ลูกธนูพุ่งไปไม่สัดส่ายด้วยความเร็วสูงสุด เหลียนฟางโจวยังไม่ทันกลุ้มใจแทนเหลียนเซ่อว่าลูกธนูจะเข้าเป้าหรือไม่ ไก่ฟ้าสีทองชะตาขาดตัวนั้นก็กรีดร้องดังขึ้นคราหนึ่งและทรุดฮวบลงบนพื้น กระพือปีกขึ้นสองสามครั้งก่อนสิ้นชีพ
“โอ๊ะ!
โดนแล้ว! โดนแล้ว!” เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อกระโดดโห่ร้องปรบมือดีใจยกใหญ่
เหลียนฟางโจวกับอาเจี่ยนต่างหัวเราะออกมา
เหลียนเซ่อเกาศีรษะ
อ้าปากกว้าง สีหน้าฉายแววภูมิใจนิดๆ อดส่งสายตาคาดหวังให้อาเจี่ยนไม่ได้
“ไม่เลวเลย!”
อาเจี่ยนพยักหน้า
พวเราไปเก็บกลับมากันเถอะ!” เหลียฟางฉิงหัวเราะพยักเพยิดไปทางนั้น
เหลียนฟางโจวและคนอื่นต่างรีบมุ่งหน้าเดินตามกันไป
โดยไม่ทันตั้งตัว พลันมีชายคนหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากป่าทึบ เกือบทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“ลุงซุน!”
พอเห็นชายผู้นั้นชัดๆ
เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อพลันร้องออกมา
ชายผู้มาใหม่นั้นคือซุนฉางซิง
“เป็นพวกเจ้าเองรึนี่!” ซุนฉางซิงเกือบสะดุ้งไปเหมือนกัน จ้องมองมาอย่างแปลกใจ ลงท้ายจึงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
แม้ไม่เจอหน้าค่าตากันมานาน
เหลียงฟางฉิงก็จำเขาได้
คนทั้งหมดจึงยิ้มเอ่ยทักทายกัน
ยามนี้ทุกคนจึงเห็นว่า มีลูกธนู 2
ดอกปักอยู่บนไก่ฟ้าสีทองชะตาขาดตัวนั้น ดอกหนึ่งคือของเหลียนเซ่อ แน่นอนอีกดอกย่อมเป็นของซุนฉางซิง
ไม่แปลกใจเลยที่ยามนี้ซุนฉางซิงปรากฏตัวขึ้นที่นี่
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบังเอิญเสียจริง! อันที่จริงวันนี้ข้าล่าสัตว์มาได้มาก ไก่ฟ้าสีทองตัวนี้เจ้าเอาไปเถิด!” ซูนฉางซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก้มตัวลงไปหมายจะดึงลูกธนูของตนเองออกมา
เหลียนเซ่อสืบเท้าเข้ามาหยิบไก่ฟ้าสีทองขึ้นมา พินิจพิเคราะห์ดู แล้วเบนสายตาไปยังอาเจี่ยน เป็นเชิงขอความเห็น
อาเจี่ยนพยักเพยิดเพียงนิด
คล้ายแนะให้เขาตัดสินใจเอง
ทั้งเหลียนฟางโจวและซุนฉางซิงมองมาด้วยความฉงน เหลียนเซ่อถอนลูกธนูไม้ไผ่ออกมาอย่างระมัดระวัง
แล้วยื่นไก่ฟ้าสีทองที่มีลูกธนูที่เหลือปักอยู่ให้ซุนฉางซิง เอ่ยแย้มยิ้ม “ลุงฉางซิง ลูกธนูข้าโดนเพียงถากๆ ไก่ฟ้าสีทองตัวนี้ควรเป็นท่านที่ล่าได้”
ซุนฉางซิงถึงกับอึ้งไป
เหลียนฟางโจวเองก็นิ่งอึ้งไปด้วย พลันหัวเราะออกมา เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อร้อง “ว๊า”
ออกมาด้วยสีหน้าเสียดาย
แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา
เหลียนฟางโจวเห็นน้องๆรู้เหตุรู้ผลเช่นนี้ ยิ่งคิดอยากปลอบใจนัก
ครั้นเห็นซุนฉางซิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุงซุน แม้ข้ามองไม่ทัน ทว่าข้าคิดว่าอาเซ่อพูดถูก ไก่ฟ้าสีทองตัวนี้เป็นท่านที่ล่าได้ ท่านเอากลับไปเถิดนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ซุนฉางซิงหัวเราะ
แล้วเอ่ยแย้มยิ้ม “เรื่องนี้ข้าได้เอ่ยไปแล้ว! อาเซ่อ มิคาดเลยว่าเพียงไม่เจอกันแป๊บเดียว เจ้าเรียนรู้วิธิงธนูได้ดีจนน่าแปลกใจ ไม่ถึงสองปีนี้ คงไล่ตามลุงฉางซิงทันแล้ว! ไม่ว่าใครจะเป็นคนยิงไก่ฟ้าสีทองได้ เจ้าจงเอาไปเถิด ! ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว ถือว่าเป็นลางดีก็แล้วกัน!”
เหลียนเซ่อปฏิเสธไปสองครั้ง
ซุนฉางซิงก็ยืนกรานไม่เต็มใจเอากลับ เอ่ยแย้มยิ้ม “ฟางโจว อาเซ่อ
พวกเจ้าทำแบบนี้อีกแล้ว เห็นข้าเป็นคนอื่นคนไกลไปได้!”
เหลียนฟางโจวกับเหลียนเซ่อต่างสบตากัน ทั้งสองล้วนเข้าใจสิ่งที่ซุนฉางซิงไม่ได้เอ่ยออกมา ทั้งสองคนเข้าใจที่ซุนฉางซิงกล่าว
เรื่องที่เขาขอให้เหลียนฟางโจวพาภรรยาเขาไปเก็บของป่า และเหลียนฟางโจวตกลง
ด้วยเหตุนั้นครอบครัวพวกเขาจึงขายเห็ดได้เงินมาถึง
12 ตำลึง
สองสามีภรรยาต่างต่างดีอกดีใจเป็นล้นพ้น
จึงวางแผนรัดเข็มขัดอดออมอีกครั้ง
ปีหน้าจะซื้อที่ดินผืนเลวๆเนื้อที่สัก 3-4 หมู่ด้วย ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกนิด เทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นสามารถมีกินได้อย่างหมดห่วงแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
ซุนฉางซิงและภรรยาซาบซึ้งบุญคุณเหลียนฟางโจเหลือคณานัก ภายหลังยามซุนฉางซิงล่าสัตว์กลับบ้าน จีงมีใจปรารถนาดีส่งไก่ฟ้ามาให้บ้านสกุลเหลียน รวมถึงกระต่ายครึ่งตัวและของอื่นอีกเล็กน้อย เหลียนฟางโจวยอมรับของกำนัลเพียงสองครั้ง จากนั้นจึงปฏิเสธแข็งขันไม่ยอมรับของอีก
ภายหลังซุนฉางซิงไม่มีทางเลือกจึงเลิกส่งไปโดยปริยาย ทว่าในใจก็ยังซาบซึ้งบุญคุณหญิงสาวอยู่มิรู้คลาย
วันนี้ไก่ฟ้าสีทองตัวนี้ เขาจะยอมเอากลับตามที่เหลียนเซ่อยืนกรานอย่างไรได้?
เหลียนเซ่อเห็นซุนฉางซิงเอ่ยมาแบบนั้น พลันอึดอัดใจเล็กน้อย จึงส่งสายตาไปหาเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม
“ไหนๆลุงซุนก็มาพูดมาขนาดนี้แล้ว
เช่นนั้นพวกเราก็ขอรับไว้!”
เหลียนเซ่อจึงยิ้มเอ่ยว่า
“ขอบคุณลุงฉางซิงมากขอรับ!”กล่าวจบก็ถอนลูกธนูออกจากร่างไก่ฟ้าสีทอง บรรจงเช็ดให้สะอาด แล้วส่งให้ซุนฉางซิง
“ไม่ต้องมากพิธี! สิ่งนี้เจ้าสมควรได้รับอยู่แล้ว!” ซุนฉางซิงหัวเราะออกมา หยิบลูกธนูพร้อมขอบคุณ แล้วใส่ลูกธนูลงในกระบอก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม”ข้าไปก่อนละนะ! พอดีเฉียงเชิ่นซื่อที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงบอกว่า
นายน้อยของเจ้าที่ดินแซ่หวางอยากได้ไก่ฟ้ายังเป็นๆสัก 2 ตัว ถามว่าข้าไปล่ามาให้ได้หรือไม่ ข้าเลยลองทำบ่วงดักในป่า วันนี้นับว่าโชคดีไม่เลว ข้าต้องขอตัวไปส่งของให้นายน้อยหวางก่อนละนะ!”
เหลียนฟางโจวรอเขากล่าวอำลาจนจบ
จึงเอ่ยแย้มยิ้ม “ข้าว่าน่าจะขายได้ราคาดีนะ!”
“อื้ม”
ซุนฉางซิงเบิกบานยินดีเป็นล้นพ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นายน้อยหวางสัญญาจะให้ข้า 1-2 ตำลึงเชียวนะ!”
เหลียนฟางโจวและคนอื่นๆพลอยตื่นเต้นดีใจไปกับเขาด้วย
“พี่ใหญ่ พี่เจี่ยน
พวกเราจะเดินต่อกันหรือไม่? บางทีเราน่าจะล่าอะไรกันต่อนะ!”
เหลียนฟางฉิงเสนอขึ้นมา
อาเจี่ยนเงยหน้าขึ้น กวาดตามองไปทั่วไปบริเวณป่า จึงพยักหน้าเอ่ยยิ้มๆ “พวกเราอยู่ต่ออีกสองเค่อแล้วกัน เดี๋ยวค่อยกลับกัน!”
อยู่รออีกสองเค่อ
หากโชคดีบางทีอาจพบสัตว์อีกสัก 2 ชนิด
หากโชคไม่ดี พวกเขาก็ต้องกลับบ้านมือเปล่าล่ะ
วันนี้โชคดีแต่ยังไม่ถึงกับมาก เวลาสองเค่อในป่าที่เงียบสนิทนี้ ยังไม่มีเหยื่ออะไรออกมาให้เห็นสักตัว
เหลียนเซ่อจึงเอ่ยทำลายความเงียบ
“หรือว่าพรุ่งนี้พวกเรามาให้เช้ากว่านี้อีกนิดดีไหม?”
อาเจี่ยนเอ่ยขึ้น
“ฤดูนี้เหยื่อล้วนไปซ่อนตัวอยู่ลึกในป่าเขา
คอยจนถึงวันหิมะตก เมื่อพวกมันทนความหนาวเย็นไม่ไหว จะพากันออกมาอยู่แถวแนวชายป่า ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยมาอีกครั้ง จะมีมาให้เห็นให้ล่าได้มากมายเลยล่ะ!”
เหลียนฟางฉิงพลันดีอกดีใจ รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ถึงเวลานั้นพวกเราต้องมาอีกนะ
ตกลงนะ พี่ใหญ่?”
“เจ้าตัวโง่งม!” เหลียนเช่อเอ่ยขึ้น “ข้าจำได้ว่าไม่มีหิมะตกในแถบนี้มา
3 ปีแล้ว!”
“ว้า!” เหลียนฟางฉิงผิดหวังยิ่งนัก
ทว่าเหลียนฟางโจวรู้สึกได้ว่าอาเจี่ยนคงจะไม่กล่าวอะไรที่ไร้เหตุผลเป็นแน่ จึงหัวเราะแล้วเลื่อนสายตาไปที่อาเจี่ยน “ที่ท่านพูดมาคืออะไร
อาเจี่ยน?”
อาเจี่ยนเอ่ยแย้มยิ้ม
“หมู่บ้านเราไม่มีหิมะตก ก็มิได้หมายความว่าที่เขาเซียนเถิงซานจะไม่มีหิมะตกนี่ ข้ารู้สึกเช่นนั้น พื้นที่แถบนี้จะมีหิมะตก อื้ม
พูดให้ชัดๆคือหิมะจะตกลึกเข้าไปบนภูเขา
เมื่อเวลานั้นมาถึงบรรดาสัตว์ป่าทั้งหลายจะออกมาหากินตามแนวชายป่า”
ทุกๆคนที่ได้ยินแบบนี้ก็พลันร่าเริงเบิกบานขึ้นมา บังเกิดความมั่นใจเต็มร้อย
พอเห็นว่าเลยเวลามากแล้ว ทุกคนจึงจูงลากลับบ้าน
บรรดาตอไม้ที่ขุดขึ้นมาถูกมัดรวมกันได้
2 มัด แล้วเอามาใส่ในตระกร้าสานใบใหญ่ 2
ข้างที่อยู่บนหลังลา
เพราะตอไม้มีรากติดมากมาย ยิ่งทีให้ใส่ลำบาก มีตอไม้ราวๆ
7-8 ต้นที่ใส่ลงไม่ได้ จึงเอาจอบตัดเถาวัลย์แถวนั้นมาได้ 2 เส้น แล้วเอามามัดปลายทั้งสองข้างให้แน่น อาเจี่ยนเอามัดตอไม้นั้นแบกขึ้นบ่าไปอย่างสบายๆ
เมื่อหลายชีวิตกลับถึงบ้าน ก็เลยยามเชิน (15:00-17:00)ไปกว่าครึ่งแล้ว
เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อแม้มิได้บ่นว่าเหนื่อย
ทว่าใบหน้าเล็กๆของเด็กทั้งสองต่างมีสีแดงเรื่อๆ ซ้ำยังหอบหายใจเล็กน้อยด้วย
ครั้นแล้วเหลียนฟางโจวให้น้องเล็กทั้งสองกลับเข้าบ้านไปก่อน พลางเอ่ยเสียงอ่อน “ไปบอกป้าสามว่า พวกเราจะขนตอไม้พวกนี้ไปปลูกลงดินบนที่ดินแถวสามแยกก่อน! หากไม่ทำแล้วปล่อยทิ้งค้างคืนไว้จะไม่ดีเอา!”
เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อรับคำสั่ง
เหลียนฟางโจวกับเหลียนเซ่อ รวมทั้งอาเจี่ยนจึงรีบจูงลาไปที่เนินเขาฮวากั่วซานบนที่ดินบริเวณสามแยก
“พี่ใหญ่ พวกตอผลไม้ป่าเอาปลูกลงดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันจะรอดใช่ไหม?” เหลียนเซ่อถามขึ้น
---------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
-ต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านที่อัพช้า พอดีมีงานด่วนเข้ามาค่ะ
-สปอยล์เอาใจเล็กน้อย ต่อไปในอนาคต ลูกชายของซุนฉางซิง ที่ชื่อซุนหมิงจะสอบบัณฑิตได้ จะให้พ่อไปสู่ขอนางเอกค่ะ ลูกชายของซุนฉางซิงเรียนเก่งมาก ภายหลังได้ไปทำงานเป็นใหญ่เป็นโตในราชสำนักค่ะ
สปอยให้อยาก แล้วก็รอต่อไป... ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบสปอยนี้ท่าจะอีกนานนะเนี่ย
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบสปอยล์ได้ใจมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบสนุกๆๆๆๆ
ตอบลบขอบคุณค่ะ อยากอ่านให้ถึงตอนสปอยเร็วๆจัง
ตอบลบทำให้อยากแล้วจากไป แงงงงงงง
ตอบลบขอบคุณค่ะ ที่แปลให้อ่าน สนุกมากเลย
ตอบลบว้าว นางเอกเนื้อหอมจัง มีเรือหลายลำมาคอยท่า...แต่ไงก้อต้องลงเรือแม่ทัพ ไม่งั้นเด๋วไม่ตรงปก
ตอบลบอิอิ
สนุกสมกับที่รอคอย. ขอบคุณนะคะ
ตอบลบขอบคุณมากมายค่า
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบยิ่งอ่านยิ่งสนุก
ตอบลบ