วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 172 ขอเปิดห้องพัก 1


ตรงกันข้ามพอชุยเฉ่าซีเห็นเช่นนี้แล้ว ให้รู้สึกผิดนัก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเผาถ่านให้มันมากไปหรอกนะ  ข้าไม่รู้สึกหนาวอันใดเลย”
เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม  “วันที่หนาวเย็นขนาดนี้  มาบอกว่าไม่รู้สึกหนาว  ท่านแน่ใจเช่นนั้นรึ  ถ่านเหล่านี้เป็นถ่านจากหลุมเตาเผาของพวกเราเอง  หาได้จ่ายเงินซื้อหามาไม่  ซ้ำยังมีมากมายนัก  จะใช้มากเท่าใดก็ได้”
ชุยเฉ่าซีค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย  ชายหนุ่มจึงเอ่ยแย้มยิ้ม “ข้าคงมิได้ทำให้พวกเจ้าลำบากหรอกนะ”

“ถึงท่านไม่มา  พวกเราก็ใช้ถ่านเพื่อทำให้บ้านอุ่นอยู่แล้ว”  เหลียนฟางโจวเอ่ยยิ้มๆ   
 “เช่นนั้น...ข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ”  ชุยเฉ่าซีรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  และแล้วก็ทำจมูกฟุดฟิด  พลางเอ่ยขึ้น “กลิ่นอะไรน่ะ  หอมจังเลย”
เป็นกลิ่นหอมกรุ่นยั่วน้ำลายของน้ำแกงไก่ตุ๋นเห็ดนั่นเองที่โชยเข้ามา
เหลียนฟางโจวปรบมือถูกใจ พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “อ๋อ...น้ำแกงไก่ตุ๋นเห็ดรสเลิศฝีมือป้าสามน่ะ”
ชุยเฉ่าซีพอได้ยินเข้า  จึงพบว่าเป็นกลิ่นหอมของเนื้อไก่จริงๆด้วย  ชายหนุ่มเอ่ยแย้มยิ้ม “บ้านเจ้าช่างปรุงอาหารได้วิเศษนัก  ไก่ตัวนี้ไม่รู้ว่ามันกินอะไรเข้าไปบ้าง  ข้าไม่เคยได้กลิ่นเนื้อไก่หอมกรุ่นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ชุยอี้พยักหน้าเสียหลายครา “จริงด้วยๆ ไก่ที่เลี้ยงตามชนบท  มีรสชาติอร่อยกว่าไก่ที่เลี้ยงในโรงเลี้ยงจริงๆ”
 “พออาหารเสร็จแล้ว  พวกท่านต้องกินให้มากๆนะ  ข้าต้องรีบไปก่อนล่ะ”  เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้มแล้วเดินจากไป 
ไก่ที่พวกเขาเคยกิน คือไก่ที่ถูกเลี้ยงอยู่ในโรงเลี้ยง  ถึงแม้จะเลี้ยงด้วยอาหารดีๆ  ทว่ากลับได้เคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  หนำซ้ำยังมิได้กินอาหารหลากหลายชนิด   อย่างที่ไก่ตามชนบททั่วไปกินกัน อาทิเช่น ผัก หญ้า ธัญญพืช ที่ทำให้เนื้อไก่มีรสอร่อย  นี่ยังไม่นับเห็ดในป่านานาชนิด ที่นำมาตุ๋นรวมกับไก่ในหม้ออีก  เพียงแค่ปรุงรสด้วยเกลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ลำพังแค่รสชาติและกลิ่นของวัตถุดิบเอง ก็ยั่วน้ำลายให้สอมากแล้ว
พอเห็นไก่ตุ๋นเห็ดหม้อนั้นใกล้เสร็จ  บรรดาแม่ครัวจึงเริ่มปรุงอาหารจานอื่นต่อ
เมื่อเวลาผ่านไปสองเค่อ  อาหารทุกจานก็ปรุงเสร็จเรียบร้อย
เหลียนฟางโจวจึงร้องสั่งออกมาจากในครัว ”ตั้งโต๊ะอาหารได้แล้วจ้า”  เหลียนเซ่อ เหลียนฟางฉิงซึ่งค่อยท่าอยู่แล้ว ต่างรีบกุลีกุจอลุกขึ้น  ชุยเฉ่าซีเห็นชุยอี้ยืนมองนิ่งอยู่ข้างๆด้วยสายตาโง่งม  บุรุษรูปงามจึงสั่งให้บ่าวของตนเข้าไปช่วยด้วย  โดยให้เหลียนฟางโจวยืนดูอยู่เฉยๆ
เหลียนฟางโจวคิดตรึกตรองครู่หนึ่ง  ครั้นแล้วแบ่งกับข้าวออกเป็นสองชุด  ซ้ำยังตักน้ำแกงไก่ตุ๋นเห็ดออกมาหนึ่งชามโตด้วย  พลางเอ่ยว่า “ให้ชุยอี้ คนขับรถ  ฉินเฟิงและซูจื่อจี้เข้าไปกินพร้อมๆกันในครัวเถิดนะ  หากรอกินทีหลัง อาหารจะเย็นชืดหมด  แล้วจะกินกันลงได้อย่างไร”
หากนางไม่กล่าวออกมาเช่นนี้   เกรงว่าชุยอี้อาจรอให้นายตนเองกินจนอิ่ม  ตัวเขาถึงจะกล้ากินส่วนของตนเอง  ตัวฉินเฟิงกับซูจื่อจี้เองก็คงมิต่างกัน
ยามที่อาหารถูกทยอยยกมาตั้งบนโต๊ะ  หน้าตาอาหารเหล่านั้นก็ดูพื้นๆธรรมดา  ทว่ากลิ่นของมันช่างหอมฉุยยั่วน้ำลายยิ่งนัก   ไอร้อนที่ลอยกรุ่นขึ้นมาจากจานอาหาร  พาให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจนัก
เหลียนฟางโจวแย้มยิ้มและให้ชุยอี้กับบ่าวรับใช้คนอื่นๆเข้าไปกินอาหารในครัว   ทีแรกชุยอี้ยังไม่กล้าเข้าไป  เพียงยิ้มปฏิเสธ  และจะขออยู่ปรนิบัติเจ้านายของตนให้เสร็จเสียก่อน
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอให้เจ้านายเจ้าอิ่มก่อน  เกรงว่าอาหารคงเย็นชืดเสียหมดแล้ว  บ้านพวกข้ากับในจวนพวกเจ้าแตกต่างกัน   ข้ามิได้ทำอาหารให้พวกเจ้าแยกต่างหาก  ครั้นจะรอไปจุดเตาไฟหุงอาหารอีกครั้ง  เกรงจะพาให้พวกเจ้าลำบากกันอีกครา  ไปเถิดน่า  พวกข้าไม่รังแกนายท่านของเจ้าหรอก”
“แม่นางเหลียนช่างพูดให้ข้าขำแล้ว”  ชุยอี้หัวเราะฮาฮา  พอเห็นท่านชายของตนเองปรายตามองมา  ด้วยไหวพริบ จึงรีบเอ่ยแย้มยิ้มทันที “เช่นนั้น..ข้าขอตัวก่อน  มีพวกท่านช่วยดูแลให้อยู่แล้ว  พวกข้าย่อมไม่ได้ทำผิดต่อนายท่าน”
เหลียนฟางโจวจึงร้องสั่งฉินเฟิงและซูจื่อจี้ที่ยืนนิ่งก้มหน้าอยู่อีกด้านหนึ่ง  “พวกเจ้าก็เข้าไปกินในครัวด้วยกันสิ   ครอบครัวชาวนาชาวไร่อย่างพวกข้าไม่มีพิธีรีตองอันใดหรอกนะ”
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ต่างรับคำและเอ่ยขออภัย  จากนั้นจึงพากันเดินผลุบหายเข้าไปในครัว
เมื่อเหลียนเซ่อเติมถ่านลงไปในเตาถ่านอีกครา  ทุกๆคนจึงนั่งลงประจำที่เพื่อเตรียมรับประทานอาหาร
ชุยเฉ่าซีไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน  จึงกวาดตามองอย่างสนใจพร้อมด้วยรอยยิ้ม  ชายหนุ่มรู้สึกเก้ๆกังๆเล็กน้อย
ป้าสามส่งยิ้มเป็นกันเองให้บุรุษรูปงาม  “ท่านชายชุย  อย่าได้เกรงใจไป  เชิญกินให้มากเถิด  คนบ้านนอกอย่างพวกเราไม่ใคร่มีของอะไรดีๆนัก  สิ่งที่พอจะเอามาต้อนรับท่านได้  คงไม่มีอะไรดีเกินกว่าอาหารที่เพิ่งทำเสร็จมาใหม่ๆ  ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชุยเฉ่าซีหัวเราะรับคำเบาๆ
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยแย้มยิ้มให้เขาและอาเจี่ยน “พวกท่านทั้งสองคนจะดื่มสุราเพื่ออบอุ่นกายสักคนละสองสามจอกดีหรือไม่   สุราหมักด้วยข้าวของแถบชนบทบ้านเรา  นับว่ามีรสชาติไม่เลวนัก  มิทราบว่าท่านชายชุยเคยลิ้มลองมาบ้างหรือไม่”
อาเจี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพูดอวดสรรพคุณมาเสียขนาดนี้   ต่อให้ท่านชายชุยไม่เคยดื่มเกรงว่าคงอยากลิ้มลองไม่ต่ำกว่าสองจอกเป็นแน่”
พอกล่าวจบ คนทั้งหมดก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
ชุยเฉ่าซีค่อนข้างเก้อเขินเล็กน้อย  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “สุราข้าวรึ  ข้าเองก็เคยดื่มมาแล้ว  สุราฉงหยางที่บ้านข้า ก็หมักด้วยข้าว  รสชาตินับว่าดีใช้ได้  ไว้ปีหน้าข้าจะเอามาฝากพวกเจ้าที่บ้านสักสองไหแล้วกัน”
“ข้าขอไปเอาสุราก่อนนะ”  เหลียนเซ่อเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน
เพียงครู่เดียวเด็กหนุ่มก็หอบสุราหนึ่งกา พร้อมจอกสองใบ มาวางตรงหน้าอาเจี่ยนและชุยเฉ่าซี
“มา..ข้ารินให้เอง”  อาเจี่ยนจัดแจงเอามือฉวยกาสุราไว้
ชุยเฉ่าซีหลุบตาลงต่ำซ่อนสายตาไว้  เขากับอาเจี่ยนเห็นชัดๆว่า ต่างก็เป็น”ญาติห่างๆ”ของคนสกุลเหลียนเหมือนกัน  แล้วเหตุใดอาเจี่ยนถึงได้แสดงออกกับคนสกุลเหลียนอย่างลื่นไหลได้ปานนี้   ซ้ำทำท่าทางราวกับตนเองเป็นเจ้าบ้านที่มาต้อนรับขับสู้เขาอีกต่างหาก
นี่มันช่างไม่ยุติธรรมเหลือแสน
แน่นอนชุยเฉ่าซีย่อมไม่อาจยอมรับสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นความพ่ายแพ้นี้ได้   จึงเอื้อมมือไปยื้อแย่งกาสุรามา  พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง  “ข้ารินเองดีกว่า”
อาเจี่ยนคิดไม่ถึงว่าชุยเฉ่าซีจะมีจิตใจซับซ้อนเช่นนี้  พอได้ยินคำกล่าวของบุรุษผู้นั้น จึงแย้มยิ้มบาง  “ดี เช่นนั้น...เชิญท่านเถิด”  กล่าวจบชายหนุ่มจึงปล่อยมือ  ให้บุรุษรูปงามเป็นผู้ฉวยกาสุราไปจากมือเขา
ชุยเฉ่าซีให้เบิกบานใจยิ่งนัก  จึงรินสุราไปพลางแย้มยิ้มไปพลาง  พร้อมทั้งร่วมดื่มสุรากับอาเจี่ยน
“อย่าเอาแต่ดื่มสุราอย่างเดียวสิ  กินอาหารด้วย  กินตอนร้อนๆร่างกายจะได้อุ่นขึ้น”  ป้าสามเอ่ยยิ้มแป้น
เหลียนฟางฉิงก็เอ่ยยิ้มตาหยี  “ใช่ใช่  เปี่ยวเกอผู้งดงาม   ฝีมือทำอาหารของป้าสามเยี่ยมยอดนัก  พี่เจี่ยนก็ด้วยนะ  พวกเราทั้งหมดลงมือกินกันเถิด”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชุยเฉ่าซีพลันแข็งค้างไปทันที   ชายหนุ่มพยายามฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก แล้วเอ่ยว่า “ตกลง”  พลางรู้สึกหดหู่ในหัวใจนัก
ขนาดเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ก็ยังรู้จักแบ่งแยกคนในกับคนนอก  เรียกเขาว่าเปี่ยวเกอ(ญาติผู้พี่)  เรียกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันว่า พี่
ชุยเฉ่าซีจึงคลี่ยิ้มอย่างสนิทสนมให้เหลียนฟางฉิง  พลางเอ่ยว่า “ฉิงเอ๋อร์เอ๋ย  เรียกข้าว่าพี่หมิ่นจือดีหรือไม่”
“ทำไมล่ะ”  เหลียนฟางฉิงทำตาโตด้วยความแปลกใจ
เหลียนฟางโจวและคนอื่นๆที่กำลังกินอาหารอยู่ต่างมองมาด้วยความประหลาดใจ  เออ..ทำไมล่ะ
ชุยเฉ่าซีจึงกระแอมขึ้นคราหนึ่ง  ชายหนุ่มชำเลืองมองอาเจี่ยน พลางเอ่ยขึ้น  “อาเจี่ยนก็เป็นเปี่ยวเกอ(ญาติผู้พี่)ของเจ้า  แล้วไยเจ้าถึงไม่เรียกเขาว่าเปี่ยวเกอล่ะ”
เหลียนฟางโจวตกใจนิดหน่อย  ด้วยกลัวว่าชุยเฉ่าซีจะถามคำถามอะไรขึ้นมาอีก  หญิงสาวจึงรีบยิ้มกลบกลื่อน พลางเอ่ยว่า “ดีร้ายอย่างไร มันก็เป็นแค่คำเรียกขาน  จะไปสนใจอันใดมากมายนักเลย  รีบๆกินกันเถิด  รีบๆกินเข้า  ในช่วงฤดูหนาว อาหารจะเย็นชืดเร็วมากนะ”
“ถูกล่ะถูกล่ะ  รีบกินกันเถิดนะ”  ป้าสามเอ่ยแย้มยิ้ม พลางหัวเราะฮาฮา
อาเจี่ยนตวัดสายตามองชุยเฉ่าซี  ด้วยประกายตาเรืองวาบ  ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง   พลันแอบขบขันในใจ  ท่านชายชุยผู้นี้ช่างเอาจริงเอาจังเสียเหลือเกิน  เหตุใดจึงกระหายอยากเปรียบเทียบกับเขาทุกเรื่องนักนะ
อาเจี่ยนไม่เข้าใจและไหนเลยจะหาเหตุผลที่แท้จริงได้   ชายหนุ่มจึงแอบส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว
ตลอดมื้ออาหารชุยเฉ่าซีฝืนทนกับความกระตือรือร้นและเอาใจใส่ของป้าสามที่มีต่อเขายิ่งนัก  ส่วนเหลียนฟางโจวเองก็ไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน  หญิงสาวคอยลุ้นอยู่ตลอดจวบจนกระทั่งการดูแลเอาใจใส่แสนพิเศษของป้าสามจบสิ้นลง
กว่าจะกินมื้อนี้กันเสร็จ  ท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว  เหลียนฟางโจวเลือกกล่องของขวัญเล็กๆที่ชุยเฉ่าซีมอบให้มากล่องหนึ่ง ข้างในนั้นมีขนม และใบชาชั้นดีหนึ่งกระป๋อง หญิงสาวหอบมันไปที่บ้านจางลี่เจิ้ง
พอเห็นกล่องของขวัญที่หญิงสาวนำมา  จางลี่เจิ้งให้ประหลาดใจเล็กน้อย   ทว่าดวงตาของนิ่วซื่อผู้ภรรยานั้นวาววับ  หญิงกลางคนหัวเราะคิกคักกุลีกุจอเชื้อเชิญหญิงสาวให้นั่งลง
จางลี่เจิ้งอดเหลือบมองภรรยาตนเองไม่ได้   พลันให้รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาทันที

-----------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ
ต้องขออภัยที่ลงช้าด้วยค่ะ

13 ความคิดเห็น:

  1. สนุกทุกตอนค่ะ
    ขอบคุณที่แปลให้อ่าน

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. เป็นมื้ออาหารที่สนุกมากแต่แอบเหนื่อยแทนนางเอก ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
  5. สนุกแปลดีทุกตอนเลยขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  6. ติดตามอยู่เสมอจ้าา

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ สนุกทุกตอนเลยค่ะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะสนุกมาก

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณจ้า สนุกมาก ช้าก็ไม่เป็นไรค่ะ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณมากค่ะ รอค่ะ

    ตอบลบ
  11. ถ้าเป็นนางเอกนี่ปวดหัวตาย

    ตอบลบ
  12. คุณชายชุยคือวอแวมากก แล้วก็ดูอดทนอดกลั้นตลอด 5555

    ตอบลบ