วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 175 แผนการของจางลี่เจิ้ง


น้ำเสียงของจางฉิงดูนอบน้อมขึ้นเป็นพิเศษ  แถมชายหนุ่มเพื่อนบ้านยังยิ้มกว้างเพิ่มขึ้นสองส่วน  คราแรกเหลียนฟางโจวกระพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ   แต่ต่อมาจึงรู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่คือที่เขาเรียกว่ารักบ้าน ก็ย่อมต้องรักแม้อีกาที่เกาะบนบ้านด้วยใช่ไหม 
เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยแย้มยิ้ม “บังเอิญจัง  บ้านข้ากำลังทำอาหารเช้าอยู่ และใกล้เสร็จแล้ว  เช่นนั้น...พี่จางอยู่รอกินมื้อเช้าด้วยกันนะ”

จางฉิงย่อมนึกอยากอยู่ต่ออยู่แล้ว  ทว่ากลัวชุยเฉ่าซีจะไม่พอใจ  จึงได้แต่ส่งรอยยิ้มแหย  อดลอบชำเลืองมองชุยเฉ่าซีมิได้
แท้จริงแล้วชุยเฉ่าซีหาได้อยากให้คนนอกมานั่งรกหูรกตาอยู่ข้างกายตนไม่  มิต้องถามเลยว่าไยเขาถึงบังเกิดความรู้สึกกับ คนนอก เช่นนี้  เพราะเว้นแต่คนบ้านสกุลเหลียนแล้ว  ผู้อื่นถือเป็นคนนอกทั้งหมดสำหรับเขา
แต่พอมาคิดดูอีกที    อย่างไร  ลี่เจิ้งก็คือขุนนางราชสำนักที่ใหญ่สุดในหมู่บ้านนี้  หากเขาได้กระชับความสัมพันธ์กับสกุลลี่เจิ้งให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกหน่อย  ย่อมจะเป็นผลดีต่อครอบครัวของฟางโจวไม่มากก็น้อย
ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มตามมรรยาทให้จางฉิง  พลางเอ่ยเชื้อเชิญ “นั่นสิ  อยู่กินข้าวด้วยกันเถิด”
พอเจอท่านชายชุยออกปากเชิญเอง  นับว่าเป็นเกียรติสำหรับตัวเขาอย่างหาที่สุดมิได้  จางฉิงสุดแสนปลาบปลื้มใจจนแทบตัวลอย   รีมฝีกปากเขาคลี่ยิ้มกว้างจนแทบจะฉีกถึงรูหู   ชายหนุ่มเพื่อนบ้านรีบพยักหน้ารัวๆ   พลางเอ่ยแย้มยิ้ม “ขอรับ ขอรับ  ช่างเป็นเกียรติของข้าน้อยยิ่งนัก”
“ท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิด  ประเดี๋ยวอาหารก็เสร็จแล้ว”  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ชุยเฉ่าซีเปล่งเสียง “อืม”  แล้วจู่ๆชายหนุ่มก็โพล่งถามขึ้น “แล้วพวกอาเซ่อ ฉิงเอ๋อร์   เช่อเอ๋อร์ ไปไหนกันเสียหมดล่ะ”
เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม  “จูงวัวกับลาออกไปข้างนอกแล้ว  ข้าให้ฉิงเฟิงกับซูจื่อจี้ตามไปด้วย”
ชุยเฉ่าซีพอใจนัก  พลางพยักหน้าแย้มยิ้ม  “ต้องให้ได้อย่างนี้สิ”
ครั้นแล้วชุยเฉ่าซีและจางฉิงต่างสาวเท้าเข้าไปนั่งในเรือน  เหลียนฟางโจวรินน้ำชาให้คนทั้งสอง   เอาเตาอุ่นที่เติมถ่านแล้วเข้ามา  พลางยิ้มแย้มให้พวกเขานั่งรอ  ส่วนตัวหญิงสาวเองหันกายเดินลับหายเข้าไปในครัว
ภายในเรือนขณะนี้   ฟากข้างชุยเฉ่าซีและจางฉิง  คนทั้งสองนั่งพูดคุยกันต่อได้เพียงครู่เดียว จากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบ  จางฉิงเองนั้นรู้สึกประหม่าทำอะไรไม่ถูก   เขาตอบคำถามอย่างระมัดระวัง   กว่าวาจาจะหลุดจากปากมาแต่ละที  ก็ต้องให้แน่ใจว่า  ได้ผ่านการคิดกลั่นกรองมาอย่างรอบคอบดีแล้ว  ไม่รู้ว่าชุยเฉ่าซีมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง  แต่ชุยอี้ที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างๆเจ้านายเห็นกับตาว่าตัวจางฉิงมีแต่ความเคร่งเครียดกังวลใจ
ชุยอี้อดหาวหวอดออกมาไม่ได้   ข้ารับใช้หนุ่มชำเลืองมองชุยเฉ่าซีด้วยความฉงน   พลางนึกในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านชายกันแน่   ไยจู่ๆนิสัยก็กลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือ  หากเป็นเมื่อก่อน   ยามต้องประสบพบเจอคนน่าเบื่อ   ไม่เพียงไม่พูดด้วย  ท่านชายจะสะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปด้วยความหงุดหงิด   ทั้งๆที่คนผู้นี้หาได้มีอะไรน่าสนใจไม่   แต่เจ้านายตนก็ยังปล่อยให้นั่งอยู่ข้างๆได้
อย่างไรก็ตาม  เมื่อมองสีหน้าเขา ก็ยังคงเห็นความสงบเยือกเย็นปรากฏอยู่  ทั้งที่จริงๆไม่น่าจะฝืนทนได้แล้ว
เหตุใดนายท่านถึงต้องทนฝืนใจด้วย
หลังจากอึดอัดทรมานมาสักพักใหญ่  ในที่สุดก็ปรากฏเสียงจ้อกแจ้กอันคุ้นเคยดังลอดมาจากลานบ้าน  เหลียนเซ่อ เหลียนเช่อ  อาเจี่ยน เหลียนฟางฉิงกลับมากันแล้วนั่นเอง  ชุยเฉ่าซีรู้สึกคล้ายตนเองคือนักโทษที่ถูกจองจำ  แล้วได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในที่สุด   ร่างทั้งร่างของบุรุษหนุ่มคลายความเครียดขึ้งลง  ซ้ำเขายังลอบถอนหายใจออกมาอีกด้วย   ชุยเฉ่าซีลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยแย้มยิ้ม  “พวกฉิงเอ๋อร์กลับมากันแล้ว  พวกเราไปดูกัน”
แม้จางฉิงไม่รู้สึกว่าการที่คนพวกนั้นกลับมา มันมีอะไรน่ายินดีกัน  แต่เขาก็ยังลุกขึ้นยืนพร้อมหัวเราะฮาฮา  ขณะก้าวเดินเคียงไปด้วยกัน
พอมีคนอย่างเหลียนฟางฉิง เหลียนเช่อปรากฏตัวขึ้น  บรรยากาศก็พลันผ่อนคลายลงไปอักโข  ขณะที่ชุยเฉ่าซีเองก็ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเครียดขึ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าราวนักโทษที่ถูกคุมขังอีกต่อไปแล้ว
ในไม่ช้าเหลียนฟางโจวกับป้าสามก็ทำอาหารมื้อเช้าเสร็จ  พลางยิ้มร่าทยอยยกสำรับอาหารออกมา
อาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวฉาเจี้ยงเมี่ยน (ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้าด้วยหมูสับผัดเครื่องซีอิ๊วพร้อมผักเครื่องเคียง)  ขั้นตอนมีดังนี้  เอา ไข่ไก่ หมูสับ ต้นกระเทียมสับ เห็ดหอมสับ ใส่น้ำมันน้อยๆ ผัดให้เข้ากันจนหอม  เติมหวงโต้วเจี้ยง (ถั่วเหลืองหมักข้นๆ)  ซีอิ๊ว  แล้วผัดเคี่ยวให้เข้าเนื้อพักไว้   จากนั้นเอาก้านคื่นไช่  ผัดกาดขาว  และผักกินหัวต่างๆ  นำมาหั่นซอย แล้วลวกในน้ำร้อน  ใส่ผักแต่ละชนิดแยกลงในจานของมัน  จากนั้นเคี่ยวพริกในน้ำมันหนึ่งชาม  ซอยต้นหอมแยกไว้  เป็นอันเสร็จสิ้นการเตรียมส่วนประกอบสารพัน


อาหารประเภทนี้  กล่าวได้ว่าในครอบครัวแถบชนบท  จะได้ลิ้มลองแต่ละทีก็ต้องรอให้ถึงหน้าเทศกาลเสียก่อน
พอได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารจานหลักพร้อมเครื่องเคียงนานาชนิดผสมกันเข้า  ทุกๆคนล้วนเอ่ยชื่นชมพร้อมรอยยิ้ม
            แม้แต่บ้านสกุลลี่เจิ้งซึ่งเป็นครอบครัวมีอันจะกิน  อาหารเช่นนี้ก็ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองบ่อยนัก  จางฉิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว  ชายหนุ่มเพื่อนบ้านอดลอบมองเหลียนฟางโจวไม่ได้  พลางคิดในใจว่า พอได้คบค้ากับญาติที่ร่ำรวยมีหน้ามีตา  ชีวิตของสกุลเหลียนสายรองนับจากนี้ไปคงมีแต่รุ่งกับรุ่งเป็นแน่แท้
            ป้าสามและเหลียนฟางโจวช่วยกันตักอาหารใส่จานให้ทุกๆคน   และยังคงให้ชุยอี้ คนขับรถ ฉินเฟิง กับซูจื่อจี้เข้าไปกินในครัวเช่นเคย
            การรับประทานอาหารมื้อเช้าร้อนๆอย่างครึกครื้น  สิ้นสุดลงเร็วกว่ากำหนด  เหลียนฟางโจวเอ่ยขอบคุณจางฉิงอย่างนอบน้อม  และแจ้งว่าจะเป็นฝ่ายส่งท่านชายชุยกลับเอง  และบอกเขาไม่ต้องอยู่รอ
            แม้อายุของเหลียนฟางฉิงจะอ่อนกว่าจางฉิงเกือบสองเท่า  ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด  จู่ๆคล้ายว่าจางฉิงจะให้ความยำเกรงเด็กน้อยขึ้นมา  ไม่กล้าดูแคลนแม้แต่นิด  ชายหนุ่มตั้งใจฟังสิ่งที่นางพูดมากมาย  ขณะที่กล่าวอำลา ก็ยังแย้มยิ้มอย่างนอบน้อม
            พอกลับถึงบ้าน   จางฉิงก็เล่าในสิ่งที่ตนเองได้พบได้เห็นมาให้จางลี่เจิ้งฟังอย่างละเอียดยิบทันที  ครั้นได้ฟังแล้ว จางลี่เจิ้งก็อ้าปากค้างไม่หยุด  พลางทอดถอนใจว่าต่อไปบ้านสกุลเหลียนสายรองนี้จะต้องมีชีวิตอันรุ่งโรจน์เป็นแน่แท้
            “มีต้องสงสัยเลย   ได้คบหากับครอบครัวเช่นนี้  เชื่อว่าชีวิตยากจะตกต่ำ   ต่อให้บ้านอื่นอยากยื่นมือเข้ามาเอี่ยว  ก็สู้บ้านเราที่ทุ่มเทให้ความช่วยเหลือนางมาอย่างดีไม่ได้  ใช่  ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต   มานึกเสียใจภายหลังก็เปล่าประโยชน์”
            จางลี่เจิ้งจึงถอนใจออกมาอีกเฮือก  และได้สำทับอย่างเข้มงวดกับหนิวซื่อ จางฉิง รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆในบ้านว่า “เรื่องที่คุยกันในวันนี้ขอให้ทุกคนปิดปากให้เงียบ  ขอให้พวกเจ้าทุกคน จดจำคำข้าไว้  นับจากนี้ไป  อย่าได้มีเรื่องผิดใจกับพี่น้องบ้านสกุลเหลียนเป็นอันขาด  หากมีอะไรที่พอช่วยได้ก็ต้องช่วยอย่างเต็มกำลัง  หากพบเห็นผู้ใดรังแกพวกเขา  จะต้องเข้าไปเจรจาช่วยเหลือ  หากได้ยินใครนินทาว่าร้ายพี่น้องบ้านนี้ลับหลัง  ก็ต้องช่วยแก้ต่างให้พี่น้องกำพร้าเหล่านี้ด้วย  เมื่อพวกเราได้ช่วยพูดไปขนาดนี้แล้ว  ก็คงไม่มีใครกล้าโพทะนาอะไรออกมาให้ได้ยินอีก”
            จางฉิงและหนิวซื่อต่างน้อมรับคำทันที
            เงินห้าตำลึง และผ้าห่มขนแกะทอลายผืนอุ่นนุ่มละเอียดมืออันเลอค่าหาใดเปรียบนั้นกำราบหนิวซื่อเสียจนอยู่หมัด
            จางลี่เจิ้งเห็นทุกคนรับคำอย่างแข็งขัน   จึงพยักหน้าเปล่งเสียง “อืม” ด้วยความพอใจ
            ทันใดนั้นจู่ๆประมุขของบ้านก็ตบหน้าขา ร้องอุทานขึ้นมา ไอ้หยา  แล้วเอ่ยออกมาอย่างสุดแสนเสียใจ  “ยังมีเรื่องเมล็ดฝ้ายที่บ้านเราช่วยจัดซื้ออีกนี่นา  ช่างน่าเสียดายนัก  เรื่องนี้ลืมเล่าให้ท่านชายชุยฟังไปเสียสนิท”
            “ท่านพ่อ”  จางฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง  “บังเอิญท่านชายชุยได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี   ท่านมีดำริให้บ้านเราช่วยอำนวยความสะดวกให้ครอบครัวฟางโจวอย่างเต็มที่  ข้าจึงฉวยโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้ท่านชายฟังทั้งหมด  ท่านออกปากให้พวกเราคอยช่วยเหลือนางเรื่อยๆล่ะ”
            “ฮ่าฮ่าฮ่า จริงๆรึ  ดี  ดีมาก”  จางลี่เจิ้งยิ้มจนตาหยี  รู้สึกปลาบปลื้มใจเหลือจะกล่าว
            ข้างฝ่ายบ้านสกุลเหลียน  เหลียนฟางโจวกำลังเร่งให้ชุยเฉ่าซีขึ้นรถม้า “ไปเถิด   พวกเราไปดูที่ดินนั่นเสียให้เต็มสองตา  เสร็จแล้วท่านต้องรีบกลับนะ   ถือโอกาสยังหัววันอยู่รีบออกเดินทางเสีย”
            ชุยเฉ่าซีไม่เต็มใจอย่างยิ่ง  แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของเหลียนฟางโจวแล้ว  จึงจำใจต้องขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้
            เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อก็ไปด้วย  พี่ชายและน้องสาวตัวน้อยทั้งสองคน ต่างรู้กาละเทศะดี  พากันปีนขึ้นไปบนรถเกวียนเทียมลาของบ้านตน
            พอชุยเฉ่าซีเห็นเข้า  จึงเอ่ยโพล่งขึ้น  “มาขึ้นรถม้าข้าดีไหม  อย่างไรก็มีหลังคา”
            เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม “ไม่ต้องหรอก  พวกท่านนั่งกันเองตามสบายเถิด  พวกเราไม่ชินกับภายในห้องโดยสารที่สะอาดสะอ้านของท่าน  กลัวเผลอทำสกปรกน่ะ”
            ชุยเฉ่าซียังจะพูดอะไรได้อีก  บุรุษรูปงามจึงรีบเอ่ยสวนขึ้นมาโดยมิยอมให้เหลียนฟางโจวได้ทันตอบโต้  “ใช่ จริงด้วย  ไม่ควรเกรงใจกันเช่นนั้น  การที่ทุกคนทำตัวตามสบาย  มันจะไม่ดีได้อย่างไรเนอะ”
            ชุยเฉ่าซีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้  พลางผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา  “ไม่เป็นไร  เช่นนั้น..ข้าก็ขอไปนั่งบนรถเกวียนด้วยแล้วกัน”
            พออาเจี่ยนได้ยินวาจานั้น จึงตวัดสายตามองบุรุษรูปงามแวบหนึ่ง  แล้วนึกในใจว่า 'พูดแบบนี้ ไยไม่แย่งข้าเอารถเกวียนไปขับเสียเองเล่า'
            เหลียนฟางโจวพูดอะไรไม่ออก  เมื่อเห็นเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อร้องเชื้อเชิญชุยเฉ่าซีด้วยความดีอกดีใจ   มิหนำซ้ำยังเป็นฝ่ายเขยิบที่นั่งให้บุรุษสูงศักดิ์เสียดิบดีด้วย
  --------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

10 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณผู้แปลค่ะ...สนุกมากรอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  2. เด็กๆบ้านนี้น่ารักตลอด

    ตอบลบ
  3. ถึงเรื่องจะดำเนินไปช้า แต่ก็สนุกทุกตอน
    ชอบตอนบรรยายรายละเอียดของอาหารมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. เด็ก ๆ ก็ใสซื่อซะจริง

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  5. คือว่าจะเข้าร่วมกับเค้าไปทุกงานเลยนะท่านชาย

    ตอบลบ
  6. อาเจี่ยนเริ่มหมั่นใส้นิดๆแล้วเนอะ

    ตอบลบ
  7. อาเจี่ยนบทพูดหายไปไหนหมดคะ ค่าตัวแพงน่าดู ขอบคุณผู้แปลที่มาอัพเรื่อยๆน้า สนุกดีค่า

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณค่ะ สนุกตลอดเลย

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณสำหรับการแปลค่าา
    อาเจี่ยนเมื่อไหร่จะมีบทอีกหนอ

    ตอบลบ