วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา -บทที่ 187 ชื่อเสียงป่นปี้ 3 (จบ)


แม้เหลียนเซ่อยังไม่สูงเท่าเฉียวซื่อ ทว่าเขาก็สูงกว่าบรรดาเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน  สองเดือนที่ผ่านมานี้เขามีแต่ความผาสุก ครอบครัวกินดีอยู่ดี ตัวเขามีเวลาฝึกฝนวิทยายุทธอย่างหนักหน่วงทั้งกลางวันและกลางคืน ร่างกายนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนแต่ก่อน จึงสามารถจัดการเฉียวซื่อโดยไม่คณามือ
ทุกคนที่ได้เห็น แอบนึกหวาดๆในใจ  เพราะไม่ว่าเฉียวซื่อจะออกแรงดิ้นรนสุดชีวิตเพียงใด ก็ไม่อาจหลุดพ้นพันธนาการของเหลียนเซ่อได้เลย ในขณะที่เหลียนเซ่อเองยังดูนิ่งสงบไม่วอกแวก  แต่ละคนในที่นั้นอดกังขาไม่ได้  ในใจยิ่งทวีความยำเกรงคนสกุลเหลียนบ้านรอง

“ปล่อยข้า! เจ้ามันเด็กไม่เคารพผู้ใหญ่ ปล่อยข้านะ!” เฉียวซื่อจ้องเหลียนเซ่อตาเขียวปั๊ด พลางหายใจหอบ ใบหน้าแดงก่ำ ดูท่านางคงหมายงัดหลักศีลธรรมจรรยาอันสูงส่งขึ้นมาสู้  จึงตวาดเสียงกร้าวออกไป “พวกท่านดูสิ ดูเสียให้เต็มตา! ดูพวกหลานๆมันกล้าหยาบคายกับป้าใหญ่ของพวกมันถึงเพียงนี้! แข็งข้อ ไม่เชื่อฟังผู้มีพระคุณ!”
“หุบปาก! “ เหลียนเซ่อแค่นเสียง “หากข้าปล่อยให้ท่านทำร้ายพี่สาวต่อหน้าต่อตาข้า  นั่นแหละถึงจะเรียกว่าไม่เชื่อฟังผู้มีพระคุณ! ข้าไม่เคยพบไม่เห็น ป้าที่ใจดำอำมหิตต่อหลานๆถึงเพียงนี้ ป้าใหญ่อยากให้พวกเราแฉเรื่องของท่านต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้าน ให้พวกเขาตัดสินไหมเล่า!”
เฉียวซื่อหวาดหวั่นขึ้นมาทันใด เหลียนเซ่อยิ้มเย็น ครั้นแล้วจึงปล่อยป้าตนเองเป็นอิสระ  แต่ก็ยังยืนขวางอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าขึงขัง
เฉียวซื่ออ้าปากอยากจะด่าให้หายแค้น ทว่ากลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ
พอนางตระหนักถึงเรื่องนี้ ก็ให้รู้สึกหงุดหงิดใจนัก ยิ่งเห็นใบหน้าเหลียนเซ่อยามนี้ จู่ๆนางก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
“เจ้า..ยายแก่นี่ ยังจะก่อเรื่องก่อราวไปถึงไหน!  อายุปูนนี้แล้ว ยังเจ้าอารมณ์ไม่เลิก! มาอยู่ข้างๆข้านี่!”  ว่าแล้วเหลียนลี่ก็รีบสาวเท้าเข้ามากระชากตัวเฉียวซื่อ พร้อมกับสาดสายตากราดเกรี้ยวใส่
เหลียนฟางโจวสาวเท้าเข้าไปถึงตัวเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อแล้ว พอเห็นสภาพสะบักสะบอมของน้องน้อยทั้งสอง ก็อดทอดถอนใจมิได้  หญิงสาวดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามาสวมกอด พลางปลุกปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หมดเคราะห์หมดโศกนะ  ไม่ต้องกลัวแล้ว”
โดยเฉพาะเหลียนเช่อที่บนแก้มมีรอยฝ่ามือสีแดงเด่นชัด ทำให้เหลียนฟางโจวรู้สึกเศร้าใจเป็นพิเศษ
ทว่าเธอรู้ดียิ่งกว่านั้น  หากน้องเล็กทั้งสองของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บให้ผู้คนเห็นกันจะๆ  เชื่อแน่ว่าลุงใหญ่ก็คงหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย  ปัญหาที่คาราคาซังอยู่คงมิได้รับการสะสางเสียที
และพวกน้องๆก็จะถูกป้ายความผิดในที่สุด
“พี่ใหญ่ ข้า...”  เหลียนเช่อสบเข้ากับสายตาอันเปี่ยมด้วยความเจ็บปวดและห่วงใยอย่างสุดซึ้งของเหลียนฟางโจว  พลันบังเกิดความอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก  เด็กชายสั่นศีรษะเบาๆ  อยากจะบอกว่า “ข้าไม่เป็นไร ไม่เจ็บสักนิด!”  แต่พอนึกถึงสถานการณ์ยามนี้ขึ้นมา จึงกลืนถ้อยคำทั้งมวลลงไป ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้พี่สาว
เหลียนฟางโจวค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เธอจึงคลี่ยิ้มละไม  และกระซิบคำปลอบโยนน้องน้อยทั้งสอง
“ฟางโจวเอ้ย ป้าใหญ่เจ้าคนนี้ แค่ขี้โมโหไปหน่อย  พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นเด็กดี เอ่อ...อย่าได้ถือสานางเลยนะ !” เหลียนลี่ตำหนิเฉียวซื่อพอหอมปากหอมคอ แล้วหันไปเอ่ยกับเหลียนฟางโจวด้วยความเห็นใจและรู้สึกผิด
ต่อให้นั่งฟังหรือนอนฟัง ก็ย่อมจับความเสแสร้งในถ้อยคำนั้นได้  เหลียนฟางโจวรู้สึกสะอิดสะเอียน จนคร้านจะใส่ใจ
เทียบกับเฉียวซื่อแล้ว เหลียนฟางโจวชิงชังลุงใหญ่ผู้นี้ยิ่งกว่า
เฉียวซื่อแม้ก้าวร้าว  ชอบกดขี่ข่มเหง เจ้าโทสะ พูดไปตามที่คิด เกลียดพวกเขาพี่น้องอย่างไร ก็ไม่เคยเก็บงำ  ไม่ว่าคิดอยากจะทำอะไรก็แสดงออกมาโต้งๆ
  
ต่างกับเหลียนลี่  ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกลียดพวกเธอพี่น้องเข้าไส้ อยากได้สมบัติของพวกเธอจนตัวสั่น   ทุกวันนี้ เขาคอยจ้องวางแผนฮุบเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตน ต่อหน้าพูดแต่คำสวยหรู  เปี่ยมด้วยเมตตา  ทั้งเจ็บปวดไปกับหลานๆ  วางตัวเป็นคนกลางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“ลุงใหญ่กล่าวหนักไปแล้ว”  เหลียนฟางโจวหลุบขนตาลง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านกล่าวถูกแล้ว ป้าใหญ่ร้ายแต่ปาก  นางทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ หมั่นคอยสั่งสอนลูกหลานให้ธำรงหลักฟ้าดิน
ทุกอย่างที่เฉียวซื่อกระทำ จะร้ายแต่ปากอย่างเดียวหรือไม่  ทุกคนในหมู่บ้านล้วนเห็นแจ้งเต็มสองตา  ญาติผู้ใหญ่ที่มุ่งหมายสั่งสอนลูกหลานเพียงเท่านั้น นั่นคือการธำรงหลักฟ้าดิน  แต่ญาติผู้ใหญ่ที่ดีแต่จ้องหาเรื่องดุด่าลูกหลานไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ นี่มันคืออะไร
นี่ขนาดต่อหน้าผู้คนยังร้ายขนาดนี้!  ถ้าลับหลังจะเหี้ยมขนาดไหน  แค่นึกก็สยองแล้ว
เหลียนลี่พอได้ยินถ้อยความของเหลียนฟางโจวแล้ว ให้ระคายหูนัก ชัดเจนว่าหญิงสาวต้องการว่าแดกตน  เขาอดฉุนในใจมิได้  ทว่าเขาทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าโดนหลานสาวว่าประชดเข้าให้  ครั้นแล้วจึงระบายยิ้ม พลางพยักหน้าเอ่ยชื่นชม เจือความละอายเล็กน้อยพอเป็นพิธี “เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าก็เบาใจแล้ว!”
“ฟางโจวเอ้ย “ เหลียนลี่ถอนใจดังเฮือก  จ้องหน้าหลานสาว แล้วเอ่ยขึ้น “พูดก็พูดเถอะนะ  ที่จริงแล้ว ลุงใหญ่ยังอยากทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่ที่ดีอยู่  จึงอยากมาคุยตกลงดีๆกับเจ้า!  ลุงใหญ่คิดอยากดูแลพวกเจ้าด้วยใจจริงนะ หากพวกเจ้าไม่เต็มใจ ก็บอกมาตรงๆสิ เหตุใดเจ้าถึงหลบลี้หนีหน้าเล่า?  หากเจ้าไม่หลบหน้า  ยามนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! เจ้านะเจ้า  สุดท้ายก็เป็นสตรีในห้องหออยู่ดี  มาลงมือจัดการงานตามอำเภอใจ มันผิดแผกชาวบ้านเขา ช่างไม่ยึดถือธรรมเนียมเอาเสียเลย “
เหลียนลี่ถือโอกาสโจมตีฝ่ายตรงข้าม!
ไม่เพียงเหลียนฟางโจวเท่านั้นที่หน้าตึง  เหลียนเซ่อก็หน้าบึ้งขึ้นมาด้วย
คิดหรือว่าพูดแค่นี้ก็สามารถเล่นงานฉันอยู่หมัดแล้ว? ได้!  ไม่กลัวหน้าแตกใช่ไหม มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังจ้องหาโอกาสฮุบสมบัติชาวบ้านไม่เลิก!
ลุงใหญ่ “  เหลียนฟางโจวตีหน้าขรึม  จ้องหน้าเหลียนลี่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมใส่คำสารภาพไปด้วย “ท่านพูดถูกแล้ว  ข้าจงใจหลบหน้าท่านจริงๆ!”
 “นังเด็กเหลือขอ เจ้ามีเจตนาร้ายจริงๆ!  เจ้าวางแผนเล่นงานพวกเรา!”  เฉียวซื่อจับคำพูดเหลียนฟางโจวได้ ก็พลันร้องตวาดออกมา
“เจ้าหุบปากเสีย! “ เหลียนลี่หันไปขึงตาใส่ภรรยาด้วยความรังเกียจ นังแก่สิ้นคิดนี่   แก่หงำเหงือกแถมยังน่าชังนัก  ไม่ว่าตัวเขาจะพูดอะไรออกมา  นางก็ไม่เคยใส่ใจฟังเลย
ทว่า ไอ้เรื่องการรับอุปการะหลานชายหลานสาวนี่  คงทำร่วมกับนางไม่ได้  นางแสดงความในใจออกมาเสียโจ่งแจ้งขนาดนี้   รู้งี้เขาไม่น่าพานางออกมาด้วยเลย
สีหน้าเหลียนฟางโจวแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดใจ พยามยามฝืนยิ้มแล้วเอื้อนเอ่ย “ลุงใหญ่...ท่านก็เห็นแล้ว ข้ามิได้คิดไปเอง ป้าใหญ่คือสาเหตุให้ข้าวางแผนการ  ไฉนพวกเราพี่น้องจะกล้าใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงื้อมมือนางได้เล่า?  ลุงใหญ่  พวกเรากลัวนางจริงๆนะ!”
เหลียนฟางโจวเอ่ยเสียงร้อนรน  เหลียนฟางฉิง รวมทั้งเหลียนเช่อต่างผสานกำลังร้องครางสะอึกสะอื้นขึ้นมา ผู้คนเห็นแล้วอดสังเวชใจมิได้
เป็นเรื่องจริง ความชิงชังรังเกียจ ไม่ชอบพวกนางพี่น้อง เฉียวซื่อแสดงออกโจ่งแจ้งต่อหน้าชาวบ้าน มิคิดเก็บงำสักนิด หากให้นางเป็นผู้จัดหาอาหารเสื้อผ้าให้  คงจะ.....
 “ดังนั้นข้อเสนอของท่าน พวกเราคงไม่กล้ารับปาก!  ต่อให้ท่านหวังดีแค่ไหน  พวกเราคงต้องขอปฏิเสธ!  พวกเราคิดตรึกตรองดีแล้ว เรื่องนี้ลำบากใจจริงๆ!” เหลียนฟางโจวพรูลมหายใจ พลางเอ่ยขึ้น “ใจข้านั้นกระสับกระส่าย กลางคืนก็นอนไม่หลับ  ดังนั้น พอถึงรุ่งสางจึงได้ออกนอกบ้านไป  ประการแรกคิดจะขอหลบหน้าก่อน  ประการที่สองคิดใคร่ครวญดูว่าจะปฏิเสธความหวังดีชองท่านอย่างไรดี ไม่ให้คนเอาไปพูดว่า พวกเราไม่เห็นญาติผู้ใหญ่อยู่ในสายตา  สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น!  หากข้ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า  คงไม่ทิ้งบ้านไปเป็นแน่!”
หนิวซื่อทอดถอนใจ พลางเอ่ยว่า “เอาล่ะๆ ฟางโจวเอ้ย  วันนี้เรื่องราวต่างๆก็พูดคุยจนกระจ่างกันดีแล้ว!  นับจากนี้ไป ลุงใหญ่กับป้าใหญ่เจ้า พวกเขาจะไม่คิดรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว แต่ก่อนพวกเจ้าอยู่อย่างไร ยามนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม! เฮ้อ ป้าใหญ่เจ้านี่ก็อีกคน  อารมณ์ร้อนไม่เลิก!  เป็นผู้ใหญ่สูงวัยเสียเปล่า  พวกเจ้าก็เลิกวิตกกังวลนางได้แล้ว!  ถือซะว่าทำเพื่อผู้อาวุโสแล้วกันนะ!”
-----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^




12 ความคิดเห็น:

  1. ใจจ้า อยากให้อัดลุงใหญ่จริงๆให้ตายสิ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ26 สิงหาคม 2561 เวลา 14:35

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  3. ฉิ้วๆไปๆซะที คนเค้าจะทำมาหากิน

    ตอบลบ
  4. อยากจะจับตบๆๆๆๆ จริงอีลุงป้ามหาภัย อยากจะเอาแต่ของคนอื่น

    ตอบลบ
  5. ลุงกับป้านี่เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวทุเรศแบบนี้ซักที

    ตอบลบ
  6. โอ๊ย… อ่านแล้วเพลีย

    ตอบลบ
  7. หืย...ตาแก่งูพิษ

    ตอบลบ
  8. ให้หา โจร มา ปล้น บ้านลุง สักหน่อยสิ ซ้อมหนักๆพิการเล็กๆก็ยังดี อย่าหนักมากเดี๋ยวต้องไปดูแล จะลำบาก

    ตอบลบ