วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 165 ชุยเฉ่าซีมาเยือนหมู่บ้านต้าฝางครั้งที่สอง 2


                      “เฮ้อ!”  ผ่านไปเป็นนาน  เหลียนลี่ก็พรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา  ครั้นแล้วจึงหัวราะหึๆ
                        จิตใจอันว้าวุ่นพลันค่อยๆสงบลงช้าๆ
                        คุณชายซูรึ  ไม่ใช่สิ  มิควรเรียกว่าคุณชายซู
                        เช่นนี้บุคคลผู้นี้ควรเรียกขานว่าคุณชายอะไรถึงจะถูกต้องล่ะ   มารดาของเขาคือน้องสาวแท้ๆของประมุขสกุลซู  เขาย่อมเป็นคนสกุลซูไม่ผิดเพี้ยน!

                        เนื่องจากเขาเป็นคนสกุลซู   เช่นนั้น...จะคิดอ่านทำการในฐานะนายน้อยของสกุลซูถือว่าถูกต้องไหมนะ?
                        หากเป็นเช่นที่ว่า   ที่เขาเคยออกปากว่า  จะมอบงานนี้ให้ตนเองรับผิดชอบดูแล  นั่นยังมีผลอยู่หรือไม่นะ?
                        “หึ..หึ!” เหลียนลี่นึกแผนการดีๆออกแล้ว  มิหนำซ้ำคุณชายอะไรสักอย่างผู้นี้คงเห็นดีเห็นงามกับตนเป็นแน่   ด้วยเหตุดังนี้   อารมณ์ของเขาไม่เพียงจะเลิกว้าวุ่นแล้ว   ยังกลับมาแช่มชื่นเบิกบานโดยพลัน
                        พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำได้ยุติลงแล้ว   ทว่าจู่ๆเหลียนลี่ให้รู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจขึ้นมา  ชายวัยกลางคนพลันกระทืบเท้าร้องขึ้น  “ไอ้หยา”   แล้วรีบหันขวับไปยังทิศทางของพวกเหลียนฟางโจว
                        เขาพลันนึกขึ้นได้  นังเด็กสาวเหลียนฟางโจวผู้นี้ช่างปากตะไกรนัก  ถนัดนักไอ้เรื่องเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น   นังเด็กปากเสียเอ้ย   หากนางเกิดไปแฉเรื่องร้ายๆของตัวเขาให้คุณชายผู้นี้ฟังเข้า   แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?
                        เห็นทีตัวเขาต้องรีบไปดักหน้าไว้ก่อนแล้ว!
                        ชุยเฉ่าซีเร่งฝีเท้าเล็กน้อย  เพียงอึดใจเดียวก็ไล่ตามทันคนทั้งสาม  ชายหนุ่มบ่นพึมพำด้วยเสียงค่อนข้างเหนื่อยหอบ  “ฟางโจว   ข้าตะโกนเรียกเจ้าอยู่ข้างหลังตั้งหลายครา  ไยเจ้าถึงไม่หยุดรอข้าสักหน่อยเล่า!”
                        เหลียนฟางโจวปรายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า  “ท่านพูดธุระกับท่านลุงใหญ่จบแล้วรึ?  เร็วดีเนอะ!  ลุงใหญ่ข้าคงวางท่านไว้ในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ  เขาไม่เชิญท่านไปนั่งคุยที่บ้านเขาก่อนรึ?  ไม่สักนิดเลยรึ!  ท่านควรตามเขาไปจะดีกว่านะ!  บ้านข้ายากจนข้นแค้น   เกรงว่าคงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเช่นท่านมิได้หรอก !”
                        “คราก่อนเกิดอันใดขึ้นกับเจ้ารึ?   ได้โปรดให้ข้าร่วมทางไปด้วยเถิด  เจ้าอย่าได้รังเกียจรังงอนข้าเลยนะ!”  ขณะที่เอ่ยปาก  ชุยเฉ่าซีก็ค้อมเอว  พลางประคองมือขึ้นคำนับเหลียนฟางโจวอย่างเอาจริงเอาจัง
                        “ให้ข้าเป็นฝ่ายรับการคารวะจากท่านคงไม่เหมาะ!  ท่านอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตไปกว่านี้เลย!”  เหลียนฟางโจวตกใจสะดุ้งเฮือก  รีบเบี่ยงกายถอยหนี 
                         แม้หญิงสาวจะรู้สึกขุ่นเคืองและไม่พอใจอยู่ข้างใน  ทว่าก็ไม่อาจให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลได้
              ชุยเฉ่าซีมีสถานะเช่นไร   แล้วเธอมีสถานะเช่นไร?  แค่เรื่องที่เขาเกี่ยวดองกับคนสกุลซู  ตัวเธอเองมิบังควรรับการคำนับเต็มพิธีการเช่นนี้จากเขาได้
              เช่นนั้นเจ้าไม่โกรธข้าแล้วใช่ไหม?  ชุยเฉ่าซีรีบเอ่ย  เมื่อเห็นเหลียนฟางโจวเลิกคิ้วข้างหนึ่งพร้อมไหวไหล่   นั่นแสดงว่านางยังเคืองเขาอยู่   ชายหนุ่มจึงรีบส่งยิ้มประจบเอ่ยขึ้น  “ขอโทษะนะ  ขอโทษนะ!  ข้าน้อยผิดเอง   ข้าน้อยไม่ดีเอง!  แท้จริงแล้วข้าเองยังมิรู้เลย  ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
                        เหลียนเซ่ออดเปรยขึ้นมาไม่ได้ “ท่านยังกล่าวว่าไม่รู้รึ?  ท่านมิได้พูดรึว่า  จะมอบหมายเรื่องการปลูกฝ้ายนี้ให้ลุงใหญ่ข้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแล?   พอท่านจากไปแล้ว  ภายหลังเขากับป้าใหญ่ได้บุกมาบ้านข้า  บังคับให้พี่สาวข้ามอบเงินตำลึงกับโฉนดที่ดินให้เขาทั้งหมดน่ะสิ!  พอพี่สาวข้าไม่ยินยอม  พวกเขาสองสามีภรรยาก็ด่าว่าเอาเสียๆหายๆ  จนแทบฟังไม่ได้เชียวล่ะ  ซ้ำยังวางแผนเล่นงานพวกเราอีกด้วย!”
                        เหลียนเซ่อเล่าคร่าวๆว่า  เหลียนลี่พาพวกอันธพาลมาก่อกวนในไร่  ส่วนเฉียวซื่อฉวยโอกาสแอบดอดเข้ามาค้นหาของมีค่าที่บ้านเขา
              “เป็นเรื่องจริงรึเนี่ย?   สีหน้าชุยเฉ่าซีพลันเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที  คิ้วขมวดมุ่นขณะเอ่ย  “ไฉนพวกเขาถึงกล้าก่อเรื่องเช่นนี้!   จะอย่างไร  ทั้งสองก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า!   คราก่อน  หากเขาไม่แสดงตัวว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า  ข้าเองคงจะมิไปเหยียบบ้านเขาแน่ !  อันที่จริง  ข้าไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?
                        ชุยเฉ่าซีแค้นเคืองเหลียนลี่นักที่บังอาจเอาความผิดมาโยนใส่เขา   พอครุ่นคิดอย่างเซ็งๆไปสักพัก  จู่ๆก็อุทานออกมา “อ๊า”  พลางยกมือตบหน้าผากตนเอง “ข้านึกออกแล้ว !   ข้าไม่ได้พูดเช่นที่ว่ามาเลย   ชัดเจนว่าเขาเข้าใจข้าผิดไปเอง!  เขาบอกว่าเจ้าอายุยังน้อย   เกรงว่าจะทำงานใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว   เขาจะช่วยดูแลในฐานะญาติผู้ใหญ่ของพวกเจ้า   ข้าจึงพยักหน้าแล้วบอกว่าควรเป็นเช่นนั้น   แล้วเขาคงทึกทักเอาเอง  และแปลเจตนาข้าผิดไป...” 
                        สีหน้าชุยเฉ่าซีพลันบูดบึ้งยิ่งขึ้น
                        “คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ!”  เหลียนฟางโจวพรูลมหายใจ  พลางเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง  แล้วเอ่ยว่า “ท่านก็จงอย่าได้ไปคาดคั้นอะไรเขาเลย  เขาเข้าใจผิดว่าท่านคือคุณชายซู   ไฉนท่านจึงไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่แรกเล่า?  หากท่านปฏิเสธไป   เชื่อแน่ว่าคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายนี่ขึ้นมาหรอก!”
                        “ข้า...ข้า...ไม่คิดว่ามันแตกต่างอันใด   ดังนั้นจึงเพียง....”  ชุยเฉ่าซีค่อนข้างรู้สึกผิด  จึงนิ่งไปครู่หนึ่ง  พลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หากข้าตระหนักว่าจะเกิดปัญหาวุ่นวายเช่นนี้   ข้าคงจะอธิบายให้แจ่มแจ้งเป็นแน่!”
                        เหลียนเซ่อพอได้ยินดังนั้น  ก็แค่นเสียงฮึ่มฮั่ม
                        ชุยเฉ่าซีเอ่ยอย่างขอความเห็นใจ  “ฟางโจว  ให้อภัยข้าเถิดนะ!”
                        เหลียนฟางโจวพรูลมหายใจเบาๆ   เอ่ยเสียงเนือย  “ช่างมันเถิด  เรื่องมันแล้วก็ให้แล้วไปเถิด!   อย่าได้พูดถึงอีกเลย  ตัวท่านเองก็แสดงความรับผิดชอบ  พูดให้ลุงใหญ่ฟังจนกระจ่างแล้ว!   อันที่จริงบ้านข้าก็ไม่มีอะไรพร้อมเลย   ไม่มีที่พักให้ท่าน  คงพอให้ท่านนั่งพักได้สักครู่ก่อนกลับ!”
                        เรื่องของเรื่อง  เขาคือญาติของสกุลซู   เหลียนฟางโจวคงไม่อาจเป็นปฏิปักษ์กับเขาได้จริงๆ  ลำพัง   เขาก็มิได้ตั้งใจจุดชนวนปัญหานี้  ซ้ำยังออกปากขอโทษขอโพยเธอ  ตัวเธอเองจะมัวแต่เคร่งเครียด  ไม่รู้จักปล่อยวางไม่ได้
                        “แน่นอนย่อมเป็นเช่นนั้น!  แน่นอน!”  ชุยเฉ่าซีรีบยิ้มรับปากอย่างแข็งขัน   ซ้ำยังเอ่ยต่อด้วยความกังขา “เจ้ามั่นใจใช่ไหม  ว่าคราวหน้าเขาจะมาหาอีก?
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “แน่นอน!  หาไม่แล้ว ไฉนเขายังใจเย็นอยู่ได้เล่า?
                   “ใจเย็นรึ?  ชุยเฉ่าซีให้กังขายิ่งขึ้น
                        “ใช่แล้ว!”  เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงขรึม  “แน่นอน เขามิได้ใจเย็นหรอก   เขาคงกังวลว่าข้าจะแฉเรื่องร้ายๆของเขาให้ท่านฟังน่ะสิ!”
                        ชุยเฉ่าซีเผยอปากขึ้นเล็กน้อย  ดวงตาฉายแววงุนงง
    ระหว่างที่สนทนากัน   ทั้งหมดก็มาถึงประตูหน้าบ้านเหลียนฟางโจวในที่สุด  เหลียนฟางโจวผายมือ เชื้อเชิญเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  นี่ไงบ้านข้า  เชิญเข้ามาข้างในเถิด!”
                        “ได้เลย!   เจ้าอุตส่าห์เชิญข้าทั้งที!  ข้าก็ขอเชิญพวกเจ้าด้วย!”  ชุยเฉ่าซีเอ่ยแย้มยิ้ม  พลางคอยให้เหลียนฟางโจวเดินเข้าไปด้วยกัน
                        ชุยอวี้สั่งให้สารถีและบ่าวรับใช้ประจำรถม้ารออยู่ข้างนอก  ส่วนตัวเองตามหลังเจ้านายเข้าไปด้านใน
                        “พี่ใหญ่!  พี่รอง  พี่เจี่ยน!  พวกท่านกลับมาแล้ว!”  เสียงสดใสน่ารักของเหลียนฟางฉิงดังเข้าสู่โสตประสาท   ทุกคนหันขวับไปมองเป็นตาเดียว   เด็กน้อยเดินยิ้มแฉ่งออกมาจากในเรือน
                        พริบตาเดียว  ในที่สุดเหลียนฟางฉิงก็เห็นแขกผู้มาเยือนสองคน   และแล้วดวงตากลมโตน่ารักพลันเบิกกว้าง   ริมฝีปากจิ้มลิ้มพลางเผยอออกมา   เพราะเห็นถึงความแตกต่างสองจำพวกที่ไม่น่าอยู่ร่วมกันได้
                        ใบหน้าเล็กจ้อยที่น่ารักของเด็กหญิงตัวน้อยนั้น  ตกตะลึงด้วยคำสองคำ  บางทีนางไม่รู้ว่ามีคำสองคำนี้  หรือไม่รู้ความหมายของคำสองคำนี้   ทว่าใบหน้าของนางฉายชัดคำว่า ‘ดีเลิศ’ สองคำนี้้้้ออกมา
                        ยามนี้ชุยเฉ่าซี   ทำผมเกล้ามวยสูงปักด้วยปิ่นหยก  ปล่อยผมดำขลับดุจน้ำหมึกที่เหลือทิ้งตัวลงมาราวม่านน้ำตก  บนร่างสวมเสื้อคลุมสีเหลืองนวลลายริ้วสีเงิน  กุ๊นสาบเสื้อด้วยผ้าสีทึบปักลายดอกไม้   คลุมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวคอกลมสีขาวบริสุทธิ์  ปักลายใบไผ่สีม่วง  คาดสายรัดเอวสีม่วง   ตรงกลางสายรัดเอวฝังหยกขาวมันแพะ  บริสุทธิ์เรืองรอง  เข้าคู่กับพู่ห้อยหยกลายปลาคู่สีเขียวอมฟ้า  และพู่ห้อยถุงหอมเล็กๆลายปักสีน้ำเงินไพลิน   ด้วยรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม  ใบหน้างดงามราวหยกเนื้อดี  ยิ่งเสริมรูปลักษณ์อันหรูหราประณีตให้โดดเด่นยิ่งขึ้น  ดูหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์หาใครเทียบเทียม
                        ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ได้ยล   ล้วนต้องตกตะลึงพรึงเพริดอยู่กับที่  ไม่อาจละสายตาไปไหนได้
                        เหลียนฟางโจวอดแอบหัวเราะขำไม่ได้  เด็กหญิงตัวกะเปี๊ยกเท่านี้   รู้จักชื่นชมความงามของบุรุษเสียแล้วหรือ?
                        เพียงแค่นั้น   หญิงสาวจึงส่งเสียงกระแอมขึ้นมา   สายตาของเด็กหญิงตัวจ้อยนี้ดูออกจะโจ่งแจ้งไปแล้วนะ!
                        เหลียนฟางโจวอดเหล่มองชุยเฉ่าซีไม่ได้   เห็นสีหน้าเขาดูค่อนข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
   หญิงสาวจึงหลุดหัวเราะกิ๊ก
                        “พี่ใหญ่!”  เหลียนฟางฉิงร้องเรียกเสียงตื่น  ถลาเข้ามาหาหญิงสาว  ดวงตางดงามใสกระจ่างคู่นั้นฉายแววตกตะลึงที่เห็นชุยเฉ่าซีมาเยือน  ถามขึ้นว่า  “พี่ชายผู้งดงามท่านนี้คือใครหรือเจ้าคะ!”
  ---------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
ตอนนี้ พระเอกไม่มีบทเลย  
แต่ตอนหน้า  พวกผู้ชายเขามีเขม่นใส่กันนิดหน่อยค่ะ ^_^

11 ความคิดเห็น:

  1. แสดงว่าชุยเฉ่าซี หล่อเหลามากเลยนะคะ หล่อและรวย สเปคพระรองชัดๆ

    ตอบลบ
  2. ถึงกับทำให้เด็กตะลึงในความหล่อ คุณชายชูผ้นี้มิธรรมดา //จำได้ว่าน้องสาวคู่กับฮ่องสินะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ10 มีนาคม 2561 เวลา 20:38

    น้องเหลียนฟางฉิงน่ารักจริงๆ

    ตอบลบ
  4. แน่ะๆมีตามองของงามๆละ
    ท่านลุงนี่ก็ไม่เข็ดจริงๆ

    ตอบลบ
  5. ต้องหล่อเบอร์ไหนล่ะนี่

    ตอบลบ
  6. หล่อเลิศอะไรปานนี้คุณชายชุยเฉ่าซี

    ตอบลบ
  7. หล่อจนเด็กน้อยตะลึง

    ตอบลบ
  8. เอิ่ม...ความหล่อเหลาของท่านทำเอาพระเอกดับรัศมีที่มีอยู่น้อยนิดจนหมดเลย

    ตอบลบ
  9. พี่ชายผู้งดงาม 555 ภูมิใจมั้ยนะ

    ตอบลบ
  10. จิ้นฟางฉิงกับลุงชุยได้ม่ะ

    ตอบลบ