วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 189 จ้าวชื่อบ่นไปเรื่อย


“แค่บาดเจ็บภายนอก  ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงหรอก  ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบสักสองวัน ก็ทุเลาแล้ว” อาเจี่ยนพิจารณาดูรอยฝ่ามือบนแก้มเหลียนเช่อแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับเหลียนฟางโจว
“อื้ม” เหลียนฟางโจวผงกศีรษะน้อยๆ
ถึงอาเจี่ยนไม่พูด เธอเองก็รู้ดี ที่เขาบอกเธอ ก็เพื่อไม่ให้เธอโอ๋พวกเด็กๆมากเกินไป แค่แผลเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด
พอสติคืนกลับมา  เหลียนฟางโจวจึงลอบยิ้มในใจ ที่ตนลืมตัวไป  ใจที่เครียดเขม็งมาตลอดคลายตัวลงไม่น้อย

จริงๆเลย ตนเองมัวแต่เป็นกังวลจนฟุ้งซ่านไปหมด เดิมทีเรื่องนี้ก็หาใช่เรื่องคอขาดบาดตายเสียหน่อย
ภายภาคหน้าพวกเขายังต้องประสบพบเจอเรื่องที่หนักหนากว่านี้อีกมาก เธอมิควรต้องตื่นตระหนกกับแผลระดับผิวๆจนเกินเหตุ
เพียงไม่นานจางยั่นก็เอาขี้ผึ้งแก้ฟกช้ำมาให้ เหลียนฟางโจวระบายยิ้ม ขณะเอ่ยขอบคุณ อาเจี่ยนเห็นขี้ผึ้งนั้น  จึงหยิบมาทาแผลให้เหลียนเช่อ
ทุกคนนั่งพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง เหลียนฟางโจวและป้าสามก็ขอตัวเข้าครัวไปปรุงอาหาร
หลังมื้ออาหาร อาเจี่ยนกับพวกยังต้องไปปลูกต้นชุ่ยปาเจียวต่อ ส่วนหญิงสาวต้องไปสะสางบัญชีค่าก่อสร้างกับกู้สือ 
**
ยามนี้ในหมู่บ้านกำลังโจษขานเรื่องทะเลาะเบาะแว้งของคนสกุลเหลียนกัน จ้าวชื่อผู้ซึ่งเพิ่งกลับมาจากข้างนอก จึงได้ยินข่าวเรื่องนี้เข้า นางจึงอดเอาเรื่องซุบซิบนินทานี้มาถามป้าจาง..แม่สามีตนด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
ป้าจางเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ชอบการซุบซิบนินทา พอได้ยินเข้าคิ้วจึงขมวดขึ้นน้อยๆ
เดิมทีนางไม่คิดจะเล่า  แต่เกรงว่าหากตนไม่เล่า ลูกสะใภ้นางคงได้เที่ยววิ่งแจ้นไปถามเอากับผู้อื่นเป็นแน่  ประเดี๋ยวเรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่ ป้าจางจึงเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้ลูกสะใภ้ฟังอย่างรวบรัด
ป้าจางไม่ชอบซุบซิบนินทา แต่จ้าวชื่อลูกสะใภ้สาวรุ่นโปรดปรานมาก นางฟังเรื่องที่แม่สามีเล่าด้วยความเมามัน  ประเด็นไหนไม่ละเอียด ประเด็นไหนคลุมเครือ  ป้าจางเป็นต้องถูกลูกสะใภ้ซักฟอกจนเปื่อย
จ้าวชื่อถามเอาๆ จนป้าจางต้องตอบอย่างหมดเปลือก นางจึงได้รับทราบเรื่องราวครบถ้วนไม่มีตกหล่น
จ้าวชื่อรับฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้นดวงตาวาววับ  จึงออกปากอุทานด้วยรอยยิ้ม  “น้องๆฟางโจวนี่แน่มาก!  ดีกว่าพวกเด็กๆไม่เอาถ่านเป็นไหนๆ! ฉิงเอ๋อร์ เช่อเอ๋อร์ แม้เป็นเด็กวัยกำลังกินกำลังนอน กระนั้นก็สามารถจัดการลุงใหญ่กับป้าใหญ่ จนหน้าแตกพ่ายแพ้หมดรูป เรียกได้ว่าเป็นฝ่ายกำชัยชนะ! ไอ้หยา เก่งกาจแท้! ยอดเยี่ยมจริงๆ! หากจะตำหนิ ก็ต้องตำหนิสองสามีภรรยาคู่นั้น พวกเขามีตาหามีแววไม่ คนที่สันดานชอบดูถูกผู้อื่นน่ะ! พอเห็นผู้อื่นเขาได้ดิบได้ดี ก็มาพะเน้าพะนอขอคืนดี เฮ่ย..จริงๆเลย  นึกว่าผู้อื่นเขาโง่หรือไงยะ!”
ป้าจางอดชำเลืองมองลูกสะใภ้ที่กำลังออกความเห็นอย่างปรีดาปราโมทย์ไม่ได้  นางนึกบ่นในใจ ตัวเจ้าตอนนั้นก็ชอบดูถูกผู้อื่นเหมือนกัน เคราะห์ดีที่เจ้ายังรู้จักเชื่อฟัง ไม่ไปล้ำเส้นเรื่องของผู้อื่น หาไม่แล้ว บ้านเราคงไม่มีหน้าไปพบผู้อื่นด้วยเหมือนกัน!’
“ถ้อยคำพวกนี้พูดได้ต่อหน้าข้าเท่านั้นนะ อย่าได้เอาไปพูดข้างนอกเด็ดขาด!” ป้าจางย้ำเตือนเป็นรอบที่ร้อย
“รู้แล้ว ข้าทราบหรอกน่า! ข้ามิได้โง่เสียหน่อย!” จ้าวชื่อรับปากแข็งขัน  ซ้ำยังร้องอุทานอย่างตื่นเต้น “อา...มิคิดเลยว่าแม้แต่ป้าหนิว ก็ยังมาช่วยเจรจาให้พวกเขาอีกต่างหาก! อา...ช่างหายากแท้ๆ! แต่เรื่องนั้นจะว่าไป ก็ไม่น่าประหลาดใจนักหรอก สองวันมานี่ ป้าหนิวเอาแต่คุยโม้โอ้อวดจนผู้คนเขารู้กันทั้งหมู่บ้านแล้ว คุยโวว่าบ้านนางได้ต้อนรับท่านชายชุยจากตระกูลที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งแห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้ แถมนางยังพูดนะว่าท่านชายอะไรนั่น ให้ความสำคัญกับลี่เจิ้ง ตัวนางและบุตรชายอยู่มากโข! ท่านชายนั่นที่แท้เป็นเครือญาติกับบ้านฟางโจว! ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไฉนนางจึงอยากช่วยเหลือพวกฟางโจวนัก! ท่านแม่..ข้าว่าจะถามฟางโจว ว่าตระกูลของท่านชายชุยอะไรนั่น เป็นคหบดีที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของภาคตะวันตกเฉียงใต้จริงหรือไม่? เขาร่ำรวยมหาศาลปานนั้นเชียวเรอะ!”
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย ดวงตาของจาวชื่อก็เปล่งประกายวิบวับ
เจ้า..พูดว่า..เจ้า....” ป้าจางมองหน้าจ้าวชื่อแล้วแทบพูดอะไรไม่ออก  จึงเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย  “เจ้าจะสนใจผู้อื่นไปทำไม มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย..หา?  ยังจะมาขอให้ข้าไปถามฟางโจวอีกรึ? ข้า...ข้าหาใช่คนเสียสติเช่นเจ้านี่!”
จ้าวชื่อได้ยินป้าจางตำหนิมาเช่นนี้ แถมแม่สามียังไม่รู้เรื่องนี้อีกต่างหาก จึงหัวเราะคิกคักไม่ใส่ใจ พลางอดพูดเสริมขึ้นมาไม่ได้ “ป้าหนิวไม่รู้จริงหรอก เทียบกับลุงลี่เจิ้งแล้ว แกเห็นโลกมามากกว่า แกต้องรู้อะไรๆดีใช่ไหม?  ไม่แน่นะ..อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้!  ว่ากันว่าสกุลชุยเป็นญาติกับสกุลซู สกุลซูกว้านซื้อที่ดินมากมายขนาดนั้น จะไม่มีเงินหรือไร? เห็นได้ชัดว่าสกุลชุยต้องมิใช่ชั่ว...แถมยังจะรวยกว่าด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำนางยังเล่าว่า ท่านชายชุยนั่นมอบของกำนัลให้บ้านนางมากมายเชียวนา  อย่างผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มที่ตากอยู่ในลานบ้านนั่น  ยิ่งกว่านั้นนะ นางถึงกับเปิดประตูรั้วบ้านทิ้งไว้  และคอยเรียกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา มาชมดูด้วยนะ จุ๊..จุ๊ ต้องเป็นของดีแน่แท้  แถมยังดีกว่าผ้าห่มที่วางขายที่ร้านในเมืองเสียอีก! ป้าหนิวยังบอกอีกนะ ว่าท่านชายชุยพอใจการต้อนรับมาก  จนตบรางวัลให้บ้านนางเป็นเงินห้าตำลึง..ตั้งห้าตำลึงเชียวนะ! ทีพวกเราสับไม้เผาถ่านหลุมหนึ่งแทบตาย ยังได้เงินเพียงห้าตำลึงเอง!  อา...งานดีเงินงามขนาดนี้เชียว  ท่านแม่...ท่านไปถามฟางโจวสิว่า เหตุใดจึงเอางานนี้ไปให้บ้านสกุลลี่เจิ้งกันเล่า?  บ้านเราก็มีห้องว่างเหมือนกันนะ  ไยนางจึงมิให้ท่านชายชุย มาพักที่บ้านเราบ้างล่ะ!”
“เจ้า..หุบปากเลยนะ!” ป้าจางฟังนางพูดจ้อแสนหนวกหู ไม่รู้จักจบเสียที เดิมทีก็แทบจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อแล้ว พอได้ยินนางตำหนิแกมยุยงให้แตกคอกันเช่นนั้น  จึงหน้าตึง เอ่ยเสียงหนัก  “เขาว่ากันว่า มนุษย์ไม่รู้จักพอ เปรียบดั่งงูริอาจจะกลืนช้าง ข้าดูไว้ไม่ผิดเลย!  ที่เจ้าพูดมาเนี่ย หมายความว่าอะไร?  เจ้าตำหนิฟางโจวคนเดียวไม่พอ แล้วยังเสนอหน้ามาตำหนิข้าอีกคนรึ?  หากสถานะของท่านชายชุยสูงส่งเช่นนั้นจริง นอกจากบ้านสกุลลี่เจิ้งแล้ว ยังจะมีบ้านไหน สามารถรับรองคนระดับนั้นได้อีก..หือ? ไม่มีสมองเอาเสียเลย! ฟางโจวเป็นเด็กดีจริงๆ เวลานางมีอะไรดีๆ นางไม่เคยคิดมาเผื่อแผ่ มาบอกบ้านเราหรือไร?  วันไหนล่าสัตว์ป่ามาได้ นางไม่ได้แบ่งมาให้บ้านเราหรือไร วันไหนทำจีต้านปิ่ง นางไม่เคยอุ่นแล้วส่งมาให้บ้านเราหรอกรึ?  ก็แล้วตอนที่ท่านชายชุยเอาขนมของฝากมาให้บ้านนาง นางไม่ได้แบ่งมาให้บ้านเรากล่องหนึ่งรึ? แล้วไอ้ทั้งหมดที่กินเข้าไปเนี่ย มันเข้าไปอยู่ในท้องสุนัขตัวไหนกัน?  หากเจ้ากล้าเอาเรื่องไม่มีมูลไปพูดข้างนอก ก็ลองดูสิว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร!”
แม่สามีเอ่ยจริงจังหนักแน่นทุกคำพูด ทำเอาจ้าวชื่อหน้าซีด ค่อนข้างละอายใจ
ยามนี้ไม่เหมือนในอดีต ในอดีตป้าจางมักชอบช่วยเหลือพวกฟางโจวอยู่เนืองๆ แม้จ้าวชื่อไม่กล้าต่อต้านออกหน้าออกตา  แต่บางครั้ง นางก็จะพูดจาประชดเสียดสีอ้อมๆ หรือบางทีก็จงใจสร้างสถานการณ์ขัดขวาง  ป้าจางรู้ดีว่านางพูดกระทบกระเทียบใคร แต่ก็ทำเป็นหูทวนลมทุกครั้ง และไม่สนใจคำพูดนางอีกต่างหาก
ยามนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร กลายเป็นว่าทุกวันนี้ ครอบครัวลุงหลี่ ป้าจาง และครอบครัวเหลียนฟางโจว ต่างมีความสัมพันธ์อันดีแน่นแฟ้นต่อกันมากถึงมากที่สุด นางยังจะกล้าไปขัดขวางแม่สามีได้อย่างไร ?
จ้าวชื่อหัวเราะรีบเข้ามาปะเหลาะ “ท่านแม่...ข้าก็พูดเล่นเช่นนี้ต่อหน้าท่านเอง! ข้า..ข้าหาได้จริงจังสักหน่อย !  ท่านวางใจเถิด ข้าไหนเลยจะโง่งมออกไปพูดเช่นนี้ข้างนอกนั่นเล่า! บ้านฟางโจวกับบ้านเราออกจะดีต่อกันปานนี้นี่นะ...”
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว!” ป้าจางย่อมรู้ซึ้งว่าลูกสะใภ้ตนมีคุณธรรมความดีในขั้นไหน  ดูได้จากถ้อยคำที่ออกจากปากนางนั่นไง คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ถึงในใจลูกสะใภ้จะคิดเห็นแก่ตัวแบบนี้  แต่อาจยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร  ด้วยว่าป้าจางได้เตือนลูกสะใภ้ไปแล้ว  นางคงไม่กล้าทำจริงๆหรอก
พอกล่าวจบ ป้าจางก็แค่นเสียงฮึ่มฮั่ม เดินหน้าตูมออกไป
            ส่วนจ้าวชื่อหน้าจ๋อย ตะลึงงัน ครั้นแล้วจึงสาวเท้าออกไปอีกคน
            **
            หลังกินมื้อกลางวันอย่างเร่งรีบ อาเจี่ยนได้เอ่ยกับเหลียนฟางโจว “เมื่อเช้าพวกเราโชคดี เจอแหล่งที่มีต้นชุ่ยปาเจียวขึ้นอยู่และขุดขึ้นมาได้ทั้งหมด  ข้าคิดว่าตอนบ่ายจะให้อาเซ่อ ฉินเฟิง และซูจื่อจี้ไปลงต้นไม้ที่ไร่ก่อน น่าจะดีกว่านะ! ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าสะสางบัญชี และจ่ายเงินค่าก่อสร้างกับเฒ่าแก่กู้เอง! อย่างไรก็ไปแค่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ให้ฉิงเอ๋อร์กับเช่อเอ๋อร์ไปตรวจรับงานด้วยกัน  ไปช่วยกันตรวจดูทั้งหมู่ตึกและบริเวณรอบๆสักหนึ่งเที่ยว ไปดูสิว่ามีตรงไหนไม่เรียบร้อยบ้าง!”
            เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อพอได้ยินแค่นั้น ดวงตาก็เปล่งประกาย  รีบขานรับทันที  ทั้งสองต่างจ้องเหลียนฟางโจว รอลุ้นคำตอบอย่างตื่นเต้น
            เด็กทั้งสองคิดอยากไปสำรวจโกดังและบริเวณรอบๆตั้งนานแล้ว ทว่าตอนนั้นที่นั่นยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง  สถานที่ก่อสร้างมีอันตรายมากมาย ไม่ปลอดภัยต่อเด็กๆ เหลียนฟางโจวจึงไม่อนุญาตให้น้องน้อยทั้งสองคนไป
            เหลียนเซ่อเอ่ยสมทบ “พี่เจี่ยนพูดถูกแล้ว พี่ใหญ่...ให้เขาไปสะสางบัญชี จ่ายค่าก่อสร้างเป็นเพื่อนท่านเถิดนะ  ไม่เช่นนั้น ข้าเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน!  งานปลูกต้นชุ่ยปาเจียวแค่ไม่กี่สิบต้น ให้พวกข้าสามคนทำก็พอแล้ว!”
            “ก็ได้! พวกเจ้าทั้งหมดพูดมาเสียขนาดนี้แล้ว เช่นนั้น..ก็เอาตามนี้ ! ” เหลียนฟางโจวพยักหน้ายิ้มๆ
-----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
·ป้ากับลุงหายซ่าไปนาน  ส่วนนางเอกก็ยังศัตรูตัวใหม่ๆโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆค่ะ  เช่น อาไห่ ลูกชายลุงกับป้าใหญ่นี่ก็ไม่เบา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นค่ะ

17 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะ☺️☺️

    ตอบลบ
  2. โห ยังต้องเจอเครื่องกีดขวางอีกแล้ว ขนาดลุงป้ามหาปลัยังแทบกุมขมับ ×3 ไปอีก สงสารเหลียนโจวจริงๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ3 กันยายน 2561 เวลา 20:14

    บ้านลุงใหญ่ไม่มีคนดีเลยหรอเนี่ย
    สงสารฟางโจว มีญาติก็พึ่งพาไม่ได้

    ตอบลบ
  4. ยัยสะใภ้ข้างบ้านนี่ก็น่ารำคาญเหมือนกัน

    ตอบลบ
  5. โอ้ย! ยังมีลูกชายมารังควาญอีกเหรอเนีย
    บทตัวประกอบเยอะเกินไปแล้ว!
    ขอบคุณค่ะ ตอนหน้าจะเป็นบทพระนางบ้างรึยังนะ?

    ตอบลบ
  6. ไรท์แปลสนุกค่ะสำนวนดีขึ้นเรื่อยๆชอบค่ะ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ4 กันยายน 2561 เวลา 06:30

    ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านตอนใหม่ค่ะ

    ตอบลบ
  8. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  9. เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมกับพวกนี้ซะที เพลียจิตแทนจัง
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ6 กันยายน 2561 เวลา 13:08

    ขอบคุณคะ สนุกมากๆ คะ ขยันและสามัคคีกัน ต่อไปบ้านนางเอกเรานี้ต้องรวยๆๆมากๆเลย

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณมากค่ะ รอลุ้นตลอดสนุกมากๆค่ะ

    ตอบลบ
  12. พระเอกเริ่มค่อยๆแทรกซึมเป็นผู้นำของบ้านเเล้ว

    ตอบลบ