วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 169 ชุยเฉ่าซีมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ 1


            เหลียนฟางโจวขาดแคลนแรงงานในมืออยู่มากโข  โดยเฉพาะแรงงานมากฝีมืออย่างฉินเฟิงและซูจื่อจี้!  ก่อนหน้านี้สองคนนั้นต่างก็ทำงานเป็นผู้ช่วยขุนนาง  บางทีพวกเขาคงมีความเชี่ยวชาญจริงๆ  แต่ก็ไม่รู้ว่า  จะถึงขั้นเก่งกาจระดับขุนนางราชสำนัก  อย่างที่ตัวเธอเพิ่งรับทราบมาหรือไม่?
            “บ้านข้าจริงๆแล้วเป็นครอบครัวชาวนาชาวไร่    จะให้ฉินเฟิงและซูจื่อจี้สองนี้มาอยู่ในบ้านพวกข้า  ไม่รู้ว่าเป็นการทำผิดต่อพวกเขาหรือไม่!   ศาลเจ้าของเราคงเล็กไป ไม่เหมาะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่หรอก [*1]!  เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม

            ชุยเฉ่าซีเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งหญิงสาวที่พูดถึงสองคนนี้ “เจ้าสองคนออกไปรอที่หน้าประตูรั้วก่อน”
            ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ขานรับคำสั่งแล้วล่าถอยออกไปอย่างนอบน้อม  เหลียนฟางโจวปรายตามองแวบหนึ่ง พลางลอบถอนใจไปด้วย  ทั้งหมดคือเรื่องปูมหลังของครอบครัว  มันเป็นธรรมเนียมที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้!
            แม้เธอต้องการความสามารถของพวกเขานัก  ทว่าก็จำต้องปล่อยไป  ก็เพราะความจริงแล้วเธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย!
คล้ายว่าคนประเภทนี้  หากต้องตกไปอยู่ในอาณัติของคนตระกูลใหญ่ที่เคร่งครัดกฏระเบียบและมากพิธีรีตองแล้ว  ทั้งสองคนคงเป็นได้เพียงแค่ทาสในเรือนเบี้ยเท่านั้น  ทว่าหากพวกเขาต้องมาอยู่ในตระกูลชาวไร่ชาวนานี้  พวกเขาจะทำใจได้หรือ?
หากผู้ใดมีใจไม่ยอมรับ  สิ่งที่อยู่ในใจคนเหล่านั้นคงมีแต่ความดูหมิ่นดูแคลน  จะเป็นต้นเหตุของปัญหามากมายตามมาหรือไม่?
ชุยเฉ่าซีย่อมไม่มีข้อขัดข้องแม้แต่น้อย  หากต้องยับยั้งคนทั้งสองที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนไว้ !
เหลียนฟางโจวเองย่อมห่วงใยเรื่องฝ้ายมากเป็นธรรมดา  หญิงสาวคงไม่อยากเลี้ยงคนที่มีใจกระด้างกระเดื่องเอาไว้   เพราะอาจก่อความหายนะต่อครอบครัวนางขึ้นมาได้ในภายหลัง
ชายทั้งสองคนเคยเป็นเจ้าหน้าที่ภาคการเกษตร   หากอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโครงการฝ้ายขึ้นมา  นี่มันไม่ถือเป็นโอกาสดีหรอกหรือ  หากพวกเขาเกิดแอบทำอะไรหลับหลัง  ตัวเหลียนฟางโจวเองก็คงจับมือใครดมมิได้ !
สรุปสั้นๆ  มันเสี่ยงต่อครอบครัวนางเกินไป!
“ฟางโจวเจ้าวางใจเถิด” ชุยเฉ่าซีรีบเอ่ย “พวกเขาก่อความผิดจนถูกทางการลดขั้นลงจนกลายเป็นทาส  ย่อมต้องแบกรับสถานะทาสไปชั่วชีวิต  ต่อให้ถูกเจ้านายทุบตีจนตาย  ก็ไม่มีใครว่าอันใดหรอก  และหากพวกเขากล้าหลบหนีขึ้นมา  โทษจะหนักกว่าการก่ออาชญาขั้นร้ายแรงนัก!  อีกทั้ง สองคนนี้ไม่เพียงมากความสามารถ  ยังมีนิสัยสุขุมซื่อตรง  แต่ก่อนก็คลุกคลีอยู่กับงานด้านการเกษตรมาโดยตลอด  พวกเขาหาได้มีมิตรสหายใกล้ชิดมากนัก  เรื่องเหล่านี้  ข้าล้วนได้ส่งคนไปสืบข่าวมาจนกระจ่างแล้ว!  เนื่องจากภายหลังพวกเขาถูกส่งขายเป็นทาส   คนทั้งสองได้ประสบความทุกข์ยากมากมาย  เจ้าเต็มใจให้ที่คุ้มหัวพวกเขา  ซ้ำยังให้โอกาสพวกเขาได้กลับไปทำในสิ่งที่ตนถนัดอีก   นี่ถือว่าเป็นการให้ความเมตตาอนุเคราะห์ต่อพวกเขาแล้ว!   ทั้งสองคงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณนี้แทบไม่ทัน  จะไม่กล้าทรยศหักหลังเจ้านายตนเป็นแน่!”
“จริงรึนี่?”  เหลียนฟางโจวตาโตถามกลับ
“จริงแท้แน่นอน!”  ชุยเฉ่าซีเอ่ยเสียงลอดไรฟัน  “เว้นแต่ทั้งสองคนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วละนะ!”
เหลียนฟางโจวนิ่งคิดชั่งใจกลับไปกลับมา  พลางกัดฟันเอ่ยในใจ  ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า  ก็แค่เลี้ยงพวกเขาไว้!   ฉันเองก็ขาดคนช่วยจริงๆนั่นแหละ!   ต่อให้พวกเขาไม่เกรงกลัวฉัน  แต่ก็ต้องเกรงกลัวชุยเฉ่าซีอยู่บ้างละน่า  สองคนนั้นก็น่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้ว   ด้วยสถานภาพยามนี้ของพวกเขา  ต่อให้คิดหลบหนี  ย่อมเป็นไปไม่ได้   จะกลายเป็นการทำร้ายตัวเองไปเสียเปล่าๆ  หาได้ก่อประโยชน์อันใดไม่ !
“เช่นนั้น ก็ลองให้พวกเขาอยู่ทำงานด้วยสักตั้ง!”  เหลียนฟางโจวพยักหน้าขึ้นคราหนึ่ง  “หากผลออกมาดี  ย่อมถือว่าท่านช่วยข้าไว้มากมายมหาศาลเชียวนะ!”
คำว่าขอบคุณแค่สองคำนี้ก็ยังมิยอมหลุดจากปากหญิงสาวอยู่ดี  ชุยเฉ่าซีโบกมือ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร  ข้ายินดีทำ!  เช่นนั้นก็เรียกพวกเขาเข้ามานะ!”
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม พลางพยักหน้าคราหนึ่ง  ชุยอวี้ผู้มีสายตาพอใจเดินออกไปเรียกคนทั้งสองที่นอกประตูบ้าน “พวกเจ้าสองคนเข้ามาได้แล้ว!”
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้เข้ามาอย่างนอบน้อมมีมรรยาท  ไม่ต้องให้ออกปากสั่ง  พวกเขาก็คุกเข่าลงทันที
เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงเรียบ “แม้ท่านชายชุยจะออกปากยกพวกเจ้าให้ข้า  ทว่าพวกเจ้าย่อมเห็นได้เองว่า  บ้านพวกข้าจัดเป็นบ้านชาวนาชาวไร่ธรรมดา  เมื่อได้เข้ามาอยู่ที่นี่  พวกเจ้าจะต้องทำงานหนักคลุกดินคลุกทราย!   หากพวกเจ้าไม่อยากทำ  ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ  จะตามท่านชายชุยกลับไปก็ได้   ให้ท่านชายชุยหางานอื่นให้พวกเจ้าทำกันเอง   และท่านชายชุยจะไม่ตำหนิพวกเจ้าเพราะเหตุนี้ด้วยแม้แต่น้อย!
เหลียนฟางโจวเอื้อนเอ่ย  พลางหันไปสบตาชุยเฉ่าซี
ชุยเฉ่าซีเพียงพยักหน้าให้ เอ่ยว่า “ถูกต้อง  หากพวกเจ้าไม่ประสงค์จะอยู่ที่นี่  ข้าก็จะพาพวกเจ้ากลับไปทำงานอย่างอื่น!”
“ทว่าหากพวกเจ้าเต็มใจจะอยู่ที่นี่  ก็ขอให้ลืมอดีตทุกอย่างที่ผ่านมาให้สิ้น  แล้วตั้งใจทำงานให้ดี!  หากว่าพวกเจ้าทำการอันใดให้ข้าต้องเสียใจภายหลัง  ข้าคงไม่ใจดีกับพวกเจ้าอีกเป็นครั้งที่สองแน่!  และข้าก็ไม่ให้โอกาสเช่นนี้อีกต่อไป  เพราะถือว่าได้บอกพวกเจ้าไปแล้ว  แต่หากพวกเจ้าอุทิศตน ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งและซื่อสัตย์  ในภายภาคหน้าพวกเจ้าจะไม่มีทางถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!  เช่นนั้นแล้ว...จงคิดทบทวนด้วยตัวเองเสียให้รอบคอบ!”  เหลียนฟางโจว ประกาศเจตนารมณ์ชัดแจ้ง  กวาดตามองคนทั้งสองตั้งแต่หัวจรดเท้าคราหนึ่ง
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้โดนหญิงสาวกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า  พาให้ใจหวาดหวั่นด้วยความกลัว  บังเกิดความเคารพยำเกรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขามาพูดอะไรเช่นนี้!  ต่อหน้าเด็กสาวบ้านนอกผู้ยังไม่ออกเรือนผู้นี้  พวกเขาจะทำได้อย่างไร?
เมื่อชายทั้งสองแอบลอบสำรวจสีหน้าของชุยเฉ่าซีอีกครั้ง  ก็พบว่าอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าบุรุษสูงศักดิ์มีแต่ความเมตตาอ่อนโยน   ริมฝีปากของชุยเฉ่าซีแย้มยิ้มทุกคราที่ทอดมองเหลียนฟางโจว   คนทั้งสองถึงกับแอบเอ่ยในใจว่า  แม่นางผู้นี้สง่างามผึ่งผายเช่นนี้นี่เอง   มิน่าเล่า   คุณชายสกุลชุยถึงได้มีท่าทีต่อนางเช่นนี้! ‘
หากพวกเขากลับไปสกุลชุย  ด้วยสถานะภาพของพวกเขาทั้งสองคน  การจะได้รับหน้าที่การงานดีๆนั้น  ย่อมเป็นไปไม่ได้   พวกเขาน่าจะต้องทนทุกข์ถูกเหยียดหยามรังแกอย่างไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นคนเสียละมากกว่า!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้   มิสู้เสาะหาสถานที่ในแถบชนบทอันห่างใกลเช่นนี้เป็นที่ซุกหัวนอนมิดีกว่าหรือ  แม้สภาพแวดล้อมจะอัตคัตลำบากอยู่บ้าง  ทว่าในใจก็ยังมีอิสระเสรีดีกว่าเป็นไหนๆ  ไม่ต้องเผชิญกับสายตาดูหมิ่น และคำพูดดูถูกอีกต่อไป!  
ทั้งสองคนต่างคิดได้เหมือนกัน  เมื่อสบตากัน  ต่างก็รู้สิ่งที่อยู่ในใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“บ่าวเต็มใจอยู่ที่นี่  ขอแม่นางโปรดให้ที่พักพิงด้วยเถิด!”  ฉินเฟิงและซูจื่อจี้โขกหัวกับพื้นพร้อมๆกัน
“พวกเจ้าไม่ลองคิดให้ดีๆอีกสักครั้งเล่า?  นี่มิใช่เรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตพวกเจ้าทั้งชีวิตหรอกหรือ?”  เหลียนฟางโจวมิได้รับปากทันที   หญิงสาวพยายามเอ่ยย้ำด้วยความจริงใจและหวังดี  “พวกเจ้าไม่ต้องกลัวไป  คิดอย่างไรในใจก็พูดออกมาตรงๆ !  ไม่ว่าจะเลือกอยู่กับข้าหรือท่านชายชุย  ล้วนไม่มีคนใดผิดคำพูดแน่!”
ชายทั้งสองต่างส่ายหน้า  ฉิงเฟิงเอ่ยขึ้น  “แม่นาง  บ่าวคิดถี่ถ้วนดีแล้ว  บ่าวอยากอยู่ที่นี่  ไม่ว่าแม่นางจะชักนำเช่นไร  ก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ขอรับ!”
“บ่าวด้วยขอรับ!”  ซูจื่อจี้เอ่ยปาก  “นับจากนี้ไป แม่นางคือนายหญิงของบ่าว   ทุกสิ่งล้วนทำเพื่อประโยชน์ของแม่นาง  บ่าวจะไม่ทรยศหักหลังเป็นเด็ดขาดขอรับ!”
“ข้าบอกแล้วว่าทั้งสองคนเป็นคนดี  ฟางโจว  เจ้าสบายใจเถิดนะ!”  ชุยเฉ่าซีเอ่ยแย้มยิ้ม
เหลียนฟางโจวส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม  แล้วหันไปพยักหน้าให้คนทั้งสอง  เอ่ยเสียงเนิบ “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นผู้เลือกเองเช่นนี้แล้ว   ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เลือก!  ขอบอกไว้ก่อนว่า นับจากนี้ไปข้าจะไม่ให้โอกาสพวกเจ้าเลือกอีกแล้ว  หากพวกเจ้ารื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก  ข้าจะไม่เชื่อใจพวกเจ้าอีกต่อไป!  ข้าขอบอกให้ฟังโดยไม่อายว่า  บ้านข้าลำบากยากจน  เงินที่พวกข้าใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้  ล้วนเป็นเงินที่หยิบยืมผู้อื่นมาทั้งสิ้น  ข้าขอสั่งห้ามพวกเจ้าว่า  อย่าได้คิดทำอะไรตุกติกเป็นอันขาด  แม้จะอ้างว่าเป็นเงินเล็กน้อยก็ตาม  ข้าจึงอยากบอกพวกเจ้าให้รู้ตัวไว้”
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้น้อมรับคำสั่ง
ชุยเฉ่าซีขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ  พลางเอ่ยว่า “ฟางโจว...เจ้าพูดอะไรของเจ้า  เจ้าดูจะระมัดระวังเกินเหตุไปแล้วนะ!  ก็แค่เงินหนึ่งหมื่นตำลึงเอง  ข้า....”
พอเห็นเหลียนฟางโจวหรี่ตาคล้ายไม่พอใจ  ชุยเฉ่าซีจึงเปลี่ยนมาหัวเราะแห้งๆแทน แล้วรีบเอ่ยแย้มยิ้ม “เอาล่ะๆ  หากปีหน้าเกิดขาดทุนขึ้นมา  จะเป็นไรไป ในเมื่อยังมีปีถัดๆไปอีกนี่นา  ข้าจะให้เงินเจ้ายืมอีกแน่นอน!  รอไว้เมื่อใดที่เจ้ามีกำไร  จากนั้นจึงค่อยใช้คืนข้า  ตกลงไหม?”
เห็นชุยเฉ่าซีแสดงท่าทีพะเน้าพะนอเอาใจ  เหลียนฟางโจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  หญิงสาวรู้สึกเหมือนคนกำลังสำลักหายใจไม่ออก
เหลียนเซ่อเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงหลุดหัวเราะขำพรืดออกมา!
ชุยอี้ลอบกรอกตาให้ทีหนึ่ง  แล้วเสหันหน้าไปอีกทาง พลางเอ่ยเงียบๆในใจ  นี่ข้าคงมิได้ข้าตาฝาดไปใช่ไหม  นายท่านผู้ปราดเปรื่องงามสง่าของข้า  คงต้องมนต์เสน่ห์สาวเข้าแล้วเต็มเปา!
ส่วนฉินเฟิงและซูจื่อจี้แอบอึ้งตะลึงงัน   ทั้งสองคนยิ่งให้ความเคารพยำเกรงต่อเหลียนฟางโจวเพิ่มขึ้นสองส่วน
***
[*1] ศาลเจ้าของเราเล็กเกินไป ไม่เหมาะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่หรอก : เป็นการปฏิเสธแบบสุภาพ ทำนองว่า  คุณมีคุณสมบัติดีเกินกว่าที่เราจะรับไว้ได้  หรือไปอยู่ที่อื่น น่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า
----------------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ^_^

13 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ10 พฤษภาคม 2561 เวลา 22:11

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. สองคนนี้จะเป็นคนดี ช่วยฟางโจวยุงไงบ้างน้าาา

    ตอบลบ
  3. ท่านชายชุยก็มีข้อดีเหมือนกันนะ แต่เสียดายเป็นแต่พระรอง

    ตอบลบ
  4. คุณชายสายเปย์...!♥♥♥

    ตอบลบ
  5. ชอบเรื่งนี้มาก ขอบคุณค่า

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ ที่สละเวลาแปลให้อ่าน รอนะคะ

    ตอบลบ
  7. คุณชายสายเปย์มากๆ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณไรท์ ที่ไม่ทิ้งกันไป หายไปพักใหญ่ๆเลย .... ท่านชายสายเปย์เทหมดหน้าตักจริงๆ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ12 พฤษภาคม 2561 เวลา 10:59

    ก้าวทีละก้าว

    ตอบลบ
  10. ทำไมเรารู้สึกหมั่นไส้พระรองตลอดเลยอ่ะ ไม่เข้าใจหรือนางเป็นผู้ชายไทป์ที่เราไม่ชอบ อ่านแล้วแอบเบะปากตลอด

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณค่ะ
    ชุยเฉ่าซีเจ้ากี้เจ้าการอีกละ แต่รอบนี้ถือว่าเอาของดีมาให้

    ตอบลบ