วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 170 ชุยเฉ่าซีมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ 2


“ข้าขอใบสัญญาขายตัวเป็นทาสของสองคนนี้ไว้   ส่วนค่าตัวของพวกเขาข้าต้องจ่ายให้ท่านเป็นเงินเท่าใด!”   เหลียนฟางโจวนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ  จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น
 “ข้าไม่เอาเงิน!”  ชุยเฉ่าซีรู้สึกไม่ชอบใจทันใด
เหลียนฟางโจวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง  ตวัดสายตามองเขา  พลางเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง  “เช่นนั้น คงมิได้  ท่านอย่าได้ทำให้ข้าหนักใจเลย  ถึงอย่างไร หากข้าใช้เงินจนหมด ข้าก็จะขอยืมท่านอีกครั้งแน่นอน  ไม่ปีหน้า ก็ปีถัดๆไปไง!”

 “ฟางโจว..เจ้านี่จริงๆเลย....”  ชุยเฉ่าซีลุกขึ้นยืนร้องเรียกหญิงสาวที่พูดจาหน้าตาแย้มยิ้ม  ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางเอ่ยเสียงเนือย  “ก็ได้  เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน!”  ชายหนุ่มรู้ดีว่านางเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น  ว่ากันตามจริงแล้วเงินก้อนนี้  เขามิได้เป็นคนให้นางยืมเองเสียด้วย!
สำหรับค่าตัวตามหนังสือสัญญาขายตัวเป็นทาสของชายสองคนนี้  เรื่องจุกจิกพวกนี้เขาไหนเลยจะรู้เล่า?  ครั้นแล้วชายหนุ่มจึงเลื่อนสายตาไปหาชุยอี้
ชุยอี้จึงรีบเอ่ยแย้มยิ้ม “ค่าตัวสองคนรวมกัน ก็ยี่สิบตำลึงขอรับ!”
เหลียนฟางโจวพยักหน้าคราหนึ่ง  พลางเอ่ย “ข้าจะไปนำตั๋วเงินมาให้!”
กล่าวจบ หญิงสาวก็ลุกเดินผลุบหายเข้าไปในห้อง
ระหว่างที่รอหญิงสาวนำตั๋วเงินออกมามอบให้ชุยอี้  ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ ชายทั้งสองต่างไปหอบหิ้วห่อข้าวของๆตนเองเข้ามาในเรือนด้วย  คนทั้งสองต่างยืนสงบเสงี่ยมรอคอย หญิงสาวที่จัดการธุระอยู่อีกด้านหนึ่ง
สิ่งที่อยู่อ้อมแขนคนทั้งสองคือเครื่องนอนหอบใหญ่  และห่อผ้าสัมภาระใหญ่โตที่คล้องอยู่บนไหล่  ซึ่งน่าจะเป็นบรรดาข้าวของเครื่องใช้ อาทิเช่น เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า และสิ่งละอันพันละน้อย
ไม่ต้องถามใคร เหลียนฟางโจวย่อมรู้เองว่าข้าวของเหล่านี้ต้องเป็นชุยเฉ่าซีที่หาซื้อมาให้เป็นแน่  มิต้องเดาเลยว่าชายหนุ่มทำไป เพียงต้องการช่วยแก้ปัญหาให้หญิงสาวนั่นเอง
บรรดาข้าทาสที่ซื้อผ่านมือพวกนายหน้า   นอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนร่างแล้ว   ชายสองคนไหนเลยจะมีปัญญาเป็นเจ้าของห่อสัมภาระพวกนี้เองได้เล่า!
ส่วนเรื่องจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้  เหลียนฟางนึกแล้วให้ปวดหัวนัก  เดิมทีในห้องที่เหลียนเซ่อ  เหลียนเช่อ และอาเจี่ยน ที่ทั้งสามคนนอนนั้นมีเตียงนอนอยู่เพียงเตียงเดียว  พออาเจี่ยนเข้ามาอยู่ด้วย  เธอจึงเพิ่มเตียงเล็กๆเข้ามาอีกหลังหนึ่ง  ยามนี้ไม่สามารถยัดเตียงเข้าไปเพิ่มได้อีกแล้ว
หากให้คนทั้งสองนอนบนพื้น   พวกเขาคงจะทนทุกข์ทรมานน่าดูกว่าจะผ่านฤดูหนาวนี้ไป
บ้านหลังนี้ควรถึงเวลาบูรณะใหม่อีกครั้งแล้วกระมัง!’  เหลียนฟางโจวเอ่ยในใจเงียบๆ
            ว่าไปแล้วมิใช่ว่าไม่เคยคิดในเรื่องนี้  เพียงแต่ ประการแรกมันยังไม่มีเวลา  ประการที่สอง เธอยังไม่อยากทำตัวเตะตาผู้คนมากเกินไปนัก
            มิหนำซ้ำ  เธอหาได้อยากเอาเงินที่ยืมมาไปเพื่อการบูรณะที่อยู่อาศัยนัก  เพียงคิดอยากรอให้ได้กำไรในปีหน้าก่อน  แล้วจึงค่อยนำเงินนั้นมาปรับปรุงต่อเติมบ้านอีกครั้ง
            “พี่ใหญ่”  เหลียนเซ่อเอ่ยขึ้นทันใด “หรือว่าอีกสักสองวัน เราค่อยให้สองคนนี้ย้ายไปพักที่โกดังสร้างใหม่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านนั่นดีหรือไม่ !  หมู่เรือนตรงนั้นน่ะสร้างเกือบเสร็จแล้ว   เก็บกวาดอีกสักเล็กน้อย ก็สามารถให้พวกเขาย้ายเข้าไปอาศัยได้แล้ว!”
เหลียนฟางโจวนึกขึ้นได้  จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่พูดขึ้นมา ข้าก็เกือบลืมไปเลยนะ!  ถ้าเช่นนั้น   กลางคืนก็ให้พวกเขานอนที่นั่น  จะได้ให้ช่วยเฝ้าพวกกองข้าวของ เครื่องไม้เครื่องมือที่นั่นด้วย!”
หญิงสาวจึงเอ่ยเสียงเนิบ  “เช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน  รอพวกเจ้าไปเก็บกวาดที่นั่นให้เรียบร้อยเสียก่อน  สองสามวันนี้พวกเจ้าก็นอนพื้นบนห้องใต้หลังคาไปพลางๆก่อนนะ!”
เนื่องจากฉินเฟิงและซูจื่อจี้ตัดสินใจจะอยู่ที่นี่   อีกทั้งได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเหลียนฟางโจวด้วย  ทั้งสองคนจึงเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว  เมื่อได้ยินวาจาของหญิงสาว ทั้งสองคนจึงปัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆทิ้งไป  ได้แต่ขานรับคำ ขอรับ  ด้วยความนอบน้อม
“ข้าจะพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบนเอง!”  เหลียนเซ่อเอ่ยขึ้น ขณะกำลังเตรียมตัวเดินออกไป
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้จึงขอตัว  และเดินตามเหลียนเซ่อไป
“ท่านชายชุย  ยามนี้ยังไม่เย็นเท่าใดนัก!  หรือว่าท่านน่าจะ....”  เหลียนฟางโจวเหลือบมองไปข้างนอก  เห็นท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสงลงทุกขณะ  หญิงสาวจึงหันกลับมาเอ่ยกับชุยเฉ่าซี
ชุยเฉ่าซียอมไปที่ไหนกันเล่า?
ชายหนุ่มแค่นเสียงเบาๆ คล้ายซ่อนความน้อยใจไว้ พลางเอ่ยว่า  “ฟางโจว...เจ้าช่างแล้งน้ำใจยิ่งนัก   ข้ารึอุตส่าห์รีบเร่งช่วยเป็นธุระต่างๆให้เจ้า   ข้าขอแค่อยู่กินอาหารที่บ้านเจ้าสักมื้อด้วยไม่ได้เชียวหรือ?”
“ข้า.....”  เหลียนฟางโจวเอ่ย  “นี่ก็ใกล้เวลามื้อเย็นมากแล้ว  หากท่านอยู่กินอาหารจริงๆ  แล้วท่านจะเดินทางกลับได้อย่างไร?   นี่มันแถบชนบทนะ  ถนนหนทางแย่เอามากๆ   เดินทางบนถนนเช่นนี้ กลางค่ำกลางคืน มันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย!  มิสู้  ครั้งหน้าไว้มีโอกาส  ข้าจะเลี้ยงอาหารท่านเป็นการตอบแทนดีหรือไม่?”
“คราวหน้าก็ส่วนคราวหน้า  ข้าจดล่วงหน้าไว้แล้ว!  คราวนี้ก็คือคราวนี้  ไม่ควรจะเอามาปะปนกันสิ!”  ชุยเฉ่าซีเอื้อนเอ่ยออกมาเช่นนี้ หาได้รู้สึกอับอายเลยสักนิดไม่
แค่เรื่องปัญหาการรีบเร่งเดินทางยามค่ำมืดดึกดื่น  นั่นไม่ยิ่งกว่าปัญหาหรอกรึ!
ชายหนุ่มเอ่ยมาคล้ายป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรมเสียเต็มประดา  “ในเมื่อกลางคืนเดินทางไม่ได้  เช่นนั้น...ข้าก็ไม่เดินทาง   เจ้าก็ให้ข้าค้างคืนที่บ้านเจ้าสักคืนสิ!”
เหลียนฟางโจวและชุยเฉ่าซีต่างสบตากันโดยไม่รู้ตัว   ทั้งสองฝ่ายต่างจับจ้องกันและกันอย่างอึ้งๆ  โดยไม่มีฝ่ายใดเอื้อนเอ่ย
เหลียนฟางโจวเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยชี้แจงออกมาก่อน “มิใช่ว่าข้าจะไม่ให้ท่านพักอยู่ด้วยหรอกนะ   ทว่าท่านก็เห็นอยู่ทนโท่  หากให้ท่านค้างคืน  แล้วท่านจะนอนที่ไหนเล่า?”
ยามนี้เหลียนฟางโจวรู้คำตอบแล้วว่า เหตุใดชายหนุ่มถึงไม่ยอมรับปากให้เลี้ยงอาหารคราวหน้า
“ข้าหาใช่คนช่างเลือก”  ชุยเฉ่าซีเอ่ยแย้มยิ้ม  “ขอแค่มีพื้นที่ให้ข้าเอนหลังนอนได้ก็พอแล้ว  ไม่เช่นนั้น  ข้านั่งหลับกับโต๊ะเอาก็ได้!  เจ้ามิต้องกังวลแทนข้าหรอก!”
“แบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ!”
“ข้าไม่เป็นไรเลย สบายมาก!
เหลียนฟางโจวพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความอดทน  พร่ำบอกจนเสียงแห้ง  เป็นตายอย่างไรท่านชายชุยก็ไม่ยอมไปท่าเดียว!
ในที่สุดเหลียนฟางโจวก็อับจนหนทาง   หญิงสาวนึกขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ  ถ้าเช่นนั้น  ท่านอยู่ต่อก็ได้!  เพียงแต่ท่านต้องรับปากกับข้าก่อน  หากท่านอยากจะอยู่  ท่านก็ต้องเชื่อฟังเรื่องที่ข้าจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้!   อีกทั้งพอถึงพรุ่งนี้ท่านต้องกลับนะ!”
พอได้ฟังข้อเสนอของหญิงสาว  ชายหนุ่มย่อมไม่มีข้อคัดค้าน   ยกเว้นแต่เรื่องที่จะให้เขากลับพรุ่งนี้.....
            “ยามปกติพวกเจ้าทำอันใดกันก็ทำไป  ไม่จำเป็นต้องมาดูแลข้า  จริงๆนะ!”  ชุยเฉ่าซียิ้มแย้ม พลางเอ่ยขึ้น  “ข้าคิดว่าจะไปดูที่ดินที่เจ้าซื้อไว้เสียหน่อย!  แล้วก็ พวกเจ้ามีที่ดินที่ต้องจัดการดูแลเยอะมากหรือไม่?  เจ้าไม่ควรใช้วิธีจ้างคนงานนะ!  สู้ให้ข้าซื้อคนมาช่วยพวกเจ้าสักสองสามคน  ย่อมดีกว่ากันนัก  ข้าจะช่วยเป็นมือเป็นเท้า  เป็นหูเป็นตาให้เจ้าเอง!  โอ๊ะ  ข้าไม่ได้มีฝีมือที่สุดหรอกนะ  แท้จริงแล้วเป็นฉินเฟิงและซูจื่อจี้ต่างหาก ที่มีความสามารถด้านนี้อย่างเอกอุ!”
เหลียนฟางโจวยามได้ยินวาจาของชายหนุ่ม  แทนที่หัวใจจะอ่อนยวบ  กลับมีแค่เต้นตึกตัก  เพราะประโยคที่ว่า ฉินเฟิงและซูจื่อจี้มีความสามารถอย่างเอกอุ   หญิงสาวคิดไว้ว่าจะพาชายทั้งสองไปดูสถานที่เองในภายหลัง  อย่างน้อยที่สุด ก็รอให้เก็บกวาดโกดัง ในหมู่เรือนตรงปากทางเข้าหมู่บ้านเรียบร้อยเสียก่อน  จะได้สามารถไปหาซื้อคนมาช่วยงานเพิ่มเติม  ยามนี้จะซื้ออะไร ก็ต้องดูว่าจะวางแผนตระเตรียมอย่างไรดี?
ตอนนี้แค่ให้สองคนนั้นนอนกับพื้น เกรงว่าจะไม่มีพื้นที่พอให้นอนเลย!
สิ่งที่เก็บอยู่บนห้องใต้หลังคาก็เป็นกองกระสอบเมล็ดฝ้ายกองใหญ่   จึงมีพื้นที่ว่างเหลือไว้เพียงน้อยนิด
“พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปดูที่ดินที่พวกเราซื้อไว้  พอดูเสร็จ  หลังจากนั้นท่านต้องกลับไปเลยนะ  ได้หรือไม่?  เหลียนฟางโจวเอ่ย
ที่จริงแล้วเธออยากพูดว่า การไปดูที่ดินเปล่า มันมีอะไรน่าสนใจกันนักหรือ?  มิสู้รอให้ถึงปีหน้า ค่อยมาดูอีกครั้งยังจะดีเสียกว่า!  ทว่าถ้อยคำเหล่านี้ก็มิได้หลุดออกมาจากปากหญิงสาว
ตั้งแต่ต้นมือจนถึงบัดนี้ เหลียนฟางโจวใจเย็นมากอย่างเห็นได้ชัด   ชุยเฉ่าซีหาใช่คนที่นางจะมาพูดจาเล่นหัวได้!  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮูหยินน้อยสกุลซูผู้นั้นเลย  ลำพังแค่ชาติตระกูลของตัวชุยเฉ่าซีเอง  ก็ทำให้นางมิอาจเอื้อมหยอกล้อได้แล้ว!
เธอไม่คิดหยอกล้อ  และก็มิยอมให้เขามาเย้าแหย่เธอด้วย  เธอรู้ด้วยว่า  เขาแค่เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น  เห็นอะไรน่าสนใจไปเสียหมด ก็เท่านั้น!
เพราะเหตุนี้เอง  เธอยิ่งไม่ให้ผู้คนบังเกิดความเข้าใจผิดได้!
ทำได้เช่นนั้นก็นับว่าเป็นโชคอย่างยิ่ง!
แค่หยางหวายชานคนเดียวก็ทำให้เธอเข็ดขยาดพอแล้ว! 
“หาไม่แล้ว  ท่านก็ไปเสียเดี๋ยวนี้เลย!”  ใบหน้ามีสเน่ห์น่ารักของเหลียนฟางโจวบึ้งลง  ชักเริ่มไม่พอใจขึ้นมารำไร
“ก็ได้!  พรุ่งนี้ข้าจะไปแน่ๆ”  ชุยเฉ่าซีไม่มีทางเลือก จำต้องฝืนใจพยักหน้า
“อื้ม”  สีหน้าของเหลียนฟางโจวค่อยคลายลง  จึงเอ่ยเสียงนุ่ม  “ข้าทำเช่นนี้ล้วนเพื่อตัวท่านนะ!   แถวบ้านนอกคอกนานี้  ท่านคงมิคุ้นชินหรอก!   แล้วถ้าเผื่อท่านต้องลมหนาวจนเป็นหวัดขึ้นมา  แล้วข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับญาติผู้พี่และพี่เขยอย่างไรดีเล่า?”
พอได้ยินวาจานี้ ชุยเฉ่าซีรู้สึกปลื้มปิตินัก  ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง พลางเอ่ยว่า “ข้ารู้นะฟางโจว  ว่าเจ้าห่วงใยข้า!  อืม   ไว้รอให้เจ้าหาเงินได้มากๆ   แล้วเจ้าค่อยสร้างบ้านให้ใหญ่โตกว่านี้  ข้าจะกลับมาเยี่ยมเจ้าอีกครั้ง  จะได้มาพักอยู่ที่นี่สักหลายๆวันหน่อย!”
วาจาเช่นนี้ก็พูดออกมาได้  ช่างไม่เกรงอกเกรงใจกันเลยนะ! 
เหลียนฟางโจวได้แต่อดกลั้นและอดทน   มิได้ยิ้มแย้มหรือเอ่ยอะไรออกมา  ซ้ำมิได้รับปากให้โอกาสชายหนุ่ม
ขณะที่คุยกันอยู่นั้น  ป้าสามกับเหลียนฟางฉิง  เหลียนเช่อก็กลับเข้ามา  รวมทั้งอาเจี่ยนที่มาจากลานบ้านด้านหลังด้วย

------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ ^_^
ตอนหน้าพระเอกเราก็ยังไม่มีบทอยู่ดี  มีอีกทีก็ตอนถัดไปค่ะ

12 ความคิดเห็น:

  1. ชุยเฉ่าซี๊อไม่เลิกละ

    ตอบลบ
  2. พระเอกค่าตัวแพงยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นแม่ทัพ 😂😂😂

    ตอบลบ
  3. เต็มใจรอบทพระเอกค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. บทพระรองเยอะกว่าพระเอกอีกค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ17 พฤษภาคม 2561 เวลา 18:48

    ขอบคุณนะคะ รอติดตามเสมอ

    ตอบลบ
  6. รู้สึกว่าพระเอกจะผลุบ ๆ โผล่ ๆ ไม่ค่อยมีบทเลยแฮะ

    ตอบลบ
  7. นางน่ารักเนอะ🌸😊😁

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2561 เวลา 00:55

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  9. ตอนนี้พระเอกมีบทเท่าเมล็ดถั่วเขียวเอง

    ตอบลบ