วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 182 แหย่เฉียวชื่อ 1


            “อื้ม!” ป้าสามค่อยเบาใจขึ้นหน่อย พลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไปล่ะ!” ครั้นแล้วนางจึงแอบผลุบหายไปทางประตูเล็กหลังบ้าน มุ่งหน้าตรงเข้าสวนผัก
            เสียงตบประตูรั้วบ้านดังลั่นขึ้นทุกที เฉียวซื่อแผดเสียงตะโกนลั่น เหลียนลี่ก่นด่านางให้ตะโกนเรียกต่อไป เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อนิ่งฟังจนเห็นว่าได้เวลาแล้ว เด็กทั้งสองจึงพากันค่อยๆเยื้องย่างไปเปิดประตูด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
            “หูหนวกกันรึไง!  เรียกเป็นนานสองนานแล้วไยถึงไม่เปิดประตู! ” นางตะโกนเรียกให้เปิดประตูตั้งนานก็ไม่มีใครขานรับ เฉียวชื่อพยายามสะกดกลั้นโทสะที่ท่วมท้น ขณะตะคอกถาม ก็อดเมียงมองผ่านช่องประตูเข้าไปไม่ได้

            “เจ้าจะมาโมโหอะไรเอากับเด็ก! เด็กๆยังเล็กอยู่ยังคิดไม่เป็น ภายหน้าพวกเขาจะได้รับการสั่งสอนที่ดีเอง!” เหลียนลี่เอ่ยขึ้น พลางถลึงตาใส่เฉียวซื่อ ส่งสายตาปรามไปให้
            สรุปสั้นๆ เรื่องนี้มันบ่งบอกถึงสันดาน เจ้าเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน มัวแต่นั่งฟังชาวบ้านตะโกนเรียกเป็นนานสองนาน โดยไม่ยอมมาเปิดประตูได้อย่างไรกัน? เด็กไม่มีผู้ใหญ่อบรมสั่งสอนมันก็เป็นเช่นนี้แหละ!
            แน่นอนเหลียนลี่ย่อมมิใช่คนประเภทที่แสดงตัวเป็นคนดีโดยไม่มีใครเห็น  เหตุผลที่เขากล่าวเช่นนี้ เพราะที่หน้าประตูบ้านสกุลเหลียนยามนี้กำลังวุ่นว่ายเจี๊ยวจ๊าว ดึงดูดให้ชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่ทั้งลูกเด็กเล็กแดงพากันมายืนมุงดูด้วยความครึกครื้น
            ถ้อยคำพวกนี้ เหลี่ยนลี่จงใจพูดเข้าหูพวกชาวบ้าน
            เขานึกหวังอยากให้พวกชาวบ้านได้เห็นความวุ่นวายยิ่งมากยิ่งดี! เขาสวมวิญญานญาติผู้ใหญ่เอื้อนเอ่ยในสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่พึงกระทำ ขณะคอยดูว่าพวกชาวบ้านจะพูดอะไรบ้าง!
            ยิ่งหากนังเด็กเหลียนฟางโจวเข้ามาร่วมวงเอะอะเอ็ดตะโรด้วยก็ยิ่งดีเท่านั้น!
            ยิ่งหญิงสาวส่งเสียงเอะอะเท่าใด เขาจะยิ่งได้แสดงฐานะญาติผู้ใหญ่ให้ทุกคนได้ประจักษ์มากเพียงนั้น  คำพูดของเขาตอนอยู่ต่อหน้าจางลี่เจิ้งและเหล่าผู้เฒ่าของหมู่บ้านจะได้ดูมีน้ำหนักยิ่งขึ้น เมื่อถึงตอนพูดว่านางเป็นพี่สาวคนโตที่มิได้ดีเด่หรือมีคุณธรรมอันใดเลย หากนางไปสอนอะไรทายาทสกุลเหลียนผิดๆแล้วจะว่าอย่างไร? พวกเขาเป็นถึงลุงและป้าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล จึงเป็นหน้าที่ๆพวกเขาต้องออกมาแสดงความห่วงใย!
            ด้วยเหตุนี้  เหลียนลี่จึงปล่อยให้เฉียวชื่อแหกปากตะโกนด่าทอเต็มที่ เพื่อจะได้ดึงคนนอกให้มามุงดูกันเยอะๆ  อย่างไรก็ตามการที่เฉียวชื่อแผดเสียงด่าทอล้วนมาจากอารมณ์ล้วนๆ ตราบใดที่ยังอยู่ในขอบเขต ก็ไม่เป็นไรนัก!
            ตราบใดที่มิได้ด่าว่าจนเกินงาม ต่อให้ญาติผู้ใหญ่ทำรุนแรงเกินไปก็หาเป็นไรไม่  ผู้น้อยทั้งหลายจะไม่เคารพผู้ใหญ่ได้หรือ? มีเด็กสาวคนไหนไม่เคยโดนผู้ใหญ่ตีด่าสั่งสอนมั่ง? เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นไปตามหลักการฟ้าดินอยู่แล้ว
            พอประตูเปิดออก เหลียนลี่กับเฉียวซื่อต่างสบตากันอย่างมีความหมาย สีหน้าของเฉียวชื่อราบเรียบขึ้นเล็กน้อย
            “ลุงใหญ่ ป้าใหญ่....” เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อดูขลาดกลัวหน่อยๆ เหลียนฟางฉิงหลบไปอยู่ข้างหลังเหลียนเช่อ เด็กน้อยเอามือบิดกระโปรงไปมาวุ่นวาย ดวงตาเล็กๆลอบชำเลืองมองเฉียวซื่อด้วยความระแวดระวัง พลางเอ่ยอธิบายอย่างระวังตัว “ข้ากับพี่สามกำลังให้อาหารวัวที่ลานหลังบ้านอยู่เจ้าค่ะ จึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของป้าใหญ่ที่ประตูบ้านจริงๆนะ! พวกเราหาได้มีเจตนาไม่เปิดประตูไม่! เอ่อเอ่อ ป้าใหญ่ท่านอย่าตำหนิพวกเราเลยนะ...”
            ปากเล็กๆของเหลียนฟางฉิงเบะออก เด็กน้อยเอ่ยเสียงเครือจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ดูแล้วช่างน่าเวทนานัก
            เหลียนเช่อลูบไหล่เหลียนฟางฉิงเบาๆ และมีท่าทางขลาดกลัวด้วยเช่นกัน เหลียนลี่มองเด็กน้อยทั้งสองเป็นเช่นนี้ก็เกิดโทสะ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะดุด่าหรือเฆี่ยนตีหลานๆเสียหน่อย พวกเขาสองสามีภรรยาหาได้มาที่บ้านนี้เป็นครั้งแรก เฉียวซื่อก็หาได้เอะอะเอ็ดตะโรแบบนี้เป็นครั้งแรก ไฉนแต่ก่อนถึงมิได้มีปฏิกิริยาอะไรแบบนี้ ยามนี้เหตุใดจึงพากันกลัวจนหัวหด?
            “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ป้าใหญ่พวกเจ้าหาได้มีเจตนา นางน่ะ ใจร้อนไปหน่อยเอง พวกเจ้าสองทำใจเย็นๆไว้นะ !” เหลียนลี่ลอบถอนหายใจ ขณะสวมบทบาทเป็นผู้ใหญ่ใจดีรักเด็ก
            เหลียนฟางฉิงยังคงหวาดกลัวอยู่ดี เหลียนเช่อลอบมองเหลียนลี่อย่างระแวดระวัง เอ่ยอย่างแน่ใจตนเอง “เมื่อกี้ลุงใหญ่ยังเพิ่งตำหนิพวกเราว่าไม่รู้จักคิดอยู่หยกๆ....จริงๆนะพวกเราหาได้....”
            ใบหน้าเหลียนลี่แข็งค้าง รู้สึกว่าความอดทนของตนใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว เขาพยายามยิ้มแย้มพูดจาปลอบโยนอย่างกระท่อนกระแท่น “จริงๆแล้วลุงใหญ่ก็แค่พูดไม่ทันคิดเอง พวกเจ้าเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ดียิ่ง ว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก!”
            “อื้ม! “ เหลียนเช่อเริ่มยิ้มออก  เขาเอามือดึงแขนเสื้อเหลียนฟางฉิงฉุดนางให้มายืนเคียงข้าง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ เข้ามาเถิดขอรับ!”
            เฉียวซื่อค้อนใส่หลานๆ พลางแค่นเสียงเงียบๆ แล้วสาวเท้าเข้าไปด้านในพร้อมเหลียนลี่
            เหลียนฟางฉิงรีบไปปิดประตูรั้วตามหลัง
ว้ามีเท่านี้เองหรือ? 
ชาวบ้านทุกคนเห็นว่าจู่ๆก็ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ดูแล้ว แต่ละคนจึงแยกย้ายกันกลับไป  ในใจแอบนึกผิดหวังเล็กน้อย
ต้องเข้าใจว่านับตั้งแต่เหลียนฟางโจวถอนหมั้นกับคนบ้านสกุลหยางเป็นต้นมา สกุลเหลียนบ้านรองต้องประสบคลื่นมรสุมรุนแรงที่ถาโถมเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ซ้ำพวกเขาก็ยังมีเรื่องระหองระแหงกับสกุลเหลียนบ้านใหญ่อีก ซึ่งชาวบ้านต่างรู้กันทั่ว
เหลียนลี่เห็นเหลียนฟางฉิงปิดประตูรั้ว ให้นึกบ่นเสียดายอยู่ในใจ แต่เหตุการณ์เมื่อกี้ก็ยังนับว่าได้ผลอยู่บ้างละน่า
ส่วนตัวเขาเองก็ไม่อาจหันกลับไปเปิดประตูอีกครั้งได้
พอผ่านลานบ้าน คนทั้งหมดต่างสาวเท้าเข้าไปใต้ชายคาระเบียงทางเดิน ที่ระยะสองสามก้าวก่อนจะเข้าไปในตัวเรือน  จู่ๆเหลียนเช่อกับเหลียนฟางฉิงก็ผลุบมาขวางหน้าเหลียนลี่และเฉียวซื่อไว้
“ลุงใหญ่และป้าใหญ่ต้องการมาทำอะไรที่บ้านเรารึ?” เหลียนเช่อเงยหน้ารุกถามทันใด
เหลียนลี่และเฉียวซื่อต่างอึ้งงันไปทั้งคู่
“พี่ใหญ่พี่รองพวกเจ้าไง?  ข้าย่อมต้องพาพวกเขาไปที่บ้านสกุลลี่เจิ้งนั่น!” เฉียวซื่อหน้าตึงเอ่ยอย่างอดทน
ยามนี้ไม่มีคนนอกแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทำสีหน้าใจดีกับเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนี่ต่อไป
“เช่นนั้นลุงใหญ่ ป้าใหญ่คงต้องมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ พี่ใหญ่กับพี่รองข้ายามนี้ไม่อยู่บ้าน!” เหลียนฟางฉิพูดเสียงเจื้อยแจ้ว ซ้ำยังแสยะยิ้มใส่เฉียวซื่อ สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง  ไหนเลยจะยังปรากฏความขลาดกลัวแบบเมื่อครู่นี้อีก
“เจ้าว่าอะไรน่ะ!” เฉียวซื่อขึงตาใส่เด็กที่โตสุดทันที แผดเสียงห้วนด้วยโทสะ ไม่อยู่บ้านรึ!”
“เจ้าเบาเสียงลงหน่อยได้ไหม!” เหลียนลี่เอ่ยเสียงกดต่ำพร้อมมุ่นคิ้ว  ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาจับจ้องเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ พลางเอ่ยขึ้น “เหตุใดถึงไม่อยู่บ้าน? พวกเขาไปไหน? ไม่ได้ตกลงกันไว้หรือว่าวันนี้ต้องไปบ้านสกุลลี่เจิ้งนั่นแต่เช้า!”
เฉียวชื่อเห็นเหลียนฟางฉิงทำหน้าทะเล้นเช่นนี้แล้ว นึกแค้นใจจนอยากจะทึ้งใบหน้านางนัก พอได้ยินสามีถามคำถามด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ  นางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้าง “ยังต้องถามอีกรึ? ยังไม่แจ่มแจ้งอีกรึไง! ผู้อื่นน่ะ  เขาไม่ได้เห็นท่านอยู่ในสายตา! ผู้อื่นน่ะเขาจงใจ! จงใจหนีหน้าเราล่ะสิ!”
นางพูดไปพลางก็นึกเคืองแค้นไปพลาง “ข้าว่าแล้วไหมเล่า นังเด็กน่าตายนั่นมันตั้งใจไว้แล้ว เมื่อคืนวานมันถึงไม่โต้แย้งอะไรสักคำ คงตั้งใจจะหนีหน้าตั้งแต่ทีแรกล่ะสิ! เชอะ พระอย่างไรก็หนีออกจากวัดไม่ได้หรอก(หมายถึง พระอยู่ได้แค่ที่วัดอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ต้องกลับมาจำวัด) ข้าจะรอดูสิว่านางจะหลบหน้าไปได้สักกี่น้ำ!”
ใบหน้าเหลียนลี่ดูไม่จืด  แถมยังเกิดโทสะด้วยโดยไม่ต้องสงสัย!
เมื่อวานนี้ตัวเขาอุตส่าห์พูดออกมาเป็นวรรคเป็นเวร ซ้ำเหลียนฟางโจวยังไม่โต้แย้งสักคำ เขารึอุตส่าห์กระหยิ่มยิ้มเยาะในใจ  ที่ได้กลับมารู้สึกเบิกบานใจอีกครา ในที่สุดเขาก็เล่นงานนางอยู่หมัดแล้ว!
นึกไม่ถึงเลยว่า นังเด็กน่าตายมันจะมีชั้นเชิงเหนือชั้นปานนี้!
แต่ว่าที่ภรรยาเขาพูดนับว่าถูกต้องนัก ถึงอย่างไรพระก็หนีออกจากวัดไม่ได้หรอก!  เก่งกล้ากันนัก เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย!
ฮึ่ม  ดูเหมือนว่าคงมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางทำได้ในตอนนี้
“ป้าใหญ่..ท่านช่างหัวไวจริงๆ “ เหลียนฟางฉิงปรบมือชมเปาะ ขณะทอดมองเฉียวชื่อด้วยรอยยิ้มกว้าง  “พี่ใหญ่กับพี่รองข้าออกไปหลบซ่อนจริงๆนั่นแหละ!  ประมุขบ้านใหญ่เอาตัวเสนียดมาด้วย จะมาฉกฉวยสมบัติบ้านเราไป จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา พี่ใหญ่และพี่รองย่อมต้องหนีไปซ่อนตัวเป็นธรรมดา!
“เจ้าว่าอะไรนะ!” เฉียวซื่อโมโหพร้อมกับเงื้อมมือขึ้น
เหลียนฟางฉิงร้อง”ว้าย” แล้วรีบถอยฉากไปหลบอยู่ด้านหลังเหลียนเช่อ แถมยังแลบลิ้นใส่ด้วย “แบร่ ทีแรกข้ากับพี่สามยังคิดจะหลบออกไปเหมือนกัน ทว่าพี่ใหญ่กับพี่รองบอกว่า พวกเรายังเด็ก อย่างไรก็ไม่ได้มีหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว ไม่จำเป็นต้องไปซ่อนตัวหนีลุงใหญ่กับป้าใหญ่! ต่อให้ลุงใหญ่กับป้าใหญ่ลากเราไปอยู่ต่อหน้าท่านลุงลี่เจิ้งก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ!
“แก !” เฉียวชื่อสั่นเทิ้มด้วยโทสะไปทั้งร่าง จนอกแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ
เหลียนลี่เจอเหลียนฟางฉิงประจานหมดเปลือกขนาดนี้  ก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไปแล้ว เขาสุดจะกลั้นโทสะไหว พลางแอบก่นด่าเจ้าเด็กบ้านรองพวกนี้ในใจ หาดีไม่ได้เลยสักคน! รอให้ตกอยู่ในกำมือข้าก่อนเถิด คอยดูสิว่าข้าจะสั่งสอนพวกแกอย่างไร !’

--------------------------------------------------------------------
ขอบขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ 
ต้องขออภัยที่อัพช้าค่ะ พอดีติดภารกิจด่วนค่ะ -_-

12 ความคิดเห็น:

  1. ลุ้นค่ะลุ้น ขอบคุณนะคะ ^^

    ตอบลบ
  2. โชคดีที่เด็กๆยังไม่ตกอยู่กำมือลุงใหญ่กับป้าใหญ่แค่นี้ยังเดือดร้อนหนักเลย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 กรกฎาคม 2561 เวลา 20:49

    ขอบคุณมากค่ะ อดทนรออย่างเงียบๆเสมอ

    ตอบลบ
  4. อีกกี่ตอนถึงจะหมดเวรหมดกรรมกับพวกลุงป้ามหาภัยพวกนี้น้อ

    ตอบลบ
  5. เบื่อสองคนนี้เหลือเกิน

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่ะ รออ่านวิธีแก้ค่ะ

    ตอบลบ
  7. แปลได้เยี่ยมเช่นเคยค่ะ

    ตอบลบ
  8. สะใจค่ะเด็กๆด่าได้โดนใจมาก

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณค่ะ เศร้าใจในความโลภของคน

    ตอบลบ