เหลียนฟางโจวกวาดตามองเงิน
60 ตำลึง 6 เฉียนในมือที่ยังไมได้จ่ายออกไป ถึงกระนั้นหญิงสาวได้ส่งกระดาษคืนกู้สือ
พลางแย้มยิ้ม “น้ากู้..ท่านเก็บไว้เถิด ข้าจะจ่ายเงินที่เหลือทั้งหมดในครั้งนี้เลย รบกวนท่านส่งมอบหนังสือสัญญาก่อสร้างให้ข้าด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หนังสือนั้นข้าได้เตรียมไว้อยู่นี่แล้ว!” กู้สือและผู้ช่วยอีกสองคน ยังประหม่าอยู่นิดหน่อย
ปกติยามที่งานก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
โดยมากเจ้าของงานมักใช้ข้ออ้างทุกทางเพื่อยื้อการจ่ายเงินงวดสุดท้ายไปให้นานที่สุด
เมื่อได้ยินเหลียนฟางโจวพูดออกมาเช่นนี้ คนทั้งสามจึงพากันโล่งอก บังเกิดความยินดีปรีดาเป็นล้นพ้น
เหลียนฟางโจวจ่ายเงินแล้วรับเอาหนังสือสัญญามา
ฝ่ายอาเจี่ยนเรียกเหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อ เด็กสองคนให้เลิกเล่นเพื่อเตรียมกลับ
จากนั้นทุกคนในที่นั้นจึงเตรียมแยกย้ายกันกลับ
“แม่นางเหลียน หากท่านมีเรื่องงานก่อสร้างอะไรที่นี่อีก ต้องเรียกใช้พวกข้านะ! ต่อให้ข้ายุ่งเพียงใด ก็จะรีบแบ่งคนมาทำงานให้ท่านที่นี่!
ซ้ำยังจะทำให้สุดฝีไม้ลายมือแน่นอน
งานทั้งหมดพวกข้าคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความ!” กู้สือได้เอ่ยคำมั่นสัญญาหนักแน่นต่อหน้าเหลียนฟางโจว
ก่อนจะแยกตัวไป
วาจานี้ของกู้สือ เหลียนฟางโจวเชื่อถือ เขาเป็นเจ้านายประเภทเดียวกับเธอ หญิงสาวรู้สึกว่าหากร่วมงานกับอีกฝ่ายครั้งหนึ่งแล้วถูกใจ
ก็คิดอยากร่วมงานกันต่อไปเรื่อยๆ
“ตกลง!” เหลียนฟางโจวเอ่ยทีเล่นทีจริง “งานที่พวกท่านทำให้ข้า ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
อีกอย่าง ทุกคนก็คุ้นเคยกันดีแล้ว!”
“ถูกล่ะ ถูกล่ะ! แค่แม่นางเหลียนรับปาก ข้าก็พอใจแล้ว ฮ่าๆๆ !”
กู้สือหัวเราะลั่น ครั้นแล้วจึงพาผู้ช่วยทั้งสองกล่าวอำลาจากไป
อาเจี่ยนลั่นดาลประตูเหล็กบานมหึมาเสร็จ ก็ผินกายกลับมา พร้อมหงายฝ่ามือยื่นมาตรงหน้าเหลียนฟางโจว
แล้วเอ่ยขึ้น “กุญแจนี่..เจ้าเก็บไว้ให้ดีล่ะ!”
“อื้ม “ เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม พลางหยิบกุญแจหล่อด้วยทองแดงดอกโตบนฝ่ามือชายหนุ่มขึ้นมา
รู้สึกได้ถึงความหนักและเย็นของมัน แสงสะท้อนของโลหะส่องประกายวูบวาบ หญิงสาวกำมันไว้ในมือ
ด้วยใจเปี่ยมด้วยความเบิกบานยินดี
หญิงสาวอดเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าไม่ได้ แม้จะไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
เว้นแต่บานประตูรั้วเหล็กขนาดมหึมาและกำแพงสูงลิบ ทว่าความเบิกบานยินดี และความมั่นใจแน่วแน่ที่ค่อยๆผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจนั้น
นับเป็นของจริง
หมู่ตึกทั้งหมดนี้ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเธอแล้วในที่สุด!
“พี่ใหญ่ ที่นี่ทั้งหมดเป็นของบ้านเราแล้วใช่หรือไม่”
เหลียนฟางฉิงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อื้ม ทั้งหมดนี่เป็นของครอบครัวเราแล้ว!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มบาง
รำพึงในใจแทบจะในเวลาเดียวกันว่า ครอบครัวเรา ก็คือเหล่าพี่น้องทุกคนไงล่ะ
“แล้วบ้านเรายังมีเขาฮวากั่วซานน้อยอีก!” เหลียนเช่อเอ่ยออกมาอีกคน
“ใช่! ใช่! พี่ใหญ่ยังบอกอีกว่าจะสร้างบ้านบนยอดเขาให้ด้วยล่ะ!”
เหลียนฟางฉิงเอ่ยสวนกลับมา
เด็กน้อยทั้งสองถามขึ้นอีก “แล้วเมื่อไรพี่ใหญ่จะสร้างบ้านบนยอดเขาล่ะ?”
เหลียนฟางโจวอดตอบคำถามไม่ได้ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น่าจะภายในสองปีนี้! เมื่อถึงฤดูร้อน พวกเราจะไปอาศัยอยู่ที่นั่นกัน! คงจะร่มรื่นเย็นสบายเป็นแน่!”
“ดีจัง ดีจังเลย! มันต้องสนุกกว่าอยู่บ้านแน่เลย!”
เหลียนฟางฉิงและเหลียนเช่อต่างฝันหวานยิ้มแฉ่งออกมา
น้องน้อยทั้งสองหัวเราะเริงร่า คุยกันถึงเรื่องบ้านบนเขาเสียงดังจ้อกแจ้กระคนเสียงหัวเราะไม่หยุดตลอดขากลับ
เหลียนฟางโจวเห็นพวกเขายิ้มแย้มสดใส ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว “เด็กหนอเด็ก
เมื่อเช้าเพิ่งเจอเรื่องหนักหนาสาหัสไปหยกๆ
เผลอแผลบเดียวก็ลืมเสียแล้ว!”
“เป็นเช่นนี้ไม่ดีหรือไร?” อาเจี่ยนระบายยิ้มถามขึ้น
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้มเอ่ยขึ้น “เปล่า เป็นเช่นนี้ดีแล้ว ดีมากๆเชียวล่ะ!” สองหนุ่มสาวสบตากัน แล้วหัวเราะออกมา
“ข้าคิดว่า หมู่ตึกและโกดังควรมีคนอาศัยอยู่มากกว่านี้ถึงจะเหมาะนะ ไม่เช่นนั้นมันจะดูเงียบวังเวงเกินไป! ผ่านไปอีกสักสองสามวันเจ้าค่อยซื้อคนมาเพิ่ม
แล้วมอบหมายให้ฉินเฟิง และซูจื่อจี้ดูแลฝึกหัด พอถึงต้นฤดูใบไม้ผลิคนพวกนั้นคงพร้อมช่วยงานได้แล้ว
หากไปซื้อคนเอาตอนนั้น ไหนจะต้องเสียเวลาสอนงานอีก
กว่าคนงานใหม่จะคุ้นเคยกับงาน มันน่าจะแย่กว่าซื้อคนตอนนี้นะ” ขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังเดินเคียงกันไปอย่างช้าๆ เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน อาเจี่ยนก็เอ่ยขึ้น
เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม “มิใช่ว่าข้าไม่คิดเรื่องนี้ไว้
เพียงแต่...ฉินเฟิงและซูจื่อจี้ ท่านว่าเราไว้ใจเขาได้หรือไม่?”
“ข้ารู้สึกว่าได้นะ” อาเจี่ยนตรึกตรองดูสักครู่
แล้วเอ่ยขึ้น
“อื้ม เช่นนั้นข้าก็เบาใจ! อันที่จริงข้าก็คิดว่าพวกเขาทั้งสองไม่เลว!” เหลียนฟางโจวคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยอีกครา “ข้าเชื่อที่ท่านพูดมาทุกประการ
การปลูกฝ้ายในปีหน้า ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ข้าต้องจัดการ
มิใช่เพียงแค่การเพาะปลูกเท่านั้น ยังต้องหาคนเข้ามาร่วมงานอีก ส่วนคนที่ตอนนี้มีอยู่
รวมทั้งพวกเรากันเอง ข้าสามารถวางใจได้ ! ไหนจะเรื่องการสอดส่องตรวจตราไร่ฝ้ายอีก เพราะเป็นการป้องกัน
และหยุดยั้งบุคคลผู้ไม่หวังดีที่จะเข้ามาทำความเสียหาย! เรื่องพวกนี้ ข้ามิไว้ใจใช้ให้ผู้อื่นทำเลย”
“ก็ควรเป็นเช่นนั้น” อาเจี่ยนพยักหน้า แล้วเอ่ยโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ลำพังแค่คนอื่นน่ะ คงไม่ขวัญกล้าเทียมฟ้าหรอก แต่หากเป็นลุงใหญ่
ป้าใหญ่ของท่านนั้น ก็พูดยากนะ! มิหนำซ้ำ
ต่อให้พวกเขาก่อเรื่องขึ้นจริงๆ แล้วโดนเจ้าจับได้คาหนังคาเขา เจ้าเองก็คงไม่สะดวกจะลงโทษอะไรพวกเขาหรอก”
“....” นี่คือสิ่งที่เหลียนฟางโจววิตก
เมื่อได้ยินอาเจี่ยนกล่าวออกมาเสียตรงขนาดนี้ หญิงสาวให้รู้สึกเซ็งจิต สบตาชายหนุ่มด้วยความขุ่นมัว แหม..ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้กระมัง!
“หรือว่า ...“ อาเจี่ยนชำเลืองมองหญิงสาว ลองหยั่งเชิงเสนอดู
“เจ้าอาจให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วม โดยพวกเราคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดสักหน่อย
บางทีอาจไม่มีอะไรน่ากลัวก็ได้นะ พูดกันตรงๆ พวกเขาคงไม่หวังแค่เงินส่วนแบ่งผลกำไรใช่หรือไม่? ยามที่ต้องลงมือทำงานจริงๆ
พวกเขาก็คงไม่สนใจเข้ามาลงแรงด้วย! ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง..อย่างน้อยคงรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่วางแผนป่วนอีก”
“ไม่มีทาง!” เหลียนฟางโจวสั่นศรีษะเอ่ยขึ้น
“กว่าจะสลัดพวกเขาทิ้งได้ พวกเราเลือดตาแทบกระเด็น
ข้าจะมิยอมให้พวกเขาเข้ามายุ่งวุ่นวายอีกต่อไป ดังคำที่ว่า เชิญปีศาจมานั้นง่าย
แต่ส่งปีศาจกลับนั้นยาก นั่นประไร!”
ผลกำไรจากฝ้ายจะมากมายมหาศาลขนาดไหน ฤดูหนาวปีหน้าเชื่อว่า
คนทั้งหลายจะได้ประจักษ์ในสายตา ยิ่งเหลียนลี่และเฉียวซื่อสองสามีภรรยาผู้ซึ่งมีความโลภโมโทสันในกมลสันดาน ลองได้ลิ้มรสผลกำไรอันหอมหวานนี้ตั้งแต่ปีแรกแล้ว
ไฉนจะยังยินยอมปล่อยมือไปเล่า? ภายหน้าคงได้ทำตัวเป็นกอเอี๊ยะติดหนึบ
ต่อให้สะบัดทิ้งให้ตายอย่างไร ก็ไม่มีทางหลุดแน่!
“เฮ้อ...ยังมีเรื่องซื้อคนเพิ่มที่ต้องจัดการอีกหรือเนี่ย!” เหลียนฟางโจวถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าจะถอนหายใจ หงุดหงิดไปเพื่ออันใด อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของเวลา
ไม่ช้าก็ต้องมาถึงอยู่ดี!” อาเจี่ยนเหลือบมองหญิงสาวแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คิดอีกทีก็ใช่ เหลียนฟางโจวเหยียดยิ้มหยัน ครั้นแล้วหญิงสาวจึงหัวเราะเอ่ยขึ้น “ข้าก็แค่กลัวจะซื้อคนไม่ดี
แล้วเข้ามาเป็นตัวป่วนนะสิ!”
จริงๆแล้ว จิตใต้สำนึกของหญิงสาว รู้สึกตะหงิดๆว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายมนุษย์
ล้วนเป็นเรื่องน่ารังเกียจ
“เรื่องนี้มีปัญหาอันใดรึ” อาเจี่ยนพอได้ยินที่หญิงสาวพูด ก็มองหน้านางแปลกๆ
แล้วจึงโพล่งขึ้น “มันจะไปยากอันใด คนไหนใช้งานยากนัก ก็ขายออกไปสิ”
เหลียนฟางโจวชะงักนิ่งไป แล้วอดเอ่ยยิ้มๆไม่ได้
“ดูจากที่ท่านพูดมานี้ ที่บ้านของอาเจี่ยนต้องเป็นตระกูลเศรษฐีร่ำรวยแน่ๆเลย!”
อาเจี่ยนนิ่งขึงไป แล้วถอนใจออกมาเบาๆ
ชายหนุ่มทอดตามองท้องฟ้าที่อยู่ไกลลิบ พลางหัวเราะขื่น พึมพำออกมา “เรื่องนี้น่ะรึ
ข้ายังจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด...”
เหลียนฟางโจวรู้สึกเสียใจที่หลุดปากออกไป จึงรีบเอ่ยแย้มยิ้ม “สักวันหนึ่งท่านต้องจำได้แน่ ท่านพูดถูกทีเดียว ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เราต้องการใช้คนไม่น้อย
ต้องสอนงานคนล่วงหน้าเท่านั้น เมื่อถึงเวลา งานจะได้ไม่ยุ่งวุ่นวาย แถมเป็นการประหยัดเวลาไปในตัว....”
วันถัดมา โคลนที่ตักจากก้นบ่อ ได้ถูกนำมาตากแห้งหลายวันจนได้ที่ สามารถนำมาใช้งานแล้ว
แถมยังมีหญ้าที่สับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองสุมไว้เพื่อเตรียมนำไปเผาเป็นขี้เถ้าอีกด้วย
วันนี้หลังอาหารมื้อเช้า เหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อ อาเจี่ยน ฉินเฟิง และซูจื่อจี้เดินทางเข้ามาที่ไร่ตรงทางสามแยกด้วยกัน
คนทั้งหมดตั้งใจจะใส่โคลนก้นบ่อและขี้เถ้าที่เผาไฟแล้ว
หว่านลงบนแปลงเพาะปลูก
ยามเมื่อพวกเขามาถึง หลี่ฉิงและหวูเสี่ยวเหมากำลังนำคนงานเข้ามาอยู่พอดี พอเห็นพวกเหลียนฟางโจวมาถึง มีฉินเฟิงและซูจื่อจี้เพิ่มมาอีกสองคน
ทุกคนอดส่งยิ้มถามไถ่ไม่ได้
เหลียนฟางโจวเดิมทีตั้งใจจะแนะนำคนทั้งสองให้เหล่าคนงานรู้จัก แต่พอเห็นพวกคนงานร้องถามขึ้นมาแล้ว หญิงสาวจึงให้พวกคนงานมายืนล้อมวงรอบๆ แล้วตนเองเอ่ยประกาศเสียงดัง
“เขามีนามว่าฉินเฟิง ส่วนคนนั้นชื่อซูจื่อจี้ สองคนนี้คือคนที่ตระกูลซูส่งมา จากนี้ไปงานทั้งหลายในไร่
จะยกให้สองคนนี้เป็นผู้ควบคุมดูแล! ขอให้พวกท่านเชื่อฟังคำสั่งพวกเขาสองคนด้วย!”
เหลียนฟางโจวพยายามพูดให้ดูคลุมเครือไว้ ถึงอย่างไร
สองคนนี้ก็เป็นคนที่ตระกูลซูส่งมาจริงๆ ส่วนในอนาคตจะได้กลับคืนสู่สกุลซูหรือไม่
เชื่อว่าคงไม่มีใครถามคำถามนี้ และเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วย
จู่ๆบ้านของเธอก็รับข้าทาสบริวารเข้ามา มันดูเตะตาผู้คนในหมู่บ้านนัก ให้ใครๆเข้าใจผิดไปแบบนี้ นั่นล่ะดีแล้ว
-----------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
คสามคิดหบักแหบมมากเรื่องบริหารคน
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบสนุกทุกตอนค่ะ
ตอบลบสองหนุ่มสาวนี่ปรึกษาหารือกันอย่างกับสามีภรรยาเลยชอบๆ
ตอบลบนางเอกเก่งสุดๆไปเลย
ตอบลบการบริหารงานและบุคคล นางเอกของเราเก่งมาก
ตอบลบขอบคุณมากนะคะ