หลังจากนั้น งานติดตั้งบานประตูและหน้าต่างก็เริ่มขึ้น
อาเจี่ยนกับฉินเฟิง ซูจื่อจี้
เหลียนฟางโจวทั้งหมดต่างเข้ามาช่วยกัน พวกเขาคิดอยากให้งานเสร็จให้ไวที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
บานประตูและหน้าต่างที่จะติดตั้งในหมู่เรือนที่พักอาศัยนั้น วางแผนไว้ว่าจะใช้วัสดุธรรมดา
และเป็นงานฝีมือระดับพื้นๆ ดังนั้น
เหลียนฟางโจวจึงให้ช่างไม้ในหมู่บ้านทำ
ส่วนโกดังและโรงงานซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของคนงานในภายภาคหน้านั้น
บานประตูหน้าต่างล้วนสั่งทำจากในเมือง
ไม่ว่าจะเป็นไม้ที่ใช้ทำ ก็บรรจงคัดสรรอย่างดี ฝีมือก็ต้องปราณีตพิถีพิถัน ของทั้งหมดนี้ เหลียนฟางโจวล้วนสั่งทำเป็นพิเศษ
ไม่มีใครเหมือน ยิ่งไปกว่านั้น
เมื่อถึงคราวที่ของมาส่ง เพื่อดำเนินการติดตั้ง หญิงสาวและอาเจี่ยนต่างวางแผนจะตรวจตราอย่างละเอียดทุกชิ้นด้วยตนเองอีกต่างหาก
จึงทำให้ของที่สั่งทำนี้ ผลิตได้ไม่เร็วนัก ของชุดแรกที่สั่งทำสำหรับติดตั้งในโกดัง
ต้องรอให้เลยเทศกาลเสี่ยวเหนียน (ตรุษจีนเล็ก) ไปก่อน ถึงจะเอามาส่งได้ ส่วนของชุดที่สอง ต้องรอไปจนเข้าเดือนแรกของปีใหม่โน่น
บานประตูหน้าต่างของหมู่เรือนพักอาศัยล้วนเป็นของชิ้นไม่ใหญ่ ลำพังมีเพียงอาเจี่ยน
เหลียนฟางโจว คอยช่วยติดตั้งพร้อมกับ ช่างไม้จางและบุตรชายทั้งสอง ก็ทำให้งานรุดหน้าไปรวดเร็วนัก
นอกจากบานประตูหน้าต่างแล้ว ในห้องพักคนงานยังมีการติดตั้งเตียงยาวติดผนังอีกด้วย
เตียงยาวนี้คราแรกจะถูกติดตั้งในห้องพักจำนวนสองห้องด้วยกัน โดยเตียงในห้องหนึ่งสามารถนอนได้ 12 คน
เตียงจำพวกนี้เหลียนฟางโจวเป็นผู้ออกแบบเอง โดยดัดแปลงบางส่วนมาจากเตียงนอนในหอพักมหาวิทยาลัย
ในชาติที่แล้วของเธอ เตียงนอนติดผนังยกสูงตั้งฉากเหนือพื้นกว่า 1 มี่ (เมตร) มีบันไดปีนขึ้นลง สามารถนอนเรียงได้ 6 คน
ใต้เตียงทำเป็นตู้เสื้อผ้ายึดติดกับพื้นเตียง
ส่วนผนังฝั่งตรงข้ามก็ติดตั้งเตียงและตู้เสื้อผ้าแบบเดียวกัน
พื้นที่ตรงหัวเตียงที่ติดผนังมีชั้นวางของและโต๊ะไม้ สำหรับใช้วางถังน้ำ กาน้ำ
และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
ในขณะที่ผนังฟากที่เหลือมีการจัดวางม้านั่งตัวยาว ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนตามอัธยาศัยด้วย
เพียงมองแวบแรก ก็เห็นชัดว่า ห้องแต่ละห้อง มีขนาดสัดส่วนพอเหมาะพอดี
ถูกออกแบบมาอย่างปราณีตลงตัวและเป็นระเบียบเรียบร้อย
การติดตั้งประตูและหน้าต่างทำได้ง่ายกว่าที่คาดไว้ แต่ตอนประกอบเตียงและตู้กลับใช้เวลานานกว่า
และเมื่อติดตั้งทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว บรรดาเครื่องเรือนที่จัดวางติดผนังทั้งสี่ด้านจะเชื่อมชนกันพอดิบพอดี
เหลียนฟางโจวผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม เอ่ยขึ้น “เหนื่อยกันหน่อยนะ” พอเห็นว่าวันนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว หญิงสาวจึงให้เงินพิเศษเพิ่มอีก
60-70 อีแปะ ช่างไม้จางและบุตรชายรวมสามคน ทุกคนต่างเบิกบานใจนัก
ยิ้มแย้มและขอบคุณกลับ ทั้งหมดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่นางเหลียน
ช่างมีใจเอื้อเฟื้อนัก!
เหลียนฟางโจวได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอันใด
“เตียง โต๊ะ ตู้ สำหรับพวกท่านทั้งสอง รวมทั้งของใช้จิปาถะ ข้าไม่ได้คิดเผื่อไว้ก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมไว้ให้ พรุ่งนี้พวกเราเข้าเมืองไปซื้อของสำเร็จรูปมาใช้ก่อนนะ! คงราคาไม่กี่เฉียน! “ เหลียนฟางโจวหันไปยิ้มและเอ่ยกับ
ฉินเฟิงและซูจื่อจี้
ทั้งคู่ต่างขานรับพร้อมกัน
วันต่อมา คนทั้งห้าต่างจับรถเกวียนเทียมลามุ่งหน้าเข้าเมือง
อันดับแรกไปร้านขายเครื่องเรือนและจ่ายเงินค่ามัดจำ จากนั้นก็พร้อมแล้ว สำหรับใช้เวลาช่วงกลางวันไปเสาะหานายหน้าเพื่อหาซื้อคน
เหลียนฟางโจวไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากหลิวเจี่ยหรือจ้าวลิ่ว คงไม่ดีเท่าไร หากไปรบกวนผู้คนในช่วงใกล้ตรุษจีนปีใหม่นี้
อีกทั้ง การซื้อคนนั้น ไม่เหมือนกับการจ้างคน หากจ้าวลิ่วหรือหลิวเจี่ยแนะนำคนไม่เหมาะกับที่ตนเองกำหนดไว้
หากอยากจะเอาออก ก็ทำลำบาก แต่หากเธอซื้อคนกลับมา แล้วเผอิญคนๆนั้นไม่ดี
มาสร้างปัญหาให้ ก็แค่กำจัดออก โดยขายต่อให้ผู้อื่น
บ่าวที่จะซื้อมากลุ่มแรกนี้ เหลียนฟางโจวจะให้พวกเขายึดมั่นในกฏระเบียบ ดีกว่าปล่อยไปตามสบายจนเหลาะแหละไร้ระเบียบ เธออยากได้คนหนักเอาเบาสู้ อีกทั้งมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีด้วย ซ้ำยังต้องไม่งุ่มง่ามโง่งมจนขุนไม่ขึ้น เพราะเหนืออื่นใด ภารกิจที่จะทำในภายภาคหน้านั้น
สำคัญขนาดชี้เป็นชี้ตายอนาคตของครอบครัวเธอ
คนทั้งหลายแวะไปร้านบะหมี่ที่ชอบมานั่งกินตอนมื้อกลางวันเป็นประจำยามเข้าเมืองก่อน
เสี่ยวเอ้อร์ของร้านเมื่อเห็นพวกเหลียนฟางโจว ก็ส่งยิ้มให้
พลางเดินเข้ามาเชื้อเชิญ “ไม่เห็นแม่นางเหลียน คุณชายเจี่ยนและคุณชายเหลียน
แวะเข้าเมืองมาพักใหญ่เลยขอรับ!”
อาเจี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ “พักนี้งานค่อนข้างยุ่งน่ะ”
“อ้อ” เสี่ยวเอ้อร์เปล่งเสียงออกมาคำหนึ่ง “จริงสิ นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว! พวกท่านยังจะสั่งบะหมี่น้ำเนื้อหรือไม่ขอรับ?”
“รบกวนเอามาห้าชามด้วย!” อาเจี่ยนพยักหน้า
“ขอรับ!” เสี่ยวเอ้อร์ขานรายการที่สั่งเสียงดัง “บะหมี่น้ำเนื้อห้าชาม!” ว่าแล้วก็เดินฉับๆจากไป ขณะที่เหลียนฟางโจวและอาเจี่ยนกำลังคุยฆ่าเวลา ระหว่างรอบะหมี่ที่สั่งมาอยู่นั้น
เสียงหวานใสน่ารักที่ไม่ได้ยินมานานของเด็กสาว ผู้ที่ชายหนุ่มภาวนาขออย่าได้พบเจอ
พลันดังขึ้น “พี่เจี่ยน”
อาเจี่ยนตัวแข็งทื่อ ปฏิกิริยาแรกสุดคือเงยหน้าสบตาเหลียนฟางโจว
เหลียนฟางโจวก็สบตาชายหนุ่ม ด้วยดวงตาเป็นประกายวูบไหว ขนตายาวงอนของหญิงสาวกระพือถี่ๆ
ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ใบหน้าอาเจี่ยนพลันขึ้นสีแดงจางๆ ชายหนุ่มส่ออาการโมโหและอับอาย
ส่วนฉินเฟิงและซูจื่อจี้ แน่ล่ะย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนทั้งสองต่างมองหน้าอาเจี่ยน ตามด้วยเหลียนฟางโจวและเหลียนเซ่อตามลำดับ
เพื่อขอคำตอบ คนทั้งสามทำหน้าปั้นยาก
พลางเสหลบสายตา
ทั้งสามคนตกภังค์คิดอันใดไม่ออกไปชั่วขณะ
พวกฉินเฟิงและซูจื่อจี้บังเกิดความงุนงง ทั้งคู่เคยเห็นแต่ท่านเจี่ยนทำหน้านิ่งๆ
ท่าทางสุขุมเป็นอาจิณ มิคาดว่าที่จริงแล้วเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินนี่เอง เสียงที่ได้ยินนี้ ฟังดูแล้วคงมิใช่สตรีที่ดีอะไรนัก! จุ๊ๆ คนเรานี่มันวัดกันที่หน้าตาท่าทางไม่ได้เลยจริงๆ!
เหลียนเซ่อไม่ปิดบังความรังเกียจในใจเลยสักเสี้ยว เด็กหนุ่มอดสบถพึมพำออกมาไม่ได้ “คนอะไร ช่างหน้าด้าน! ไร้ยางอายนัก!”
ฉินเฟิง ซูจื่อจี้อดแซ่ซร้องเหลียนเซ่อไม่ได้ ดูท่านายน้อยรองนี่ จะเป็นคนเถรตรงและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นกระมัง มิหนำซ้ำยังให้ความเคารพท่านเจี่ยนน่าดู มิคาดว่าจะกล้ากล่าวคำด่านี่ออกมาต่อหน้าพวกเขา
ทุกคนหันไปตามทิศทางเสียง จึงเห็นซีเสวี่ยในชุดเสื้อแขนแคบผ้าทอลายสีชมพูสว่าง
กระโปรงผ้าไหมทอยกดอกสีขาว เดินนวยนาด ยักย้ายส่ายสะโพก ตรงมาหาอาเจี่ยนด้วยใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม
ดวงตาหวานฉ่ำเปี่ยมเสน่ห์คู่นั้น ก็หยาดเยิ้มหยดย้อย
จนแทบจะหยดออกมา ยามเห็นอาเจี่ยน
ดวงตาเต้นระริก ยามทอดสายตามองชายหนุ่ม
“พี่เจี่ยน! ท่านเข้าเมืองมารึนี่!” ซีเชวี่ยระบายยิ้มเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ให้ความรู้สึกสนิทสนมรักใคร่มากเสียจนบรรยายไม่ถูก
โทสะขุมหนึ่งของอาเจี่ยนพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ป่านนี้คงได้เอากำปั้นตะบันหน้าทักทายไปแล้ว
“ฟางโจว เจ้าช่วยข้าหน่อย...”
อาเจี่ยนพรูลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
เอ่ยกระซิบกับเหลียนฟางโจวด้วยสายตาอ้อนวอน
เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาอันใด
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด พอเห็นอาเจี่ยนทำหน้าตาท่าทางประดุจบุตรชายอ้อนมารดาแบบนี้ เหลียนฟางโจวก็ชักยัวะขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ หญิงสาวแค่นเสียงกระซิบ พลางขึงตาใส่อาเจี่ยน “อะไร? ให้ข้าเล่นบทนางมาร
ส่วนท่านเล่นบทคนดีรึ? กลัวภาพพจน์ตัวเองเสียหายในสายตาผู้อื่นหรือไง?”
อาเจี่ยนพลันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เอ่ยอย่างโง่งม “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น....” น้ำเสียงของชายหนุ่มจ๋อยๆ ระคนประหม่า
ระหว่างที่ชายหนุ่มหญิงสาวกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น ซีเชวี่ยก็มาถึงตัวพอดี
และหยุดยืนข้างๆอาเจี่ยน พลันเอ่ยแย้มยิ้ม “พี่เจี่ยน ท่านเข้าเมืองมาเมื่อใดกัน! ข้ารู้นะ เวลาท่านเข้าเมืองมาครั้งใด ท่านจะต้องมาอยู่ที่นี่แน่!”
ท่าทางการพูดของสาวน้อย เจือความภาคภูมิใจในความฉลาดของตนเองเสียเต็มประดา
หนำซ้ำเวลาเอ่ยออกมาแต่ละที มีแต่คำว่า ‘ท่านและท่าน’ ไม่มีเอ่ยถึงเหลียนฟางโจวเลยสักแอะ
ทำเหมือนเธอเป็นเพียงอากาศธาตุก็ปานนั้น
อาเจี่ยนตัวแข็งทื่อ ก้มหน้าที่แสนบึ้งตึงไม่ยอมเงยขึ้นมา ชายหนุ่มลอบกำหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าความอดทนอดกลั้นของเขามาถึงขีดสุดแล้ว
เขากำลังจะโต้ตอบ พลันได้ยินเหลียนฟางโจวหัวเราะหึหึเอ่ยเสียงนุ่ม
“แม่นางซีเชวี่ยมาอีกแล้ว ไม่ทราบว่ามีธุระอันใดรึ?”
ซีเชวี่ยถือว่าตนเองเป็นผู้มาจากตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งร่ำรวย ซ้ำนางยังเป็นมือขวาของนายหญิงของตระกูลอีกด้วย ไหนเลยนางจะสนใจยาโถวบ้านนอกอย่างเหลียนฟางโจวเล่า?
เมื่อได้ยินวาจาที่เหลียนฟางโจวถามนาง ซีเชวี่ยจึงเชิดหน้าขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด แค่นเสียงใส่ด้วยความไว้ตัว
ไม่เหลือบแลเหลียนฟางโจวแม้สักกะผีก
เมื่อสาวน้อยปรายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตาแวบหนึ่ง จึงพบว่าเหลียนฟางโจวหลุบตาลงต่ำ
ไม่ได้มองมาที่ตัวนางเลย พลันหญิงสาวก็ออกอาการโมโห นังยาโถวบ้านนอก ช่างไร้มรรยาทอะไรเช่นนี้!
เดิมทีนางก็มิคิดอยากตอบคำถามเหลียนฟางโจวอยู่แล้ว ทว่าพอเห็นเหลียนฟางโจวถามประโยคนี้ขึ้นมา
ภายหลังก็เลยเอ่ยลอยๆขึ้นมาอย่างเสียมิได้ คล้ายว่าตนเองมิได้ตอบหญิงสาว รวมทั้งอาเจี่ยน เหลียนเซ่อ และทั้งชายสองคนนั่นด้วย ในใจนางนั้นคร้านจะเสวนาด้วย
แต่ก็อดเอ่ยมาไม่ได้ “นายหญิงข้าอยู่ที่ภัตรคารฝูฉูฝั่งตรงข้าม เชิญเจ้ากับพี่เจี่ยนไปคุยกันหน่อย!”
น้ำเสียงของซีเชวี่ยห้วนกระด้าง พอกล่าวจบ ก็ชักสีหน้าเอ่ยขึ้น “ตามข้ามาสิ!”
---------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามค่ะ ^_^
หนอย เชิญแล้วต้องไปด้วยเหรอห๊ะ
ตอบลบโอ๊ยๆๆ สนุกเชียวตอนนี้ อ่านไปยิ่มไป
ตอบลบโอ๊ย ใหญ่เหลือเกิน หลงตัวเองมากๆ
ตอบลบมาเชิญทั้งทีใช้วาจาน่าตบ อาโจวไม่ต้องไปหรอกทำเป็นไม่ได้ยินแล้วนั่งเฉยๆเลย ดูสินางสาวใช้จะเต้นอย่างไร จะรอชมฮิ...ฮิ
ตอบลบผู้ที่ภาวนาขออย่าำด้พบเจอ 555 ถ้าความจำกลับมาแล้วเจอกันจะเป็นยังไงเนี่ย จะยังอ้อนฟางโจวไหม?
ตอบลบชอบคำตอบนางเอกจัง จะให้ข้าเป็นนางมารแล้วดจ้าเป็นคนดี... 5555
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบแหม่...แม่คู๊ณๆๆ หม่นหน้ามั่นโหนกจริงๆเลย
ตอบลบขอบคุณที่แปลมาห้อ่านนะคะ
ตอบลบขอบคุณค่ะ ดีใจมากช่วงนี้ได้อ่านรัวๆ
ตอบลบขอบคุณนะคะ
ตอบลบนางมารมาแล้ว
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบวางก้ามมากเลย แม่นาง
ตอบลบ