วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 162 พื้นที่เพาะพันธฺุ์ต้นกล้า


            สองวันต่อมา  มีเพียงเหลียนฟางโจว  อาเจี่ยน และเหลียนเซ่อเท่านั้นที่ขึ้นเขาเซียนเถิงซาน   โดยมิได้พาเหลียนฟางฉิง กับเหลียนเช่อน้องน้อยทั้งสองไป  ซ้ำยังมิให้เหลียนเซ่อเอาธนูและลูกธนูติดตัวไปด้วย  หญิงสาวเพียงรับปากน้องชายว่า  รอให้ธุระยุ่งๆจบเสียก่อน  แล้วจะให้เขาได้ล่าสัตว์สัก 2-3 วันเป็นกรณีพิเศษ
            หญิงสาววางแผนว่าจะทุ่มเททำงานในสองวันนี้   นั่นคือการขุดตอไม้จำนวนมากเอากลับไป   หลังจากนั้นจะงดกิจกรรมนี้ไปชั่วคราว

  สองวันมานี้  เหลียนฟางโจวกับพวกรวม 3 คนพากันไปขุดตอผลไม้ป่าที่ไว้ใช้ทาบกิ่ง เอากลับไปได้มากถึง 400 ต้น  โดยกว่า 200 ต้นล้วนเป็นต้นพลับป่า
            เมื่อได้เจอต้นพลับป่ากลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ   ก็หาได้ทำให้ความสุขของเหลียนฟางโจวลดน้อยถอยลงไปนัก
            ต้นพลับป่ามี 2 สายพันธุ์  สายพันธุ์หนึ่งคล้ายต้นพลับบ้านที่ชาวบ้านปลูกกันอยู่ทั่วไป   ซึ่งไม่รู้ว่าเมล็ดพวกนี้ไปตกในป่าและเจริญเติบโตขึ้นเมื่อใด   อีกพันธุ์หนึ่งมีผลเล็กขนาดใกล้เคียงไข่ไก่  เมล็ดจะใหญ่เป็นพิเศษ  มีเนื้อน้อย  รสชาติพื้นๆ   นี่สิถึงจะเรียกว่าผลไม้ป่าขนานแท้
            สำหรับสายพันธุ์ผลไม้ป่าของแท้นี้  เป็นเพราะยามที่ผลสุกงอม  บรรดานกทั้งหลายคงชอบมาจิกกิน  ด้วยเหตุนี้จึงเรียกขานกันว่าลูกพลับนก
            เหลียนฟางโจวกับพวกเห็นหมู่ต้นพลับนกนั้นแล้ว
  แม้จะเรียกขานเช่นนี้  ทว่ารูปลักษณ์ของมันมองดูแล้ว   คล้ายลูกพลับพื้นๆทั่วไป  นำมาใช้เป็นต้นหลักไว้ทาบกิ่ง นับว่าเหมาะสมอย่างที่สุด
            เหลียนฟางโจวเบิกบานใจนัก  จึงให้เหลียนเซ่อ กับอาเจี่ยนขุดต้นพลับกลุ่มนั้นที่ได้ขนาดไปเกือบหมด
            คนทั้งสามมัวแต่วุ่นกับงานนี้ไปหลายวัน   ส่วนงานอีกงานหนึ่งก็คืบคลานมาถึงขั้นตอนสุดท้ายตามที่คาดการณ์ไว้  เผลอแผลบเดียวก็ล่วงเข้าเดือนสิบสองโดยไม่รู้ตัว
            สำหรับงานก่อสร้างที่ปากทางเข้าหมู่บ้านนั้น   เหลียนฟางโจวจะเป็นฝ่ายแวะเวียนไปดูทุกๆวัน   เพื่อตรวจความคืบหน้าของงานตามที่กู้สือแจ้งมา  ซึ่งเหลืออีกกว่าครึ่งเดือนงานก่อสร้างจึงจะแล้วเสร็จ                        
          และในยามนี้  เหลียนฟางโจวยังมีอีกสองเรื่องที่อยากทำ  เรื่องหนึ่งก็คือ  นำเมล็ดฝ้ายไปเพาะเป็นต้นกล้าให้เสร็จ  อีกเรื่องได้แก่ เรื่องซื้อคนมาทำงาน   ส่วนจะเริ่มดำเนินการซื้อคนในตอนนี้ดีหรือไม่  หญิงสาวเองยังสองจิตสองใจอยู่!
            หรือจะรอให้ผ่านไปหนึ่งปีก่อนแล้วค่อยซื้อคน  พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ  ซื้อคนช่วงเวลาใดจึงจะเหมาะสมที่สุด  ทว่าเมื่อซื้อแล้ว   ยามถึงคราวจัดหาที่พัก  หญิงสาวจะทำอย่างไร  เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้เธอไม่น้อย
            หากคอยให้สร้างหมู่เรือนตรงปากทางเข้าหมู่บ้านจนแล้วเสร็จ  ที่นั่นก็มีแต่เรือนโล่งๆ  ซึ่งยังไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้!
            หญิงสาวจึงได้หารือกับอาเจี่ยน และเหลียนเซ่ออยู่พักหนึ่ง  ในที่สุดก็ตกลงใจว่าจะเตรียมการเพาะต้นกล้าฝ้ายเป็นอย่างแรกก่อนดีกว่า  สำหรับเรื่องซื้อคนงานนั้น  ยามเข้าเมืองค่อยไปขอร้องให้จ้าวลิ่วช่วยเป็นนายหน้าแนะนำคนหน่วยก้านดีให้สักสองคน  พวกเขาจะไปดูลาดเลาล่วงหน้าก่อน  หากดูแล้วเหมาะสม  ก็จะซื้อไว้แต่เนิ่นๆเลย  ไม่เช่นนั้น  ก็ทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
            สำหรับงานเพาะต้นกล้า  เหลียนฟางโจวตั้งใจจะใช้พื้นที่ที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน แต่อยู่ใกล้ๆบริเวณที่ดินตรงสามแยก  ซึ่งต้องการอาณาบริเวณราวๆ 150 หมู่พอ!
            สำหรับเรื่องอื่นๆก็ไม่มีอะไรแล้ว   เหลือเพียงเรื่องปุ๋ยเท่านั้น  ซึ่งส่งผลให้เหลียนฟางโจวค่อนข้างหนักใจพอดู
            ปุ๋ยคอกในคอกสัตว์ เธอได้วางแผนดำเนินการไปแล้ว  คอยถึงปีหน้าปุ๋ยเหล่านั้นทั้งหมดจะถูกนำไปหว่านให้แปลงต้นกล้าฝ้ายที่เพาะลงดิน   เมื่อถึงคราวลงไปตรวจสอบดูอีกครา  ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายเงินซื้อหาปุ๋ยแบบนี้มาเพิ่มเติมอีกหรือไม่  ส่วนปุ๋ยมูลไก่  หรือของเสียจากมูลสัตว์เลี้ยงใช้งาน หรือมูลคน เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถรวบรวมมาได้สักเท่าไร  ซ้ำยังมีเรื่องขี้เถ้าอีก  ทว่าเทียบกันแล้ว  ยังไม่ใคร่จัดการยุ่งยากนัก
            ในที่สุดเหลียนฟางโจวก็นึกถึงโคลนในบ่อน้ำขึ้นมาได้  หลังจากวิดน้ำออกจากบ่อปลา  ที่ก้นบ่อจะเต็มไปด้วยโคลนตม
            โคลนประเภทนี้นับว่าเป็นปุ๋ยชั้นดีทีเดียว  จะเตรียมพื้นที่เพาะต้นกล้ามากมาย  ลำพังพึ่งพาแรงงานคนที่บ้านไม่กี่คน  เห็นชัดๆว่าไม่พอเอาเลย  เหลียนฟางโจวจำต้องจ้างคนมาทำงานให้อีกครั้ง
            ด้วยเหตุนี้  วันรุ่งขึ้นหลังกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว  เธอกับเหลียนเซ่อ และอาเจี่ยน จึงเร่งรีบขับรถเกวียนเทียมลาบ่ายหน้าเข้าเมือง
            "หรือเราจะไปร้านขายเครื่องโลหะกันก่อนดีไหม!”  พอผ่านเข้าเขตเมือง  หญิงสาวหนึ่งเดียวก็หันไปเอ่ยกับอาเจี่ยนและเหลียนเซ่อด้วยรอยยิ้ม
            เหลียนเซ่อหันมายิ้ม  อาเจี่ยนก็พยักหน้าหัวเราะเอ่ยว่าดี
            เมื่อวานพวกเขาต่างปรึกษากันมาแล้ว  วันนี้นอกจากจะไปหาจ้าวลิ่วเพื่อหารือเรื่องจ้างคนงานแล้ว  หากสะดวกก็จะหาซื้อเครื่องมือทำการเกษตรเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง  รวมถึงไปว่าจ้างร้านเครื่องโลหะให้ทำธนูกับลูกธนูโลหะไว้ล่าสัตว์สัก 2 ชุดด้วย
            ในที่สุดก็บรรลุถึงร้านเครื่องโลหะ  ทั้งสามกระโดดลงจากรถ  แล้วนำรถไปจอดแอบไว้ข้างทาง
            อาเจี่ยนพูดคุยกับคนในร้านเครื่องโลหะอย่างละเอียดพักหนึ่ง  คนงานร้านพยักหน้าหัวเราะตอบรับเป็นพักๆ  เพียงไม่นานพวกเขาก็จ่ายเงินมัดจำทิ้งไว้  แล้วตรงดิ่งไปหาจ้าวลิ่ว
            ยามนี้เหลียนฟางโจวยังคงจ้างคนงาน 30 คน  โดยขอร้องจ้าวลิ่วให้เป็นธุระเตรียมการให้ด้วย
            เพราะก่อนหน้านั้นได้พูดคุยกันไว้ดิบดีแล้ว  จ้าวลิ่วจึงยังใช้คนงานดั้งเดิมที่จ้างมาคราที่หักร้างถางพงบนที่ดินรกร้างให้เหลียนฟางโจว
            เหลียนฟางโจวจ่ายค่านายหน้า  แล้วจึงกล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม  ทั้งสามชีวิตจึงตรงดิ่งไปตลาดต่อ
            นอกจากจะหาซื้อของใช้จิปาถะในชีวิตประจำวันแล้ว   พวกเขายังซื้อตระกร้าสานไม้ไผ่ที่มีหูหิ้วยาวๆ 10 คู่ รวมทั้งคานหาบ 10 อัน  เข่งไม้ไผ่ 20 ใบ  ขอเกี่ยวเหล็ก 10 คู่
คานหาบพร้อมตระกร้ามีหูยาว
            ข้าวของพะรุงพะรัง   ถูกบรรทุกอัดแน่นจนเต็มรถเกวียน 
            วันรุ่งขึ้น  คนงาน 30 คน มาถึงที่ดินตรงตามเวลานัด   เหลียนฟางโจวทักทายคนงานพร้อมสำรวจขั้นตอนงานที่จะต้องทำบนพื้นที่ 1 หมู่ไปด้วย  ทว่าพื้นที่ทั้งหมดมี 150 หมู่ก็ต้องเตรียมงานให้เสร็จ 150 งาน  โดยจะต้องวางแผนการทำงานทั้งหมดให้เป็นขั้นเป็นตอน
  การพรวนดินก็ต้องให้พอเหมาะกับระดับความหนาของชั้นดิน  เหลียนฟางโจวได้อธิบายรายละเอียดวิธีการทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างกระจ่าง
            โชคดีที่คนงานแต่ละคนล้วนคุ้นเคยกับวิธีการดี   ซ้ำยังเข้าใจงานดีโดยแทบไม่ต้องให้เอ่ยปาก  ไม่ว่าเจ้าของงานจะสั่งงานอย่างไร   พอคนงานฟังแล้ว ก็รู้แจ้งแทงตลอด  ล้วนช่วยให้งานเดินหน้าสะดวกขึ้นมากทีเดียว
            เหลียนฟางโจวย้ำขั้นตอนการปฏิบัติงานของบ้านตนให้คนงานฟังอีกครั้งตามที่เคยมา   ตอนกลางวันก็มีน้ำแกงตุ๋นเนื้อ จีต้านปิ่ง (แป้งทอดชุบไข่) หรือไม่ก็ลู่วเจียนปิ่ง (แป้งทอดไส้เนื้อ)ให้รับประทาน  โดยไม่หักเงินจากค่าจ้างเลย  และเมื่อไดก็ตามที่พบว่ามีใครอู้งาน  วันรุ่งขึ้นก็จะไม่ให้คนผู้นั้นมาทำงานอีก!
จี้ตานปิ่ง
ลู่เจียนปิ่ง
            เรื่องนี้ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง   แม้ว่าทุกคนล้วนคุ้นเคยกันดีมาก  ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ทำงานเฉื่อยแฉะ  หากมีคนคิดว่าตนเองคุ้นเคยกับงานดีแล้ว  อาจเป็นเหตุให้ไม่เร่งมือทำงาน  กลายเป็นคนเฉื่อยชาขึ้นมาได้  เมื่อถึงเวลานั้นมันจะดูไม่งามเอา
            หากได้มีการบอกกล่าวเรื่องความผิดเอาไว้ล่วงหน้า  จะเป็นการกระตุ้นให้พวกคนงานประพฤติตนถูกทำนองคลองธรรมยิ่งขึ้น  เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้คนงานหัวหมอสบช่องตำหนิหรือเกิดเรื่องบาดหมางใจกันภายหลังได้
            สำหรับการคุมคน   เหลียนฟางโจวเลือกคนงานสองคนคือหลี่ฉิงและหวูเสี่ยวเหมา ขึ้นมาเป็นหัวหน้าต่อหน้าทุกๆคน  ในกรณีที่ตัวเธอเอง อาเจี่ยนและเหลียนเซ่อไม่อยู่ที่หน้างาน  หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น  ก็ให้สองคนนี้ไปหาพวกเขาทั้งสาม
            หลี่ฉิงและหวูเสี่ยวเหมายิ้มแย้มตอบรับงานที่มอบหมายด้วยความดีใจ
            พอเห็นคนงานทุกคนแบ่งกลุ่มกันไปทำงานแล้ว  เหลียนฟางโจวกับพวกต่างจัดแจงขับรถไปยังหมู่บ้านของสกุลหยาง  โดยบนรถเกวียน บรรทุกเข่งไม้ไผ่ 20 ใบ
            เหลียนฟางโจวเองนั้นหาได้ตั้งใจจะไปหมู่บ้านสกุลหยางแม้สักนิด  ทว่าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดที่พอจะมีบ่อปลา   มีเพียงหมู่บ้านสกุลหยางเท่านั้น  ซึ่งเจ้าที่ดินสกุลหยางมีบ่อปลากว้างใหญ่ 2 บ่อ
            ในยุคโบราณนี้คนทำอาชีพเลี้ยงปลายังมีไม่มากนัก  สาเหตุที่ไม่ค่อยมีคนทำ  ก็เพราะลูกปลาหายาก  อีกประการหนึ่งก็เพราะเลี้ยงปลาแล้วไม่คุ้ม  เลี้ยงปลาไว้มากมาย  พอปลาโตขึ้นมักเกิดโรคระบาดตามมา  หากไม่เข้าใจวิธีรักษา  ปลาก็มักจะตายเป็นวงกว้าง  ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย
            การที่คหบดีสกุลหยางถือครองบ่อปลา 2 บ่อ  เป็นเพราะคนในครอบครัวชอบกินปลากันมาก
            ทั้งสามชีวิตบรรลุถึงบ้านคหบดีสกุลหยางด้วยความราบรื่น   แถมยังมิได้พบหยางหวายชานคนสกุลหยางผู้นั้นด้วย  ไม่ใช่หลียนฟางโจวเพียงคนเดียวที่กังวล  เหลียนเซ่อเองก็ลอบพรูลมหายใจด้วยความโล่งอกไปด้วย   มีเพียงอาเจี่ยนคนเดียวที่ไม่รู้สึกอันใดกับคนบ้านสกุลหยางนี้   ตัวเขาเคยมีเรื่องอันใดเกี่ยวข้องกับคนสกุลนี้มาก่อนหรือไร?
            เจ้าที่ดินหยางได้ฟังวัตถุประสงค์การมาของเหลียนฟางโจวแล้ว  คราแรกก็ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
            เหลียนฟางโจวพยายามเกลี้ยกล่อมทุกทาง  ซ้ำยังพยายามยิ้มแย้มเอาใจด้วย  เจ้าที่ดินหยางก็ยังสองจิตสองใจ   แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังเห็นแก่หน้าสกุลซูแห่งเมืองชวงหลิวอยู่บ้าง  และแน่นอน  เรื่องนี้เขามิได้บอกเหลียนฟางโจว
            หาไม่แล้ว  เขาคงไม่ยอมตกลงเด็ดขาด  แม้ว่าเหลียนฟางโจวจะพูดว่าจะจ่ายเงินให้ด้วยก็ตาม  ทว่าไหนเลยเขาจะเห็นแก่เงินเล็กน้อยนั้นเล่า?
            เจ้าที่ดินหยางได้เรียกหยางก่วนสือมารับหน้าในเรื่องนี้  แล้วจึงโบกมือไม่สนใจอีกต่อไป
            เพื่อช่วยให้การจับปลาสะดวกขึ้น  บ่อปลาจึงถูกสร้างไว้ใกล้ๆบ้านคหบดีสกุลหยาง
            บ่อปลา 2 บ่ออยู่ใกล้กัน  และมีทางน้ำเชื่อมซึ่งกันและกัน  ปากบ่อแต่ละบ่อมีเนื้อที่กว้างราวๆ 5 หมู่
            ยามนี้  บ่อหนึ่งมีน้ำเต็มปริ่มสีเขียวอ่อน  น้ำใสสะท้อนแดดเป็นประกายระยิบระยับ  เทียบกับบ่อที่เหลือ  น้ำแห้งผากจนเห็นก้นบ่อ   ซึ่งตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
--------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

13 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณคะ สกุลหยางจะมีปัญหาไหม้นะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ ดีใจทุกครั้งที่มีเตือนว่าอัพตอนใหม่ในเฟซบุ๊ค

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่าา รอๆตอนต่อไป

    ตอบลบ
  4. ลืมไปแล้วบ้านสกุลหยางคือบ้านใคร หยางหวายชานคือใคร😂😂

    ตอบลบ