วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 167 เผชิญหน้า 1


                        “ฟางโจว !  เจ้าดูสารรูปตัวเจ้าสิ    ท่ายชายชุยท่านนี้  จะอย่างไรก็เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ   เจ้าดูสิตัวเจ้าสิว่ารับรองแขกอีท่าไหน!  น้ำชาเยี่ยงนี้   ยังเอามารับแขกได้!”  ไม่รอให้ชุยเฉ่าซีมีโอกาสพูด  เหลียนลี่ก็หันไปตำหนิเหลียนฟางโจวเสียยกใหญ่  พลางหันไปส่งยิ้มให้ชุยเฉ่าซี “ท่านชายชุย   คนหนุ่มสาวสมัยนี้ช่างไม่มีหัวคิดเอาเสียเลย   ผู้สูงศักดิ์เช่นท่านชายชุยโปรดอย่าได้ลดตัวลงมาเสวนากับนางเลย!    ขอเชิญท่านชายชุยไปที่บ้านข้าดีกว่านะ!   บ้านข้ามีน้ำชาอย่างดี!  ท่านชายชุยไปดื่มชาสักถ้วย  พวกเราจะได้สนทนากันอย่างออกรส!  ฟางโจว  เจ้าก็ไปด้วยล่ะ!”
                        ประโยคหลังนี้  แฝงการบีบบังคับเสียสองส่วน 

                        หากไม่มีเรื่องจำเป็นที่ต้องรีบคุยให้กระจ่างต่อหน้าเหลียนฟางโจว   เหลียนลี่คงไม่เชิญหลานสาวไปด้วยแน่
                        ข้าว่าน้ำชาที่นี่รสชาติดียิ่งนัก  ดื่มแล้วช่วยเจริญอาหารดี!  ท่านมีเรื่องอันใด  ก็พูดกันเสียที่นี่เถิด!”  ชุยเฉ่าซีหาได้ขยับตัวแม้สักนิด   ชายหนุ่มเพียงแค่นเสียงออกมาคราหนึ่ง
                        พอเหลียนลี่เห็นอากัปกริยาเช่นนี้ของชุยเฉ่าซีแล้ว   ใจเขาพลันนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง  ชายวัยกลางคนอดหันไปถลึงตาดุใส่เหลียนฟางโจวไม่ได้   จากนั้นจึงหันมาหัวเราะเอ่ยชักชวนชายหนุ่ม  “บ้านข้าทั้งกว้างขวางกว่า  ซ้ำยังสะอาดสะอ้านและอุ่นกว่าที่นี่ด้วย  หากปล่อยไว้เช่นนี้  ข้าจะไม่รู้สึกผิดต่อแขกผู้สูงส่งอย่างท่านชายชุยได้อย่างไร?   อย่างไรขอเชิญนายท่านผู้ทรงเกียรติออกเดินไปกับข้าเถิด!  พวกข้าจะรับรองท่านชายชุยให้ดีอย่างแน่นอน!”
                        “นี่ท่านก็ทักทายโอภาปราศรัยมามากแล้วนี่!”  ชุยอวี้แค่นเสียงหัวเราะขึ้น  แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  “ความหมายท่านก็คือ  ให้ท่านต้อนรับขับสู้เจ้านายของข้า   แล้วท่านจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อท่านชายข้าใช่หรือไม่?  หึหึ  เป็นไปได้หรือนี่  ที่บ้านท่านทำด้วยหยกด้วยทองหรืออะไรต่อมิอะไรที่ล้ำค่าสูงส่ง!  ก็แค่คนบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง   เอ่ยมาเยี่ยงนี้  ไม่กลัวว่าผู้คนจะหัวเราะเยาะจนขำกลิ้งรึ!”.
                        ใบหน้าเหลียนลี่พลันขึ้นสีแดงก่ำ  ฝืนหัวเราะอย่างฝืดเฝื่อนเต็มที   พลางเอ่ยแก้เก้อ “คนสนิทท่านนี้พูดให้ข้าขำแล้ว  ข้ามิได้ตั้งใจหมายความตามนั้นเลย!   จะอย่างไรบ้านข้าก็ดีกว่าที่นี่มากมายนัก!”
                        “นายท่านไม่เต็มใจ !”  ชุยเฉ่าซีเชิดหน้าสง่างาม  เอ่ยด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง “นายท่านจึงไม่อยากไป  นายท่านพอใจจะอยู่ที่นี่!   ท่านมีปัญหาอันใดหรือไม่?”
                        เหลียนเซ่อได้ยินวาจานี้  พลันโล่งใจไปเปลาะใหญ่  ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเพิ่มขึ้นสองส่วน  ซ้ำยังมีความรู้สึกดีต่อชุยเฉ่าซีเพิ่มอีกสองส่วนด้วย  ฝ่ายเหลียนฟางโจวเหลือบเห็นใบหน้าเขียวคล้ำแทบหายใจไม่ออกของเหลียนลี่แล้ว ถึงกับลอบหัวเราะเยาะในใจ
                        เกรงว่าลุงนางของไม่นึกไม่ฝันละสิว่าชุยเฉ่าซีจะแสดงออกเช่นนี้!
                        แน่นอนเหลียนลี่คงคิดไม่ถึง  ด้วยเหตุนี้เขาจึงยืนทำหน้าเขียวคล้ำโง่งมอยู่ที่นั่น  ได้แต่อ้ำอึ้งทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
                        “ท่าน..หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว  ก็เชิญกลับไปเถิด!”  ชุยเฉ่าซีรู้สึกชิงชังเหลียนลี่ผู้นี้ขึ้นทุกที  ซ้ำยังไม่เหลือบแลเขาแม้แต่นิด
                        “ท่านชายชุย  ข้าถูกใส่ร้าย!” เหลียนลี่อดโวยวายไม่ได้  ชี้หน้าใส่เหลียนฟางโจว พลางเอ่ยด้วยสีหน้าทุกข์ระทม  “ท่านชายชุย   เมื่อครู่ก่อนเจ้าพวกฟางโจวมันมาเป่าหูอันใดท่านรึ?  คราก่อนท่านหาได้เป็นเช่นนี้ไม่  ท่านชายชุย   อย่าไปฟังเรื่องยุแยงที่พวกมันเล่าเลย  เจ้าหลานสองคนนี้  เฮ่อ  พวกมันไม่เคยเห็นลุงใหญ่เช่นข้าอยู่ในสายตา!  มิหนำซ้ำยังหาว่าข้าไม่ดูแลพวกมันให้มากกว่านี้อีก!  ทว่าข้าเองก็มีปัญหาของตัวเองเหมือนกัน!  เฮ่อ!  ท่านเคยบอกข้าให้ดูแลคนรุ่นลูกรุ่นหลาน  แล้วข้าจะละเลยไม่สนใจได้อย่างไร?”
                        เหลียนลี่พูดไปพลางถอนใจไป  ด้วยน้ำเสียงจริงใจและหวังดี   พอได้ยินเข้า สีหน้าเหลียนฟางโจวปรากฏแววชิงชัง  ส่วนเหลียนเซ่อมีสีหน้าฮึดฮัดไม่พอใจ
                        “ลุงใหญ่!  ต่อหน้าหลานแท้ๆ  ท่านกล้ากลับดำเป็นขาว!  ท่านยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?  ท่านมีความละอายสักนิดหรือไม่? ” 
                   “อาเซ่อ  แม้แต่เจ้าก็มักตำหนิลุงใหญ่  ลุงใหญ่รู้นะ!  ทว่าเจ้าพูดออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร!  พวกเรามิใช่คนสกุลเดียวกันอย่างนั้นหรือ!”  เหลียนลี่ทอดถอนใจซ้ำๆ  พลางทอดตามองชุยเฉ่าซี  อย่างมีความหมายโดยมิต้องอธิบาย  ทำนองว่าดูสิเห็นหรือไม่   เขาเป็นญาติผู้ใหญ่ของสองพี่น้องคู่นี้แท้ๆ!  เจ้าสองคนพี่น้องนี้มันยังแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมาได้!
                        “ท่าน!”  เหลียนเซ่อขึงตาใส่ด้วยโทสะ  เหลียนฟางโจวกระแอมขึ้นเบาๆ พลางขยิบตาปรามน้องชายไม่ให้หุนหันพลันแล่น  เหลียนเซ่อจึงได้แต่แค่นเสียง  แล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น
                        ทว่าชุยเฉ่าซีกลับคลี่ยิ้มขึ้น  เลิกคิ้วเอ่ยคำ  “พอได้แล้ว  ท่านทำคล้ายว่านายท่านผู้นี้โง่งมหรือไร?  ถ้อยคำของท่านนี้จะจริงหรือเท็จอย่างไร  นายท่านจะสืบความ  จนความจริงกระจ่างออกมาเอง!  หากเป็นท่านโป้ปด หลอกหลวงนายท่านผู้นี้   ชั่วชีวิตนายท่านชิงชังคนหลอกลวงที่สุด!  คราใดที่นายท่านโดนคนหลอก  นายท่านจะโกรธยิ่งนัก  พอนายท่านเกิดโทสะ  ใจก็จะเย็นลงไม่ได้เลย  โอ ยามนี้ท่านกล้าบอกหรือไม่ว่า  ที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่ก่อนเป็นเรื่องจริง?”
                        ดวงตาดอกท้อของชุยเฉ่าซีวาววับยามจ้องเหลียนลี่เขม็ง  ใบหน้าชายหนุ่มแย้มยิ้มบาง ทว่าดวงตากลับเย็นเยียบ
                        ยามโดนเขาจ้องเช่นนี้แล้ว  เหลียนลี่บังเกิดความหวาดหวั่นโดยไม่รู้ตัว  พอทนไม่ได้เข้าก็หลบสายตาไม่กล้าจ้องกลับ
                        พอเห็นดังนี้ ชุยเฉ่าซีจึงแค่นเสียงใส่หนักๆ
                        เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง  “ลุงใหญ่  ท่านคิดว่าใครๆเขาจะเหมือนท่านกับป้าใหญ่ ที่ชอบนินทายุแยงลับหลังผู้คนรึ!  เนื่องจากท่านชายชุยหาได้อยากไปกับท่าน  ก็จงทำตามเขาพูดเถิด!  ท่านมีเรื่องอันใดต้องการหารือ  ก็จงรีบพูดมาเสียเถิด!”
                        เหลียนลี่ขึงตาใส่เหลียนฟางโจว   ลอบเอ่ยในใจว่าแหมช่างใจดีเสียนี่กระไร?  เจ้าให้ข้าเออออตกลง  ก็คงเพราะเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วสิ.....
                        ทว่าแม้ใจจะคิดเช่นนั้น  เหลียนลี่ก็ไม่อาจทำดังใจคิดได้
              เพราะเขารู้ชัดว่า  หากไม่พูดกันตอนนี้  ก็ยิ่งจะหาโอกาสเหมาะๆไม่ได้อีก!  ชัดเจนแล้วว่าชุยเฉ่าซี   ไม่ไปเยือนบ้านเขาแน่ๆ  และมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าใด
                        เหลียนลี่ตีหน้าขรึม  เอ่ยขึ้น “ไม่มีใครยุติธรรมเกินท่านชายชุยอีกแล้ว  ถ้อยคำนี้เป็นท่านชายชุยเคยเอ่ยออกมาเมื่อคราก่อน  ข้ามาเอ่ยย้ำอีกครั้งคงมิเป็นไร!  จะได้ป้องกันมิให้ฟางโจว  มาหลอกล่อท่านชายชุยให้คล้อยตาม  ท่านจะได้ไม่หลงเชื่อ!”
                        เหลียนลี่กล่าวจบ  เขาก็จับจ้องชุยเฉ่าซีด้วยสายตาคาดหวัง
                        ชุยเฉ่าซีเลื่อนสายตามองเหลียนฟางโจว  ดวงตาชายหนุ่มเปี่ยมด้วยคำขออภัย
                        ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเหลียนลี่เข้าใจจุดประสงค์เขาผิดไปคนละทาง!
                        เขาอยากบอกนักว่าเรื่องโครงการปลูกฝ้าย  หาได้เกี่ยวข้องกับสกุลซูเลยสักนิด  เหลียนฟางโจวเพียงแค่มาหยิบยืมเงินเท่านั้น  มิมีอะไรมากไปกว่านั้น  ทว่าชายหนุ่มเพิ่งตระหนักได้ว่า  หากไม่อ้างอุบายว่าโครงการนี้เป็นของสกุลซู  เหลียนฟางโจวก็ไม่อาจหยิบยืมเงินคนสกุลซูมาเพื่อการนี้ได้   ซ้ำร้ายอาจไม่สามารถยับยั้งปัญหาที่อาจมีมาในภายภาคหน้าได้อีกด้วย
                        ด้วยเหตุผลดังนี้  ยิ่งทำให้เขาโมโหตัวเองมากขึ้น  พูดไปพูดมา  มันก็จะวนกลับมาจนหาทางออกไม่ได้!
                        ทว่าแล้วชุยเฉ่าซีคือใครกัน?   คนเช่นเขาไยต้องมารับรู้ปัญหาบ้าบอเรื่องนี้ด้วยเล่า!
                        ปรากฏว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มขรึมลง  แค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่าน...นายท่านผู้นี้ไม่รับรู้อะไรด้วย  ข้าบอกเมื่อใดกัน ว่ามอบหมายให้ท่านดูแลโครงการนี้?  ท่านพูด ท่านคิดเองเออเองทั้งนั้น  ความหมายข้าคือ ให้ตัวท่านไปหารือกับฟางโจว   มิได้ให้ท่านไปสั่งการ!  หากฟางโจวไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นมายุ่ง  เช่นนั้นท่านก็ควรเลิกคิดยุ่งได้แล้ว!
                        เหลียนลี่หงายเงิบทันที  ใบหน้าซีดเผือดโดยพลัน  ซีดจนกลายเป็นเขียวคล้ำ “ไม่นะ  ไม่นะ!  คราก่อนท่านไม่ได้พูดเช่นนี้....”
                        “ทำไม?  ทำไม่ข้าต้องให้ท่านมาพูดเตือนความจำข้าด้วย?  ที่ท่านพูดออกมานี่  จะหาว่าข้าขี้หลงขี้ลืมอย่างนั้นรึ?”   ดวงตาของชุยเฉ่าซีเข้มขึ้น
                        “ไม่  ไม่นะ!”  เหลียนลี่ปากคอสั่นด้วยความตระหนก   พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งพล่านของตน  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทว่า..ท่านชายชุย  ท่านฟังข้าพูดก่อน แล้วค่อยดูว่ามีเหตุผลหรือไม่!  เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหลียนฟางโจวเป็นเพียงเด็กสาวยังไม่ออกเรือน  จะสามารถจัดการเองได้อย่างไร?  ประการแรกมันไม่สะดวกเลย ประการที่สอง  นางไม่เคยทำมาก่อน  นางไม่มีประสบการณ์อันใดเลย  ประการที่สาม  นางมีงานล้นมือแล้ว  และนางยังต้องดูแลน้องๆอีกหลายคนนะ  ข้าต่างจากนาง  ข้า....”
                        “นายท่านพอใจให้นางทำ!”  ชุยเฉ่าซีแค่นเสียง  พูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “สกุลซูได้มอบหมายเรื่องนี้ให้ฟางโจวจัดการ  แล้วจะมีท่านไปเพื่ออะไร  ท่านอยากทำหน้าที่แทนสกุลซูใช่หรือไม่?  เฮอะ..ในเมื่อท่านมีความสามารถนัก  ท่านก็เดินทางไปเจรจากับสกุลซูเองสิ !  โอ ใช่แล้ว  ข้าจะกลับไปและบอกญาติของข้าว่า  มีบางคนมีพฤติกรรมชอบแอบอ้างสั่งการ  ตีความวาจาผู้อื่นผิด  และจะสั่งสอนพี่ชายข้า พี่สะใภ้ข้าให้เลิกโง่งมดีหรือไม่!”

                        เหลียนลี่รู้สึกมึนไปหมด  โมโหจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

  ----------------------------------------
  ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการติดตามนะคะ^_^

  ต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่าน  ที่ไม่ได้อัพตอนใหม่ไปนานค่ะ 

20 ความคิดเห็น:

  1. มาแล้วค้างเงิบอยู่นาน...ขอบคุณคะ...ตอนนี้ปล่อยให้เหลี่ยนลี่ค้างเงิบแทนคนอ่าน...555

    ตอบลบ
  2. ไรท์กลับมาแล้วเย้😃😃😃

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณคะ ที่ไม่ทิ้งกัน

    ตอบลบ
  4. รออ่านมานานแล้ว ดีใจค่ะกลับมาแล้วว

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะที่ไม่ลืมกัน

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณค่ะ รอมานาน ดีใจมากค่ะ

    ตอบลบ
  7. เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆแต่สนุกและเป็นภาพคนชนบทสมัยก่อน
    ผู้แปลเลือกเรื่องมาดีค่ะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ29 เมษายน 2561 เวลา 07:14

    ขอบคุณค่ะ รออ่านเสมอ

    ตอบลบ
  9. ท่านชายพูดได้ดีมากพูดตรงๆไปเลย ใครจะได้ไม่ไปอ้างแถเอาประโยชน์เข้าตัวอีกขจัดปัญหาทีเดียว

    ตอบลบ
  10. ดีใจค่ะ....รอไรท์เสมอ

    ตอบลบ
  11. กลับมาแย้วว ขอบคุณมากๆนะคะ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลย

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณนะคะ ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานแต่ยังสนุกเหมือนเดิมเลยค่ะ

    ตอบลบ
  14. ไชโย้ มาแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เลือกแปลเรื่องสนุกสนานเรื่องนี้

    ตอบลบ
  15. ขอบคุณค่ะ จะค่อยๆอ่านค่อยๆซึมซับทีละประโยคเลย คิดถึงมากๆ

    ตอบลบ
  16. ไรท์กลับมาแล้ว ดีใจมากกกก

    ตอบลบ
  17. ทำไมเราสมน้ำหน้าท่านลุงล่ะเนี่ย🤣🤣🤣

    ตอบลบ
  18. ขอบคุณที่เปิดให้อ่านอีกรอบคะ

    ตอบลบ