วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 177 หมู่ตึกใหญ่โตที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน


อาคารที่เห็นทั้งหมดนี้ล้วนมีเหลียนฟางโจว อาเจี่ยน และเหลียนเซ่อร่วมกันออกแบบทั้งสิ้น  ซ้ำอาเจี่ยนยังเป็นผู้ให้คำชี้แนะอีกด้วย  ในเรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ฉินเฟิงและซูจื่อจี้รู้
กู้สือเห็นพวกเขามากันแล้ว  ชายวัยกลางคนหน้าตายิ้มแย้มสืบเท้าเข้ามาทักทายพวกเขาตามปกติ   กู้สือคลี่ยิ้มพลางชี้มือไปแล้วเอ่ยว่า “แม่นางเหลียน โปรดดู  ยังเหลือเก็บงานพรุ่งนี้อีกวัน  การก่อสร้างก็จะเสร็จเรียบร้อยตามแบบแปลนทั้งหมด!  ส่วนพวกวัสดุเหลือใช้  ข้าได้ให้คนขนเข้าไปกองไว้แถวบริเวณหมู่เรือนทางโน้น  ตามที่แม่นางเหลียนสั่งไว้แล้ว!”

เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “ลำบากท่านน้าแย่เลย!”  กล่าวจบหญิงสาวจึงนำฉินเฟิงและคนอื่นๆไปยังพื้นที่พักอาศัย
ตอนก่อสร้างอาคาร ช่างได้เจาะช่องประตู และหน้าต่างทิ้งไว้ให้  ตอนนี้จึงมีเพียงกรอบประตู หน้าต่างให้เห็น  ยังไม่ได้มีการติดบานประตูและหน้าต่างเข้าไปเลย  เมื่อสองสามวันก่อนหญิงสาวได้เรียกคนให้มาวัดขนาดประตู และหน้าต่างทุกจุดแล้ว   ตามที่ช่างไม้ได้บอกไว้  งานทำบานประตูหน้าต่าง ใช้เวลาสักสามสี่วันจึงจะเสร็จเรียบร้อย
เหลียนฟางโจวเดินนำคนทั้งหลายตรงดิ่งไปยังบริเวณหมู่เรือนพักหลังเล็ก  เมื่อผลักประตูสวนบานน้อยเข้าไป  ภายในบริเวณพื้นที่หมู่เรือนพักหลังน้อยนี้  ปูพื้นด้วยอิฐสีเขียวอมเทา  อาคารทุกหลังถูกปลูกสร้างไว้อย่างเรียบร้อยประณีต   ขาดเพียงแต่บานประตูและหน้าต่างเท่านั้น 
เหลียนฟางโจวเอ่ยแย้มยิ้ม “อีกสามสี่วันบานประตูหน้าต่างที่ทำเสร็จเรียบร้อยก็จะมาส่ง  ภายหลังติดตั้งเสร็จทั้งหมดแล้ว  พวกเจ้าสองก็ไปเลือกห้องที่จะพักได้เลย!  หลังจากนั้นข้าจะไปซื้อกระดาษสำหรับแปะติดบานประตูและหน้าต่างอีกครา  รวมทั้งไปซื้อเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะและเก้าอี้แบบเรียบๆมาจัดไว้ในห้องพักอีกครั้งหนึ่ง!  ทุกๆวันพวกเจ้าก็เข้าไปกินข้าวที่บ้านข้าในหมู่บ้าน  อาหารกินที่โน่น  ส่วนเวลานอนก็ค่อยมานอนที่นี่!”
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ต่างไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าโกดังเก็บของ รวมทั้งหมู่ตึกทั้งหลายจะถูกปลูกสร้างมาอย่างดีงามปานนี้
จู่ๆสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาก็ดีขึ้นมาในพริบตา  ทั้งสองคนต่างซาบซึ้งใจนัก ถึงกับพร่ำขอบคุณฟ้าดินในใจไม่หยุด
ชายสองคนต่างมองหน้ากันและกัน  ฉินเฟิงชี้มือไปทางห้องปีกข้างฟากตะวันตก พลางเอ่ยขึ้น  “แม่นาง  เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราขอพักที่ห้องนี้ก็แล้วกัน!   ส่วนเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่แม่นางจะจัดเตรียมให้ขอรับ!”
ซูจื่อจี้ก็พยักหน้าขานรับอีกคน
คนทั้งสองหาได้เลือกอาคารหลัก  แม้แต่ห้องปีกข้างฟากตะวันออกก็มิได้เลือก  แต่กลับเลือกห้องปีกข้างฟากตะวันตกซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ดีเอาเสียเลย  ท่าทีของพวกเขาครานี้ประทับใจเหลียนฟางโจวนัก  นางจึงจดจำตัวตนนี้ของพวกเขา ระลึกเอาไว้ในใจ
ที่เหลียนฟางโจวให้พวกเขาเลือกห้องพักเอง  อันที่จริงเธอเองก็อยากลองใจพวกเขาดูด้วย  พอหญิงสาวได้เห็นแล้ว  ไม่ว่าใจจริงของพวกเขาจะคิดอย่างไรก็ตาม   คนที่ตัดสินใจเช่นนี้  นับว่าหาได้ยากนัก!
“ได้  เช่นนั้น..ก็เอาห้องนี้!”  เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม พลางเอ่ย “แล้วข้าจะให้น้าชูช่วย เอารายการของที่ต้องการสั่งซื้อทั้งหมดไปให้ร้านเครื่องเรือนในเมืองนะ!”
พอดูทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว   คนทั้งหมดจึงพากันเดินออกจากสถานที่ดังกล่าว
พวกฉินเฟิงมองสำรวจไปรอบๆ  พร้อมกับเอ่ยแย้มยิ้ม  “มีเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่า หากข้าน้อยพูดไปจะเหมาะควรหรือไม่  ข้าน้อยทั้งสองพักอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นการเฝ้าที่นี่ไปในตัว  ทว่าเหนืออื่นใด ที่นี่มีเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก   ซ้ำยังมีคนไม่กี่คน  หากหาสุนัขมาเลี้ยงสักตัว  ไม่แน่ว่าจะทำให้ดูแลคล่องตัวขึ้นมาบ้าง.....”
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มเตรียมเอ่ย  แต่เหลียนเซ่อชิงเอ่ยตัดหน้าไปก่อน “อันที่จริง พวกข้าก็เคยเปรยกันไว้ว่าจะเลี้ยงสุนัขละนะ!  ยามนี้หน้าหนาวอยู่  คงยังไม่เหมาะ   รอให้ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ค่อยไปดูว่าบ้านไหนมีลูกสุนัขบ้าง  แล้วค่อยขอมาเลี้ยงสักสองตัว!”
“ในเมื่อเหตุผลเป็นเช่นนี้”  เหลียนฟางโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “คงต้องลำบากพวกท่านไปก่อน  ยามนี้หมู่ตึกนี้ก็ยังว่างเปล่าอยู่ไม่มีของมีค่าอันใด   หากเราลั่นดารประตูรั้วเหล็กบานใหญ่จากด้านนอกไว้ให้แน่นหนาเป็นอาจิณ  อีกทั้งมีกำแพงรั้วที่สูงมากเช่นนี้  แถมคนในหมู่บ้านต้าฝางของเราต่างก็อยู่ในกฏในเกณฑ์ด้วย  ข้าคิดว่าคงไม่น่าเกิดเรื่องอันใด  พวกท่านไม่จำเป็นต้องระแวดระวังจนเกินไปนัก!   เพียงตอนกลางคืนพวกท่านค่อยระวังเพิ่มอีกหน่อยก็พอ!”
แล้วหญิงสาวก็พูดเสริมขึ้นอีกครา  “พวกเราเป็นคนบ้านนอก  หาได้เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างไม่  อีกทั้งพวกเจ้าก็มีพื้นเพต่างจากพวกเรา  ในภายภาคหน้า ข้าตั้งใจให้พวกเจ้ามาทำงานเป็นมือขวาของข้า!  ต่อไปพวกเรายังต้องร่วมงานกันอีกมาก  พวกเจ้าอย่าแทนตัวเองว่า ข้าน้อยให้ข้าได้ยินอีก ข้าไม่ชอบ มันรู้สึกตะครั่นตะครอยังไงก็ไม่รู้  เลิกพูดคำนี้ไปเลยนะ!   จะดูว่าซื่อสัตย์และจงรักภักดีหรือไม่   ไม่ได้อยู่ที่คำพูดคำจาหรอก  เช่นนั้นแล้ว ข้ายังอยากย้ำเตือนอีกคราว่า  ขอเพียงพวกเจ้าตั้งใจทำงานให้ดี  ข้าก็ไม่มีทางข่มเหงพวกเจ้าแน่!”
            พูดได้เลยว่าตอนแรกๆ ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ยังมีความระแวงแคลงใจอยู่บ้าง  ทว่ายามนี้พวกเขาต่างเชื่อถือหญิงสาวโดยสนิทใจแล้ว
            ตัวตนของเหลียนฟางโจวเองนั้น หาได้มีภาพพจน์ของสตรีบ้านนอกที่ไร้การศึกษาขาดการอบรมอย่างที่เห็นกันโดยทั่วไป  ตรงกันข้าม  นางเชี่ยวชาญการเกษตร  จัดการงานอย่างกระตือรือร้นและตรงไปตรงมา   ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ  กล้าคิดกล้าทำ  ฉลาดปราดเปรื่อง  สุภาพเป็นมิตร  มิหนำซ้ำยังมีสกุลชุยและสกุลซูคอยหนุนหลังให้อีก  พวกเขาจะกล้าทรยศหักหลังได้ไฉน มีแต่จะก้มหน้าก้มตาปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพียงเท่านั้น?
            พอได้ยินคำกล่าว คนทั้งสองต่างมีสีหน้าเปี่ยมความเคารพ  คุกเข่าดังตึง  พร้อมก้มศีรษะโขกพื้น  เอ่ยคำปฏิญาณว่า “แม่นางโปรดวางใจเถิด  ข้า..ฉินเฟิง  ข้า..ซูจื่อจี้  ขอสาบานว่า  ทั้งร่างกายและวิญญาณนี้จะขอติดตามแม่นางไปทั้งชาติ  หากวันใดเกิดมีใจคิดคดทรยศ  ก็ขอให้โดนฟ้าผ่าแยกเป็นเสี่ยงๆ  อย่าได้ตายดีเลย!
            “พอเถอะ อย่าได้ทำเช่นนี้  รีบลุกขึ้นเสีย!”  เหลียนฟางโจวรีบย้ายตัวเองมายืนด้านข้าง  เหลียนเซ่อช่วยประคองให้คนทั้งสองลุกขึ้นยืน
            ฉินเฟิงและซูจื่อจี้กล่าวขอบคุณ ตอนถูกพยุงให้ลุกขึ้น
            ระหว่างเดินกลับเหลียนฟางโจวก็เอ่ยขึ้น  “ครอบครัวชาวนาอย่างพวกเรา ไม่มีเวลาว่างมากนักหรอก  ซ้ำยามนี้ยังอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อม  ยิ่งต้องฉวยทุกเวลาอันมีค่าทำงานให้เสร็จ  บ่ายนี้เราจะไปขุดต้นซุ่ยปาเจียวกัน(หรือต้นกล้วยญี่ปุ่นน้ำ หรือมิซูบาโช มีชื่อสามัญว่ากะหล่ำปลีเหม็น  ขึ้นตามหนองบึง หรือที่ชุ่มน้ำ)!”
ต้นชุ่ยปาเจียว
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ต่างขานรับคำสั่ง
เหลียนเซ่อทอดมองคนทั้งสอง  ครั้นแล้วจึงยิ้มแย้มเอ่ยถามพวกเขาด้วยความสนใจ  “ได้ยินมาว่า แต่ก่อนพวกท่านทำงานด้านการเพาะปลูกพืชไร่ใช่หรือไม่?  พวกท่านทราบหรือไม่ว่าเราจะขุดต้นซุ่ยปาเจียวไปใช้ทำอะไร?
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ต่างมองหน้ากันและกัน  ซูจื่อจี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม  “หากเดาไม่ผิด  คงต้องการนำไปปลูกไว้ในแหล่งน้ำ  เพื่อปกป้องแหล่งน้ำใช่หรือไม่ต้นซุ่ยปาเจียวสามารถปกป้องน้ำในแหล่งน้ำได้  ปลูกไว้ในน้ำย่อมดีที่สุดแล้ว!”
“อ๋า  พวกท่านรู้จริงๆเสียด้วย!”   เหลียนเซ่อชมเปาะ  แล้วอุทานว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลย  แต่ก่อนข้านึกว่าพวกขุนนางล้วนนั่งทำงานอยู่ในห้องโถงที่ว่าการเสียอีก  มิคาดว่าจะรู้จริงเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยพวกนี้ด้วย!”
“พวกเราก็แค่คนทำมาหาเลี้ยงชีพไปวันๆน่ะ   จริงๆแล้วตาแก่สองคนแค่พูดให้ดูตลกไปอย่างนั้นเอง!”  ฉินเฟิงหัวเราะ  แล้วทอดถอนใจเบาๆ  “ขุนนางอะไรกัน  ไม่มีขุนนางอีกต่อไปแล้ว  คำๆนี้ ตาแก่ทั้งสองขอร้องพวกท่านแล้ว  ว่าจากนี้ไปอย่าได้ใช้คำๆนี้อีกเลย!  เกรงว่าจะนำพาหายนะมาให้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียละมากกว่า!”
เหลียนฟางโจวพยักหน้า  “ช่างกล่าวได้ประเสริฐนัก!”
เหลียนเซ่อรีบเอ่ยแย้มยิ้ม “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง  พูดอะไรไม่รู้จักคิด  ต่อไปข้าจะไม่เอ่ยออกมาอีกแล้ว!” 
พอกลับถึงบ้าน  ป้าสามเห็นมีแต่พวกเขากลับมา  มิคาดว่าจะแสดงสีหน้าผิดหวังคล้ายทำอะไรสักอย่างหายไป  สีหน้าป้าสามดูเหม่อลอย  ครั้นแล้วนางก็เอ่ยถามขึ้น “กลับมาแล้วรึ?  ท่านชายชุยกลับไปแล้วสินะ!”
เหลียนฟางโจวชำเลืองมองนาง ได้แต่แอบบ่นในใจ  ป้าสามนี่  ท่าทางจะอาการหนักจริงๆ.....
“ใช่แล้ว!”  หญิงสาวยิ้มแย้มเอ่ยเสียงเนิบ  “คนระดับท่านชายชุย ไม่ใช่คนที่จะมาปรากฏตัวแถวๆบ้านนอกคอกนาของเราอยู่แล้วนี่   ถ้าเขาไม่กลับไปตอนนี้ แล้วจะกลับไปตอนไหน!”
“ไม่ใช่อย่างนั้น!”  ป้าสามรีบแก้ต่างเรื่องท่านชายชุย  “ข้ามองว่าท่านชายชุยไม่ใช่คนประเภทนั้นเสียหน่อย!  ท่านดีมาก  ซ้ำยังไม่ถือตัวแม้สักนิด!”
เหลียนฟางโจวส่ายหน้าไม่ยอมรับวาจานี้ในใจ  พลางแย้มยิ้มถามขึ้น  “อาหารเที่ยงยังทำไม่เสร็จอีกรึ?   อาเจี่ยนและอาเซ่อจะได้ขนไปส่งให้พวกน้ากู้   พอกลับมาแล้วพวกเราจะได้กินมื้อเที่ยงกันเสียที!”
ท่านชายชุยเป็นคนไม่ถือตัวก็จริง  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสกุลชุย  และสกุลซูจะไม่ถือตัวตามไปด้วย
หากสกุลชุยรู้ว่าเขา ผู้เป็นท่านชาย บุตรแห่งภรรยาเอก  มัวแต่เอาเวลาว่างวิ่งแล่นมาที่นี่  แล้วหากคุณหนูเล็กแห่งสกุลซูผู้นั้นเกิดรู้เข้า แล้ววิ่งแจ้นมาตามละก็  คงได้ครื้นเครงกันล่ะงานนี้!
ป้าสามพอได้ยินเหลียนฟางโจวถามขึ้น  พลันก็ลืมเรื่องท่านชายชุยไปชั่วคราว  ครั้นแล้วจึงพยักหน้าเอ่ยขึ้น “อาหารทำเสร็จ  พร้อมขนขึ้นรถแล้ว  เหลือเพียงแค่ตักน้ำแกงร้อนๆแบ่งออกไป ก็เอาไปส่งได้แล้ว!”
แต่ก่อนขณะที่เหลียนเซ่อและอาเจี่ยนขนอาหารไปส่งนั้น  พอยกอาหารลงแล้ว  ทั้งสองจะกลับออกมาก่อน  เพราะเห็นว่าระยะทางใกล้กันแค่ปากทางเข้าหมู่บ้าน  ตกบ่ายจึงค่อยออกมาดูงานกันอีกครั้ง  แล้วค่อยเก็บถ้วยชาม ข้าวของ พร้อมคนกลับมาตอนขากลับ ก็ยังไม่สาย


   -----------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^

12 ความคิดเห็น:

  1. วางรากฐานที่มั่นคงเพื่ออนาคตที่สดใส เหลียงฟางโจว นางช่างเก่งกาจ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ อ่านสนุกมากจนอยากอ่านเพิ่มอีกค่ะ รอตอนต่อไปนะค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่า ชอบอ่านขั้นตอนที่นางเอกและครอบครัวทำงาน เพลินดีค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณค่ะ รออ่านทุกวันเลย สนุกมากค่ะ

    ตอบลบ
  5. นางเก่งจริงๆเลย ขอบคุณค่ะไรต์

    ตอบลบ
  6. ตอนนี้มาเร็วมากเลยค่ะ
    ฟาร์มของนางเอกเมื่อเสร็จเรียบร้อยคงใหญ่โตมาก
    ลืมไปแล้วว่านางยืมเงินมาลงทุนเท่าไร ญาตินางใจถึงจริงๆ

    ตอบลบ
  7. ถึงเนื้อเรื่องจะเรื่อยๆ แต่ชวนติดตามค้า

    ตอบลบ
  8. อยากอ่านจนถึงตอนจบแล้วค่ะ สนุกมากมายค่ะ

    ตอบลบ
  9. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ