินเข้ามาใกล้ พลางแกว่งหางขณะกินฟางข้าวแห้ง ทุกคนเห็นแล้วต่างเบิกบานยินดียิ่ง
“อย่าลืมเอาน้ำให้พวกมันกินด้วยนะ!” เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอถึงตอนเย็นให้จูงพวกมันไปกินน้ำที่ริมแม่น้ำด้วย ฟางข้าวที่ให้มันกินแห้งไปหน่อย!”
เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงพอได้ยินก็ขออาสาทันที
เหลียนเซ่อเอ่ยแย้มยิ้ม “เจ้าสองคนรีบขันอาสากันดี เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็ดูแลพวกมันไปเลยก็แล้วกัน!”
เหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงหัวเราะยินดีรับคำทันที
สมาชิกทั้งครอบครัวต่างพูดคุยหัวเราะกันอย่างชื่นมื่น พลันที่ลานหน้าบ้านมีเสียงหญิงชราผู้หนึ่งส่งเสียงตะโกนลั่น
“มีใครอยู่ไหม? ไม่มีใครอยู่ข้างในรึ!”
“เสียงนี่ ข้าได้ยินแล้วรู้สึกคุ้นหูอย่างไรพิกล?” ทุกคนต่างสะดุ้งโหยง เหลียนฟางโจวก็อึ้งงันพลางเอ่ยขึ้น
สีหน้าของเหลียนเซ่อตึงขึ้นทันที พลางแค่นเสียง “พี่ใหญ่ ท่านลืมแล้วหรือไร?
นี่มันเสียงแม่เฒ่าหยางที่อยู่หมู่บ้านหยางเจียไงเล่า!”
เหลียนฟางโจวเอามือตบหน้าผากทีหนึ่ง อาใช่จริงด้วย!
“นางมาทำอะไรที่บ้าน?” เหลียนฟางโจวพึมพำออกมา “ป้าสาม
ท่านพาฉิงเอ๋อร์กับคนอื่นๆเข้าไปในเรือนก่อนเถิด ข้าจะออกไปดูเอง!”
แม่เฒ่าหยางแห่งหมู่บ้านหยางเจีย แม่ของหยางหวายชานนี่เอง เหลียนฟางโจวเคยพบเพียงสองครั้ง ทว่าไม่เคยให้ความสนใจเลย ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินเสียงก็ยังเลือนรางในความทรงจำ ผ่านไปเป็นนานก็ยังไม่สามารถนึกออก
“พี่ใหญ่ข้าไปเป็นพื่อนท่านเอง!” เหลียนเซ่อสาวเท้าตามไปทันที
อาเจี่ยนได้ยินชื่อ
‘หมู่บ้านหยางเจีย’ จึงนึกเดาได้คร่าวๆ อดพยักหน้าไม่ได้ แล้วเหลือบมองเหลียนฟางโจวด้วยความเห็นใจ
เรื่องนี้ตัวเขาเข้าไปสอดมือคงไม่ดี ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่สาวเท้าตามออกไป ได้แต่อ้อยอิ่ง อยู่ผ้าฟืนที่ลานหลังบ้าน
“แม่เฒ่าหยางนั่นเอง! มีเรื่องอันใดหรือ?” เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อสืบเท้าเข้าไปหา ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นปกติ
ข้างๆแม่เฒ่าหยาง มีผู้ติดตามด้วยนั่นคือสะใภ้คนล่าสุด หัวเสี่ยวฮวา
หัวเสี่ยวฮวาปรายตามองเหลียนฟางโจวพร้อมเชิดหน้าน้อยๆ ใบหน้าค่อนข้างเย็นชาแค่นเสียงเฮอะ พลางค้อนใส่เหลียนฟางโจว
เหลียนเซ่อเหล่ตามองอดยกยิ้มเหยียดไม่ได้ แม่ผัวลูกสะใภ้คู่นี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่เฒ่าหยางจงใจพาหัวเสี่ยวฮวามาใช้สายตาทิ่มแทงเยาะเย้ยเหลียนฟางโจว ทว่ายามนี้ดูๆแล้วเป็นเหลียนเซ่อต่างหากที่เป็นเดือดเป็นร้อนกับสายตาทิ่มแทงจนแทบจะพรุนไปทั้งร่าง เหลียนฟางโจวไม่เคยมีพวกนางแซ่หยางทั้งสองอยู่ในสมองเลยแม้สักเสี้ยว
ทว่าพวกนางยังดึงดันเชื่อว่าตนเองคิดถูกแล้วที่มาปรากฏตัวหาเรื่องเช่นนี้ ทำให้พวกนางรู้สึกสาแก่ใจนัก!
แม่เฒ่าหยางเห็นเหลียนฟางโจวดูเรื่อยเฉื่อยสบายใจ
ซ้ำดูไม่เหมือนเสแสร้งแต่อย่างใด ความกระหยิ่มใจของนางพลันหายวับไปในอากาศ ได้แต่ส่งเสียงฮึ่มฮั่มเบาๆ แค่นเสียงในใจว่า เจ้าช่างเสแสร้งนัก! คงจะฝืนแสดงละครล่ะสิ! ที่จริงคงไม่ได้รู้สึกดีนักหรอกที่เจอสกุลหยางของข้าถอนหมั้น ในใจนางจะไม่ขื่นขมอกไหม้ได้อย่างไรเล่า!
ทว่า พอนึกถึงสาเหตุที่ต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่แล้ว แม่เฒ่าหยางก็ให้สุดแสนอารมณ์เสียนัก
เดิมทีนางมีเหตุผลอันหนักแน่นต้องการยกเลิกการสู่ขอนี้ ใช้เรื่องที่เหลียนฟางโจวมีครอบครัวที่เป็นภาระหนักพ่วงมาเป็นข้ออ้าง ซ้ำนางยังมั่นใจนักว่า เมื่อเหลียนฟางโจวเจอตระกูลของนางถอนหมั้น ภายหลังชีวิตไม่พ้นต้องประสบความทุกข์ยากลำบากเป็นแน่แท้ เมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็สามารถพิสูจน์ต่อหน้าบุตรชายได้ว่า สิ่งที่นางตัดสินใจเลือกนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง!
เป็นสิ่งดีที่นางสอนบุตรชายให้รู้จักพินิจพิเคราะห์ดู ต่อไปบ้านสกุลเหลียนคงไม่อาจยืนหยัดอดทนต่อชีวิตลำบากเช่นนั้นได้ หากไม่ยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว ยามนี้เจ้าไม่พ้นต้องเข้าไปเกี่ยวพันช่วยเหลือเป็นแน่
!
นางไม่นึกเลยว่า ผ่านไปไม่นานเท่าใด ชีวิตของเหลียนฟางโจวและคนทั้งบ้านไม่เพียงแต่จะผ่านปากเหวของความยากแค้นแสนสาหัสมาได้ ซ้ำยังได้ยินว่าได้ดิบได้ดีมีญาติเป็นถึงเศรษฐี ตรงกันข้ามชีวิตมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ! ถึงขั้นซื้อที่ดินเนื้อที่กว่าพันหมู่ได้....
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางตัดสินใจผิดตั้งแต่แรกใช่หรือไม่? นี่คือสิ่งที่นางยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด!
“เฮอะ!
“ แม่เฒ่าหยางมิยอมเอ่ยว่าจะขอเข้าไปในเรือน เพียงยืนอยู่ในลานบ้านกับหัวเสี่ยวฮวา เอ่ยเสียงกร้าวกับเหลียนฟางโจว “ที่ดินตรงสามแยกนั่นเจ้าเป็นผู้ขอซื้อหรือ?”
น้ำเสียงแม่เฒ่าหยางไม่เพียงจะเกรี้ยวกราด ทั้งยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองอีกด้วย เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อเมื่อได้ฟังแล้วก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เหลียนเซ่อไม่อยากให้พี่สาวต้องมารองรับโทสะอันไร้เหตุผลของหญิงชราผู้นี้ จึงทำหน้าบึ้งตึงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ใช่”
สายตาที่ขุ่นมัวของแม่เฒ่าหยางจับจ้องเหลียนฟางโจวเขม็ง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
รอคอยคำตอบจากหญิงสาว
เหลียนเซ่ออุตส่าห์ตอบกลับไปแล้ว เหลียนฟางโจวจึงไม่เอ่ยอันใด เพียงยืนทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงนั้นเฉยๆ พร้อมกับมุมปากโค้งขึ้น
“สามีข้าขอให้ข้ามาเจรจา! เจ้าเป็นใบ้หรือไร!” หัวเสี่ยวฮวาถือเป็นศัตรูตัวใหม่ที่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความชิงชังสุดแสน หากไม่นับน้ำเสียงกร้าวกระด้างที่เปล่งออกมา
เมื่อย้อนนึกถึงวันนั้นที่ตนเอง มารดา และพี่สะใภ้เป็นฝ่ายเพี่ยงพร้ำที่หน้าบ้านเหลียนฟางโจว หัวเสี่ยวฮวาจึงอดเดือดดาลไม่ได้ จับจ้องเหลียนฟางโจวด้วยสายตาขุ่นเคือง
“เจ้าหูตึงหรือไร! ข้ามิได้พูดว่าใช่หรอกหรือ!”
เหลียนเซ่อซัดกลับด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก
ใต้หล้านี้มีคนเช่นนี้ด้วยรึ แล่นมาแสดงพฤติกรรมหยาบคายที่บ้านผู้อื่น แล้วคิดว่าผู้อื่นต้องเคารพให้เกียรติตนเอง!
เหลียนฟางโจวยังคงนิ่งเงียบ
ไม่รู้จริงๆเลยว่าแม่เฒ่าหยางกับลูกสะใภ้แสนดีเช่นนางไปเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหน?
อย่าบอกนะว่าเหตุมาจากครั้งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเคยให้มีการหมั้นกับหยางหวายชานเมื่อเก่าก่อน ดังนั้นแม่เฒ่าหยางจึงคิดอ้างสิทธิ์มาขอรับเงินส่วนที่เป็นของอดีตว่าที่แม่สามี? นี่มันคือตรรกะอันใดกัน!
--------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ
-โชคดีที่นางเอกคลาดแคล้วกับอดีตคู่หมั้น แต่งงานกับพระเอกดีแล้ว เพราะพ่อแม่สามีฮีตายหมดแล้ว ^-^
อย่างนี้ก็มีด้วย คนอะไรหน้าด้านจริงกลุ้มแทนนางเอกเลย
ตอบลบด้านนนนนมาก
ตอบลบกว่าจะได้แต่ง 😷 แม่ทัพกะเป็น SME start up เรียบร้อยยยยย 😟
ตอบลบเรื่องเรื่อยๆเป็นธรรมชาติมาก รอต่อไปค่ะ
ตอบลบอะไรอีกล่ะเนี่ย
ตอบลบกลุ้มใจแทนนางเอกจัง
ตอบลบมาให้เค้าตอกหน้าถึงบ้านอีกแล้ว
ตอบลบขอบคุณคะ คนอื่นมาวุ่นวายตลอด เฮ่อ.....
ตอบลบขอบคุณค่ะ///จะมาหาเรื่องอะไรฟางโจวอยากรู้ไรท์มาต่อไวๆนะค่ะสงสัยค่ะประเทศจีนในสมัยนั้นไม่มีควายหรือค่ะถึงใช้วัวในการไถพรวนดิน
ตอบลบประเทศจีน มีใช้ทั้งวัว และควายไถพรวนค่ะ แต่ที่นางเอกซื้อมาไว้ท่ี่บ้านระบุมาเลยว่า คือ วัวค่ะ
ลบมีดนั้นเหมือนมีดตัดหมากที่บ้านเราเลยแต่อันเล็กกว่า ไม่รู้ว่าแบบเดียวกันมั้ย
ตอบลบคล้ายกันค่ะ เพียงแต่ของจีนจะมีขนาดใหญ่ ตั้งเป็นแท่น อย่างเครื่องประหารหัวสุนัขก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
ลบปกติผู้หญิงโบราณพวกนี้เค้าไม่ได้เรียนหนังสือกันใช่ไหมคะ แบบเกิดมาเป็นแม่พันธุ์แล้วก็ตายไป ทำไมดูไม่ค่อยมีสมองกันเลย ความคิดแปลกประหลาดชอบกล
ตอบลบ😅😅
วุ่นวายจริง
ตอบลบสมน้ำหน้า เสียดายละสิ
ตอบลบปล.อิจอยากมีผัวแบบนี้มั้ง พ่อแม่ผัวตายแล้ว5555