วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 176 ชุยเฉ่าซีกลับ


            ชุยเฉ่าซีหัวเราะดังลั่น   ครั้นแล้วก็พยุงตัวปีนขึ้นไปบนรถเกวียน
       เจ้านายขึ้นเกวียนไปแล้ว    บรรดาข้ารับใช้จะดูแลรับใช้เจ้านายอย่างไรดี   คิดแล้วชุยอี้จึงปีนขึ้นรถเกวียนตามไปบ้าง
            เดิมทีวันนี้เหลียนฟางโจววางแผนจะพาฉินเฟิงและซูจื่อจี้เข้าไปดูงานที่ไร่ด้วยกัน  แต่ปรากฏว่าจู่ๆรถเกวียนคันนี้ ก็ดันมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากมาย  หากให้พวกฉินเฟิงโดยสารไปด้วย  แล้วพยายามเบียดขึ้นไปนั่งอีก  คล้ายว่าจะทำให้พื้นที่โดยสารแน่นเกินไป 

                 หญิงสาวกำลังจะออกปากสั่งให้คนทั้งสองอยู่โยงเฝ้าบ้าน   ทว่าชุยเฉ่าซีหันไปเห็นเข้าพอดี  ชายหนุ่มจึงเอ่ยแย้มยิ้ม  “เรียกพวกฉินเฟิงไปด้วยกันสิ  ให้สองคนนั้นไปขึ้นรถม้าของข้าก็แล้วกัน”
            ฉินเฟิงกับซูจื่อจี้ต่างตกใจสะดุ้งโหยง   มึนงงราวถูกทุบหัว
            เหลียนฟางโจวเห็นชุยเฉ่าซีเอ่ยมาขนาดนี้แล้ว   จึงไม่เกรงใจอีกต่อไป   หญิงสาวพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “เช่นนั้น..ก็ได้”
            ฉินเฟิงและซูจื่อจี้เลยหมดทางเลือก  คนทั้งสองแข้งขาสั่นพั่บๆ จำใจปีนเข้าไปในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหราประณีตงดงามบนรถม้าคันนั้น
            “พี่ใหญ่  รีบขึ้นมาเร็ว”  เหลียนเซ่อส่งมือตนเองให้เหลียนฟางโจว
            เหลียนฟางโจวจับมือเหลียนเซ่อ แล้วเหวี่ยงกายขึ้นไปบนรถเกวียนอย่างนุ่มนวล  อาเจี่ยนเหลียวหลังไปมองสำรวจที่นั่งตอนหลัง  เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว  ชายหนุ่มจึงคลี่ยิ้ม พร้อมออกเสียง “นั่งดีๆนะ”  ครั้นแล้วรถเกวียนเทียมลาก็เคลื่อนตัวออกไป
            คณะเดินทางไปเยือนที่ดินตรงทางสามแยกเป็นแห่งแรก   เหลียนฟางฉิงกับเหลียนเช่อคุยจ้อเล่าแนะนำเขาฮวากั่วซานน้อยให้ชุยเฉ่าซีฟัง  โดยมีเหลียนเซ่อคอยอธิบายแทรกเป็นระยะๆ  เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเนินเขาฮวากั่วซานน้อยมีน้ำหนักในใจพี่น้องสามคนนี้มากที่สุด
            ส่วนเรื่องฝ้ายนั้น   พวกเขาไม่มีความรู้อันใดเลย  จึงมิได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด
            ส่วนเหลียนฟางโจว  ที่มีฉินเฟิงและซูจื่อจี้คอยเดินตามติดอยู่เบื้องหลังนั้น  ได้เล่าแนะนำเรื่องที่ดินผืนกว้างใหญ่ให้ชายทั้งสองฟัง  ซ้ำยังพูดเสริมอีกด้วยว่า ยามนี้กำลังเตรียมเพาะพันธ์ต้นกล้าอยู่  ระหว่างที่รอให้เขื่อนดินแห้ง ก็ต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปด้วย
            ขณะที่ฟังเหลียนฟางโจวบรรยาย  ฉินเฟิงและซู่จื่อจี้ยืนฟังอย่างตั้งใจ   มือพวกเขาดูคล้ายกำแน่นขึ้น  เมื่อหญิงสาวพูดถึงเรื่องการหว่านเมล็ดพันธุ์  และวิธีการขั้นตอนต่างๆของการทำการเกษตร  อันชำนิชำนาญยากหาผู้ใดเทียบเทียม  จนคนทั้งสองแอบทึ่งในใจมิได้
            ยิ่งมาเห็นนางให้ความเป็นกันเอง  ตลอดทั้งคำพูดและการกระทำของนางล้วนหนักแน่นน่าเกรงขาม   ก็ยิ่งทำให้คนทั้งสองเลื่อมใสในตัวหญิงสาวมากขึ้น  ความกังวลหวาดกลัวทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่  ค่อยๆเลือนหายวับไปจากใจ  ซ้ำยังวางใจที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กับเหลียนฟางโจวอีกด้วย
            ทันทีๆที่เดินขึ้นไปบนเนินเขาฮวากั่วซาน  ก็เห็นตอไม้สูงเท่าคนเต็มไปทั่วทั้งเนินเขา   จนชุยเฉ่าซีอดสอบถามด้วยความสนใจไม่ได้
            ที่เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อพูดมาล้วนเป็นความจริง
            ชุยเฉ่าซีเมื่อได้ฟังความเป็นมาก็ชื่นชมไม่หยุดปาก  พลางเอ่ยด้วยความเสียดาย  “น่าเสียดายนัก  หากข้ามาเร็วกว่านี้สักหลายวันก็คงดี!   เลยพลาดเรื่องสนุกไปตั้งมากมายเลย!”
            “เอาไว้วันไหนหิมะตก  เปี่ยวเกอผู้งดงามค่อยมาอีกครั้งนะเจ้าคะ  พี่ใหญ่กับพี่เจี่ยนรับปากไว้แล้วว่า  พอถึงวันนั้น จะพาพวกเราไปล่าสัตว์กันอีก!”  ดวงตาอันฉ่ำน้ำใสกระจ่างของเหลียนฟางฉิงเป็นประกายวาววับ  ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อทีเดียว
            “อ้า...ไว้ปีหน้า ข้าจะหาโอกาสมาอีกแน่ๆ!”  ชุยเฉ่าซีปรายตามองอาเจี่ยนแวบหนึ่ง  แล้วหางตาก็ตวัดกวาดมาที่เหลียนฟางโจวอย่างรวดเร็ว   บุรุษรูปงามให้รู้สึกหม่นหมองเล็กน้อย
    หลังจากชมดูทัศนียภาพกันมาพักหนึ่ง  เหลียนฟางโจวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “พวกเราดูที่ดินแห่งนี้กันมาพอแล้ว  ที่ดินตรงลานหินก็มีความคล้ายคลึงกับที่นี่   แถมยังไม่มีอะไรเลย นอกจากผืนดินเปล่าๆ  เช่นนั้นไม่ต้องไปที่นั่นกันหรอกท่านชายชุย  ท่านรีบเดินทางกลับเถิดนะ!”
            แม้ชุยเฉ่าซีจะไม่เต็มใจเพียงไหน   ทว่าพอนึกตรึกตรองดูอีกทีแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับแล้วนั่นแหละ  อย่างไรเสียก็ต้องเผื่อเวลาเดินทางด้วย  ชายหนุ่มจึงผงกศีรษะแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้   ข้าจะกลับไปก่อน!  เช่นนั้น..ไว้รอข้ามีเวลาว่างเมื่อไร ค่อยกลับมาพบเจ้าอีก  พวกเจ้าก็ด้วยนะ!”
            แม้เหลียนฟางโจวไม่อยากให้เขามา  ทว่าก็คงขัดเขาไม่ได้  หญิงสาวจึงพยักหน้าส่งๆ  ซ้ำยังเอ่ยปากเร่งเขาอีก  “ท่านรีบออกเดินทางเถิด!  ฤดูนี้ท้องฟ้ามืดเร็วมากนะ!”
            ชุยเฉ่าซีพอได้ฟังแล้ว กลับหัวเราะเอ่ยว่า “ยังไม่ทันเที่ยงเลยนะ!”  ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่บุรุษหนุ่มก็ยอมลงจากเขาแต่โดยดี
            “หากมีเรื่องติดขัดอันใด  ก็ให้คนส่งจดหมายแจ้งข้าด้วย   หรือไม่ก็ ส่งคนเดินทางไปแจ้งข่าวกับเปี่ยวเส้าและเปี่ยวเซียง (ญาติชายผู้พี่) ที่จวนสกุลซูก็ได้  เปี่ยวเส้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอก  เปี่ยวเซียงก็เหมือนกัน   เจ้าไม่ต้องเกรงใจ และไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนด้วย  “ ก่อนเดินทางกลับ ชุยเฉ่าซีได้เอ่ยสำทับอย่างบริสุทธิ์ใจอีกครั้ง
            เหลียนฟางโจวเห็นท่าทางชายหนุ่มเช่นนี้แล้ว  ในใจให้รู้สึกผิดไม่น้อย  จึงพยักหน้ารับคำช้าๆ “ข้าทราบแล้ว!”
            ชุยเฉ่าซีเห็นท่าทางหญิงสาว ก็รู้ชัดว่านางรับคำไปส่งๆเท่านั้น   เอาเข้าจริงแล้ว นางคงไม่ทำตามที่เขาแนะนำอย่างแน่นอน  ชายหนุ่มจึงอดท้อใจไม่ได้  เลยพานไม่พูดสิ่งทิ่คิดไว้ในใจไปโดยปริยาย  ได้แต่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น  จากนั้นจึงพยักหน้าขึ้นอีกครา  “รักษาตัวด้วย! “   ครั้นแล้วจึงเดินไปขึ้นรถม้า
            หลังจากส่งชุยเฉ่าซีและคนรับใช้ไปแล้ว   เหลียนฟางโจวจึงรู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง  หญิงสาวจึงเดินทางไปตรวจงานที่โกดังและหมู่ตึกที่ปากทางเข้าหมู่บ้านตามปกติ
            รถเกวียนเทียมลาวิ่งมาถึงประตูทางเข้าหมู่ตึก  หญิงสาวจึงให้เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อน้องเล็กทั้งสองกลับบ้านไปกับอาเจี่ยนก่อน  แล้วให้เหลียนเซ่อ พร้อมด้วยฉินเฟิงกับซูจื่อจี้เข้าไปข้างในพร้อมกับนาง
  “หมู่ตึกที่นี่สร้างเกือบเสร็จแล้ว  อีกสองวันก็จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด   รอให้ผ่านสองวันนี้ไป ก็เก็บของเข้ามาอยู่ได้แล้ว  เจ้าสองคนก็พักอยู่ห้องเดียวกัน  เอาไว้ว่างๆค่อยไปพบนายหน้า  ไปดูว่ามีคนหน่วยก้านดีๆหรือไม่   หากมีก็ค่อยซื้อมาสักสองสามคน  และให้เข้ามาพักอยู่ที่นี่ด้วย!  เหลียนฟางโจวเอ่ยเป็นการเป็นงาน
            ทั้งฉินเฟิงและซูจื่อจี้น้อมรับคำสั่ง
  ที่ดินเนื้อที่ 26 หมู่นี้  ยามนี้คล้ายว่าได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว   มันถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงสูงตระหง่าน  พอผ่านประตูใหญ่เข้าไป  ก็เห็นลานโล่งกว้างใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า  ทางฟากทิศตะวันออกเป็นกำแพงสูงทอดยาวจากทิศเหนือไปจรดทิศใต้    พื้นที่ภายในกำแพง  ราวๆสองในสามถูกแบ่งครึ่งเป็นสองส่วน
บริเวณพื้นที่ฟากที่อยู่ไกลจากกำแพง  เป็นที่ตั้งของอาคารสูงสองชั้น  ซึ่งก็คือโกดังเก็บของ  ที่มีประตูเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ   โกดังหลังนี้จะใช้เก็บดอกฝ้ายที่เก็บเกี่ยวได้ในภายภาคหน้้า
            หน้าโกดังมีลานยกพื้นกว้างพอประมาณ  ปูด้วยอิฐสีเขียวอมฟ้า  เชื่อมติดกับตัวอาคาร  ด้วยความกว้างที่พอเหมาะของลานนี้  ในภายภาคหน้าจะช่วยอำนวยความสะดวกยามขนฝ้ายเข้าไปเก็บในโกดัง  ทั้งยังใช้เป็นลานสำหรับตากฝ้ายอีกด้วย
            ส่วนฟากที่ติดกับกำแพง  ห่างจากกำแพงราวสองมี่ เป็นที่ตั้งของเรือนชั้นเดียวหนึ่งแถว  ซึ่งปลูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร  กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมมากมายหลายขนาด  เรือนห้องแถวเหล่านี้ ในภายภาคหน้าจะใช้เป็นที่แยกเมล็ดฝ้าย ปั่นใยฝ้าย รวมถึงทอผ้าฝ้ายอีกด้วย
            ตอนนี้สร้างเรือนไว้เพียงแถวเดียวก่อน  หากในภายหน้าเกิดไม่พอขึ้นมา   ค่อยไปสร้างเรือนแบบเดียวกันที่ฟากฝั่งทิศตะวันตกด้วย  ส่วนพื้นที่ตอนกลางทางทิศเหนือสร้างเป็นเรือนสองชั้นเล็กๆ 5 แถว  มีห้องดื่มชาไว้ให้คนงานนั่งพักเหนื่อย  และยังมีห้องโถงสำหรับรับรองแขกด้วย  ส่วนชั้นสองก็มีห้องคล้ายๆกันไว้เป็นที่เก็บเอกสาร   รวมทั้งวัสดุและเครื่องมือสำคัญต่างๆ
            ส่วนด้านหน้าอาคารนั้น ก่อเป็นขอบเตี้ยๆด้วยอิฐสีเขียวอมฟ้า  โดยล้อมขอบเป็นวงรูปดอกไห่ถังจำนวนสองวง สำหรับทำเป็นแปลงปลูกดอกไม้  เหลียนฟางโจวตั้งใจไว้ว่า พอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ นางจะปลูกต้นทับทิมสองต้นและต้นดอกอวี้หลานสองต้น
ดอกไห่ถัง

ดอกอวี้หลาน
            ถึงตัวอาคารจะเล็ก  แต่ก็ถูกออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบให้เป็นศูนย์บัญชาการในอนาคต  ซ้ำยังทำการกั้นบริเวณ  แบ่งส่วนเป็นพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก  ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นพื้นเล็กๆสำหรับอยู่อาศัย 
            เหลียนฟางโจวตั้งใจจัดเตรียมให้ฉินเฟิงและซูจื่อจี้เข้าไปพักในนั้น
            บริเวณพื้นที่พักอาศัย ด้านในมีอาคารสองชั้นซอยแบ่งเป็นห้องพักคนงานเรียงเป็นแถวยาว  ซ้ำยังมีเรือนด้านข้างที่ปลูกไว้อย่างปราณีตมีรสนิยมจำนวนสองหลังด้วย  แต่ละหลังออกแบบให้มีสามห้อง คือห้องตรงกลาง  ห้องปีกซ้ายและห้องปีกขวาด้วย  เรือนแต่ละหลังล้วนเตรียมไว้สำหรับเป็นที่พักอาศัยทั้งสิ้น
            นอกจากนี้ยังจัดเตรียมห้องโถงรับประทานอาหารขนาดใหญ่ไว้เป็นการเฉพาะด้วย   หลังห้องโถงใหญ่ วางแผนจะขุดบ่อน้ำ  สร้างโรงเก็บฟืน น้ำมัน เกลือ และวัตถุดิบอาหารต่างๆ
ด้วยคิดใคร่ครวญแล้วว่า  ในภายหน้าจะต้องใช้คนงานสตรีจำนวนมากเป็นแน่   จึงมีการสร้างผนังกั้นห้องโถงรับประทานอาหารกับพื้นที่อีกด้านหนึ่งไว้   โดยพื้นที่นี้ได้สร้างเป็นห้องพักสำหรับคนงานสตรีอย่างเป็นเอกเทศ
บรรดาอาคารทั้งหลายที่กล่าวมา  ล้วนมีการสร้างห้องต่างๆเกินไว้  เพื่อจะได้รองรับเหล่าคนงานที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นในอนาคตอีกด้วย
สำหรับพื้นที่เปิดโล่งตามบริเวณหัวมุมต่างๆ  มีการเอาเศษอิฐที่เหลือมาล้อมกั้นเป็นแปลงสวนหย่อมขนาดใหญ่น้อยมากมาย  พอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็สามารถเนรมิตเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ได้แล้ว
-------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
  
  
 

17 ความคิดเห็น:

  1. เปียวเกอผู้งดงาม 5555 น้องน่ารักจังเลย

    ตอบลบ
  2. นางเอกวางรากฐากได้ยิ่งใหญ่จริง

    ตอบลบ
  3. ศูนย์บัญชาการนางเอกอลังการมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. ชอบความคิดสร้างสรรค์ของนางเอก

    ตอบลบ
  5. อยากเห็นตอนที่ทุกอย่างลงตัวแล้วจัง อนาคตเศรษฐีนีเลยนะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ
    รอตอนที่ผลิตผลงอกงามพร้อมเก็บเกี่ยว

    ตอบลบ
  7. นางเอกเก่งและรอบคอบมาก

    ตอบลบ
  8. เดินหน้าต่อนะช่วยลุ้น ตัวกวน(ที่หวังดี)ไปละ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณคะ รักนิยายเรื่องนี้ ค่อยๆ เติบโตตามนางเอก

    ตอบลบ
  10. เป็นนิยายที่ลุะมนละไมมากค่ะ

    ตอบลบ
  11. ดอกยู่หลาน น่าจะเป็นสกุลเดียวกันกับชงโค คล้ายๆกัน

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณนะคะ บรรยายได้เห็นภาพมากค่ะ

    ตอบลบ
  13. นุ่มนวลคะ​ ดีต่อหัวใจจริงเชียว

    ตอบลบ
  14. น่าจะเรียกว่าดอกอวี้หลานมากกว่านะคะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ค่ะ แก้คำให้แลวนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

      ลบ
  15. นักเขียนบรรยายลเอียดมากจริงๆ​ ผู้แปลเเปลเก่งมากๆเลยค่ะ​

    ตอบลบ
  16. อลังการงานสร้างจริงๆ

    ตอบลบ