วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 184 จับได้คาหนังคาเขา


           เหลียนลี่ทั้งโมโหทั้งหวั่นวิตก  ซ้ำยังรำคาญด้วย เขาจึงเอ่ยอย่างมีโทสะ “เจ้ารีบปล่อยข้าซะ!  ข้าไม่ได้ทำอันใดเจ้าเสียหน่อย เจ้าเลิกใส่ร้ายข้าได้แล้ว! นังแก่มัวยืนบื้อทำอะไรอยู่! เอาแต่ซึมกะทืออยู่ได้  ยังไม่เข้ามาช่วยข้าอีก!”
            เหลียนลี่รู้สึกราวมดอยู่ในกะทะร้อน หากเกิดมีใครมาเห็นเข้าเขาจะแก้ตัวอย่างไรดี !
พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่!” เสียงดังแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ของป้าจาง ดังขึ้นที่ประตูรั้วบ้านยามนี้
“อา” “โอ”  มีเสียงดังขึ้นมาด้วย  ซ้ำยังเป็นเสียงของคนเป็นอันมากที่อุทานออกมาพร้อมกัน ด้วยความตื่นตระหนก

  เฉียวซื่อได้ยินเข้า ก็ใจเต้นโครมคราม พอปรับอารมณ์ให้เย็นลงได้แล้ว จึงค่อยๆหันไปยิ้มให้
ส่วนเหลียนฟางฉิงที่กำลังร่ำไห้ ร้องเรียกเสียงลั่น “พี่สาม”  แล้วรีบรุดตรงเข้าไปกอดเหลียนเช่อ พร้อมกับร้องไห้โฮ
เหลียนลี่ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง  ยามนี้เขาปิดเปลือกตาซ่อนดวงตาอันดำมืด  เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองถูกจัดฉาก  เหตุใดเขาถึงโดนตลบหลังได้นะ !
ส่วนเฉียวซื่อก็ตกตะลึงตาค้างไปแล้ว
“พี่เหลียน  อาซ้อเฉียว ฟางฉิงกับเช่อเอ๋อร์ยังเยาว์นัก  ไฉนพวกท่านถึงทุบตีเด็กเล็กๆเช่นนี้ได้ลงคอ !” ป้าจางสั่นน้อยๆด้วยโทสะ 
ชาวบ้านที่เห็นเหลียนฟางฉิงวิ่งร้องไห้โฮไปตลอดทางต่างพากันถอนหายใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่  ต่างฝ่ายต่างหันไปจับจ้องเหลียนลี่และภรรยาด้วยสายตาดูแคลน
ถึงแม้จะอิจฉาชีวิตที่รุ่งเรืองของครอบครัวเหลียนฟางโจวเพียงใด  แต่พอได้เห็นเด็กสองคนที่ยังเยาว์ปานนี้โดนทุบตีเช่นนั้น ก็อดเวทนาสงสารไม่ได้
เฉียวซื่อลนลานขึ้นทันใด รีบถลึงตาใส่ป้าจางอย่างไม่พอใจ พลางแผดเสียงเล่นงานทันที “ท่านพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน !  ดวงตาประเภทไหนของท่านถึงได้เห็นเรากำลังทุบตีคน! เฮอะ ไม่ใช่ท่านหรือ ที่พอเห็นเจ้าพวกเด็กบ้านรองมันร่ำรวยขึ้นมา ก็รีบระริกระรี้มาประจบสอพลอพวกมันเชียวนะ!”
“หุบปากเสีย!” เหลียนลี่ตวาดสั่งให้เฉียวซื่อหยุดปาก  ความพยายามอดกลั้นที่จะไม่ลงไม้ลงมือนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว
ยามนี้ต่อให้เขาลงมือตบหน้าเฉียวซื่อก็ไร้ประโยชน์  เพราะทุกๆคนต้องพูดอย่างแน่นอนว่าเขาทำเพื่อหวังตบตาคน!
“อาซ้อเฉียว ท่านพูดอะไรของท่าน!” ป้าจางตวาดด้วยโทสะ “ท่านถามข้าว่าใช้ตาคู่ไหนดูรึ ข้าจะบอกให้ก็ได้  ก็ตาทั้งคู่ของข้านี่แหละที่มองเห็นทั้งหมด! ท่านอย่าบอกข้านะว่า ร่องรอยทารุณบนร่างเด็กทั้งสองนี่เป็นตัวพวกเขาทำเอง ! ท่านอย่าบอกข้านะว่า รอยฝ่ามือบนใบหน้าเช่อเอ๋อร์เป็นมือของเขา! ท่านบอกว่าข้าประจบสอพลอพวกเขารึ? ข้าปฏิบัติกับพวกเขาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ต่างออกไปหรือไร ? หา ไม่เหมือนกับคนบางคน  ทั้งๆที่มีสายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่ก่อนก็เห็นหันหลังให้พวกเด็กๆบ้านนี้ โดยทำเป็นหูหนวกตาบอดอ้างว่ามีภาระครอบครัว ต่อให้เด็กๆจะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่เคยนำพาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแล ยามนี้พอเห็นครอบครัวเขากำลังรุ่งโรจน์ได้ดิบได้ดี ก็อิจฉาริษยาเขา อยากจะเข้ามาเอี่ยว เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการมายึดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวของเด็กๆบ้านนี้ ! พวกท่านคิดว่าตนเองฉลาดอยู่ฝ่ายเดียวรึไร ! อย่าคิดว่าคนทั้งใต้หล้าเขาจะโง่งมกันหมดสิ! ”
            พอสิ้นเสียงป้าจาง ทุกๆคนที่ได้สดับตรับฟังก็ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันฮือฮาใหญ่โต  ขณะที่ชี้มือชี้ไม้ไปทางคู่ของเหลียนลี่และเฉียวซื่อด้วย
            เหลียนลี่พลันสะดุ้งในอก อ้าปากอยากจะเถียง แต่พอเจอชาวบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์ ซ้ำยังเอามือชี้หน้า ก็ทำให้เขาหมดโอกาสจะเปิดปากแก้ต่าง
            “เกิดอันใดขึ้น? นี่มันเกิดอันใดขึ้น? นี่! ข้าพูดได้เลยว่าพวกท่านสองสามีภรรยาช่างโหดเหี้ยมเกินใคร กับเด็กตัวเล็กๆปานนี้ ก็ยังลงไม้ลงมือได้ลงคอ!  แม้พวกท่านทั้งสองตัดขาดกับผู้อื่นแล้ว อย่างน้อยก็ยังถือว่ามีสายเลือดเดียวกันอยู่นะ!  ต่อให้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ก็ไม่ควรกระทำการเช่นนี้  เห็นแล้วข้าทนดูไม่ไหวจริงๆ !” เสียงตวาดของฟูเหริน (สตรีที่แต่งงานแล้ว) นางหนึ่งดังลอดเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนในที่นั้น ทุกคนจึงขวับไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน ที่แท้ก็หนิวซื่อ ภรรยาจางลี่เจิ้งนั่นเอง
            ด้วยเพราะฐานะที่นางเป็นภรรยาของจางลี่เจิ้ง ด้วยสถานะนี้การจะทำอะไร ก็ต้องคิดให้จงหนัก  จึงมักพอใจเป็นฝ่ายยืนดูเหตุการณ์วุ่นวายอย่างครึกครื้นเสมอ  น้อยครั้งมากที่จะแสดงตัวออกหน้ามาช่วยพูดอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้  ยามนี้นางจงใจกล่าวถ้อยคำเหล่านี้  ย่อมหมายถึงนางกำลังพูดแทนจางลี่เจิ้ง
            เพราะเหตุดังนี้  เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านจึงยิ่งดังอื้ออึงขึ้นเรื่อยๆ
            ใบหน้าเฉียวซื่อพลันประเดี๋ยวขึ้นสีแดง ประเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว นางกล้าตีฝีปากกับป้าจาง ทว่ากลับไม่กล้าตีฝีปากกับหนิวซื่อ ลำพังที่นางต่อว่าป้าจาง ภายใต้สายตาชาวบ้านที่จับจ้องมานี้ ก็หาได้เป็นผลดีกับนางเลยแม้แต่น้อย
            “เรื่องนี้พวกเราทำไม่ถูกเอง ทว่าเรื่องนี้มันก็มีเหตุผลของมันอยู่นะ!”  เหลียนลี่พรูลมหายใจพลางเอ่ยขึ้น “อาซ้อหนิวพูดถูกต้อง  ทั้งหมดล้วนเป็นสายเลือดเดียวกัน  หากไม่ตีสั่งสอนบ้างพวกเราจะเป็นญาติผู้ใหญ่ได้อย่างไร ? เด็กสองคนนี้ยังไม่รู้จักคิดจริงๆนะ.....”
            เฉียวซื่อเป็นคนใจร้อน ส่วนเหลียนลี่ ด้านหนึ่งเขาสามารถอดทนพูดอธิบายได้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้นยังไม่ลืมความเคียดแค้นชิงชังที่แสดงผ่านสีหน้า นางไม่ชอบเลยที่เขามักทำอะไรชักช้าอืดอาด  ดังนั้นด้วยความปากไว จึงรีบชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน “ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กน้อยสองคนนี้มาด่าว่าพวกเรา! พวกเราจึงอบรมสั่งสอนเด็กรุ่นหลานในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่ มีอันใดไม่ดีหรือไร!”
            ป้าจางสุดแสนจะชิงชังเฉียวซี่ที่รีบพูดแก้ตัวขึ้นก่อน  เดิมทีนางเป็นเพียงคนนอก แม้นอยากจะเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ ก็ค่อนข้างกังวลใจ ทว่ายามนี้ไม่จำเป็นต้องมานั่งกังวลอันใดอีกแล้ว  ป้าจางจึงแค่นเสียงออกมาเดี๋ยวนั้น “น้องๆฟางโจวล้วนเป็นเด็กมีเหตุผลมีความประพฤติดี  แม้ฉิงเอ๋อร์กับเช่อเอ๋อร์อายุยังน้อย ก็ไม่เคยเห็นพวกเขาเหลวไหลดื้อรั้นสักหน  พวกเขาเป็นเด็กดีออกอย่างนี้ ไฉนจะมาด่าว่าพวกท่านได้เล่า?  หากท่านต้องการให้ข้าเชื่อ !  พวกท่านเลิกพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวได้แล้ว!”
            “นั่นสิ!  จะพูดจาอะไรมันก็ต้องสามารถหาเหตุผลมารองรับได้ทุกคำพูดนะ!”  หนิวซื่อเอ่ยเสียงดังผสมโรงไปด้วย
            ชาวบ้านทุกคนต่างครุ่นคิด เหลียนฟางโจวผู้พี่และน้องๆรวมสี่คน ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลยสักนิดเดียว แม้เหลียนฟางโจวจะมีเรื่องมีราวหลายต่อหลายครั้ง นั่นก็ด้วยมีบางคนมากลั่นแกล้งนางถึงหน้าประตูบ้าน นางจึงต่อต้านไม่ยอมรับความอยุติธรรม!  และแล้วพวกชาวบ้านทุกคนจึงพากันวิเคราะห์ถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
            เหลียนเช่อและเหลียนฟางฉิงลุกขึ้นจากพื้นยืนขึ้น  ทั้งสองเช็ดน้ำตาจนเหือดแห้ง พลางจัดผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่
            ทว่าเสื้อผ้าก็ยังยับย่น ผมเผ้ายังยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบอยู่ดี  ยิ่งเหลียนเช่อด้วยแล้ว รอยฝ่ามือบนแก้มข้างซ้ายของเด็กชายกำลังบวมเป่งแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ประจานสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก่อนได้เป็นอย่างดี
            เหลียนเช่อสูดน้ำมูกดังฟืดขึ้นทันใด แล้วเอ่ยขึ้น “เมื่อคืนวาน ลุงใหญ่กับป้าใหญ่มาบ้านพวกเรา มาบอกว่านับจากนี้ไปจะรวมครอบครัวบ้านใหญ่กับบ้านรองเหลือเพียงครอบครัวเดียว และจะดูแลพวกเราพี่น้อง มาบอกว่าวันนี้เช้าตรู่จะพาพี่ใหญ่และพี่รองข้าไปบ้านท่านลุงลี่เจิ้ง เพื่อให้ท่านลุงลี่เจิ้งเป็นพยาน! ทว่า ให้ลุงใหญ่ ป้าใหญ่มาดูแล พวกเราเกรงว่าจริงๆแล้วจะโดน.... อีกทั้งพี่ใหญ่ยังไม่กล้าพูดอันใด กลัวว่าคนนอกจะหาว่านางไม่เคารพญาติผู้ใหญ่ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี  นางจึงกลัดกลุ้มใจ จนค่ำมืดก็ไม่ยอมหลับยอมนอน วันนี้ก็ออกไปกับพี่รองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพราะอยากปลีกตัวไปนั่งคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน พอลุงใหญ่กับป้าใหญ่มาถึงไม่เห็นพวกเขาก็โมโห ด่าพี่ใหญ่กับพี่รองเป็นชุด พรั่งพรูคำด่ามากมายจนพวกเราจาระไนแทบไม่ไหว พอป้าใหญ่โมโหเข้า ก็เลยเงื้อมมือขึ้น....”
            นี่คือสิ่งที่เฉียวซื่อได้กระทำจริงๆ!
            ซ้ำยังมีบางคนพยักหน้ารับรู้เอ่ยขึ้น “มิสงสัยแล้วว่าทำไมแต่ก่อนสองสามีภรรยาแห่งสกุลเหลียนบ้านใหญ่ ถึงได้คอยตบประตูอยู่ด้านนอกเป็นครึ่งค่อนวัน ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
            “พอเห็นคนบ้านรองเขาได้ดิบได้ดี ก็คิดอยากกลับมารวมป็นครอบครัวเดียวกัน จะได้ยึดตำแหน่งประมุขตระกูล แหม ช่างคิดได้แยบยลดีแท้!”
            “ไม่แปลกใจเลย ที่คนบ้านนี้เขาเลยอกสั่นขวัญแขวน รีบออกจากบ้านไปตั้งแต่รุ่งสาง ใครจะกล้าอยากได้ญาติผู้ใหญ่ประเภทนี้มาดูแลกันเล่า!”
            “จริงด้วย  ไยไม่มาพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนนะ!”
            “ใช่ด้วย  แถมยังไม่เคยมาเหลือบแล ตอนที่พวกพี่น้องที่กำพร้าบิดามารดาถูกรังแกเลย”
            “อย่างว่าแหละ..สกุลเหลียนบ้านรองช่างน่าเวทนานัก!”
            “ไม่จริงนะ! ไม่จริงสักนิด!” เฉียวซื่อแว๊ดออกมาอย่างมีโทสะ
            “หากไม่จริง  แล้วลุงใหญ่ กับป้าใหญ่มาทำอันใดที่บ้านพวกเรากันเล่า?” เหลียนเช่อถามขึ้นทันควัน
            เฉียวซื่ออึ้งงันพูดไม่ออกไปในบัดดล
            ทุกคนพอเห็นสีหน้าเฉียวซื่อ จึงทึกทักตามที่เข้าใจไปแล้ว
            เหลียนฟางฉิงจึงเอ่ยเสริม  “ป้าใหญ่น่ะ พอเห็นพี่ใหญ่กับพี่รองไม่อยู่บ้าน ยังคิดจะมาค้นหาตั๋วเงินตำลึงกับโฉนดที่ดินด้วยล่ะ! ทว่าเป็นเพราะเกิดเรื่องเมื่อคราวก่อน พี่ใหญ่เลยเก็บไว้ในตู้ใบใหญ่แล้วลั่นดานไว้อย่างดี  ส่วนเศษเหรียญพี่ใหญ่ใส่ไว้ในถุงปักลายวางไว้ใต้หมอน ได้โดนฉกเอาไปแล้ว!”
            “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! นังเด็กตัวจ้อย เจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีข้านะ !” เฉียวซื่อตวาดแว๊ด
            “ข้าพูดเหลวไหลที่ไหน ถุงผ้าปักลายก็ยังอยู่ที่ตัวท่านไง ท่านกล้าให้คนค้นตัวไหมเล่า!” เหลียนฟางฉิงสูดจมูก พลางเอ่ยขึ้นอย่างคับแค้นใจ
----------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ และการติดตามค่ะ ^_^
  
  



13 ความคิดเห็น:

  1. เด็กๆรู้จักเอาตัวรอดแล้วเก่งมาก//ขอบคุณไรท์ค่ะแปลดีขึ้นเรื่อยๆค่ะทำให้แต่ละตอนสนุกมากขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  2. น้องเล็กบ้านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆอยากเห็นตอนโตจัง

    ตอบลบ
  3. น้องเล็กมีหนามรอบตัวเหมาะสมแล้วที่จะได้เป็นฮองเฮาไปต่อสู้ในวังหลัง

    ตอบลบ
  4. สนุกมากเลยค่ะ เด็กๆเก่งมากเลย
    ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  5. เด็กๆฉลาดจริงๆรู้จักสร้างโอกาสและพลิกสถานการณ์ได้ดี รอตอนต่อนะค่ะสนุกขึ้นเรื่อยๆลุงใหญ่กับป้าใหญ่จะแก้สถานการณ์อย่างไร ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  6. เด็กๆเก่งมากเลยลุ้นตอนหน้าลุงป้ามหาภัยจะโดนอะไรอีก

    ตอบลบ
  7. ดีมากค่ะลูกกกก จัดการหนักๆเลย

    ตอบลบ
  8. จัดการให้หนักอย่าให้รอด มาหาเรื่องกันอีกนะ

    ตอบลบ
  9. ตบมือ+ออสการ์ให้เด็ก ๆ

    ตอบลบ
  10. เด็กบ้านนี้ฉลาดริงๆ

    ตอบลบ
  11. เด็กๆฉลาดขึ้นแล้ว ดีดีดี

    ตอบลบ