วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 179 มาคืนดีกันไหม?


            เหลียนฟางโจวตัดสินใจแล้วว่า  พอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ  เธอจะซื้อกงล้อเครื่องปั่นด้ายหลายๆแบบมาให้ซูจื่อจี้ทำการศึกษาอย่างละเอียดละออ   หลังจากรอจนต้นฝ้ายเติบโตพอจะเก็บเกี่ยวได้ในรอบแรก  เธอจะให้เขาตรวจสอบดูสิว่า จะสามารถประดิษฐ์เครื่องปั่นด้ายสำหรับใช้ปั่นใยฝ้ายโดยเฉพาะออกมาได้หรือไม่
            สำหรับเครื่องมือตีปุยฝ้ายและมีดสับแยกเมล็ดฝ้าย  ของง่ายๆเทือกนั้น  เหลียนฟางโจวเชื่อว่าแค่เธออธิบายไปคร่าวๆ   ซูจื่อจี้ต้องสามารถทำมันออกมาได้แน่นอน
            เหลียนฟางโจวอดรำพึงถึงความโชคดีของตนไม่ได้  ชุยเฉ่าซีบังเอิญส่งสองคนนี้มาให้เธอ  ได้ถูกจังหวะ!   นั่นต้องเป็นเพราะความประสงค์ของฟ้าเป็นแน่!


เครื่องปั่นด้าย
เครื่องมือตีปุยฝ้าย
            ฉินเฟิงและซูจื่อจี้อดถามด้วยความฉงนในใจไม่ได้  และเอ่ยปากถามเหลียนฟางโจวเหมือนกับที่คนอื่นๆเคยตั้งคำถามนี้กับเธอมานับไม่ถ้วน  นั่นคือจะปลูกฝ้ายไปเพื่ออะไร?  ฝ้ายนี่มันมันเป็นของดีขนาดนั้นเชียวหรือ?
            กับพวกเขา  แม้เหลียนฟางโจวจะมิได้เล่ารายละเอียดลึกๆให้ฟังทั้งหมด  แต่ก็ยังเล่าอธิบายให้กระจ่างมากกว่าผู้อื่น  มิหนำซ้ำหญิงสาวยังแย้มยิ้มและหันไปเอ่ยกับซูจื่อจี้อย่างระมัดระวัง  “หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด  ฝ้ายนี้สามารถเอามาปั่นเป็นเส้นด้ายและทอเป็นผ้าได้จริงๆ    บางทีเครื่องมือปั่นใยฝ้ายเป็นเส้นด้าย  เจ้าก็คงพัฒนาขึ้นได้กระมัง!”
            พอได้ยินคำกล่าวนี้  ซูจื่อจี้ถึงกับใจเต้นตึกตัก  ชายวัยกลางคนพยักหน้าเอ่ยแย้มยิ้ม  “หากสามารถเอาฝ้ายไปทำเสื้อผ้าได้จริงๆ  ข้าเดาว่ามันก็คงเหมือนเครื่องมืออื่นๆที่ข้าเคยทำมา   ซึ่งไม่คณามือข้าเป็นแน่!”
            เหลียนฟางโจวได้ยินแล้วให้รู้สึกยินดีปรีดานัก
**
            เหลียนฟางโจวไม่นึกไม่ฝันเลยว่า  หลังอาหารมื้อเย็น  เหลียนลี่กับเฉียวซื่อสองสามีภรรยาจะมาเยือนที่บ้านเธออีกครา
            พอเห็นสามีภรรยาคู่นี้มาทีไร  คนทั้งบ้าน  เว้นแต่ผู้ที่ยังไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลัง  และมิได้ร่วมประสบการณ์อันน่าเจ็บปวดอย่างฉินเฟิงและซูจื่อจี้  คนอื่นๆต่างมองลุงป้าคู่นั้นด้วยสายตาเป็นปฏิปักษ์  ซ้ำยังแค่นเสียงใส่อย่างเย็นชา
            “ลมอะไรหอบลุงใหญ่ กับป้าใหญ่มาที่นี่ล่ะ?  ไม่ทราบว่าวันนี้พวกท่านทั้งสองมามีธุระอันใดรึ?  เหลียนฟางโจวส่งยิ้มบาง
            เหลียนลี่กระแอมไอขึ้นคราหนึ่ง  สีหน้าเขาแข็งทื่อ พยายามคลี่ยิ้มออกมาเสี้ยวหนึ่งอย่างลำบากยากเย็น   พลางเปล่งเสียงเรียกชื่อหญิงสาว “ฟางโจว”   แล้วตวัดสายตาเป็นสัญญาณให้เฉียวซื่อผู้ภรรยา
            เฉียวซื่อหน้าหงิก  ทำท่าอิดออดไม่อยากปล่อยกล่องในมือวางลงบนโต๊ะ
            เหลียนลี่ส่งเสียงหัวเราะฝืดเฝื่อนเต็มที  และเอ่ยกับเหลียนฟางโจว  “คราก่อน ท่านชายชุยมาเป็นแขก ได้นำของขวัญมาฝากหลายชิ้นอยู่  เดิมทีข้าคิดว่าจะนำมาแบ่งให้เจ้าสักครึ่งหนึ่ง  ต่อมาดันมีธุระติดพันจนลืมไปเสียสนิท!  จริงๆแล้ว  วันนี้ข้าเพิ่งนึกขึ้นมาได้   ก็เลยรีบเอามาส่งให้เจ้า!  มีผ้าตัดเสื้ออย่างดีสองพับ  แล้วก็ยังมีใบชากระป๋องหนึ่ง  ดอกไม้ผ้าไหมสองสามดอก  ทั้งหมดล้วนเป็นของชั้นเลิศทั้งนั้น!”
            อ้อ  ขอบคุณท่านลุงใหญ่และป้าใหญ่นัก!”  เหลียนฟางโจวตอบกลับอย่างไม่ยินดียินร้าย  นึกแค่นเสียงในใจ  เชอะ แต่งเรื่องขึ้นเองตามเคย  คิดว่าผู้อื่นเขาโง่กันหมดหรือไร!’
            เหลียนเซ่อ พอเห็นเช่นนี้เข้าก็ชักเกิดโทสะขึ้นมารำไร  คนบ้านเขามิเห็นอยากจะได้ของๆใครเสียหน่อย  เด็กหนุ่มแสนเอือมระอาญาติตนเอง แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมอง  จึงจงใจเอ่ยแย้มยิ้มว่า  “อ๋อ  ที่แท้ลุงใหญ่กับป้าใหญ่มีธุระติดพัน  เสียจนลืมสนิทนี่เอง   ไม่ทราบว่าธุระแสนยุ่งของลุงใหญ่กับป้าใหญ่ คือเรื่องใดรึ!   
            “ยังจะมีเรื่องอะไรเสียอีกเล่า  ถ้าไม่ใช่วางแผนกลั่นแกล้งพี่ใหญ่ข้า  ก็วางแผนกลั่นแกล้งพวกเรานั่นแหละ!”   ฟางฉิงแม้อายุยังน้อย  แต่นี่คือสิ่งที่นางเห็นมาจนชินตาในหลายวันมานี้  กล่าวได้ว่าหลังผ่านการปะทะศึกระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านรองมาหลายรอบ  พอได้ยินคำถามดังกล่าว เด็กน้อยก็พูดโพล่งออกมาทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด
            เหลียนฟางฉิงและคนอื่นๆฟังแล้วก็มิได้ตำหนิติเตียนเหลียนฟางฉิงกับเหลียนเซ่อแต่อย่างใด  ตรงข้ามกลับเอาแต่หรี่ตาจ้องหน้าเหลียนลี่และเฉียวซื่อผู้ภรรยาเขม็ง  ทุกคนที่นั่นได้แต่เงียบงัน
            ฝ่ายเฉี่ยวซื่อสะบัดก้นตนไปกระแทกเก้าอี้อย่างแรง  เก้าอี้ที่น่าสงสารนั้นล้มกลิ้งโคล่โล่ ส่งเสียงดังเปรื่องปร่าง  นางเงยหน้าสบตาเหลียนฟางโจว พลางเอื้อนเอ่ย  “ฟางโจว  พี่ใหญ่เช่นเจ้า อบรมสั่งสอนน้องๆประสาอะไรกัน?  เจ้าแหกตาดูพวกมันสิ  พวกมันกล้ามาพูดจาล้อเล่นกับผู้อาวุโส!  ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่พวกเราเป็นญาติผู้ใหญ่ของตระกูลนี้  ต่อให้เป็นผู้อื่นที่ไม่มีสายเลือดร่วมกัน  ก็ไม่สมควรทำเช่นนี้!”
            พูดได้สะใจมาก!
            เหลียนลี่แอบชื่นชมฝีปากของภรรยาในใจ  รู้สึกว่าเป็นวาจาเด็ดดวงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินเฉียวซื่อพูดมาเลย
            ไม่รอให้ภรรยาพูดพล่ามยืดยาวต่อไป  เหลียนลี่รีบพูดแทรกนางทันที   พลางทำเป็นทอดถอนใจออกมา  “ที่ป้าใหญ่เจ้ากล่าวมาถูกต้องแล้ว!   เฮ้อ  คงเพราะหัวหน้าครอบครัวบ้านนี้ขาดญาติผู้ใหญ่คอยอบรมสั่งสอน!  พวกข้าคือญาติสนิทของพวกเจ้า  พวกเจ้าพูดจาไร้สัมมาคารวะเช่นนี้  พวกเราก็หาได้ต่อล้อต่อเถียง  หากเอาไปพูดข้างนอก  เจ้าว่าผู้อื่นเขาจะคิดอย่างไร!”
            พอเห็นเหลียนฟางโจวทำท่าจะโต้กลับ  เหลียนลี่ก็รีบชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน “เจ้าไม่ต้องสุภาพกับเราหรอก  ใครใช้ให้พวกเราเป็นคนตระกูลเดียวกันเล่า!   สายเลือดเดียวกันย่อมตัดกันไม่ขาด   อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความจริงนี้ได้!  เรื่องที่แล้วๆมา  ก็ให้มันผ่านไป  ลืมๆมันเสียให้หมด  อย่าได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกเลย!  ฟางโจวเอ๋ย  พรุ่งนี้พวกเราไปบ้านจางลี่เจิ้งกัน  แล้วก็ไปเชิญเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านมาเป็นสักขีพยานด้วย  ส่วนหนังสือสัญญาที่ข้าเลินเล่อลงชื่อไปโดยไม่ไตร่ตรองเมื่อคราวก่อน  ก็จงเผาทิ้งไปเสีย!  หลายวันมานี้ข้ากับป้าใหญ่เจ้าใจคอไม่สงบเลย  เฮ้อ  นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร  ก็ให้รู้สึกละอายใจนัก  อยากขอโทษน้องชายกับน้องสะใภ้ข้าที่เสียไปแล้ว!  อันที่จริงลี่เจิ้งกับบรรดาผู้อาวุโสของหมู่บ้านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว  พวกข้าต้องทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่  แม้นจะต้องเสียสละอะไรบ้าง  แล้วอย่างไรล่ะ?   เดิมทีพวกข้าก็ควรดูแลพวกเจ้าอยู่แล้ว!  หากพวกข้าไม่ดูแลพวกเจ้า  แล้วใครหน้าไหนมันจะมาดูแลพวกเจ้ากันเล่า!”
            “ใช่แล้ว!”  ทั้งๆที่ชีวิตของนางและสามีตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไรอยู่แล้ว  แต่ว่ายามที่สามีพูดมาถึงคำว่า ดูแล เช่นนี้   ในใจของเฉียวซื่อให้รู้สึกว่า สามีมิได้รู้สึกสำนึกผิดจริงๆดังว่าหรอก  คล้ายใช้เป็นข้ออ้างหาทางมาควบคุมเหลียนฟางโจวและบรรดาน้องๆนางเท่านั้น
นางแค่นเสียงเบาๆ  “อย่างไร  พวกเจ้าก็ควรรู้สำนึกไว้เสียด้วย!   อย่าได้เล่นตัวจนเกินไปนักเ!”
“เช่นนั้น...เรื่องนี้ก็เป็นอันตกลงตามนี้นะ  พรุ่งนี้ข้าจะมาเรียกพวกเจ้าไปบ้านจางลี่เจิ้งแต่เช้า เลย!”  เหลียนลี่สรุปเอาเองเสร็จสรรพ  ว่าแล้วจึงลุกขึ้นเตรียมเอ่ยขอตัวกลับ
“เรื่องน่าละอายขนาดนี้ ในใต้หล้านี้มีที่ไหนกัน!”  เหลียนเซ่อตวาดออกมาด้วยความฉุนเฉียว  ส่วนเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อยังเล็กนัก   ตามไม่ทันแผนการที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังวาจาของเหลียนลี่  แต่พอเห็นเหลียนเซ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  น้องเล็กทั้งสองก็พลอยโกรธตามไปด้วย
เหลียนลี่อดลอบชำเลืองมองเหลียนฟางโจวไม่ได้  เห็นเหลียนฟางโจวมีสีหน้าไม่อินังขังขอบ  แถมไม่เอื้อนเอ่ยอะไรสักคำ  เลยยิ่งได้ใจใหญ่  เพียงเห็นหลานสาวทำท่าเหมือนเห็นด้วยโดยดุษณีแบบนี้   เขาไหนเลยจะเห็นท่าทางบ้าเลือดของเหลียนเซ่ออยู่ในสายตาเล่า?
ตรงข้ามตัวเขากลับวางท่าเป็นผู้ใหญ่ใจดีเอ่ยกับเหลียนเซ่อ  “เอาล่ะ  อาเซ่อ!  อะไรถึงจะเรียกว่าเรื่องน่าละอายรึ?   เป็นเรื่องน่าละอายแล้วอย่างไร  ไม่ใช่เรื่องน่าละอายแล้วอย่างไร?  เจ้าเด็กคนนี้ จะพูดกวนน้ำให้ขุ่นไปเพื่ออันใดกัน!  เจ้านี่นะ  เรื่องทั้งหมดนี่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนของทุกฝ่ายก็แล้วกัน!  ฮ๊าย  นับจากนี้ไปข้ากับป้าใหญ่เจ้าจะเอาใจใส่ห่วงใยดูแลพวกเจ้าให้มากๆ  ไม่ปล่อยปละละเลยอย่างที่แล้วๆมา!”
เหลียนลี่พูดพร่ำไปพลาง  ก็พรูลมหายใจไปพลางขณะเดินจากไป
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว!  เรื่องมันกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!  เขาเขายังมีหน้ามาสั่งสอนข้าอีก!”  โทสะเหลียนเซ่อพุ่งสูงเสียดฟ้า  อยากจะหยุดวาจาที่พรั่งพรูมาของเหลียนลี่นัก   แต่เขาจะสวนกลับลุงใหญ่ตรงประเด็นไหนดี?  ซ้ำพูดออกไป ก็ไม่รู้ว่าจะหยุดลุงเขาได้หรือไม่?
จะโต้ตอบอย่างไรดีให้เขาเถียงไม่ออก?
 “พี่ใหญ่!”  เหลียนเซ่อสุดจะทนอีกต่อไป  เด็กหนุ่มกระทืบเท้า พลางแผดร้องหอบหายใจฮึดฮัด  “ไยท่านถึงไม่โต้ตอบอะไรบ้างเล่า!  เรื่องนี้   พวกเราจะทำอย่างไรกันดี!”
ทีแรกป้าสามนึกว่าเหลียนฟางโจวจะเต้นผางกับเรื่องนี้  ที่ไหนได้หญิงสาวกลับไม่รู้สึกรู้สาอันใด  นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลานสาวนางจะปล่อยวางเรื่องที่เหลี่ยนลี่กับภรรยาก่อไว้ไปง่ายดาย  จึงรีบเอ่ยสำทับ  “ใช่แล้ว ฟางโจว  อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เห็นแผนการร้ายของเขา?   ในภายหน้าหากให้เขาสอดมือเข้ามายุ่มย่ามกับครอบครัวเราละก็   เจ้าบอกลาชีวิตที่สุขสงบได้เลย!” 
“จริงด้วย  พี่ใหญ่!”  เหลียนเซ่อได้ยินที่ป้าสามพูดก็ยิ่งเห็นภาพชัด  รีบพยักหน้ารัวๆเห็นด้วยทันที 
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^


12 ความคิดเห็น:

  1. ลุงป้าคู่นี้มันน่ากระโดดถีบยิ่งนัก

    ตอบลบ
  2. ปวดหัวกับลุงป้าคู่นี้จริงๆผลุบโผล่มาเป็นระยะๆ เฮ้อ...เหนื่อยใจแทนนางเอกและน้องๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ2 กรกฎาคม 2561 เวลา 14:58

    ค้างเลยค่ะ อยากรู้ว่าฟางโจวจะตอบโต้อย่างไร

    ตอบลบ
  4. เดี๋ยวรอดู...ทุกทีเจอเหลียนฟางโจวแสบคันไม่พอ...คราวนี้เอาแบบเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกเลยนะ...ลุ้นตอนหน้า...นอนไม่หลับแน่เลย

    ตอบลบ
  5. ลุงป้าคู่นี้เมื่อไรจะออกไปพ้นจากชีวิตเลวร้ายไร้ยางอาย

    ตอบลบ
  6. วุ้ย!!อิลุงกับอิมนุษย์ป้านี่ยังไม่ออกจากกะลาอีกนะ!

    ตอบลบ
  7. โว้ย อิลุงนั่นน่าจะขาดใจตายไปเลยเนอะ พ่นประโยคออกมายาวขนาดนั้น น่าโมโห รออ่านตอนต่อไปค่ะ ดูสิ ฟางโจวจะตอกกลับไปยังไง

    ตอบลบ
  8. เป็นครั้งแรกที่จบด้วยความค้างคาขนาดนี้ ฟางโจววว จัดการมันค่ะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ4 กรกฎาคม 2561 เวลา 14:48

    อ๊ากกก มาต่อไวๆนะ

    ตอบลบ
  10. ย้งเลวได้อีกเนาะ เชื่อเขาเลย

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณค่ะ ขอดองไว้ยาวๆก่อนละกันคะ มาทุกทีค้างจิงจัง เดี๋ยวสักห้าตอนแวะมาใหม่

    ตอบลบ
  12. ดองครบ 24 ตอนค่อยอ่านรวดเดียวให้สะใจ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ