แม้เหลียนเซ่อยังไม่สูงเท่าเฉียวซื่อ ทว่าเขาก็สูงกว่าบรรดาเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน สองเดือนที่ผ่านมานี้เขามีแต่ความผาสุก ครอบครัวกินดีอยู่ดี
ตัวเขามีเวลาฝึกฝนวิทยายุทธอย่างหนักหน่วงทั้งกลางวันและกลางคืน ร่างกายนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนแต่ก่อน
จึงสามารถจัดการเฉียวซื่อโดยไม่คณามือ
ทุกคนที่ได้เห็น แอบนึกหวาดๆในใจ เพราะไม่ว่าเฉียวซื่อจะออกแรงดิ้นรนสุดชีวิตเพียงใด
ก็ไม่อาจหลุดพ้นพันธนาการของเหลียนเซ่อได้เลย ในขณะที่เหลียนเซ่อเองยังดูนิ่งสงบไม่วอกแวก
แต่ละคนในที่นั้นอดกังขาไม่ได้ ในใจยิ่งทวีความยำเกรงคนสกุลเหลียนบ้านรอง
“ปล่อยข้า! เจ้ามันเด็กไม่เคารพผู้ใหญ่
ปล่อยข้านะ!” เฉียวซื่อจ้องเหลียนเซ่อตาเขียวปั๊ด พลางหายใจหอบ
ใบหน้าแดงก่ำ ดูท่านางคงหมายงัดหลักศีลธรรมจรรยาอันสูงส่งขึ้นมาสู้ จึงตวาดเสียงกร้าวออกไป “พวกท่านดูสิ
ดูเสียให้เต็มตา! ดูพวกหลานๆมันกล้าหยาบคายกับป้าใหญ่ของพวกมันถึงเพียงนี้!
แข็งข้อ ไม่เชื่อฟังผู้มีพระคุณ!”
“หุบปาก! “ เหลียนเซ่อแค่นเสียง “หากข้าปล่อยให้ท่านทำร้ายพี่สาวต่อหน้าต่อตาข้า นั่นแหละถึงจะเรียกว่าไม่เชื่อฟังผู้มีพระคุณ!
ข้าไม่เคยพบไม่เห็น ป้าที่ใจดำอำมหิตต่อหลานๆถึงเพียงนี้
ป้าใหญ่อยากให้พวกเราแฉเรื่องของท่านต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้าน ให้พวกเขาตัดสินไหมเล่า!”
เฉียวซื่อหวาดหวั่นขึ้นมาทันใด เหลียนเซ่อยิ้มเย็น ครั้นแล้วจึงปล่อยป้าตนเองเป็นอิสระ แต่ก็ยังยืนขวางอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าขึงขัง
เฉียวซื่ออ้าปากอยากจะด่าให้หายแค้น ทว่ากลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ
พอนางตระหนักถึงเรื่องนี้ ก็ให้รู้สึกหงุดหงิดใจนัก
ยิ่งเห็นใบหน้าเหลียนเซ่อยามนี้ จู่ๆนางก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
“เจ้า..ยายแก่นี่ ยังจะก่อเรื่องก่อราวไปถึงไหน! อายุปูนนี้แล้ว
ยังเจ้าอารมณ์ไม่เลิก! มาอยู่ข้างๆข้านี่!” ว่าแล้วเหลียนลี่ก็รีบสาวเท้าเข้ามากระชากตัวเฉียวซื่อ
พร้อมกับสาดสายตากราดเกรี้ยวใส่
เหลียนฟางโจวสาวเท้าเข้าไปถึงตัวเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อแล้ว
พอเห็นสภาพสะบักสะบอมของน้องน้อยทั้งสอง ก็อดทอดถอนใจมิได้ หญิงสาวดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามาสวมกอด พลางปลุกปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“หมดเคราะห์หมดโศกนะ ไม่ต้องกลัวแล้ว”
โดยเฉพาะเหลียนเช่อที่บนแก้มมีรอยฝ่ามือสีแดงเด่นชัด
ทำให้เหลียนฟางโจวรู้สึกเศร้าใจเป็นพิเศษ
ทว่าเธอรู้ดียิ่งกว่านั้น หากน้องเล็กทั้งสองของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บให้ผู้คนเห็นกันจะๆ
เชื่อแน่ว่าลุงใหญ่ก็คงหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย ปัญหาที่คาราคาซังอยู่คงมิได้รับการสะสางเสียที
และพวกน้องๆก็จะถูกป้ายความผิดในที่สุด
“พี่ใหญ่ ข้า...” เหลียนเช่อสบเข้ากับสายตาอันเปี่ยมด้วยความเจ็บปวดและห่วงใยอย่างสุดซึ้งของเหลียนฟางโจว
พลันบังเกิดความอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก เด็กชายสั่นศีรษะเบาๆ อยากจะบอกว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่เจ็บสักนิด!” แต่พอนึกถึงสถานการณ์ยามนี้ขึ้นมา
จึงกลืนถ้อยคำทั้งมวลลงไป ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้พี่สาว
เหลียนฟางโจวค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เธอจึงคลี่ยิ้มละไม และกระซิบคำปลอบโยนน้องน้อยทั้งสอง
“ฟางโจวเอ้ย ป้าใหญ่เจ้าคนนี้ แค่ขี้โมโหไปหน่อย พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นเด็กดี เอ่อ...อย่าได้ถือสานางเลยนะ
!” เหลียนลี่ตำหนิเฉียวซื่อพอหอมปากหอมคอ
แล้วหันไปเอ่ยกับเหลียนฟางโจวด้วยความเห็นใจและรู้สึกผิด
ต่อให้นั่งฟังหรือนอนฟัง ก็ย่อมจับความเสแสร้งในถ้อยคำนั้นได้ เหลียนฟางโจวรู้สึกสะอิดสะเอียน จนคร้านจะใส่ใจ
เทียบกับเฉียวซื่อแล้ว เหลียนฟางโจวชิงชังลุงใหญ่ผู้นี้ยิ่งกว่า
เฉียวซื่อแม้ก้าวร้าว ชอบกดขี่ข่มเหง
เจ้าโทสะ พูดไปตามที่คิด เกลียดพวกเขาพี่น้องอย่างไร ก็ไม่เคยเก็บงำ ไม่ว่าคิดอยากจะทำอะไรก็แสดงออกมาโต้งๆ
ต่างกับเหลียนลี่ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกลียดพวกเธอพี่น้องเข้าไส้
อยากได้สมบัติของพวกเธอจนตัวสั่น ทุกวันนี้ เขาคอยจ้องวางแผนฮุบเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตน
ต่อหน้าพูดแต่คำสวยหรู เปี่ยมด้วยเมตตา ทั้งเจ็บปวดไปกับหลานๆ วางตัวเป็นคนกลางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“ลุงใหญ่กล่าวหนักไปแล้ว”
เหลียนฟางโจวหลุบขนตาลง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านกล่าวถูกแล้ว ป้าใหญ่ร้ายแต่ปาก
นางทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ หมั่นคอยสั่งสอนลูกหลานให้ธำรงหลักฟ้าดิน”
ทุกอย่างที่เฉียวซื่อกระทำ จะร้ายแต่ปากอย่างเดียวหรือไม่ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนเห็นแจ้งเต็มสองตา ญาติผู้ใหญ่ที่มุ่งหมายสั่งสอนลูกหลานเพียงเท่านั้น
นั่นคือการธำรงหลักฟ้าดิน แต่ญาติผู้ใหญ่ที่ดีแต่จ้องหาเรื่องดุด่าลูกหลานไม่หยุดหย่อนเช่นนี้
นี่มันคืออะไร
นี่ขนาดต่อหน้าผู้คนยังร้ายขนาดนี้! ถ้าลับหลังจะเหี้ยมขนาดไหน แค่นึกก็สยองแล้ว
เหลียนลี่พอได้ยินถ้อยความของเหลียนฟางโจวแล้ว ให้ระคายหูนัก ชัดเจนว่าหญิงสาวต้องการว่าแดกตน เขาอดฉุนในใจมิได้ ทว่าเขาทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าโดนหลานสาวว่าประชดเข้าให้ ครั้นแล้วจึงระบายยิ้ม พลางพยักหน้าเอ่ยชื่นชม
เจือความละอายเล็กน้อยพอเป็นพิธี “เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าก็เบาใจแล้ว!”
“ฟางโจวเอ้ย “ เหลียนลี่ถอนใจดังเฮือก
จ้องหน้าหลานสาว แล้วเอ่ยขึ้น “พูดก็พูดเถอะนะ ที่จริงแล้ว
ลุงใหญ่ยังอยากทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ที่ดีอยู่
จึงอยากมาคุยตกลงดีๆกับเจ้า! ลุงใหญ่คิดอยากดูแลพวกเจ้าด้วยใจจริงนะ
หากพวกเจ้าไม่เต็มใจ ก็บอกมาตรงๆสิ เหตุใดเจ้าถึงหลบลี้หนีหน้าเล่า? หากเจ้าไม่หลบหน้า ยามนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! เจ้านะเจ้า สุดท้ายก็เป็นสตรีในห้องหออยู่ดี
มาลงมือจัดการงานตามอำเภอใจ มันผิดแผกชาวบ้านเขา
ช่างไม่ยึดถือธรรมเนียมเอาเสียเลย “
เหลียนลี่ถือโอกาสโจมตีฝ่ายตรงข้าม!
ไม่เพียงเหลียนฟางโจวเท่านั้นที่หน้าตึง
เหลียนเซ่อก็หน้าบึ้งขึ้นมาด้วย
คิดหรือว่าพูดแค่นี้ก็สามารถเล่นงานฉันอยู่หมัดแล้ว? ได้! ไม่กลัวหน้าแตกใช่ไหม มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังจ้องหาโอกาสฮุบสมบัติชาวบ้านไม่เลิก!
“ลุงใหญ่ “
เหลียนฟางโจวตีหน้าขรึม
จ้องหน้าเหลียนลี่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมใส่คำสารภาพไปด้วย
“ท่านพูดถูกแล้ว ข้าจงใจหลบหน้าท่านจริงๆ!”
“นังเด็กเหลือขอ เจ้ามีเจตนาร้ายจริงๆ! เจ้าวางแผนเล่นงานพวกเรา!”
เฉียวซื่อจับคำพูดเหลียนฟางโจวได้
ก็พลันร้องตวาดออกมา
“เจ้าหุบปากเสีย! “
เหลียนลี่หันไปขึงตาใส่ภรรยาด้วยความรังเกียจ นังแก่สิ้นคิดนี่ แก่หงำเหงือกแถมยังน่าชังนัก ไม่ว่าตัวเขาจะพูดอะไรออกมา นางก็ไม่เคยใส่ใจฟังเลย
ทว่า ไอ้เรื่องการรับอุปการะหลานชายหลานสาวนี่ คงทำร่วมกับนางไม่ได้ นางแสดงความในใจออกมาเสียโจ่งแจ้งขนาดนี้ รู้งี้เขาไม่น่าพานางออกมาด้วยเลย
สีหน้าเหลียนฟางโจวแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดใจ พยามยามฝืนยิ้มแล้วเอื้อนเอ่ย
“ลุงใหญ่...ท่านก็เห็นแล้ว ข้ามิได้คิดไปเอง ป้าใหญ่คือสาเหตุให้ข้าวางแผนการ
ไฉนพวกเราพี่น้องจะกล้าใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงื้อมมือนางได้เล่า? ลุงใหญ่ พวกเรากลัวนางจริงๆนะ!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงร้อนรน
เหลียนฟางฉิง รวมทั้งเหลียนเช่อต่างผสานกำลังร้องครางสะอึกสะอื้นขึ้นมา
ผู้คนเห็นแล้วอดสังเวชใจมิได้
เป็นเรื่องจริง ความชิงชังรังเกียจ ไม่ชอบพวกนางพี่น้อง เฉียวซื่อแสดงออกโจ่งแจ้งต่อหน้าชาวบ้าน
มิคิดเก็บงำสักนิด หากให้นางเป็นผู้จัดหาอาหารเสื้อผ้าให้ คงจะ.....
“ดังนั้นข้อเสนอของท่าน
พวกเราคงไม่กล้ารับปาก! ต่อให้ท่านหวังดีแค่ไหน
พวกเราคงต้องขอปฏิเสธ! พวกเราคิดตรึกตรองดีแล้ว เรื่องนี้ลำบากใจจริงๆ!”
เหลียนฟางโจวพรูลมหายใจ พลางเอ่ยขึ้น “ใจข้านั้นกระสับกระส่าย กลางคืนก็นอนไม่หลับ ดังนั้น พอถึงรุ่งสางจึงได้ออกนอกบ้านไป ประการแรกคิดจะขอหลบหน้าก่อน ประการที่สองคิดใคร่ครวญดูว่าจะปฏิเสธความหวังดีชองท่านอย่างไรดี
ไม่ให้คนเอาไปพูดว่า พวกเราไม่เห็นญาติผู้ใหญ่อยู่ในสายตา สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น!
หากข้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
คงไม่ทิ้งบ้านไปเป็นแน่!”
หนิวซื่อทอดถอนใจ พลางเอ่ยว่า “เอาล่ะๆ ฟางโจวเอ้ย
วันนี้เรื่องราวต่างๆก็พูดคุยจนกระจ่างกันดีแล้ว! นับจากนี้ไป ลุงใหญ่กับป้าใหญ่เจ้า พวกเขาจะไม่คิดรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ก่อนพวกเจ้าอยู่อย่างไร ยามนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม! เฮ้อ
ป้าใหญ่เจ้านี่ก็อีกคน อารมณ์ร้อนไม่เลิก! เป็นผู้ใหญ่สูงวัยเสียเปล่า พวกเจ้าก็เลิกวิตกกังวลนางได้แล้ว!
ถือซะว่าทำเพื่อผู้อาวุโสแล้วกันนะ!”
-----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบใจจ้า อยากให้อัดลุงใหญ่จริงๆให้ตายสิ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบฉิ้วๆไปๆซะที คนเค้าจะทำมาหากิน
ตอบลบอยากจะจับตบๆๆๆๆ จริงอีลุงป้ามหาภัย อยากจะเอาแต่ของคนอื่น
ตอบลบลุงกับป้านี่เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวทุเรศแบบนี้ซักที
ตอบลบโอ๊ย… อ่านแล้วเพลีย
ตอบลบขอบคุณค่า
ตอบลบหืย...ตาแก่งูพิษ
ตอบลบให้หา โจร มา ปล้น บ้านลุง สักหน่อยสิ ซ้อมหนักๆพิการเล็กๆก็ยังดี อย่าหนักมากเดี๋ยวต้องไปดูแล จะลำบาก
ตอบลบ