วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

จับแม่ทัพไปไถนา - บทที่ 208 เจอคนสกุลหยางอีกแล้ว


ขณะนี้ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการเลือกแพรพรรณดีๆ อาสามช่วยเหลียนฟางโจวเลือกผ้าอีกสองสามพับ  ผ้าสีแดงดอกไห่ถังทอลายดอกหลันฮวา (ดอกกล้วยไม้) พับหนึ่ง  ผ้าสีขาวนวลทอลายดอกซี่เถิงฮวา (ดอกวิสเทอเรีย) พับหนึ่ง  ชุดผ้าป่านหนึ่งชุด ชุดผ้าไหมหนึ่งชุด เหลียนฟางโจวมองดูแล้ว ก็ไม่ว่ากล่าวอันใดด้วย ซ้ำยังเลือกผ้าสีฟ้าน้ำทะเลลายดอกไม้เล็กๆสีน้ำเงินเข้มให้ตนเองอีกหนึ่งพับ  ผ้าสีเขียวอมน้ำตาลเพิ่มความอ่อนหวานด้วยลายใบไผ่เขียวธรรมชาติตัดขอบใบด้วยสีเข้มให้อาเจี่ยนพับหนึ่ง
ผ้าสีนวลทอลายดอกซี่เถิงฮวา
ดอกซี่เถิงฮวา (วิสเทอเรีย)


จากนั้นก็สั่งซื้อแผ่นหนังสัตว์อีกหลายผืน  เป็นหนังกลับชนิดนิ่ม ให้ทุกๆคนไว้ทำรองเท้าหุ้มข้อยาว  และให้เหลียนเซ่อกับอาเจี่ยนไว้ทำสนับเข่าและถุงมืออีกด้วย
แผ่นหนังกลับชนิดนิ่ม

รองเท้าหุ้มข้อยาว
ครั้นแล้วจึงให้ทางร้านคิดเงินค่าแพรพรรณรวมทั้งค่าตัดชุดด้วย ซึ่งเป็นเงินทั้งสิ้น 23 ตำลึง
เหลียนฟางโจวจ่ายเงินก้อนใหญ่ด้วยความพึงพอใจ  พอถึงตอนนี้ทุกคนไปที่โถงใหญ่เพื่อวัดตัวตัดชุด ซ้ำเหลียนฟางโจวยังบอกขนาดตัวคร่าวๆของข้าทาสในปกครองไปด้วย แล้วตกลงกับทางร้านว่าจะมารับชุดที่สั่งตัดในอีกสี่วันให้หลัง
ป้าจาง จ้าวชื่อ และหลี่จวนซื้อผ้าให้คนทั้งครอบครัวหลายพับ  สตรีสามคนในครอบครัวล้วนตัดเย็บอาภรณ์เป็นกันทุกคน จึงมิได้ให้ร้านนี้ตัดชุดให้  เพียงซื้อเข็มและด้ายเพื่อเตรียมกลับไปตัดเย็บที่บ้านเท่านั้น
การถือข้าวของเหล่านี้ขณะเดินซื้อของไปด้วย หาใช่ความคิดที่ดี  ป้าจางจึงขอฝากบรรดาข้าวของที่ซื้อไว้กับทางร้านชั่วคราวก่อน แล้วค่อยมาขนกลับไปอีกครั้งตอนขากลับ
ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างชื่นมื่น พลางสาวเท้าตรงดิ่งออกจากร้าน  มิคาดว่าจะปะหน้ากับผู้เข้าร้านมาใหม่ราวสามถึงสี่คน  ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างชะงักกันไป
เมื่อสบเข้ากับดวงตาของหยางหวายชานที่ทอประกายยินดีแกมประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง  เหลียนฟางโจวรีบเบนหน้าหลบด้วยความรังเกียจ  พลางกู่ร้องในใจว่า นี่กระมังที่เขาเรียกว่าศัตรูคู่แค้นหนทางแสนแคบ(ยากจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับฝ่ายตรงข้าม)
ดวงตาของหยางหวายชานมีประกายเจ็บปวดรวดร้าวพาดผ่านวูบหนึ่ง  เป็นความเจ็บปวดร้าวที่ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งเลยทีเดียว
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางปรายตามองบุตรชายแวบหนึ่ง แล้วตวัดสายมองเหลียนฟางโจวอีกครา  จนกระทั่งสายตา เห็นป้าจางอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย จึงมิกล้าลงมือทำอะไรโจ่งแจ้งนัก  กระนั้นนางก็ถลาเข้ามาถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรง  พร้อมทั้งค้อนตาประหลับประเหลือกใส่เหลียนฟางโจว อย่างดูแคลนเต็มพิกัด  ครั้นแล้วถ้อยคำก่นด่าก็ตามมา  “ไม่มีบุรุษคนไหนอยากได้สตรีแพศยาไปเป็นภรรยาหรอก  คนอะไร ทำท่าทางชม้อยชม้ายชายตาให้คนเขาเห็นไปทั่ว !  เคราะห์ดีที่ดวงตาของข้าอีแก่คนนี้ไม่มืดบอด เลยรีบยกเลิกสัญญามั่นหมายเสียแต่เนิ่นๆ  บุตรชายข้าถึงได้รอดปากเหยี่ยวปากกา จนมาเห็นเจ้าทำตัวเสื่อมเสียให้เห็นตำตาเยี่ยงนี้ !”
น้ำเสียงของฮูหยินเฒ่าสกุลหยางนั้น ทั้งกระด้างทั้งบาดแหลมแสบแก้วหู ซ้ำยังแสดงความเป็นอริอย่างไม่ปิดบัง ขณะพ่นวาจาว่าร้าย ก็ถลึงตาใส่เหลียนฟางโจวไปด้วย  ราวกับกลัวคนไม่รู้ว่าสตรีที่นางกำลังกล่าวหาอยู่นั้นคือใคร
เหลียนเซ่อและคนอื่นๆต่างมองหน้ากัน
อาสามถลึงตาแทบถลนใส่ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยาง พลางตวาดเสียงแว๊ด “เจ้า..นังแก่น่าตาย มาพูดจาโสโครกแบบนี้ !  อย่าได้เจอะเจอกันไปตลอดชาติเลย !”
“ท่านแม่ หยุดพูดเถิด คนมองกันใหญ่แล้ว “  หยางหวายชานรีบกระตุกแขนเสื้อฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางเบาๆ พลางกระซิบเตือนมารดา
ฝ่ายหัวเสี่ยวฮวาเมื่อเห็นสามีแสดงออกเช่นนี้แล้ว ก็กัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าแต่เดิมทีซีดเซียวอยู่แล้ว เลยยิ่งซีดขาวเข้าไปใหญ่ ดวงตาหลุบต่ำมีประกายความแค้นเคืองวาบผ่าน
“ทุกคน มาดูอะไรนี่เร็ว ! นังแพศยานี่ช่างไร้ยางอายนัก ยั่วยวนลูกชายข้าไม่พอ ยังควงชายอื่นแถมเข้ามาอีก  คนอะไร ขาดผู้ชายไม่ได้เลยจริงๆ !  ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางพูดจีบปากจีบคอไปพลาง สายตาทั้งคู่นั้นก็เลื่อนมายังร่างอาเจี่ยน พลางแค่นเสียงเบาๆ
ไม่ช้าหญิงชราก็ปัดมือของหยางหวายชานออกทันใด  พลางขึงตาด้วยความชิงชังเพิ่มอีกหนึ่งส่วนใส่บุตรชาย ฐานทำตัวไม่ได้ดั่งใจ   บุตรชายทำตัวคล้ายว่าเขาไม่เห็นด้วยอย่างหนักที่นางด่าประนามเหลียนฟางโจว
 “เจ้าพูดเหลวไหลอันใดกัน !”  โทสะของเหลียนเซ่อปะทุขึ้น  เด็กหนุ่มหันขวับมาถลึงตาใส่ยายเฒ่าปากสว่าน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำด้วยความเดือดดาล
ตรงกันข้ามกับเหลียนฟางโจวและอาเจี่ยน ทั้งสองคนกลับดูเยือกเย็นนิ่งสงบจนน่าแปลกใจ  ในขณะที่อาเจี่ยนกระตุกแขนเสื้อของเหลียนเซ่อเบาๆเป็นนัยให้เขาหยุดต่อปากต่อคำ  เหลียนฟางโจวก็ลากตัวอาสามที่กำลังยืนต่อล้อต่อเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางออกมาทันควันด้วยเหมือนกัน
เหลียนฟางโจวยกยิ้มบาง  เหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยาง ด้วยสายตาที่ฉายแววไม่ถือสาและจนใจ  ซึ่งสายตานั้น  คล้ายดังผู้ใหญ่กำลังมองดูเด็กที่เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล
หญิงสาวกล่าวกับป้าจางด้วยน้ำเสียงเนิบช้า  “ท่านป้า  อย่าไปยุ่งเลย !”  กล่าวจบก็หันไปเอ่ยกับอาสามและเหลียนเซ่อ “พวกเราไปกันเถิด !”
 “อืม เด็กดี  เรื่องโคมลอยทั้งนั้น เจ้าเลิกใส่ใจเถิด !” ป้าจางพรูลมหายใจเบาๆ
“ก็เพราะเป็นเรื่องโคมลอยไง ข้าย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว !” เหลียนฟางโจวหัวเราะ
ขณะที่รอบๆตัวมีแต่เสียงผู้คนซุบซิบวิจารณ์กัน  กลุ่มของเหลียนฟางโจวก็พากันเดินออกไปจากร้าน
เสียงวิจารณ์ของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์เมื่อครู่ดังชัดเจน แต่มิได้เป็นทำนองพูดจาดูหมิ่นเหลียนฟางโจวอย่างที่ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางวาดหวังไม่ ตรงกันข้ามกับวิพากษ์วิจารณ์หญิงชราผู้นี้มากกว่า ซึ่งส่งผลให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางอับอายและเจ็บแค้นยิ่งนัก  นางได้แต่ถลึงตาไล่หลังเหลียนฟางโจวด้วยความชิงชัง ใบหน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาวสลับไปมา
ทันใดนั้น  จู่ๆฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยาง ไม่รู้ว่าโดนอะไรเล็กๆจากที่ไหนไม่รู้ชนเข้าที่เข่า ทำให้นางเซไปวูบหนึ่ง จึงรีบหันขวับไปมองข้างตัว เห็นชายวัยกลางคนผิวขาวสวมเสื้อคลุมยาวลายแจกันคาดสายรัดสีน้ำตาล ล้มคะมำเข้ามาหา
มองแวบแรกดูเผินๆ คล้ายนางโดนลวนลาม ถูกชายผู้นั้นจงใจดึงตัวเข้าไปกอด
“ว้าย” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ “ว๊าก” ในขณะที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจด้วยเหมือนกัน
“นังแก่ไฝ่ต่ำไร้ยางอาย เจ้าคิดจะทำอะไรกันเนี่ย!”   ฟู่เหริน (สตรีที่ออกเรือนแล้ว) ซึ่งอยู่ข้างๆชายวัยกลางคนผู้นั้น ตวาดแว๊ดขึ้นมาอย่างเหลืออด  ท่าทางดูแคลนและแสดงความเป็นอริอย่างไม่ลดราวาศอก นางผลักฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางคราหนึ่งด้วยความโมโหฉุนเฉียว แล้วชี้หน้าพลางก่นด่าด้วยความเดือดดาล “เจ้ามาโถมตัวใส่สามีข้าทำอะไร!  แก่จนปูนนี้แล้ว ไยยังทำตัวน่าอายเยี่ยงนี้อีก !
ทุกคนแถวนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว ครั้นแล้วก็หัวเราะฮาลั่นขึ้นมาพร้อมกัน
ชายวัยกลางคนผู้นั้นให้ขัดเคืองใจนัก สะบัดแขนเสื้อเบี่ยงตัวหนีออกมาด้านข้างด้วยความรังเกียจ
ต่อหน้าคนเป็นอันมาก  รวมทั้งบุตรชาย ลูกสะใภ้ และบุตรสาวอีก ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางขึ้นสีแดงก่ำเป็นสีตับหมูไปแล้ว หญิงชราด่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าผู้ชายของเจ้าเดินมาชนข้าเอง  เจ้ายังมีหน้ามากล่าวหาแม่เฒ่าอย่างข้าว่าไฝ่ต่ำเรอะ !”
เมื่อชายกลางคนผู้นั้นได้ยินวาจานั้นแล้ว ก็เหลือบตาขึ้นมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ  เกิดอาการจุกแน่นหายใจไม่ออก  ชายวัยกลางคนถ่มน้ำลายพลางก่นด่า “เพ้ย..กับเจ้านี่นะ? มามาแก่ๆที่จวนข้ายังดูดีกว่าเจ้าเลย !  น้ำหน้าอย่างเจ้ามีอะไรให้คนอยากได้นักหรอ?  แถมเงินให้ด้วยยังไม่มีใครเอาเลยด้วยซ้ำ !”
ทุกคนที่ยืนมุงดูอยู่ระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่น
“ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า !”  ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางโกรธนักที่ถูกทำให้ขายหน้า  จึงส่งเสียงกรีดร้องกระโจนเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม....
อนิจจา...เพียงพริบตาเดียวมีแต่เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังอื้ออึงในร้านขายแพรพรรณนั่น
ขณะเดินไปไม่ไกลจากร้านนั่นเท่าไรนัก เหลียนฟางโจว และคนอื่นๆในคณะต่างหยุดปลายเท้าลงพร้อมกัน  ยามได้ยินฮูหยินเฒ่าสกุลหยางและชายวัยกลางคน ต่างคนต่างร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ คนทั้งกลุ่มจึงเหลียวหลังกลับไปดูอย่างสนใจใคร่รู้
พวกน้องๆและอาสามพากันตาลุกวาว ระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า แถมหัวเราะยินดีในความหายนะของผู้อื่น ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยความสะใจ “กรรมตามสนองทันตาเห็นจริงๆ สมควรโดนซะบ้าง !”
“ฮูหยินผู้เฒ่าแก่จนจะเข้าโลงอยู่แล้ว ยังทำตัวไร้ยางอายได้ปานนี้  คนสกุลหยางตั้งแต่เด็กยันคนแก่ หาดีไม่ได้เลยสักคน !  ฟางโจว มิต้องไปใส่ใจถ้อยคำพวกนั้นหรอก มันเป็นถ้อยคำของคนวิกลจริตชัดๆ!” จ้าวชื่อปรายตามอง แถมยิ้มเยาะอีกต่างหาก
เหลียนฟางโจวเหลือบมองอาเจี่ยนแวบหนึ่ง แล้วจึงคลี่ยิ้มพยักหน้าขึ้นคราหนึ่ง  พลางเอ่ยตอบจ้าวซื่อ “ข้าย่อมไม่นำคำกล่าวร้ายเช่นนี้มาใส่ใจอยู่แล้ว พวกเราเดินกันต่อเถิด!”
ทุกคนต่างพูดคุยหัวเราะกัน โดยไม่สนใจเสียงทะเลาะโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่เบื้องหลังอีก พากันหมุนตัวกลับ แล้วสาวเท้าออกเดินกันต่อ
เหลียนฟางโจวผ่อนฝีเท้าลง  จนตามหลังทุกคนอยู่ครึ่งก้าวโดยไม่มีใครได้ทันรู้ตัว เธอรั้งตัวอาเจี่ยนเบาๆ  แล้วกระซิบถาม “เรื่องเมื่อกี๊เป็นฝีมือท่านใช่หรือไม่
มิคาดว่าอาเจี่ยนจะไม่หลบเลี่ยง  ซ้ำยังพยักหน้ายอมรับอย่างหน้าตาเฉย “ฮูหยินเฒ่าผู้นั้นปากร้ายเกินทน ให้นางขายหน้าเสียบ้าง ก็ดีเหมือนกัน !”  ชายหนุ่มเงยหน้า พลางเลิกคิ้วเข้มดำพาดเฉียงขึ้น แล้วจึงคลี่ยิ้มถามกลับบ้าง “จะว่าข้าทำไม่ถูกรึ ?”
“มิใช่อย่างนั้น !” เหลียนฟางโจวส่ายหน้ายิ้มๆ  แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ทำได้ยอดเยี่ยมมากต่างหาก !  ขอบคุณมากนะ  อาเจี่ยน !”
ทั้งสองมองหน้ากันครู่หนึ่ง ครั้นแล้วจึงก้มหน้า แล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
ทุกๆคนในคณะผลุบหายเข้าไปในย่านขายของกินนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ เป็ดไก่นกทั้งหลาย  เนื่องจากข้าวของที่ทั้งสองครอบครัวหมายใจจะซื้อนั้น ไม่เหมือนกันเลย  พวกเขาจึงแยกกันซื้อโดยนัดกันไว้ว่า จะไปเจอกันอีกทีตรงทางออก
เหลียนฟางโจวให้อาเจี่ยนแยกไปซื้อของกับเหลียนเซ่อและเหลียนเช่อ  อันได้แก่ ประทัด สุรา ซึ่งเป็นของที่ไว้ใช้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ  แน่นอนยังมีหมูสามชั้นชิ้นสี่เหลี่ยมก้อนใหญ่ๆ  กระดูกหมูท่อนใหญ่  รวมทั้งขาหมูคู่หนึ่ง หน่อไม้ ฟองเต้าหู้ ปลาแห้ง เมล็ดงา และกานฮั่ว (ของแห้ง)
ส่วนเธอ อาสาม และเหลียนฟางฉิง จะไปซื้อของทุกชนิดที่ไว้ทำกับข้าวกินตอนฉลองเทศกาลตงซื่อเสี่ยวเหนียนตามประเพณี  อันได้แก่ ปลาหลี่หยูตัวใหญ่สองตัว และไก่เป็นๆสี่ตัว
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปซื้อของตามที่ได้รับมอบหมายโดยมิชักช้า
----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมมเมนต์ การติดตาม และคำอวยพรด้วยนะคะ
มาลงเร็วหน่อยเป็นของขวัญวันคริสต์มาสค่ะ  Merry  Christmas ค่ะ ^_^

13 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณคะ สนุกมากมาย

    ตอบลบ
  2. สนุกสนานค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  3. เป็นของขวัญทีพอใจมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. สุขสันต์วันคริสมาสค่ะไรท์ขอให้สุขภาพดีแข็งแรงมีแต่ความสุขนะคะ❤

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณค่ะ สุขสันต์วันคริสมาสและปีใหม่ล่วงหน้านะค่ะ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากค่า เมอรี่คริสมาส

    ตอบลบ
  7. Merry Christmas ค่ะ
    มีความสุขมาก ๆ ทุก ๆ วันนะคะ

    ตอบลบ
  8. Happy New year ค่ะ มีความสุข สุขภาพแข็งแรง สมปรารถนาในทุกสิ่งที่ต้องการนะคะ

    ตอบลบ