วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 206 ไปซื้อของใช้ในวันปีใหม่กัน (2)


“ตกลง !” เหลียนฟางโจวสบตาป้าจาง  พลางหันไปยิ้มพยักหน้าให้จ้าวชื่อ ซ้ำยังกระตุกแขนเสื้อป้าจาง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ป้าจาง ท่านป้าไปด้วยกันนะเจ้าคะ !  อาจวน..ไปด้วยกันนะ  ไปกันหลายๆคนจะได้สนุกสนานครึกครื้นกัน ! “
“เช่นนั้นแล้ว..จะดีได้อย่างไรกัน  บ้านเจ้าก็ไปกันตั้งหลายคน  ซ้ำเมื่อไปถึงก็ซื้อของใช้ในวันปีใหม่อีกเป็นพะเรอเกวียน  คนเป็นอันมากจะนั่งรถเกวียนเทียมลาได้หมดเสียที่ไหน ?  มิสู้พวกข้าค่อยไปกันเองภายหลังน่าจะดีกว่านะ!”  ป้าจางหัวเราะ พลางเหลือบมองจ้าวชื่อแวบหนึ่ง
ลูกสะใภ้นางผู้นี้ก็ช่างเหลือเกินจริงๆ .....

ป้าจางลอบถอนหายใจเบาๆ  ต่อหน้าเหลียนฟางโจว นางไม่สะดวกจะสั่งสอนสะใภ้ตัวดีเสียด้วย
“เรื่องนี้..ป้าจางมิต้องวิตกไป เมื่อถึงตอนนั้น ข้าย่อมหาวิธีแก้ไขได้แน่นอน !”  เหลียนฟางโจวอมยิ้ม  พยายามเชื้อเชิญป้าจางสุดแรง
เดิมทีป้าจางคิดจะไปอยู่แล้วด้วย หนำซ้ำหลี่จวนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็ชำเลืองมองนางมาเป็นระยะ ลงท้ายป้าจางก็พยักยิ้มให้จนได้
เหลียนฟางโจวพลันลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ  แล้วจากไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นคนบ้านสกุลเหลียนตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าเร็วกว่าปกติ  สี่พี่น้อง  อาสาม และพวกป้าจางรวมสามคน โดบมีอาเจี่ยนทำหน้าที่สารถี  พากันบ่ายหน้าเข้าเมืองกันอย่างคึกคักเอิกเกริก
คนทั้งหลายนั่งกันจนเต็มแน่นรถเกวียน ส่งเสียงคุยจ้อกแจ้กกันอย่างอบอุ่นครึกครื้น คุยกันไปหัวเราะกันไปตลอดทาง เผลอแผลบเดียวทั้งคณะก็อยู่ในตัวเมืองเสียแล้ว
เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลปีใหม่  ในเมืองจึงคึกคักมากเป็นพิเศษ  ทั้งเมืองคาคล่ำไปด้วยฝูงชนเป็นอันมาก เดินกันเบียดเสียดยัดเยียด  พอทอดมองไปไกลๆ  เห็นแต่หัวคนขวักไขว่เต็มไปหมดจนสุดลูกหูลูกตา  หูได้ยินแต่เสียงดังจ้อกแจกจอแจดังเซ็งแซ่
ยามนี้ใกล้สิ้นปีเต็มที  ภาพคึกคักเช่นนี้จะได้เห็นกันไปอีกตลอดสามวันเต็ม ซึ่งยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมานานช้า
ร้านรวงทุกร้านตลอดสองฟากถนนเปิดประตูกว้าง   ซ้ำยังตั้งชั้นวางสินค้ามากมายเพิ่มบริเวณประตูเป็นการชั่วคราวอีกต่างหาก  โดยเอาสินค้าที่ดีที่สุดในร้านมาจัดวางเป็นแถวๆ เพื่อเตะตาลูกค้าทุกคนที่เดินผ่านไปมา  ประตูของทุกอาคารสถานที่ล้วนถูกขัดถูทำความสะอาด และถูกทาสีสดใสจนดูใหม่เอี่ยมอ่อง บางร้านก็พยายามดึงดูดสายตาลูกค้า โดยการแขวนโคมไฟสีแดงสดมีริ้วทองติดพู่ห้อยระย้าสีทองประดับตามเฉลียงทางเดิน  ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองให้ทวีขึ้นไปอีก
ร้านค้าปีใหม่

พร้อมกันนั้นก็มีบรรดาแผงลอยตั้งเรียงราย ขายกระดาษชุนเหลียนสีแดงสด (กระดาษคำกลอนคู่สำหรับเทศกาล ไว้ใช้ติดที่ฝั่งซ้ายและขวาของประตูหน้าบ้าน)  ฝูจื้อ(ตัวอักษรคำอวยพร)  หวู่ไช่เหนียนฮว่า (ภาพวาดปีใหม่ 5 สี ได้แก่ สีขาว ดำ แดง เหลือง น้ำเงิน) สะท้อนถึงบรรยกาศปีใหม่กันอย่างเต็มภาคภูมิ
กระดาษชุนเหลียน
กระดาษฝูจื้อ
ภาพวาดปีใหม่ห้าสี(หวู่ไช่เหนียนฮว่า)
ภาพเด็กทารกขี่ปลาหลี่หยู หรือปลาคาร์ฟ
นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้าเร่เข็นรถเข็นมาตั้งเรียงรายเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน  บางผู้ค้าเร่ก็เป็นเพียงร้านขายของแบกะดินเจ้าเล็กๆ  ซึ่งเป็นบรรดาชาวหมู่บ้านที่เอาผลผลิต จำพวก เป็ด ไก่ นก ผักและผลไม้ทุกชนิดมาวางขายกับพื้น ซึ่งต่างก็จับจองพื้นที่กันเต็มแทบทุกจุดของสองฟากข้างถนน  พลางตะโกนร้องเรียกลูกค้าไปด้วย  สินค้าต่างๆมีมากมายละลานตา มีครบทุกชนิดให้เลือกซื้อพร้อมสรรพ  ดูแล้วชวนให้ลายตายิ่งนัก  เพียงมองดูเฉยๆโดยยังมิได้ซื้ออันใด  ในใจก็พองฟูด้วยความตื่นเต้นยินดีมากแล้ว
เมื่อรถเกวียนเทียมลาจอดสนิท  ทุกคนจึงลงจากรถ
 “ช่างคึกคักจอแจเสียจริงๆ !  ไอ้หยา  ขนาดตาสองข้างของข้ายังมองไม่ทั่วเลย !”  อาสามกระพริบตาปริบๆ แล้วอุทานออกมา
ทุกคนต่างหัวเราะกันครืน
 “วันนี้พวกเราจะซื้ออะไรกันดีล่ะ  หนึ่งปีมีแบบนี้หนเดียวน๊า  มีอันใดอยากได้เป็นพิเศษก็อย่าได้เหนียม อย่าได้ลังเลล่ะ!”  เหลียนฟางโจวหัวเราะเอ่ยกับน้องๆอย่างใจปล้ำ
เหลียนฟางฉิง และเหลียนเช่อย่อมโห่ร้องดีใจไม่หยุด  อาสามหัวเราะคิกคักไปด้วยอีกคน
            จ้าวชื่ออดชำเลืองมองป้าจางไม่ได้  เห็นแม่สามีจูงหลี่จวน  ขณะกำลังหัวเราะมองดูเหลียนฟางโจวและน้องๆด้วยความเอ็นดู  แต่ไม่ได้เออออกับถ้อยคำของเหลียนฟางโจว  จ้าวซื่อจึงอดลอบผิดหวังแกมอิจฉาไม่ได้
            นางอยากจะปลีกตัวไปซื้อคนเดียวใจจะขาด  แต่ถึงอย่างไร แม่สามีนางคงไม่อนุญาตเป็นแน่
            เมื่อคิดใคร่ครวญอีกที สภาพความเป็นอยู่ปีนี้มันดีกว่าปีที่แล้วเทียบกันอย่างชนิดไม่เห็นฝุ่นมิใช่หรือ?  ได้แต่ซื้ออาภรณ์ดีๆสองชุด ดอกไม้ประดับผมสวยๆสองดอกแค่นั้นหรือ?  จะมองหาซื้อข้าวของอื่นๆอีกก็ทำมิได้แล้วหรืออย่างไร ?
เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นกระหายใคร่ลองของทุกคนแล้ว  พาให้เหลียนฟางโจวออกจะแตกตื่นขึ้นมาโดยพลัน  กลัวว่าคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลไม่หยุด จะเบียดเสียดแต่ละคนให้หลงทางกัน หญิงสาวจึงหันไปเอ่ยกับอาเจี่ยนด้วยรอยยิ้ม “อาเจี่ยน  รบกวนท่านช่วยข้าดูเช่อเอ๋อร์ กับอาเซ่อให้หน่อยสิ ข้าจะคอยเดินตามอาสามกับฉิงเอ๋อร์ไป  หากพวกเราคลาดกัน  อย่างไรเสียก็ให้มาเจอกันที่นี่นะ!”
“วางใจเถอะ มีข้าอยู่ด้วย พวกเขาไม่เป็นไรหรอก !”  อาเจี่ยนพยักหน้าแย้มยิ้ม
เหลียนเซ่อผู้มีใบหน้างอง้ำเหลือบขึ้นมองด้วยความไม่พอใจ “พี่ใหญ่...ข้าหาใช่เด็กอมมือนะ!  แถมนี่ยังมิใช่ครั้งแรกที่ข้าเข้าเมืองเสียด้วยซ้ำ!”
“จ้าๆ  เจ้ามิใช่เด็กน้อยแล้ว!” เหลียนฟางโจวหัวเราะขำ ซ้ำยังหันไปตกลงกับป้าจางในแบบเดียวกัน ในกรณีที่เกิดคลาดกันขึ้นมา
แต่ละคนเดินไปพลาง ชมดูสินค้ากันไปตลอดทาง  ทุกคนเริ่มเดินช้าลง  พอทอดมองไป  พวกป้าจางกับอาสามซื้อของไม่มากนัก แต่น้องๆหลียนฟางโจวกลับซื้อของกันยกใหญ่
ของกินนานาชนิดๆเป็นสิ่งแรกที่ขาดไม่ได้ ขนมน้ำตาลดอกกุ้ยฮวา ถั่วลิสง เมล็ดสน และเม็ดแตงโมอย่างละถุงใหญ่  พอๆกับขนมน้ำตาลงา เมล็ดซิ่งแห้ง (อัลมอนด์) องุ่นแห้ง พุทราแห้ง ลูกพลับแห้ง อีกทั้งผมไม้เชื่อมต่างๆ  ซ้ำยังมีส้มสีทอง  ลูกสาลี่อวบอิ่มที่ปลูกในท้องถิ่น  อ้อยและของกินเล่นอื่นๆที่ขนมาจากเมืองใกล้ๆ  ซึ่งนับว่าเป็นของกินที่หอบซื้อมาทั้งหมด
ผลไม้เชื่อมแห้ง
อีกประการหนึ่ง เพราะบ้านเธอต้องซื้อของมาเผื่อบรรดาข้าทาสทั้งหลายด้วย  เหลียนฟางโจวเองจึงซื้อของมามากมายไม่น้อยหน้า ลงท้ายคนทั้งบ้านก็ออกันอยู่ที่ร้านขายผลไม้  ตกลงกันว่าจะอยู่รอช่วยกันหิ้วของ
พอผ่านแผงขายเครื่องประทินผิว อาทิชาด ที่มีทั้งแบบน้ำและแบบผง ดอกไม้ผ้าทุกแบบ ปิ่นเงิน กำไลเงิน อีกทั้งเครื่องประดับหินสีต่างๆ  ทั้งหมดล้วนเป็นข้าวของที่บรรดาแม่นางน้อยทั้งหลายต่างชมชอบกันทั้งนั้น จึงทำให้การเดินซื้อของช้าลงไปอีก
ชาดแบบผงหรือน้ำ

ปิ่นเงิน
เหลียนฟางโจวเองมิได้ให้ความสนใจกับของพวกนี้มากมายนัก  จึงตรงเข้าไปดูแผงข้างๆที่ขายกระดาษชุนเหลียน และภาพวาดสำหรับเทศกาลปีใหม่  ขณะที่มองดูอยู่นั้น  พบว่าตัวอักษรที่เขียนบนกระดาษชุนเหลียนไม่เลวนัก  เมื่อแผ่ภาพวาดปีใหม่บนพื้นกระดาษสีแดงสดดู  ก็พบว่าเป็นภาพวาดปลาหลี่หยู (ปลาคาร์ฟ) ตัวใหญ่ที่ถูกกอดโดยเด็กทารกอ้วนจ้ำม่ำสวมตู้โตว (ชุดชั้นในที่ปิดหน้าอกและพุง) มีตัวอักษรเขียนว่าโชคดีมั่งมีศรีสุข  มีภาพวาดเด็กผู้ชายดึงดูดทรัพย์และโชคดี  ซ้ำยังมีภาพวาดไช่เฉินเย๋(เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง)ด้วย  จากนั้นก็มีภาพวาดเทพเจ้าอายุยืน หรือโช่วซิงเป็นรูปผู้เฒ่ายืนถือลูกท้อศักดิ์สิทธิ์มีนกกระยางยืนเคียงข้าง และที่มีให้เห็นดาษดื่นมากที่สุดเห็นจะเป็นภาพวาดเด็กทารกอวบอ้วนสุขภาพดีอีกหลากหลายรูปแบบจนจาระไนไม่หมด บ้างก็มัดผมแกละชี้ขึ้น แต้มจุดสีแดงสดกลางหว่างคิ้ว  สวมตู้โตว สวมกำไลข้อมือข้อเท้า และย่อมไม่ขาดกองเงินกองทองของมีค่า วางกองอยู่ข้างตัว ช่างดึงดูดสายตาผู้มองนัก
ภาพเทพแห่งอายุยืนและนกกระเรียน
เหลียนฟางโจวบังเกิดความคิดสว่างแวบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว  หญิงสาวนับจำนวนประตูที่บ้านและหมู่ตึกในใจเงียบๆ ผ่านไปชั่วอึดใจก็นับได้20บาน ซึ่งแต่ละบานมีสองข้าง  ใช้ภาพวาดปีใหม่มากกว่าสองโหล  พร้อมทั้งกระดาษคำอวยพรอีกราว 40-50 แผ่น
และยังมองหาเจี่ยนจื่อ(กระดาษฉลุลายสีแดงสด) อันอ่อนช้อยปราณีตพวกนั้นเพิ่มอีก ซึ่งมีทั้งลายบุปผาเบ่งบาน  ลายสมบูรณ์พูนสุขไปอีกหลายปี  ลายเงินทองเต็มคลัง ลายสามสุภาพชน ลายไม้มงคล  ลายเทพฝูลู่โช่ว(เทพฮกลกซิ่ว)  ลายเทพหลิวไห่ฉาน(เซียนพร้อมคางคกผู้ประทานเงินทอง เวลาเซียนก้าวเดิน เงินทองจะไหลจากปากคางคก) ลายสัตว์นักษัตรตามปีนั้นๆ  รูปทรงของกระดาษ นอกจากรูปวงกลมแล้ว  ก็ยังมีรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปคล้ายดอกกุ๋ยฮวา(ทานตะวัน)  เหลียนฟางโจวถูกลวดลายอันอ่อนช้อยปราณีตดึงดูดสายตาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหยิบขึ้นมาถือไว้เสียแทบทุกรูปแบบ ซ้ำยังตัดใจวางชิ้นใดไม่ลง
กระดาษเจียนจื่อลายบุปผาเบ่งบาน

กระดาษเจี่ยนจื่อลายเทพหลิวไห่ฉาน
แค่ชั่วเวลาสั้นๆ หญิงสาวหอบภาพวาดปีใหม่แบบละคู่มามากมายจนแทบล้นมือ เถ้าแก่เจ้าของแผงจับจ้องเธออยู่ก่อนนานแล้ว  เห็นหญิงสาวหอบกระดาษเต็มสองมือด้วยความชื่นชอบ  ไม่กล้าทิ้งใบไหนลงคล้ายรักพี่เสียดายน้อง  เถ้าแก่เลยยิ้มแฉ่งกุลีกุจอเข้ามาคุยด้วย “แม่นางช่างตาถึงจริงๆ กระดาษเจี่ยนจื่อทั้งหมดของข้านี้ล้วนเป็นของชั้นดีทั้งสิ้น !  แม่นางอยากให้ข้าลดราคาอย่างไรล่ะ?  เมื่อซื้อกลับไปแปะหน้าต่างเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล  ยิ่งแปะมาก ก็ยิ่งดูเพลิดเพลินเจริญตานัก !  แถมยังสามารถเอามาแปะต่อกันเป็นรูปแบบต่างๆได้อีกด้วยนะ !”
เหลียนฟางโจวถามเถ้าแก่ว่าราคาเท่าไร?
เถ้าแก่หัวเราะออกมาทันใด  รีบเอ่ยแย้มยิ้ม “ปกติราคาแต่ละชิ้น บางชิ้นก็ถูก บางชิ้นก็แพง  แม่นางเป็นลูกค้าใหญ่ หนำซ้ำยังชื่นชอบสินค้าข้าจริงๆ  ข้าเองก็หาใช่คนคิดเล็กคิดน้อยไม่ เช่นนั้นก็คิดราคาถูกที่สุด คิดไปชิ้นละ 3 อีแปะก็แล้วกัน !”
ราคานี้นับว่าไม่แพงจริงๆเสียด้วย  เหลียนฟางโจวยิ้มพราย เธอดีใจยิ่งนัก สั่งซื้อไปมากกว่า 30 ชิ้น
ลงท้ายก็จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 900 อีแปะ
เหลียนฟางโจวเห็นพวกอาสามยืนเลือกซื้อสินค้าอยู่แผงข้างๆเหมือนกัน  ที่ข้อมือเหลียนฟางฉิงสวมกำไลเงินคู่หนึ่งซึ่งห้อยกระดิ่งเล็กๆหลายอัน  หญิงสาวจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันนี้เอาใช่ไหม?  รีบหยิบขึ้นมาสิ จะได้ไปที่อื่นกันต่อ ดีหรือไม่?  อืม ไปแถวๆร้านขายผ้ากันดีกว่า จะได้ไปเลือกผ้าตัดชุดกัน!”
ทุกคนขานรับกันพร้อมเพรียง  พอเห็นเหลียนฟางโจวหอบของมาเต็มแขน ก็ทำตาโต
อาสามถึงกับร้องลั่น “โอ สวรรค์!   ทำไมซื้อมาเยอะแยะแบบนี้ จะเอาไปทำอันใดกัน?”

-------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ 

ต้องขออภัยที่ลงช้า พอดีเพิ่งหายป่วยค่ะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวน  ผู้อ่านรักษาสุขภาพด้วยนะคะ 

ป.ล. บทนี้ภาพเยอะไปหน่อยนะคะ คงไม่ว่ากัน  ^_^
  

13 ความคิดเห็น:

  1. ..ขอให้สุขภาพแข็งแรง..ไม่เจ็บไม่ป่วยอีกนะคะ
    ..ภาพประกอบสวยมาก บางทีอ่านไปก้อจินตนาการไม่ออก ....กระดาษฉลุลายนี่สวยจริงๆ ขอบคุณในความตั้งใจของผู้แปลมากๆค่ะ..

    ตอบลบ
  2. ไม่ว่ากันค่ะ ภาพประกอบสวยมาก

    ตอบลบ
  3. สวยมากกกกกกกก แปลดีมากคะ เหมือนหลุดไปตลาดกับอาเหลียนเลยคะ

    ตอบลบ
  4. มาช่วงปีใหม่เหมือนกันเลย

    ขอบคุณค่ะ หายไวๆนะคะ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วได้บรรยากาศของวันใกล้เทศกาลดีค่ะยิ่งมีรูปภาพประกอบอีกรู้สึกอินจริงๆ รักษาสุขภาพนะค่ะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณนะคะ และรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^^

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ ..ขอให้สุขภาพแข็งแรง..

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณคนแปลค้ะ ภาษาสวย อ่านเข้าใจว่าย มีรูปภาพประกอบช่วยให้เข้าใจง่าย เพิ่มอรรถรสในการอ่านได้อย่างดี จอบคุณมากๆ ค่ะ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณค่ะได้ภาพปลากรอบ เข้าใจขึ้นเยอะเลยค่ะ😊😊

    ตอบลบ
  10. ชอบภาพประกอบดูเป็นปีใหม่ที่คึกคักดีค่ะ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณค่ะภาพประกอบสวยมากเลยรู้สึกถึงความอรังการของปีใหม่จีนในยุคนั้นเลยค่ะ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณมากค่ะ
    ดูแลสุขภาพนะคะ
    ขอให้ผู้แปลมีความสุขใจ สุขกาย นับแต่วันนี้สืบไปนะคะ

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณค่ะ มีภาพทำให้เข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น
    รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

    ตอบลบ