วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 166 ชุยเฉ่าซีมาเยือนหมู่บ้านต้าฝางครั้งที่สอง 3


                        งดงามรึ?  ริมฝีปากชุยเฉ่าซีงอง้ำลง   บุรุษรูปงามกำมือจิกเล็บแน่นโดยไม่รู้ตัว  เขาไม่ชอบให้ผู้อื่นมาพูดวิจารณ์รูปลักษณ์เขาป็นที่สุด! 
       ทว่า  เด็กหญิงน่ารักผู้นี้คือน้องสาวแท้ๆของฟางโจว  แล้วเขาจะทำอันใดได้เล่า?   ในที่สุดเหลียนฟางโจวหันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชุยเฉ่าฉายแววยุ่งยากใจ  จึงเอ่ยแย้มยิ้ม  “ท่านนี้คือญาติของคนสกุลซู   เจ้าต้องเรียกเขาว่าท่านชายชุย   และห้ามทำตัวไร้สัมมาคาระวะต่อเขานะ!”
                        “อย่าได้เอ่ยราวกับเป็นคนอื่นคนไกลนักเลย!”  ชุยเฉ่าซีพอได้ยินเข้า  จึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราล้วนเป็นญาติของสกุลซูด้วยกันทั้งนั้น  อื้ม  หากนับกันดีๆแล้ว  เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ควรเรียกข้าว่าเปี่ยวเกอ(ญาติผู้พี่) จึงจะถูกต้อง!”
                        เหลียนฟางโจวรำพึงในใจ  แม้ว่าพวกเราล้วนเป็นญาติของสกุลซู   ทว่ามันเหมือนกันเสียที่ไหนเล่า?  ท่านมีสายเลือดของสกุลซูครึ่งหนึ่ง   แล้วพวกข้ามีด้วยหรือ?  หากนับกันจริงๆแล้ว  สมควรเรียกพวกข้าว่า ‘ญาติอุปโลกษณ์’ เสียมากกว่า
                         ท่านกล่าวมาเช่นนี้  ช่างใจกว้างเสียจริง  ทว่าพวกข้าคงไม่อาจเอื้อมทำตัวตีเสมอได้หรอก  นั่นมันชักจะเลยเถิดเกินไปแล้ว!   เที่ยวเอาไปพูดให้ผู้อื่นฟังมิได้หรอก  แถมบ่าวรับใช้ท่านที่นี่ก็ยังยืนจับตามองอยู่ด้วย!
                        “ไยจะเหมือนกันได้เล่า!”  เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยแย้มยิ้ม  “ไหนเลยพวกข้าจะกล้านับญาติกับคนสกุลซูได้!   พวกข้าเป็นเพียงแค่ญาติของญาติเท่านั้น!  พวกข้า....”
                        “ข้าบอกว่าเป็นก็เป็นสิ!”  ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด  พอเหลียนฟางโจวเอ่ยออกมาเช่นนี้  ชุยเฉ่าซีได้ยินแล้วรู้สึกไม่พอใจนัก   ซ้ำยังขัดเคืองไม่น้อย  จึงรีบพูดตัดบทเสีย “เอาล่ะ  สาวน้อย  ไหนลองเรียกเปี่ยวเกอให้ฟังหน่อยสิ!   ต่อจากนี้ไป  ข้าคือเปี่ยวเกอของเจ้านะ!  หากมีใครกล้ารังแก  เจ้าสามารถอ้างชื่อประมุขชุยแห่งเมืองเต้อซิงได้เลย!  ข้าอยากดูนักว่าใครหน้าไหนมันจะกล้ากำแหง!”
                        เหลียนฟางฉิงตาลุกวาว  จึงยิ้มแป้นโพล่งคำเรียกออกมา “เปี่ยวเกอ!”
                        “แหม  เชื่อฟังดีจริงๆ!”  ชุยเฉ่าซีชอบอกชอบใจ  ใบหน้าแย้มยิ้มที่ตะล่อมเด็กน้อยสำเร็จ  แล้วจึงปลดหยกประดับรูปปลาคู่ที่ห้อยเอวไว้  ส่งให้เหลียนฟางฉิง  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เปี่ยวเกอให้เจ้าเป็นของขวัญนะ  เอาไปเล่นสิ!”
                        “นะ...นี่มันของล้ำค่าราคาแพงนะ!”  เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงตะกุกตะกักด้วยความตระหนก
                        “มันก็แค่ของที่ระลึก  ในโอกาสที่พบกันครั้งแรกน่ะ  ไม่เป็นอันใดหรอก!”  ชุยเฉ่าซีรีบยัดของขวัญใส่มือเหลียนฟางฉิง  ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธอีกต่อไป  พลางเอ่ยแย้มยิ้ม  “สาวน้อยคนนี้ยังเป็นเด็กเล็กอยู่เลย   สมควรเก็บเอาไว้เล่นเถิด!”
                        เหลียนฟางโจวแอบพรูลมหายใจ  จำใจยอมตามด้วยถูกบังคับ         
                        ฝ่ายเหลียนฟางฉิงเห็นพี่สาวไม่พูดอันใด   จึงหยิบของที่อยู่ในมือขึ้นมาส่องดู  พลางยิ้มแป้น   ดวงหน้าเล็กจ้อยเงยขึ้นสบตาชุยเฉ่าซี แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเปี่ยวเกอ!  หยกประดับอันนี้สวยงามจังเลยเจ้าค่ะ!”
                        “เจ้าชอบก็ดีแล้ว!”  ชุยเฉ่าซีหัวเราะชอบใจ
              เหลียนฟางฉิงพรูลมหายใจ ซ้ำยังเอ่ยว่า “เฮ้อ  หากมีของนี้ไว้  ทำให้ข้าโตขึ้น  แล้วงดงามได้แบบเปี่ยวเกอ  ข้าก็ยิ่งชอบมันเข้าไปใหญ่เลยเจ้าค่ะ!”
                        เหลียนฟางโจวหลุดหัวเราะคิกๆ   เหลียนเซ่อกับอาเจี่ยนต่างระเบิดเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่
                        ชุยเฉ่าซีพลันเม้มปากแน่น  ก้มหน้าลงต่ำ
                        กล้ามเนื้อบนใบหน้าชุยเฉ่าซีบิดเบี้ยวดูไม่ได้   ยกมือซึ่งแทบไร้เรี่ยวแรงขึ้นโบก  “ไป ไป เอาไปเล่นให้สนุกเถิดนะ!”
                        “โอ้” เหลียนฟางฉิงครางในลำคอ   ทว่านางอยากจะไปเล่นที่ไหนเล่า  จึงอิดออดดึงแขนเสื้อพี่สาวไม่ยอมปล่อย   นางยังมองใบหน้าเปี่ยวเกอผู้งดงามไม่จุใจเลย!
                        “ไปเถิด  เข้าไปนั่งคุยในเรือนกันเถิด!”   เหลียนฟางโจวจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี   จึงได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ
                        “อ้าว..ป้าสามกับพี่สามเล่า?  อาเจี่ยนเอ่ยถามเหลียนฟางฉิง  ฝ่ายเหลียนเซ่อเข้าไปล้างไม้ล้างมือ   เตรียมชงน้ำชาให้แขกแล้ว
                        “ป้าสามไปแปลงผัก  พี่สามไปกับนางด้วย  ข้าเป็นฝ่ายอยู่โยงเฝ้าบ้าน!”  เหลียนฟางฉิงตอบเสียงเจื้อยแจ้ว
                        “อ้อ”  อาเจี่ยนครางในลำคอ  พลางตวัดสายตามองเหลียนฟางโจว 
                        เหลียนฟางโจวรีบส่งสายตาให้เหลียนฟางฉิง  พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “เจ้าไปดูหน่อยสิ ว่าพวกเขาใกล้เสร็จงานหรือยัง!”  กล่าวจบก็กระซิบสั่งความน้องเล็กอีกสองสามคำ
                        ชุยเฉ่าซีจะอย่างไรก็คือแขก   ไม่ควรให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดคับใจครั้งแล้วครั้งเล่า  ที่เหลียนฟางฉิงเอ่ยมา  ก็แค่ถ้อยคำของเด็กไร้เดียงสา   แต่หากป้าสามมาถึง  คงได้ตาถลนหลุดนอกเบ้าแบบนี้อีกคน   ยิ่งเป็นการไม่สุภาพกับแขกโดยแท้
                        แน่นอน  เหลียนเช่อก็คงเป็นไปด้วยอีกคน  เหลียนฟางโจวรู้สึกแน่ใจเรื่องนี้มากเลยทีเดียว
              เหลียนฟางฉิงเชื่อฟังคำสั่งของพี่สาวเคร่งครัด  จึงรับคำ “อื้ม”  แล้วหมุนตัววิ่งตื๋อจากไป
                        “จริงสิ  ไฉนท่านจึงมาถึงที่นี่ได้?  เมืองเต๋อซิงกับที่นี่  ไม่นับว่าใกล้กันเลยนะ!”  ผ่านไปสักครู่เหลียนเซ่อเก็เอาน้ำชามารับรอง  เหลียนฟางโจวจึงยิ้มแย้มถามขึ้น
                        ชุยอวี้ได้ยินแล้วอดเหล่ตามองนายน้อยของตนไม่ได้  ซ้ำยังแอบค้อนให้อีกวงหนึ่งด้วย  พลางรำพึงในใจว่า  เหตุผลอันใดน่ะหรือ?  ก็แค่หลงเสน่ห์คนบางคนที่นี่นะสิ!
                   “ไม่ถือว่าใกลอันใดหรอก”  ชุยเฉ่าซีหัวเราะเบาๆ  คล้ายตั้งใจหัวเราะกลบเกลื่อน “ข้าอยู่บ้านว่างๆ   รู้สึกเบื่อขึ้นมา  จึงคิดออกมาเตร็ดเตร่ข้างนอกแก้เบื่อ  จู่ๆก็มาถึงที่นี่  โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว  จึงคิดว่าไหนๆก็ทางผ่านแล้ว   มาเจอเจ้าสักหน่อยคงมิเป็นไร”
              หากเหลียนฟางโจวเชื่อคำพูดนี้  เธอก็คงปัญญาอ่อนแล้ว!
                        เนื่องจากชุยเฉ่าซีพูดมาแบบนี้   เธอเองก็ไม่อยากเปิดโปงให้เขาเสียหน้า  จึงหัวเราะร้อง อ้อออกมาคำเดียว  ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกต่อไป
                        ฝ่ายตัวชุยเฉ่าซีหาได้รู้สึกว่าวาจาที่ตนเอ่ยออกมานี้   มีที่ใดผิดปกติ   ครั้นแล้วจึงชำเลืองมองอาเจี่ยนแวบหนึ่ง  พลางแย้มยิ้มเอ่ยถาม “พี่เจี่ยนท่านนี้  ชัดเจนว่าคือเปี่ยวเกอห่างๆของเจ้าใช่หรือไม่?  แล้วเขาไม่ต้องกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านหรอกรึ?   นี่ก็เกือบจะหมดปีแล้วนะ!”
                        อาเจี่ยนพอได้ยินเช่นนั้นเข้า  จึงตวัดสายตาขึ้นมอง   ทำหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มโต้กลับว่า “ต่อให้หมดปีแล้วอย่างไร?   มิใช่ว่าท่านชายชุย  เพียงหาเรื่องแก้เบื่อ  ยังอุตส่าห์เตร็ดเตร่ออกจากบ้านมาเสียใกลถึงเพียงนี้!  อีกทั้ง  ข้าเองเป็นคนไร้บ้าน  เคราะห์ดีที่ยังมีญาติมิตร   คือครอบครัวของเปี่ยวเม่ย (ญาติหญิงผู้น้อง) ที่ยินดีให้ที่พักพิงแก่ข้า
                        “ใช่ที่ไหนกันเล่า!”  เหลียนฟางโจวรีบเอ่ยกับอาเจี่ยนด้วยรอยยิ้มซาบซึ้ง  “อันที่จริง  ต้องขอบคุณอาเจี่ยน  ที่ท่านมาอยู่ด้วย   คอยช่วยครอบครัวเรามิได้หยุดได้หย่อน!”
                        เหลียนฟางโจวรู้สึกสำนึกบุญคุณอาเจี่ยนจริงๆ   อันที่จริงมิจำเป็นต้องมาพูดอธิบายกันต่อหน้าชุยเฉ่าซี   เหตุผลที่เธอเอ่ยออกไปเช่นนี้   เพราะยามที่ได้ยินชุยเฉ่าซีเอ่ยถ้อยวาจาอันระคายหูเข้า   หญิงสาวจึงต้องรีบออกหน้าแก้ต่างทวงความยุติธรรมให้อาเจี่ยน
                        ใบหน้าชุยเฉ่าซีบึ้งตึงขึ้นสองส่วน   ทว่าถ้อยคำนี้เหลียนฟางโจวเป็นผู้เอ่ยออกมาเอง   เขาเลยว่าไม่รู้ว่าจะสวนกลับอีท่าไหนดี
                        “เปี่ยวเม่ยเกรงใจไปแล้ว!  ทั้งหมดล้วนเป็นญาติกันทั้งนั้น!”   อาเจี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง  “ข้าว่า จะไปเอาหญ้าให้วัวที่คอกสัตว์หลังบ้านเสียหน่อย  อาเซ่อ  เจ้าอยู่รับรองท่านชายชุยเป็นเพื่อนพี่สาวเจ้าก่อนนะ!”
                        พอกล่าวจบ  ชายหนุ่มจึงผงกศีรษะให้ชุยเฉ่าซี   แล้วจึงผินกายจากไป
                        อันที่จริง เหลียนเซ่อไม่นึกอยากอยู่คุยด้วยนัก  ตัวเขาเองไม่คุ้นเคยกับชุยเฉ่าซี  ซ้ำมิใช่คนเข้ากับคนง่ายเหมือนเหลียนฟางฉิง  อีกทั้งชุยเฉ่าซีเองก็มีท่าทางนิสัยใจคอเช่นนี้  เหลียนเซ่อจึงรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้เป็นที่สุด
                        ตอนอาเจี่ยนจะผละออกไป  ความจริงเขากะจะเดินตามหลังชายหนุ่มไปอยู่แล้ว  พอเจออาเจี่ยนออกคำสั่ง  เขาจึงตื่นจากภวังค์ทันใด  คงเพราะเรื่องชายหญิงแตกต่างกันนั่นเอง   ไฉนเขาจะปล่อยพี่สาวตนเองไว้ตามลำพังได้เล่า!
                        เหลียนเซ่อชะงักกึก  รู้สึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง  จึงผงกศีรษะเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว  พี่เจี่ยน!”
                        ฝ่ายชุยเฉ่าซีออกจะผิดหวังอยู่ครามครัน   ทว่ามิอาจพูดอันใดได้
                        อยู่ที่นี่คงได้แต่คุยเรื่องสัพเพเหระ   ครั้นแล้วจึงได้ยินเสียงเหลียนลี่ทะลุผ่านประตูรั้วเข้ามา  น้ำเสียงร้อนรนที่ลานบ้านนั้นแว่วเข้าสู่โสตประสาท  “คุณชาย!  คุณชายอยู่ในโน้นหรือไม่?”
                        คิ้วของชุยเฉ่าซีขมวดมุ่นโดยไม่รู้ตัว
                        เหลียนลี่ล่วงผ่านเข้ามาแล้ว  เห็นชุยเฉ่าซีนั่งทำหน้าประหลาดใจอยู่  จึงรู้สึกโล่งใจ  พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “คุณชายอยู่ที่นี่จริงๆด้วย!”
                        ชุยอวี้ขึงตาใส่เหลียนลี่  ด้วยอารมณ์บูด  “นี่  ท่านหยุดเถอะ  ตะโกนเรียกมาได้  ไม่มีชื่อ ไม่มีแซ่อันใดเลย   ฟังให้ดีๆนะ  แซ่ของท่านชายสกุลพวกข้า คือ ชุย!”
                        “อ้อ อ้อ  ท่านชายชุย  ท่านชายชุย!  หึหึ!”  เหลียนลี่รีบค้อมศีรษะพร้อมรอยยิ้ม
                         ตอนที่ชุยอวี้ถือวิสาสะมายืนขวางหน้าเขา  เหลียนลี่ไม่ใคร่พอใจนัก  เขาลอบชำเลืองมองชุยเฉ่าซีแวบหนึ่ง  เดิมทีเขานึกว่าชุยเฉ่าซีจะเอ่ยตำหนิชุยอวี้  ทว่าผิดคาดท่านชายไม่ปริปากสักคำ
                        ใจของเหลียนลี่บังเกิดความผิดหวังผุดขึ้นมา  และแล้วจึงคิดได้ว่า  เจ้าหนุ่มคนนี้คงเป็นคนสนิทของท่านชายชุย   มิแปลกใจเลยว่า  ไยถึงดูเย่อหยิ่งหน่อยๆ  และไม่สงสัยแล้ว ที่ท่านชายชุยไม่ลงโทษ!  นี่คงเป็นพฤติกรรมตามธรรมดากระมัง!  ไม่มีอะไรหรอก  ไยเขาจะต้องไปถือสาหาความกับข้าทาสคนหนึ่งด้วยเล่า!  เขาไม่ยอมลดตัวลงไปเกลือกกลั้วด้วยหรอก!
                        ไม่ต้องเสียเวลาคิดอีกแล้ว  เจ้าหนุ่มคนนี้คงเป็นคนสนิทของท่านชายชุย  ท่าทางการพูดการจาจะไม่เลียนแบบท่านชายชุยได้อย่างไร?  แบบนี้คือคนหยาบคายไม่ดูตาม้าตาเรือใช่ไหม?
   ----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ ^_^
  

18 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 มีนาคม 2561 เวลา 19:10

    อิลุงนี่มาป่วนไม่เลิก

    ตอบลบ
  2. โบกลุงแกกลับไปแรงๆเลย

    ตอบลบ
  3. ขำความคิดของฟางฉิง คิดว่ามีหยกแล้วจะทำให้โตขึ้นไปหน้าตาดี

    ตอบลบ
  4. ความป่วนมารอละ มาแต่ลุงแล้วป้าจะตามมาด้วยไหมนี่

    ตอบลบ
  5. แหม้ยังไม่ท้อถอยอีกนะ ทนจริงๆท่านลุง

    ตอบลบ
  6. อาเจี่ยนมีแอบหวงเล็กๆนะ^^

    ตอบลบ
  7. สมองมีไว้แค่ประดับหรอลุง

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ16 มีนาคม 2561 เวลา 23:38

    เบื่อตาลุงป้าบ้านนี้จริงๆ เผือกตลอด

    ตอบลบ
  9. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  10. รำคาญอิลุงป้าคู่นี้มากกกก ใครก็ได้เอามันไปเก็บที อยากจะเบลอหน้าดูดเสียงลบตัวตัวตนนางมากกก อยากเข้าไปตบมันเหมือนอยากเข้าไปตบอิปริก

    ตอบลบ
  11. ไรท์หาย...มาเปิดรอดูตอนต่อไปทุกวันเลยคะ...รอรอรอ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยค่ะ พอดียังติดงานอยู่ค่ะ ถ้ามีเวลาจะกลับมาแปลนะคะ

      ลบ
  12. คำตอบ
    1. ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยค่ะ พอดียังติดงานอยู่ค่ะ ถ้ามีเวลาจะกลับมาแปลนะคะ

      ลบ
  13. รออยู่นะคะ รักษาสุขภาพด้วยแค่ไม่ทิ้งกันก็พอ รอนานไม่เป็นไรค่ะ

    ตอบลบ